ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 554 ฆ่าตัวตาย (1)
บทที่ 554 ฆ่าตัวตาย (1)
ไฉซิ่งเอ๋อร์เผยรอยยิ้มไร้เดียงสาและงุนงงออกมา “เหตุใดผู้อาวุโสสวีถึงพูดเช่นนี้”
“เหตุใดพูดเช่นนี้น่ะหรือ” สวี่ชีอันถามกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือ”
หลี่หลิงซู่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
จิ้งซินและภิกษุรูปอื่นๆ ก็มองมาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน รวมทั้งจิ้งหยวนที่ตื่นแล้วซึ่งมีใบหน้าซีดเซียว
ไฉซิ่งเอ๋อร์ส่ายหน้า “ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว ”
ผู้หญิงคนนี้สมกับที่เป็นนักแสดง แววตาและน้ำเสียงของนางทั้งจริงใจและไร้เดียงสา ดูไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
‘เจ้ากล้าทำมารยาสาไถยต่อหน้าฆ้องเงินสวี่แห่งต้าฟ่งผู้สง่างาม’ สวี่ชีอันร้อง ‘หึ’ ออกมา
“อย่าเพิ่งด่วนปฏิเสธ ฟังข้าพูดให้จบก่อน ช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าสืบสวนคดีของไฉเจี้ยนหยวนอย่างลึกซึ้ง พวกเรามาลำดับคดีตั้งแต่ต้นกัน ก่อนอื่น จากคำให้การของเจ้า ไฉเจี้ยนหยวนถูกไฉเสียนสังหารที่ห้องหนังสือช่วงกลางคืน ตอนที่พวกเจ้าไปถึง พวกเจ้าเห็นไฉเสียนกับไฉเจี้ยนหยวนอยู่ในห้อง แต่ไฉเจี้ยนหยวนเสียชีวิตแล้ว ถูกต้องหรือไม่”
ไฉซิ่งเอ๋อร์พยักหน้า “ทุกคนในจวนสกุลไฉต่างก็เห็นเหตุการณ์นี้กันถ้วนทั่ว ผู้อาวุโสคิดว่าข้าโกหกอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้โกหก เหตุการณ์ที่เจ้าเห็นนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่ความจริง”
สวี่ชีอันกล่าว “ไฉเจี้ยนหยวนกับไฉเสียนต่างก็อยู่ขั้นห้าสลายแรงและกระดูกเหล็กผิวทองแดงก็มีพลังป้องกันที่โดดเด่น แม้ว่าไฉเสียนจะโจมตีโดยไม่คาดคิด แต่ก็ไม่มีทางที่จะสังหารไฉเจี้ยนหยวนได้ภายในเวลาอันสั้น ทว่าตอนที่พวกเจ้าไปถึง ไฉเจี้ยนหยวนก็เสียชีวิตแล้ว แถมจวนสกุลไฉก็ใหญ่โตถึงเพียงนี้”
นัยน์ตาของหลี่หลิงซู่เปล่งประกายเล็กน้อยและนึกถึงคำพูดของสวี่ชีอัน “ถูกวางยาพิษ ไฉเจี้ยนหยวนถูกวางยาพิษอยู่ก่อนแล้ว”
จิ้งซินพยักหน้าเล็กน้อย เห็นด้วยกับคำพูดของหลี่หลิงซู่
ภิกษุรูปอื่นฟังอยู่เงียบๆ
สวี่ชีอันกล่าวต่อ “ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงจงใจแอบเข้าไปห้องใต้ดินและผ่าพิสูจน์ศพของไฉเจี้ยนหยวน พบว่าเขามีร่องรอยของการถูกวางยาพิษจริง”
ขณะที่พูด เขาก็เดินไปทางไฉเจี้ยนหยวนและแหวกเสื้อผ้าตรงหน้าอกเขาออก เผยให้เห็น ‘บาดแผล’ ที่ถูกเย็บเรียบร้อยด้านใน
สีหน้าของไฉซิ่งเอ๋อร์ซับซ้อนขึ้นและพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ คนที่แอบเข้าไปในห้องใต้ดินคืนนั้นเป็นท่านนี่เอง…”
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยเสียงทุ้ม “ดูเหมือนว่าไฉเสียนวางแผนที่จะแอบวางยาพี่ใหญ่มานานแล้ว”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ไฉเสียนผู้สงสัยในชีวิตทันที เขาก้มศีรษะลง พึมพำอะไรบางอย่างและไม่สนใจสิ่งรอบตัวโดยสิ้นเชิง
ปิดกั้นตัวเองแล้ว…
