ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 412 แบ่งเมล็ดบัว
บทที่ 412 แบ่งเมล็ดบัว
แมวสีส้มตัวแข็งทื่อทันใดและยังคงอยู่ในท่าโก่งตัวเช่นเดิม มันตัวแข็งอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งแล้วจู่ๆ ก็ส่งเสียงกรีดร้องน่าสะพรึงออกมา
รูม่านตาของมันข้างหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทและถูกย้อมด้วยสีแดงทองบริสุทธิ์ ทั้งดูราวกับปีศาจ แต่ก็เหมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เสียงร้องน่าสะพรึงของแมวส้มทั้งสั่นสะท้านและแหบแห้ง แขนขาของมันสะบัดไปรอบๆ ราวกับได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส
สวี่ชีอันไม่รอช้าอีกต่อไป เขาดีดนิ้วออกมาแล้วนำวิญญาณของเฉาชิงหยางเข้าสู่หว่างคิ้ว จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้กับแมวส้ม
นักพรตหญิงไป๋เหลียนขวางเขาเอาไว้แล้วมองศิษย์โดยรอบพลางเอ่ยเสียงดุ “อย่ามัวแต่ตะลึง รีบจบค่ายกลนี้แล้วส่งบุญกุศลเสีย”
ขณะที่นางกล่าวก็โยนเชือกเส้นเล็กที่ทำจากด้ายสีทองไปมัดแมวส้มจนแน่น
เสียงกรีดร้องของแมวส้มน่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม
เหล่าศิษย์ของพรรคฟ้าดินราวกับสะดุ้งตื่นจากฝัน พวกเขาพุ่งเข้าไปล้อมแมวส้มไว้ตรงกลาง นิ้วมือบีบเป็นกระบวนท่าวัชระออกมา ขณะที่ปากเอ่ยพึมพำคาถา
“ดีร้ายไร้ประตู มีแต่ผู้คนทำตัวเอง ดีชั่วเคืองแค้น ตามติดเสมือนเงา คือเทพผู้ดูแลโลกาฟ้าดิน…”
เสียงที่ตอนแรกดังสะเปะสะปะก็ค่อยๆ พร้อมเพรียงกันขึ้นมาแล้วรวมเสียงเดียวกัน เมื่อผ่านไปพักหนึ่ง ตลอดทั้งฟ้าดินก็ราวกับมีเพียงเสียงท่องคาถาเหล่านี้
สวี่ชีอันมองเห็นชัดว่าที่หว่างคิ้วของศิษย์พรรคฟ้าดินมีแสงสีทองราวกับรุ่งอรุณแผ่ออกมาจางๆ มันนุ่มนวลราวกับฝนในฤดูใบไม้ผลิที่โปรยปรายไปยังแมวสีส้ม
แสงสีทองที่ตาซ้ายของแมวส้มลุกโชนจนบดบังสีดำมืดในตาด้านขวา มันหยุดดิ้นรนกรีดร้อง ก่อนนอนอยู่บนพื้นเงียบๆ อย่างนิ่งสงบ
อีกด้านหนึ่ง เฉาชิงหยางที่เพิ่งฟื้นคืนสติก็ได้ยินเสียงท่องคาถาอันหนักหน่วง เขามองไปรอบๆ อย่างงุนงง จากนั้นก็หันมามองทุกคนในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์
“เกิดอะไรขึ้น ข้าจำได้ว่าสุดท้ายข้าแพ้ให้กับผู้นำเต๋านิกายมนุษย์จนวิญญาณแตกซ่าน”
เขาแยกไม่ออกในทันทีว่าสิ่งที่ตนประสบก่อนหน้านี้เป็นภาพลวงตาหรือความจริง
เมื่อเห็นเขาฟื้นขึ้นมา ทุกคนในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ก็ราวกับปลดภาระหนักได้
ผู้ดูแลหอหมื่นบุปผาพลันเอ่ยว่า “เฉาเหมิงจู่ คุณชายสวี่ช่วยเหลือท่านไว้เจ้าค่ะ”
“ราชครูเพียงแค่นำดวงวิญญาณของท่านออกไปเท่านั้น เมื่อครู่คุณชายสวี่ได้นำวิญญาณของท่านกลับมาให้แล้ว”
