ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 880 พลังต่อสู้เหนือเสินซู
บทที่ 880 พลังต่อสู้เหนือเสินซู
Ink Stone_Fantasy
‘สวี่ชีอัน?’
‘เขามาตั้งแต่เมื่อใด?’
การปรากฏตัวของจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งท่านนี้ทำให้เหล่าเหนือมนุษย์ที่อยู่รอบๆ ทั้งใกล้และไกลต่างก็ไม่ทันได้ระวังตัว
ดูเหมือนเขาจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ทั้งไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทั้งซ่อนตัวจากผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ทุกคน
“ฆ้องเงินสวี่มาแล้ว…”
หลวนอวี้ที่อยู่ในระยะไกลกล่าวกระซิบด้วยความประหลาดใจ ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ รอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้บาน
หลงถูถอนหายใจด้วยความโล่งอก “รีบกลับมายังทัน ตอนนี้นับว่ายังพอต่อสู้ได้แล้ว”
“อย่าฝืน!” ปรมาจารย์ซินกู่ฉุนเยียนกล่าวกระซิบเสียงเบา
มีจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งอย่างสวี่ชีอันเข้าร่วมการต่อสู้ ในที่สุดต้าฟ่งก็สามารถฟื้นฟูความเสื่อมโทรมได้บ้าง อย่างน้อยตอนที่เผชิญหน้ากับพระโพธิสัตว์ทั้งสามนั้น ก็ไม่ต้องเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอีกต่อไป แต่เป็นฝ่ายที่เริ่มโจมตีบ้าง
แม้กระทั่งเทพยุทธ์ครึ่งก้าว จอมยุทธ์ขั้นหนึ่งก็ยังสามารถช่วยเหลือได้ ไม่แน่ว่าอาจจะทำสงครามกับพระพุทธเจ้าได้เช่นกัน
‘ในที่สุดก็กลับมาแล้ว’…อาซูหลัว นักบวชเต๋าจินเหลียนและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก
ตอนนี้ต้าฟ่งต้องการพลังการต่อสู้ของจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งที่สุด
เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น พวกเขาถึงจะสามารถกระโดดเข้าไปช่วยเสินซูได้ เพื่อเพิ่มโอกาสชนะให้เขาในการต่อต้านกับระดับสุดยอด อาศัยเพียงเสินซูคนเดียว ย่อมไม่สามารถเอาชนะพระพุทธเจ้าได้
สภาพที่น่าสลดใจของเสินซูในตอนนี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด
ถึงแม้เทพยุทธ์ครึ่งก้าวจะไม่พ่ายแพ้ได้ง่ายๆ แต่ถูกพระพุทธเจ้าบดขยี้เช่นนี้ ความพ่ายแพ้ก็คงปรากฏในไม่ช้า
จุดจบเช่นนี้ ราชสำนักหวังจะให้มันจะมาถึงช้าสักหน่อย เพื่อที่ได้ย้ายประชาชนออกไปได้มากขึ้นและช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ได้มากขึ้น
ในขณะที่ความคิดของทุกคนกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย ก็เห็นสวี่ชีอันย่างเท้าออกมาพร้อมๆ กับพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ทีละก้าว
ทุกที่ที่เขาเดินผ่าน พวกเลือดเนื้อที่มีลักษณะเหมือนดินเลนที่ตกตะกอนในแม่น้ำก็ถูกพลังปราณพัดกระเด็นออกไป ถึงแม้พวกมันจะถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่สามารถเข้าใกล้สวี่ชีอันได้
ฉากนี้เหมือนกับตอนที่เสินซูขับไล่ให้พวกมันถอยกลับไปทีละก้าวเมื่อไม่นานมานี้
นี่…ยอดฝีมือเหนือมนุษย์ของฝ่ายต้าฟ่งหัวใจฉันเต้นตึกตัก การคาดเดาอย่างกล้าหาญก่อตัวขึ้นในจิตใจ เหตุผลที่พวกเขาใจเต้นเร็วเช่นนี้ ก็เพราะเลือดในตัวกำลังพลุ่งพล่านด้วยความปีติยินดีอย่างควบคุมไม่ได้
ตู้เอ้อร์เดิมตามสวี่ชีอันออกมาทีละก้าวอย่างปกติ ภิกษุชรารูปร่างผอมจ้องมองเขาและกล่าวช้าๆ ว่า “เจ้าเลื่อนสู่ขั้นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวแล้วรึ?”