“อามิตตาพุทธ”
จิ้งซินส่ายหน้าและกล่าวอามิตตาพุทธด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่ใช่ คนที่วางยาไม่ใช่ไฉเสียน แต่เป็นเจ้า ไฉซิ่งเอ๋อร์” สวี่ชีอันเอ่ยเสียงดัง
ทุกคนหันไปมองไฉซิ่งเอ๋อร์ทันที
หลี่หลิงซู่เบิกตากว้าง
ไฉเสียนหยุดพึมพำไปชั่วขณะ
สีหน้าของไฉซิ่งเอ๋อร์แข็งทื่อเล็กน้อย “ผู้อาวุโสยังไม่เชื่อข้าอีกหรือ”
สวี่ชีอันเมินเฉยและพูดจาฉะฉาน
“ทุกท่านยังจำได้หรือไม่ว่า เหตุใดไฉเจี้ยนหยวนถึงไม่บอกเรื่องตัวตนของไฉเสียน เพียงแค่เพราะกลัวว่าเขาจะถูกทำร้ายหรือ ผู้ที่สามารถฝึกถึงขั้นห้าสลายแรงได้ไม่ใช่ผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่งหรอกหรือ ถูกทำร้ายแค่นี้จะเป็นอะไรไป ตอนแรกข้าก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อข้าเห็นอาการละเมอเดินของไฉเสียน จู่ๆ ก็เข้าใจว่าเหตุใดไฉเจี้ยนหยวนถึงปกปิดตัวตนของเขา เรื่องนี้มีแต่จะทำให้อาการป่วยของเขาทรุดลง ถึงขั้นอาจเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น เช่น บทสรุปที่พวกเราเห็นในตอนนี้”
ทุกคนต่างครุ่นคิด
หลี่หลิงซู่เข้าใจทันที ทว่าไม่นานก็ขมวดคิ้วและถามว่า “แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับซิ่งเอ๋อร์”
สวี่ชีอันมองไปทางหญิงสาวผู้งดงาม
“อดีตสามีของไฉซิ่งเอ๋อร์เสียชีวิตเพราะไฉเจี้ยนหยวน นางเกิดใจอาฆาตแค้น จึงใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างพ่อลูกเรื่องการแต่งงานของไฉหลาน แอบบอกให้ไฉเสียนรู้ถึงตัวตนของเขา ทำให้อาการเดินละเมอของไฉเสียนหนักขึ้น ขณะเดียวกันก็วางยาไฉเจี้ยนหยวนและทำให้เขาตายด้วยน้ำมือของไฉเสียนอย่างสมเหตุสมผล ไฉเสียนสุดโต่งมาตั้งแต่เด็ก อีกด้านหนึ่งของเขายิ่งสุดโต่งและโหดเหี้ยมกว่า เมื่อรู้ว่าไฉเจี้ยนหยวนเป็นผู้ร้ายที่ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาขมขื่น และไฉเจี้ยนหยวนยังยกหญิงสาวที่เขารักให้ผู้อื่นอีก เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรล่ะ”
โถงด้านในเงียบสนิททันที
ไฉซิ่งเอ๋อร์รู้สึกได้ว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่ตนในขณะนี้
นางเพียงแค่มองไปที่หลี่หลิงซู่และพูดว่า
“ผู้อาวุโสสวี ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของท่าน ท่านไม่มีหลักฐาน ยิ่งไปกว่านั้น จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าเสี่ยวหลานอยู่ที่ไหน นางกับไฉเสียนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ไม่แน่ว่านางอาจจะไม่รู้จักตัวตนของไฉเสียน หรืออาจจะเคยเห็นนิ้วที่หกของเขาแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ตกหลุมรักไฉเสียน”
“เรื่องนี้ พวกเจ้าถามไฉเสียนได้ ถ้ารู้ว่าเท้าซ้ายของเขามีหกนิ้วก็คงรู้แล้ว”
ไฉซิ่งเอ๋อร์พูดต่อ “นางไม่ต้องการแต่งงานกับตระกูลหวงฝู่ จึงวางยาพี่ใหญ่และแอบเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของไฉเสียน จากนั้นก็หนีไป จนถึงตอนนี้นางอยู่ที่ไหนก็ยังไม่มีใครรู้ การคาดเดาของข้าสมเหตุสมผลหรือไม่ ผู้อาวุโส”
ยังไม่ยอมรับอีก!