หยางชุยเสวี่ยและคนอื่นๆ พากันอธิบายให้ฟัง น้ำเสียงต่างพูดเป็นนัยว่า ‘การร้องขอ’ ของฆ้องเงินสวี่นั้นมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง จึงได้ทำให้ราชครูยอมปล่อยเขาและไม่มีสังหารจนดับสูญ
ใบหน้าของคนในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ล้วนประดับรอยยิ้มเอาไว้ สายตาที่มองไปยังสวี่ชีอันล้วนเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและยอมรับ
แม้ว่าจะไม่สามารถชิงเมล็ดบัวมาอยู่ในมือได้ แต่หากไม่สู้ก็ไม่รู้จัก กลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ได้สร้างมิตรภาพกับฆ้องเงินสวี่แล้ว และสำหรับคนที่แอบเคารพชื่นชมสวี่ชีอันนั้น ตอนนี้ในใจของพวกเขาต่างก็ตื่นเต้นเร่าร้อน
เฉาชิงหยางพยักหน้าช้าๆ เขาหันไปมองสวี่ชีอันด้วยท่าทางน่าเกรงขามก่อนประกบหมัดแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณฆ้องเงินสวี่ที่ยื่นมือช่วยเหลือ”
สวี่ชีอันคำนับกลับ “เฉาเหมิงจู่พูดเกินไป ข้าต่างหากที่สมควรขอบคุณเฉาเหมิงจู่”
เขาเงียบไปพักหนึ่งก็เอ่ยเสียงขรึมออกมา “ข้าเห็นว่าเฉาเหมิงจู่มิใช่ผู้ที่ที่โลภมาก แล้วเหตุใดถึงมาแย่งชิงดอกบัวเก้าสีด้วยเล่า”
เฉาชิงหยางไม่ได้ตอบ เขาเพียงเอ่ยเสียงเรียบ “คืนนี้ข้าแซ่เฉาจะจัดงานเลี้ยงที่ภูเขาเฉวี่ยนหรง หวังว่าฆ้องเงินสวี่จะให้เกียรติมา”
นั่นหมายความว่าเขาไม่สะดวกจะบอก…เฉาชิงหยางต้องการผูกมิตรกับข้า และต้องการสานความสัมพันธ์ไปอีกขั้นแทน…สวี่ชีอันพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ได้ จริงสิ ขอให้เหมิงจู่โปรดให้คนจากยุทธภพรอบๆ ออกไปได้หรือไม่”
เมื่อเห็นเขาตอบตกลง สีหน้าของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที
เฉาชิงหยางพยักหน้า “ข้าให้คนส่วนหนึ่งรั้งอยู่รอบนอกของคฤหาสน์ภูเขา เพื่อปกป้องไม่ให้นักพรตนิกายปฐพีมาฉวยโอกาส”
หากอาศัยแค่พลังต่อสู้ของพรรคฟ้าดินล่ะก็ และถ้านิกายปฐพีและสายลับไหวอ๋องกลับมา เกรงว่าคงยากจะต้านทาน
เฉาเหมิงจู่สมกับเป็นเจ้ายุทธภพ เขามีประสบการณ์มากมาย ทั้งยังรอบคอบไร้ช่องโหว่…สวี่ชีอันกอบมือ “ขอบคุณมาก”
เมื่อคนจากกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ถอยออกจากคฤหาสน์เยวี่ยจือแล้ว พวกสวี่ชีอันก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แต่ไม่นาน เสียงท่องคาถาของเหล่าศิษย์ของพรรคฟ้าดินก็เริ่มอ่อนกำลังลงและเงียบหายไป
‘เฮ้อ…’
เสียงถอนหายใจดังขึ้นทั่วบริเวณ ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้อันดุเดือด พวกศิษย์ทั้งหลายต่างพากันเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากไม่ได้หยุด
แมวสีส้มยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ
สวี่ชีอันมองไปที่แมวส้มพลางเดินเข้าไปใกล้นักพรตหญิงไป๋เหลียนแล้วเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