เมื่อคำถามนี้ถูกถามออกมา สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่สวี่ชีอันอย่างพร้อมเพรียงกัน
ซ่าหลุนอากู่เพ่งสายตาจากระยะร้อยเมตรจับจ้องเขาไม่วางตา
หยางกง ซุนเสวียนจี นักบวชเต๋าจินเหลียน รวมทั้งฉู่หยวนเจิ่นและเหิงหย่วนที่อยู่ด้านหลัง ต่างก็อดที่จะกลั้นหายใจไม่ได้
สวี่ชีอันพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวด้วยท่าทีสงบ “อืม!”
ท่าทีสงบเงียบและน้ำเสียงเรียบนิ่ง
แต่ในหูของคนที่ได้ยิน ราวกับมีหินก้อนยักษ์ตกลงใจกลางทะเลสาบ ไม่สิ ราวกับมีลูกอุกกาบาตตกลงสู่มหาสมุทร ซึ่งก่อให้เกิดอารมณ์ทึ่งและตื่นตกใจอย่างขีดสุด
เทพยุทธ์ครึ่งก้าวถือกำเนิดขึ้นอีกท่านแล้ว
เทพยุทธ์ครึ่งก้าวคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นที่จิ่วโจวแล้ว
เวลาผ่านไปนับไม่ถ้วนนับตั้งแต่สิ้นสุดยุคเทพมาร มีเทพยุทธ์ครึ่งก้าวที่ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจนเพียงแค่องค์เดียวเท่านั้น นั่นก็คือเสินซู
แต่ตอนนี้และต่อจากนี้ จะมีชื่อใหม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์…สวี่ชีอัน!
อีกแง่หนึ่งคือ ปริมาณของเทพยุทธ์ครึ่งก้าวหายากยิ่งกว่าเหนือมนุษย์เสียอีก
ตอนแรกที่เห็นสวี่ชีอันมา พระโพธิสัตว์หลิวหลี พระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่และพระโพธิสัตว์กว่างเสียนเพียงแค่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นใบหน้าของทั้งสามก็ค่อยๆ แข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ
ลั่วอวี้เหิงที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งจ้องมองสวี่ชีอันด้วยสายตาอ่อนโยน
คนที่นางมองไม่ใช่เทพยุทธ์ครึ่งก้าว แต่เป็นผู้ชายของนาง
‘เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะได้พบกับท่านโหราจารย์ หรือได้รับอะไรบางอย่างจากสำนักโหราจารย์ก่อนที่จะออกทะเล’…นักบวชเต๋าจินเหลียนลูบเครายาวพลางแสยะยิ้ม เขาเชื่อมโยงหลายสิ่งหลายอย่างในพริบตาเดียว
ทั้งยังเป็นคนเก่งในการวางแผนและวางหมาก นักบวชเต๋าจวี๋เมารู้ดีว่าท่านโหราจารย์มิอาจคาดเดาได้ จะต้องมีการคาดหวังบังเกิดขึ้นสำหรับการเลื่อนขั้นของสวี่ชีอันอย่างแน่นอน
‘ตอนแรกที่พบเขาที่ซินเจียงตอนใต้ เขายังเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นสามคนหนึ่ง เวลาผ่านไปหนึ่งปี เขาเป็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวแล้ว’…ในขณะที่อาซูหลัวกำลังตื่นเต้นเมื่อหวนนึกถึงอดีตก็ทำให้รู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน
‘เขาเดินทางมาไกลจนถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ เขากลายเป็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวองค์ที่สองแห่งจิ่วโจว นี่สิลูกศิษย์ของข้า ข้าคืออาจารย์ของเทพยุทธ์ครึ่งก้าว วันนี้ภัยพิบัติในเล่ยโจวจะคลี่คลายลงแล้ว ประชาชนผู้บริสุทธิ์จะไม่ทุกข์ทรมานอีกต่อไป’…ฝ่ามือที่อยู่ในแขนเสื้อของหยางกงสั่นเทาเล็กน้อย หัวใจก็พลางเต้นรัวด้วยความปีติ
ซุนเสวียนจี “…”
ศิษย์พี่ซุนมีคำพูดมากมายอยู่ในใจ
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมน เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งและป่าเถื่อนของฉู่หยวนเจิ่นก็ดังขึ้นมากวาดล้างความมืดมนออกไป
เหิงหย่วนที่อยู่ข้างๆ เขาประสานมือเข้าด้วยกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความปีติยินดีอย่างยิ่ง
“เสินซูคนเดียวก็น่ากลัวถึงเพียงนั้น สวี่ชีอันก็มากลายเป็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวด้วยอีกคน เท่านี้ก็มากพอที่จะต่อต้านระดับสุดยอดแล้วกระมัง” อีเอ๋อร์ปู้พึมพำเสียงเบา
จากน้ำเสียงและท่าทางของเขาก็พอจะแสดงให้เห็นความหวาดกลัวได้อย่างชัดเจน
‘ท่านโหราจารย์ ไพ่ใบสุดท้ายของเจ้าเป็นเขาอย่างที่ข้าคิดจริงๆ’…ประกายดวงตาของซ่าหลุนอากู่มืดลง ใบหน้าชราที่หยาบกร้านไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ
ความคิดบางอย่างในใจของเขาได้รับการยืนยันแล้ว
หลังจากความสับสนชั่วครู่ผ่านไป ก็มีเพียงความคิดเดียวที่หลงเหลืออยู่ในสมองของหลวนอวี้
‘ข้าเคยนอนกับเทพยุทธ์ครึ่งก้าว ข้าคือผู้นำที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของฉิงกู่!’
ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ร่างบางสั่นเทาด้วยความปีติ
เหล่าผู้นำของเผ่าพันธุ์กู่ต่างก็ปลื้มปีติยินดีเช่นกัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยนอนกับเทพยุทธ์ครึ่งก้าว แต่สวี่ชีอันกลายเป็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวองค์ที่สองแห่งจิ่วโจว หมายความว่าซินเจียงตอนใต้มีเทพยุทธ์ครึ่งก้าวเป็นพันธมิตรเช่นกัน
ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่พวกเขาไม่กลัว
ตอนนี้ มีพันธมิตรที่ทรงพลังเช่นนี้ ผู้นำทุกคนต่างก็สบายใจมากขึ้น
“อมิตตาพุทธ พุทธมหายานจงยืนยาวหมื่นๆ ปี!”
ใบหน้าซูบผอมของตู้เอ้อร์เผยให้เห็นรอยยิ้มจริงใจและอบอุ่น
สวี่ชีอันกวาดสายตามองเหนือมนุษย์ ผู้นำเผ่ากู่ ปรมาจารย์เทพพ่อมด พระโพธิสัตว์สำนักพุทธของฝ่ายต้าฟ่ง พวกเขาบ้างก็หวาดกลัว บ้างก็ปีติยินดี บ้างก็ตื่นเต้น จากนั้นเขาก็ถอนสายตากลับไปมองเสินซูและพระพุทธเจ้า
หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปข้างเสินซูทีละก้าว ระหว่างทางก็ปัดเลือดเนื้อที่เป็นเหมือนดินเลนออกไปด้วย
ในระหว่างกระบวนการนี้ ผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ทุกท่านต่างก็มองตามขั้นตอนของเขา
‘พลังของเทพยุทธ์ครึ่งก้าวที่เลื่อนขั้นองค์ใหม่เป็นอย่างไร?’