“เพียงแค่เพราะไม่ต้องการแต่งงานหรือ”
ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งอดเอ่ยปากถามไม่ได้
“เช่นนั้นซิ่งเอ๋อร์คงไม่ฆ่าพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง เพียงเพราะไฉเจี้ยนหยวนหลอมอดีตสามีของนางให้กลายเป็นศพเหล็ก”
หลี่หลิงซู่เอ่ยเสียงเบา “ผู้อาวุโส ไฉเจี้ยนหยวนถูกบังคับให้หลอมอดีตสามีของซิ่งเอ๋อร์เป็นศพเหล็ก เขาไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าซิ่งเอ๋อร์จะเกิดใจอาฆาตแค้น มันก็เป็นเพียงความอาฆาตแค้นเท่านั้น”
สวี่ชีอันวางเฉยและยิ้ม
“ข้าไม่ค่อยเข้าใจแรงจูงใจของเจ้าเท่าไหร่ เรื่องนี้คงต้องรอดูกันต่อไป ไฉซิ่งเอ๋อร์ คนที่ถูกขังอยู่ในห้องลับข้างใต้ศาลบรรพชนคือใคร อยากให้ข้าพูดออกมาหรือไม่”
ไฉซิ่งเอ๋อร์หน้าซีดทันที
สวี่ชีอันมองทุกคน จากนั้นก็มองไปทางไฉเสียน “ไฉหลานถูกไฉซิ่งเอ๋อร์ขังไว้ในห้องลับข้างใต้ศาลบรรพชน ข้าพบนางแล้ว”
ไฉเสียนเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากสั่นเทา “นาง นางสบายดี…”
“หลี่หลิงซู่ เจ้าไปพานางมา” สวี่ชีอันเชิดคางไปทางประตู
“ข้าหรือ” หลี่หลิงซู่ชี้ตัวเอง
“หรือจะให้ข้าไปล่ะ” สวี่ชีอันถามกลับ
‘แต่ข้าไม่รู้ว่าห้องลับอยู่ที่ไหน’ หลี่หลิงซู่ไม่อยากไปโดยสัญชาตญาณ เขากลัวว่าความจริงจะเปิดเผย แต่เมื่อเห็นแมวส้มตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงประตูและยกอุ้งเท้าตบธรณีประตูอย่างไม่พอใจ เขาก็รู้ว่าถ้าไม่ไป ตาเฒ่าสวีเชียนต้องโกรธแน่ เขาจึงกัดฟันเดินออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
โถงด้านในเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไร
ภิกษุทุกรูปแห่งสำนักพุทธหวังครึ่งกลัวครึ่ง พวกเขาหวังว่าคดีจะคืบหน้า แต่ก็กลัวเพราะไม่รู้ว่าอีกประเดี๋ยวสวี่ชีอันจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร
เหล่าฉานซือยังมีพลังต่อสู้ แต่การเผชิญหน้ากับดาบที่คาดเดาไม่ได้นั้นไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย แถมอีกฝ่ายยังมีหุ่นเชิดที่สามารถร่ายและหักล้างคาถาได้อีก
ส่วนจิ้งซิน เขาเป็นคนที่รู้จักตัวตนและตบะของสวี่ชีอันมากที่สุด
คนอื่นๆ อาจจะมีความคิดอยู่บ้าง แต่จิ้งซินไม่ได้ใช้โอกาสจากเรื่องนี้เลย
ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่หลิงซู่อุ้มหญิงสาวที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตาสกปรกคนหนึ่งเข้ามา ทว่าแมวส้มที่ออกไปพร้อมกันไม่ได้ตามกลับมาด้วย