คนนอกอย่างฉู่หยวนเจิ่นและหนานกงเชี่ยนโหรวต่างก็มองมาอย่างสงสัย
“จิตเทพของศิษย์พี่จินเหลียนพัวพันอยู่กับเฮยเหลียน ยากจะตัดสินผลแพ้ชนะได้ในตอนนี้ เมื่อครู่พวกเราได้มอบบุญกุศลให้กับศิษย์พี่จินเหลียนเพื่อช่วยเขาสยบจิตมารของเฮยเหลียนน่ะ”
นักพรตหญิงไป๋เหลียนอธิบาย “เรื่องนี้เป็นแผนการที่จัดวางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว”
สวี่ชีอันเอ่ยอย่างสงสัย “นักบวชเต๋าจินเหลียนพัวพันกับจิตมารของผู้นำเต๋านิกายปฐพีได้ด้วยหรือ”
ในใจเขาบอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย ร่างอวตารของผู้นำเต๋านิกายปฐพีอยู่ขั้นสาม นักบวชเต๋าจินเหลียนค้างอยู่ที่ขั้นสี่ ไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งสู่ขั้นสามได้ แล้วเขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร
“ศิษย์พี่ใช้วิชาลับของนิกายปฐพีน่ะ” นักพรตหญิงไป๋เหลียนอธิบายโดยที่ยังคงสีหน้ายิ้มแย้ม
สวี่ชีอันพยักหน้ารับคำอธิบายเช่นนี้ไว้
ดังนั้น นักบวชเต๋าจินเหลียนก็มีแผนการต่อกรกับร่างอวตารของผู้นำเต๋านิกายปฐพีแล้วสินะ ภารกิจของผู้ครอบครองเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีคือการรับมือกับกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์และคนอื่นๆ ไม่สิ ในสายตาของนักบวชเต๋าจินเหลียน หลี่เมี่ยวเจินและฉู่หยวนเจิ่นเป็นแค่ส่วนที่เพิ่มมาเท่านั้น คนที่เขามุ่งเน้นน่ะ จริงๆ คือข้า…
นักพรตหญิงไป๋เหลียนขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “เมื่อครู่ พวกเขาคิดจะแย่งชิงกายเนื้อของเฉาชิงหยางกัน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ ก็เปลี่ยนความตั้งใจไปแย่งชิงแมวตัวหนึ่งแทน”
เหล่าลูกศิษย์ของพรรคฟ้าดินก็สงสัยเช่นกัน
เพราะเหตุใด? อาจเพราะเขามีความรักต่อแมวอย่าลึกซึ้งกระมัง…สวี่ชีอันยักไหล่ แสร้งทำเป็นว่าตนไม่รู้
ตอนนี้เอง หางแมวก็ขยับเบาๆ ราวกับฟื้นคืนสติแล้ว มันค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาสีดำและทองกวาดมองทุกคน
“ข้าเอง!”
แมวส้มเอ่ยภาษามนุษย์ออกมา เป็นเสียงอันแหบแห้งของนักบวชเต๋าจินเหลียน
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นพากันถอนหายใจ
“ข้าสะกดมันเอาไว้ได้ชั่วครู่ อืม ตอนนี้ดอกบัวเก้าสีเป็นอย่างไรบ้าง” นักบวชเต๋าจินเหลียนอดรนทนไม่ไหว
“อยู่กับข้า” หลี่เมี่ยวเจินกล่าว
แมวสีส้มพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดเสียงอ่อน “มอบเมล็ดบัวและรากบัวให้ไป๋เหลียน ศิษย์น้องไป๋เหลียน เราจะไปยังที่ซ่อนต่อไป”
ตอนนี้เอง ตาขวาสีดำสนิทของแมวส้มก็พลันสว่างวาบขึ้นมา
‘ฟ่อ’…
แมวส้มแยกเขี้ยวแล้วพุ่งเข้าหานักพรตไป๋เหลียน เสียงเยือกเย็นร้ายกาจดังออกมาจากภายในร่างของมัน “ศิษย์น้องไป๋เหลียน ตามข้ากลับไปบำเพ็ญคู่ที่นิกายปฐพีซะ”
‘ป้าบ!’