“ทำได้ดีมาก”
สวี่ชีอันพยักหน้าไปทางเสินซู
เวลานี้ เสินซูได้เติบโตเป็นเลือดเนื้อสดๆ แล้ว แต่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ยังเป็นเหมือนร่างกายที่ถูกถลกหนัง
พลังของร่างธรรมมหาสุริยาวัฏจักรเกาะติดอยู่ที่กระดูกของเขา กำลังกัดกร่อนร่างกายของเขา แข่งขันกับความเป็นอมตะของเทพยุทธ์ครึ่งก้าว ทำให้การฟื้นฟูของเสินซูค่อนข้างช้า
“เจ้าก็ทำได้ไม่เลว”
เสินซูกล่าวเสียงเบา
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุย พระพุทธรูปสูงใหญ่ที่สร้างจากร่างเนื้อก็ก้มลงไปมองสวี่ชีอันจากที่สูง แล้วส่งเสียงอันสง่างามเป็นครั้งแรก “ผู้พิทักษ์ประตู!”
ระดับสุดยอดรู้ทุกอย่างเหมือนที่คิดไว้จริงๆ รู้ว่าเสินซูเป็นผู้พิทักษ์ประตูที่ถูกเลือกไว้แล้ว มีเพียงฮวงที่อยู่โพ้นทะเลเท่านั้นที่ไม่รู้…สวี่ชีอันกล่าวว่า “เจ้าและเทพพ่อมดตามล่าจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง ไม่ยอมให้จอมยุทธ์ขั้นหนึ่งสวี่เติบโตขึ้น นั่นเพียงเพื่อป้องกันการปรากฏตัวของผู้พิทักษ์ประตู ตอนนี้ ข้าอยู่ในขั้นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวแล้ว ข้าเป็นอมตะ เจ้ายังจะฆ่าข้าได้อีกรึ”
‘เขากำลังพูดอะไร’…อาซูหลัว หยางกง นักบวชเต๋าจินเหลียนและคนอื่นๆ ได้ยินก็รู้สึกสับสน เหล่าผู้นำเผ่ากู่ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
‘ผู้พิทักษ์ประตูไม่ใช่ท่านโหราจารย์หรอกหรือ แล้วจะเกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ได้อย่างไร’
ในระหว่างที่กำลังสับสน พวกเขาก็รู้สึกว่าข้อมูลในคำพูดของสวี่ชีอันนั้นสำคัญมาก แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาสืบสาวราวเรื่อง ดังนั้นจึงทำได้เพียงระงับความอยากรู้อยากเห็นที่เกาะกุมหัวใจและอยู่อย่างเงียบๆ
สิ่งที่ตอบโต้สวี่ชีอันคือความเงียบของพระพุทธเจ้า ในความเงียบนั้น พระอาทิตย์ดวงเล็กๆ ก็ค่อยๆ ก่อตัวกลายเป็นรูปร่าง
“อย่าประมาท”
เสินซูกล่าวเตือน
“ข้ารู้!”
สวี่ชีอันยกข้อมือขึ้น ดวงตาของเขาสว่างโดยพลัน พยายามตัดพื้นที่มิติเพื่อเคลื่อนย้ายพระอาทิตย์ดวงน้อยออกไป
แต่เขาก็ล้มเหลวอย่างรวดเร็ว พระอาทิตย์ดวงเล็กทุกดวงล้วนบรรจุความประสงค์ของพระพุทธเจ้าเอาไว้
พวกมันคือทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นหนึ่ง
เว้นแต่จะเคลื่อนย้ายพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียว แต่อาวุธเวทมนตร์นี้ไม่สามารถตัดพื้นที่มิติในรัศมีหลายกิโลเมตรได้ มันอยู่เหนือขอบเขตของอาวุธเวทมนตร์นี้
เวลานี้ พระพุทธเจ้าก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ก่อนจะปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังสวี่ชีอัน ร่างธรรมวชิระพลุ่งพล่านไปด้วยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวพร้อมกับแขนทั้งสิบสองคู่ที่ทุบลงมาอย่างบ้าคลั่ง
การโจมตีครั้งนี้เพียงพอที่จะทำให้จอมยุทธ์ขั้นหนึ่งล้มลงกับพื้นได้
พุทธมนต์ของ ‘มนุษย์’ ในนามร่างธรรมมหาสังสารวัฏส่องสว่างขึ้น ลำแสงสีทองสาดส่องมาที่ร่างของสวี่ชีอัน
แต่แสงสว่างของร่างธรรมมหาสังสารวัฏล้มเหลว สวี่ชีอันปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังพระพุทธเจ้าอย่างไร้ซุ่มไร้เสียงราวกับผี