ไฉซิ่งเอ๋อร์หน้าซีดขาวอีกครั้ง
ไฉเสียนจ้องมองหญิงสาวคนนั้นไม่วางตาและเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นผ่านผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิง
“เสี่ยวหลาน…”
เขาตัวสั่นและส่งเสียงที่คล้ายกับจะร้องไห้ออกมา
ไฉหลานอ้าปาก แต่ด้วยความตื้นตันจึงไม่ได้พูดอะไรและร้องไห้ออกมา
“เสี่ยวหลาน เสี่ยวหลาน…”
ไฉเสียนหันกายและเดินไปอยู่ข้างหน้านาง เขามองพินิจอย่างละเอียดหลายรอบ ทั้งดีใจและเสียใจ “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
สวี่ชีอันมองไปทางหญิงสาวผู้งดงาม “ยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือไม่”
การปรากฏตัวของไฉหลานเป็นหลักฐานมัดตัวไฉซิ่งเอ๋อร์ ต่อให้ฝืนแก้ตัวไปก็ไม่มีความหมาย เพราะยังมีระเบียบวินัยรอนางอยู่
ไฉซิ่งเอ๋อร์เข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี นางไม่ได้พูดอะไรอีกและเดินไปทางหลี่หลิงซู่ช้าๆ ยกสองมือขึ้นจับใบหน้าอันหล่อเหลาของเทพบุตรและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณชายหลี่ ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนสำมะเลเทเมา ตั้งแต่วินาทีแรกที่ข้าเห็นท่าน ข้าก็รู้แล้วว่าท่านเป็นคนแบบไหน”
นางถอนหายใจ “ข้าไม่เคยคิดจะสนใจท่าน แต่ท่านกลับดึงดูดข้า หลังท่านกลับมาจากหุบเขาเชียนเจวี๋ย ข้าก็ตกหลุมรักท่านอย่างถอนตัวไม่ขึ้น สิ่งที่ข้าคิดในตอนนั้นคือ ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นคนสำมะเลเทเมา แต่ผู้ชายที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า ต่อให้เป็นคนสำมะเลเทเมา ข้าก็รัก”
“ซิ่งเอ๋อร์ เจ้า เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้…” หลี่หลิงซู่ถามอย่างเวทนา
เพราะความอาฆาตแค้นหรือถึงต้องทำเช่นนี้ เพียงแค่เพราะไฉเจี้ยนหยวนหลอมอดีตสามีของเจ้าให้กลายเป็นศพเหล็กหรือ
หลี่หลิงซู่ไม่เข้าใจ เขาอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ ไฉซิ่งเอ๋อร์ที่จับแก้มของเขาอยู่ก็พลิกฝ่ามือและตบไปที่ระหว่างคิ้วของนางเอง
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วมาก หลี่หลิงซู่ไม่ทันตั้งตัว ทำได้เพียงมองฝ่ามือที่แฝงพลังปราณไว้ตบไปที่ระหว่างคิ้วของไฉซิ่งเอ๋อร์ขณะที่นัยน์ตาหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของหลี่หลิงซู่และจับข้อมือของไฉซิ่งเอ๋อร์ไว้