สวี่ชีอันโบกฝักดาบฟาดจนแมวส้มล้มลงกับพื้น
‘ฟ่อ ฟ่อ…’
แมวส้มดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง แววตาสีทองที่ข้างซ้ายของมันก็สว่างขึ้นและฟื้นคืนสติในทันใด มันนั่งลงอย่างงามสง่าแล้วกระแอมไอว่า
“ถึงข้าจะสยบเขาได้ แต่บางครั้งเขาก็เข้าครองร่างได้เช่นกัน ศิษย์น้องไป๋เหลียน เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลย”
หน้าผากราบเรียบของนักพรตหญิงไป๋เหลียนเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำ ผิวหน้าสั่นกระตุกแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ฉานอี ไล่แม่แมวทุกตัวที่อยู่ในคฤหาสน์ออกไปเสีย”
นักบวชเต๋าจินเหลียนยกอุ้งเท้าข้างหนึ่งขึ้นแล้วตบพื้นแรงๆ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “มะ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้…”
นักพรตหญิงไป๋เหลียนเอ่ยเสียงอ่อน “ศิษย์พี่จินเหลียนย่อมไม่ทำเรื่อบัดสีบัดเถลิงที่ผิดต่อศีลธรรมอยู่แล้ว แต่พวกเราต้องป้องกันเต๋ามารเฮยเหลียน เขาตกสู่ทางมารแล้ว เรื่องอะไรก็ย่อมทำได้หมด”
นางกำลังรักษาเกียรติของนักบวชเต๋าจินเหลียนจริงหรือ…สวี่ชีอันหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
พอเขาหลุดหัวเราะออกมาคนแรก ทันใดนั้น…
‘คิก!’
‘คิก!’
‘คิก’…
ฉู่หยวนเจิ่น หลี่เมี่ยวเจิน และลี่น่าก็กลั้นไม่อยู่แล้วหลุดหัวเราะตามๆ กัน
พวกศิษย์ของพรรคฟ้าดินทั้งปวดใจทั้งอยากหัวเราะ สีหน้าจึงแปลกพิกล
“จริงสินักบวชเต๋าจินเหลียน มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะปรึกษาท่าน” สวี่ชีอันมองไปยังหลี่เมี่ยวเจิน และแสดงท่าทางให้นางนำดอกบัวเก้าสีออกมา
เทพธิดาแห่งนิกายสวรรค์นำเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมาแล้วบิดหลังกระจกเล็กน้อย จากนั้นรากบัวสีทองหม่นสองอันที่มีขนาดใหญ่และเล็ก รวมถึงฝักบัวก็ร่วงหล่นลงมา
“ท่านนักพรต รากบัวถูกตัดออกนิดหน่อย” สวี่ชีอันกล่าว
“ไม่มีปัญหา” แมวส้มเหลือบมอง “อุ่นสักสิบกว่าปีเดี๋ยวมันก็ฟื้นฟูได้เอง”
สวี่ชีอันกล่าวต่อ “รากบัวอันเล็กนี่…ให้ข้าได้หรือไม่”
“เจ้าจะเอามันไปหลอมยาหรือ” แมวสีส้มถามกลับ
เอ่อ น้องภรรยาบอกให้ข้าเอาไปน่ะ…สวี่ชีอันครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “มีคนขอมา”
เขาลอบส่งสัญญาณให้อย่างบ้าคลั่ง
แมวส้มพยักหน้าอย่างงุนงง “รากบัวออกจากรากหลักจะเหี่ยวเฉาหลังจากผ่านไปสิบสองชั่วยาม และจะเสียพลังชีวิตไปหลังจากยี่สิบสี่ชั่วยาม ในช่วงเวลานี้สามารถนำไปทำยาได้”
นักพรตใจกว้างยิ่งนัก ข้ายังคิดว่าภารกิจนี้จะยากเสียอีก…สวี่ชีอันคิดว่าหลังจากกลับไปเมืองหลวง เขาสามารถสื่อสารกับราชครูได้ จึงรู้สึกผ่อนคลายแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า