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถฉีกพระพุทธรูปที่รวมกับพระพุทธเจ้าได้…ร่างธรรมมหากรุณาสวดคัมภีร์พุทธเป็นภาษาสันสกฤตเพื่อขจัดจิตวิญญาณการต่อสู้ของศัตรู
ร่างธรรมแห่งปัญญาลบล้างวงแสง ลดความเฉลียวฉลาดของศัตรูที่อยู่รอบๆ
พระพุทธเจ้าอาศัยวิธีการอันแปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้ของตนเอง จำลองฉากที่จัดการกับเสินซูก่อนหน้านี้ขึ้นมาใหม่
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้ที่ตอบสนองเป็นคนแรกคือซุนเสวียนจี เขาเปิดคลังเก็บของวิเศษและหยิบระฆังสำริดออกมา…โหรร่ำรวยเช่นนี้เสมอ
หยางกงสะบัดมงกุฎขงจื๊อให้แสงสว่างปลุกใจ
นักบวชเต๋าจินเหลียนยกมือขึ้นเล็งไปทางสวี่ชีอัน ตั้งใจที่จะเพิ่มดวงชะตาให้เขา
‘โครม!’
ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า สายฟ้าฟาดลงมาราวกับถังเก็บน้ำที่ตกลงมา ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีขาว พายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ขัดขวางการดำเนินการของซุนเสวียนจีและคนอื่นๆ บังคับให้พวกเขาต้องตั้งรับอย่างอดทน
เรียกลมเรียกฝน!
ความสามารถของเจ้าแห่งวัสสานขั้นสอง
สำนักพ่อมดก็ลงสนามด้วย…ผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ของฝ่ายต้าฟ่งรู้สึกจิตใจมืดมน
ลั่วอวี้เหิงยกดัชนีกระบี่ขึ้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ควบคุมกระบี่บินไปทางสวี่ชีอัน ดาบเล่มนั้นกระตุ้นอารมณ์และความปรารถนาอันแรงกล้าทำให้ถลำเข้าไปและดำดิ่ง
ฉู่หยวนเจิ่นเคยใช้เคล็ดลับนี้มาก่อน
มิน่าพระพุทธเจ้าถึงตั้งอาณาจักรกระจกไร้สีขึ้น เพื่อทำให้ทุกสิ่งรอบตัวจางหายไป
แม้แต่กระบี่บินของเซียนครองพิภพก็ยังต้องพ่ายแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อต้องเผชิญกับวิชาของระดับสุดยอด
เวลานี้เอง ร่างธรรมมหาสุริยาวัฏจักรก็รวมตัวกับพระพุทธเจ้า
ลั่วอวี้เหิงและคนอื่นๆ ที่เห็นสถานการณ์ที่น่าสลดของเสินซูเมื่อครู่ก็รู้สึกวิตกกังวลในใจ
เทพยุทธ์ครึ่งก้าวที่ต้องการต่อต้านการโจมตีของพระพุทธเจ้าจำต้องจ่ายราคาที่หนักหน่วงเช่นกัน
พระมหาไวโรจนะค่อยๆ ชนกับสวี่ชีอัน
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะอันแสนหวานก็ดังมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน
เสียงหัวเราะที่ไพเราะนั้น ถึงแม้จะไม่ดังแต่ก็แทรกซึมเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน เจาะเข้าไปในจิตวิญญาณ ทำให้ผู้บำเพ็ญระดับต่ำอย่างพวกอีเอ๋อร์ปู้และฉู่หยวนเจิ่นด่ำดิ่งเข้าไปในเสน่ห์น่าหลงใหลและปรากฏภาพหลอนที่เบื้องหน้าพวกเขา
เวียนศีรษะตาลาย
ซ่าหลุนอากู่และขั้นสองจำนวนหนึ่งมองตาม ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด แม่มดที่ไม่มีใครเทียบได้ลอยผ่านอากาศด้วยเท้าเปล่าราวกับหิมะ นางงดงามอย่างไม่มีสิ่งมีชีวิตใดบนโลกเทียบเคียงได้ หางจิ้งจอกทั้งแปดหางราวกับนกยูงรำแพนหางอย่างไรอย่างนั้น
สวยงามตระการตาอย่างยิ่ง
จิ้งจอกเก้าหางมาแล้ว ยังมีสิ่งที่ติดตามมาด้วยคือแรงกดดันที่พลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำในมหาสมุทร ครอบคลุมผู้แข็งแกร่งในที่แห่งนี้ทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยก
ขั้น ขั้นหนึ่ง?!