“คิดจะฆ่าตัวตายเนี่ย ข้าอนุญาตแล้วหรือ”
สวี่ชีอันยิ้มหยัน
“ผู้อาวุโสสวี…”
เทพบุตรประหลาดใจทันทีและคิดในใจว่า ‘ผู้อาวุโสช่างน่านับถือยิ่งนัก ท่านจะเป็นที่พึ่งพิงของข้าตลอดไป’
ไม่นานหลี่หลิงซู่ที่เกิดนึกกลัวขึ้นมาชั่วขณะก็บีบไหล่ทั้งสองข้างของไฉซิ่งเอ๋อร์ไว้ เขาทั้งตกใจ โกรธ และสงสาร
“ฆ่าตัวตาย เจ้าบอกรักข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กลับจะฆ่าตัวตายหรือ เพราะเหตุใดกัน”
ไฉซิ่งเอ๋อร์ไม่สนใจเขา นางหันหน้าไปมองสวี่ชีอันและเอ่ยอย่างขมขื่น “ผู้อาวุโส ข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ข้าเพียงแค่จะชดใช้ความผิดด้วยการตาย ท่านยังจะยุ่งอีกหรือ”
“ข้ายังถามไม่จบเลย คิดจะตายตอนนี้ไม่รีบร้อนเกินไปหน่อยหรือ”
เมื่อเห็นสีหน้าอมยิ้มของสวีเชียนและเผชิญกับสายตาจ้องเขม็งของอีกฝ่าย ไฉซิ่งเอ๋อร์ก็รู้สึกเหมือนถูกเปลื้องผ้า ไม่สามารถปกปิดความลับอะไรได้
หมายความว่าอย่างไร
ฆาตกรผู้อยู่เบื้องหลังยอมรับผิดแล้ว คดีก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว ยังมีอะไรต้องถามอีกหรือ
ท่ามกลางสีหน้าประหลาดใจของทุกคน หลี่หลิงซู่ก็เอ่ยว่า “ผู้อาวุโส”
“ข้ามีข้อสงสัยสองข้อ อยากให้แม่นางไฉช่วยตอบ”
สวี่ชีอันกวาดตามองทุกคน “ทุกท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ อดีตสามีของไฉซิ่งเอ๋อร์เสียชีวิตไปเกือบสามปีแล้ว เหตุใดนางถึงนิ่งเฉยตลอดสามปีที่ผ่านมาและรอจนถึงตอนนี้ค่อยลงมือ”
จิ้งซินกับหลี่หลิงซู่ขมวดคิ้วพร้อมกัน
พวกเขาเข้าใจคำพูดของสวีเชียน เงื่อนไขของการอดทนคือการมองหาโอกาสหรือการสะสมพลัง แต่ภายในสามปีที่ผ่านมามีอะไรมาขัดขวางไฉซิ่งเอ๋อร์ให้แก้แค้นไม่ได้กัน
ไฉซิ่งเอ๋อร์เม้มปากและเอ่ยอย่างใจเย็น “ข้ากำลังรอโอกาส โอกาสที่จะทำให้อาการละเมอเดินของไฉเสียนทรุดลง ซึ่งการแต่งงานระหว่างตระกูลไฉกับตระกูลหวงฝู่ก็คือโอกาส”
“หึ ด้วยอาการละเมอเดินของไฉเสียน น้ำแข็งสามฟุตไม่ได้ก่อตัวในวันเดียว แม้จะไม่มีเรื่องของตระกูลหวงฝู่ เขาก็อาจจะสังหารบิดาของตัวเองเช่นกัน แน่นอนว่าถ้าเจ้าจะยืนยันว่ารอโอกาสก็ได้”
สีหน้าของสวี่ชีอันสงบนิ่ง เต็มไปด้วยความใจเย็นและความมั่นใจของตำรวจอาชญากรรมเก่า
“ข้อสงสัยที่สอง เหตุใดเจ้าถึงต้องกักขังไฉหลานล่ะ สมมติว่าแผนการทั้งหมดของเจ้าทำเพื่อแก้แค้น ไฉเจี้ยนหยวนคือศัตรูของเจ้า ไฉเสียนคือเครื่องมือของเจ้า แต่ไฉหลานเป็นคนนอก เหตุใดเจ้าถึงต้องกักขังนางด้วย”