“เอาไปปลูกไม่ได้หรือ”
แมวส้มหัวเราะร่า “นิกายปฐพีสืบทอดกันมาหลายพันปี แต่รากบัวมีแค่ท่อนเดียว เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”
ก็จริง ถ้านำมาปลูกได้ ก็คงเพาะพันธุ์กันทั่วไปแล้ว สาเหตุที่สมบัติแห่งฟ้าดินถูกเรียกว่าสมบัติแห่งฟ้าดินนั้น เหตุผลหลักๆ ของมันก็คือความหายากนั่นเอง สวี่ชีอันส่งเสียง ‘อืม’ แล้วก้มลงไปเก็บรากบัว
‘ฟ่อ’…
ทันทีที่เขาก้มตัวลงมา เขาก็ได้ยินเสียงแมวสีส้มคำรามอยู่ข้างหู เขาจึงยื่นมือออกไปกดมันตามสัญชาตญาณโดยไม่แม้แต่จะคิด
หัวของแมวสีส้มถูกกดลงกับพื้น กรงเล็บสองข้างข่วนแขนของเขาอย่างแรงและได้ยินเสียงสาปส่งของเฮยเหลียนดังออกมาจากปากแมว “รากบัวเป็นสมบัติของนิกายปฐพี ไม่ให้เอาไป ไม่ให้เอาไป…”
ผู้นำเต๋านิกายปฐพีน่ารักมากนะเนี่ย! สวี่ชีอันตบมันกระเด็นด้วยฝ่ามือเดียว
แมวส้มกลิ้งตลบเบาๆ จากนั้นมันก็ผ่อนแรงแล้วเปลี่ยนเป้าหมาย หางของมันตั้งขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาชิวฉานอี “แม่นางน้อยงามไม่หยอก รีบกลับภูเขาไปบำเพ็ญคู่กับข้าเร็ว”
ชิวฉานอีกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วเตะแมวส้มกระเด็น
ดูเหมือนว่าพลังภายในร่างของมันจะอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างสมดุล ไม่อาจแสดงวิถีแห่งสวรรค์ออกมาได้ ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรจากแมวทั่วไป…
จู่ๆ ข้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงพูดว่าหมื่นความชั่วโลกีย์เป็นหนึ่ง…พอเห็นแมวส้มที่พยายามเข้าใกล้ชิวฉานอีและคิดจะปลดปล่อยอย่างบ้าคลั่งต่อนางเช่นนั้น ในใจของสวี่ชีอันก็บังเกิดความเข้าใจเช่นนี้ขึ้นมา
ไม่ใช่แค่ผู้นำเต๋านิกายปฐพีเท่านั้น แต่เต๋ามารที่ตกสู่ทางมารคนอื่นๆ ก็มักจะสนใจแต่เรื่องสิบแปดบวกอยู่เสมอ เมื่อมองจากจุดนี้ ความชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ก็คือ ‘กามารมณ์’ นี่เอง
แมวส้มที่เอาแต่พุ่งเข้าใส่พลันหยุดชะงัก แล้วหันมองหน้าทุกคนด้วยท่าทางงงงวย จากนั้นมันก็แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “แบ่งเมล็ดบัวเถอะ”
ท่านนักพรต เปลี่ยนหัวข้อได้แข็งทื่อเกินไปแล้ว…สวี่ชีอันแอบอายแทน
ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ สวี่ชีอันจะได้สองเมล็ด หลี่เมี่ยวเจิน ฉู่หยวนเจิ่น ลี่น่า เหิงหย่วน และหนานกงเชี่ยนโหรวได้คนละเมล็ด
นิ้วมือเรียวยาวสีขาวหยกของนักพรตหญิงไป๋เหลียนลอกฝักบัวสีทองหม่นออกแล้วแบ่งให้กับทุกคน จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า
“หากต้องการสิ่งของ ให้ลอกเมล็ดบัวออกแล้วใส่ลงในกล่องหยกพร้อมกับสิ่งของนั้นเป็นเวลาสามชั่วยาม หากตระหนักรู้แจ้งแล้วก็ให้กลืนลงไปเลย”
“ขอบคุณ!”