สีหน้าของพระโพธิสัตว์ทั้งสามของสำนักพุทธเปลี่ยนไปเล็กน้อย
พวกเขารู้ดีว่าจิ้งจอกเก้าหางขั้นหนึ่งหมายถึงอะไร ไม่มีเวลาที่จะตกใจอีกต่อไป ความสนใจของเหนือมนุษย์ทั้งหมดรวมถึงพวกเขาถูกสวี่ชีอันและพระพุทธเจ้าดึงดูดในเวลาเดียวกัน
ภายใต้เสียงล้างสมองของปีศาจ สวี่ชีอันก็หลุดพ้นจากอิทธิพลของร่างธรรมหลากหลายรูปแบบ
ในเวลานี้เอง ร่างธรรมมหาสุริยาวัฏจักรก็พังทลายลง
สวี่ชีอันสูดหายใจเข้า ถอดกำไลข้อมือออกมาแล้วกลืนลงไปในท้อง จากนั้น ทุกรูขุมขนในร่างกายพ่นละอองเลือด แก่นโลหิตทั่วร่างกายกำลังลุกไหม้และพลังก็แทรกซึมเข้าไปในทุกส่วนของร่างกาย
วิชาบูชายัญเลือด!
เขาสั่นแขนทั้งสองข้างและกล่าวเสียงทุ้มว่า “พลังของสรรพสิ่ง!”
กระแสอันจับต้องไม่ได้ที่ไหลผ่านช้าๆ มาจากทุกทิศทุกทางและไหลเข้าสู่ร่างของเขาราวกับสายน้ำ
ลมหายใจพุ่งถี่ขึ้น
ยังไม่จบเท่านี้ ลายเส้นที่บิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา ราวกับรอยสักที่ปกคลุมผิวหนังอย่างหนาแน่นไปทั่วร่างกาย
คนที่เห็นรอยสักนี้ ความกลัวก็ระเบิดขึ้นในจิตใจทันที รู้สึกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นสัญลักษณ์ของ ‘พลัง’ เป็นเทพเจ้าผู้ควบคุมอำนาจในโลก
สุดท้าย เขาก็สงบพลังปราณทั้งหมดลงและตกตะกอนความรู้สึก
ดาบเดียวตัดฟ้าดิน!
ถึงตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งจิตดาบก็สามารถใช้คาถานี้ได้
ภายใต้การนำพาของเคล็ดวิชาดาบเดียวตัดฟ้าดิน พลังทั้งหมดเหล่านี้พังทลายอยู่ในหลุมดำที่สร้างจากตันเถียน
สีหน้าของซ่าหลุนอากู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาโบกแขนเสื้อควบคุมลำแสงทมิฬหนีไปไกล
พระโพธิสัตว์สำนักพุทธ ผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์แห่งต้าฟ่ง ผู้นำเผ่ากู่ต่างไม่สนใจการเข่นฆ่าในสงครามและทยอยถอยห่างออกไปทีละคน
ในกระบวนการนี้ พวกเขาย้อนกลับไปมอง เห็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวที่เพิ่งเลื่อนขั้นชกหมัดไปทางร่างธรรมมหาสุริยาวัฏจักร
วินาทีต่อมา พวกเขาก็สูญเสียการมองเห็นไป
แสงอันเจิดจ้าแผดเผาลูกตาของพวกเขา ทำให้ทุกคนที่กล้าหันกลับไปมองถึงกับมีเลือดไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง
‘ครืน!’