เหล่าผู้ครอบครองเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีกอบหมัดคำนับแทนคำขอบคุณ
นักพรตหญิงไป๋เหลียนหันไปมองสวี่ชีอันแล้วเอ่ยเสียงอ่อน “คุณชายสวี่ ท่านตามข้ามา ข้ามีเรื่องที่ต้องการพูดกับท่านเพียงลำพัง”
ทั้งสองเดินเคียงข้างกัน เมื่อมาถึงสถานที่เงียบๆ ไม่มีคน นักพรตหญิงไป๋เหลียนก็หยิบกระจกหยกออกมาจากในแขนเสื้อแล้วเอ่ยว่า
“นี่คือสิ่งที่ศิษย์พี่จินเหลียนมอบให้ข้าเก็บรักษา เขาเดาว่าตนคงเจอกับปัญหาหลังจากจบศึกแล้ว จึงนำมามอบให้ข้า แล้วกำชับข้าให้ส่งมอบให้ท่านหลังจบเรื่อง”
สวี่ชีอันรีบรับเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีมา เขากวาดตามองหน้ากระจก เห็นว่าตำแหน่งของลวดลายอักขระไม่ได้เปลี่ยนไป นี่หมายความว่าไม่มีใครไปแตะต้องวัตถุสีขาวเหลืองข้างในนั้นมาก่อน เขาก็โล่งใจ
หลังจากทั้งคู่กลับเข้ามา นักพรตหญิงไป๋เหลียนก็เรียกศิษย์พรรคฟ้าดินให้นำกายเนื้อของนักบวชเต๋าจินเหลียนมาและเตรียมตัวเดินทางออกจากเจี้ยนโจว เพื่อไปยังฐานที่มั่นต่อไป
เจี้ยนโจวไม่อาจอยู่ต่อได้แล้ว โชคดีที่กระต่ายยังขุดโพรงไว้สามแห่ง พรรคฟ้าดินจึงยังมีฐานที่มั่นอื่นๆ อีก
“พี่ฉู่ เมี่ยวเจิน ไต้ซือเหิงหย่วน…พวกเจ้าไปส่งพวกเขาหน่อยเถอะ” สวี่ชีอันมองไปยังหลี่เมี่ยวเจินและคนอื่นๆ
ศิษย์ผู้โดดเด่นแห่งสองสำนักสวรรค์และมนุษย์พยักหน้าให้
“คุณชายสวี่”
เสียงของหญิงสาวราวกับกระดิ่งลมใต้ชายคาดังขึ้น ชิวฉานอียืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทีงดงาม ใบหน้าของนางแดงก่ำพลางยัดถุงหอมใส่มือของสวี่ชีอัน
ทุกคนมีปฏิกิริยาต่อฉากนี้แตกต่างกัน
ศิษย์ของพรรคฟ้าดินมองด้วยรอยยิ้ม บางคนถึงขั้นโห่ร้อง อีกอย่างนิกายปฐพีก็ไม่ได้ห้ามการแต่งงาน
หลี่เมี่ยวเจินขมวดคิ้ว
ฉู่หยวนเจิ่นยิ้มโดยไม่พูดอะไร
เหิงหย่วนและลี่น่าไม่มีความเห็น
หนานกงเชี่ยนโหรวยิ้มเย็น เขามักจะใช้รอยยิ้มเย็นเช่นนี้มาปฏิบัติต่อเรื่องที่เขาหยามหยันไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นคนเจ้าชู้ประตูดินสามารถหว่านเสน่ห์ใส่หญิงสาวบริสุทธิ์คนหนึ่งได้อีกแล้ว
ความรู้สึกของสาวน้อยนั้นชัดเจน…สวี่ชีอันเก็บถุงหอมอย่างยินดี ดีใจที่ปลาในบ่อของตนมีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัว
“เจ้าดูมีความสุขนะ”
ทันใดนั้น เขาได้รับการเสียงทางจิตมาจากหลี่เมี่ยวเจิน
“ได้เพื่อนใหม่ย่อมมีความสุขแน่นอน ต่อไปเมื่อเข้าสู่ยุทธภพ คนเหล่านี้ล้วนเป็นเส้นสายของข้า” สวี่ชีอันส่งเสียงตอบกลับ
“เฮอะ ข้ามีศิษย์พี่คนหนึ่งที่แต่ก่อนก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน” หลี่เมี่ยวเจินกล่าวเย้ย
นางไม่ได้อธิบาย แต่เหยียบบนกระบี่บินแล้วพาลี่น่าบินจากไปพร้อมกับคนในพรรคฟ้าดิน
ตอนนี้ศิษย์พี่คนนั้นของเจ้าจะต้องผสานอยู่ในยุทธภพได้ราวกับปลาในน้ำแน่ สวี่ชีอันคิดในใจ
……………………………………………………………