พลังปราณอันน่าเกรงขามและแสงพุทธะสีทองก่อตัวเป็นเมฆรูปเห็ดขนาดมหึมา พลุ่งพล่านขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงถึงพันเมตร
‘ดินเลน’ ที่เกิดจากการที่ร่างของพระพุทธเจ้าถูกขูดออกทีละชั้น หายไปทีละชิ้น ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ มีเพียงขั้นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวอย่างเสินซูและสวี่ชีอันเท่านั้น
พระพุทธรูปที่อยู่ด้านหลังร่างธรรมทั้งแปด ในขณะที่ร่างธรรมมหาสุริยาวัฏจักรระเบิดออก ก็นำร่างธรรมธุดงค์หลีกไปในที่ห่างไกล
ไม่รู้ว่านานเท่าใด ทุกอย่างคลื่นสงัดลมสงบ เหลือเพียงแผ่นดินที่เต็มไปด้วยฉากแห่งหายนะและโครงกระดูกสีแดงฉานสองร่าง
“เจ็บจริงๆ เลย…”
สวี่ชีอันส่งเสียงผ่านจิตสัมผัส
…
“แข็งแกร่งกว่าเสินซู…”
พระโพธิสัตว์กว่างเสียนกล่าวเสียงเบา
พลังที่สวี่ชีอันระเบิดออกเมื่อครู่เหนือชั้นกว่าเสินซู
พระโพธิสัตว์หลิวหลีและเจียหลัวซู่ไม่พูดอะไรสักคำ เมื่อครู่นักบวชเต๋าจินเหลียนและคนอื่นๆ รู้สึกหนักใจ แต่ตอนนี้พวกเขาก็หนักใจเช่นกัน
“ฮ่าย รบกวนแล้ว”
ซ่าหลุนอากู่ถอนหายใจกล่าว เขากวาดสายตามองอาจารย์หลิงฮุ่ยทั้งสองท่านที่อยู่ข้างๆ พวกเขาเริ่มหน้าซีด ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในทางกลับกัน ลั่วอวี้เหิงซึ่งเป็นตัวแทนของเหนือมนุษย์แห่งต้าฟ่งและผู้นำเผ่ากู้ทั้งประหลาดใจทั้งปลื้มปีติยินดี
เห็นได้ชัดว่าพลังการต่อสู้ที่ระเบิดออกของสวี่ชีอันเกินความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเขามั่นใจในตนเองอย่างมาก
สวี่ชีอันพ่นชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมา ถือดาบสยบดินแดนไว้ในฝ่ามือพลางกล่าวว่า
“ไต้ซือ ท่านช่วยข้าต้านทานอิทธิพลของร่างธรรมทั้งหลายด้วย”
เสินซูในสภาพโครงกระดูกไม่พูดอะไรและเริ่มพุ่งเข้าไปหาพระพุทธเจ้าก่อน ฉวยโอกาสสกัดกั้นพระพุทธเจ้า สวี่ชีอันสงบพลังปราณและอารมณ์ รวมเข้ากับพลังของสรรพสิ่งแล้วตัดเศษหยก
พื้นดินแตกแยกออกเป็นทางยาวหนึ่งร้อยฟุตครอบคลุมพื้นที่หลายพันลี้
แต่สำหรับพระพุทธเจ้า สภาพการบาดเจ็บเช่นนี้ไม่มีความหมายอะไร
รอยแผลจากคมดาบบนหน้าอกของสวี่ชีอันแยกออกในเวลาเดียวกันและฟื้นฟูในทันที
ระดับสุดยอดฆ่าไม่ตาย วิธีการทั่วไปไม่มีทางเป็นภัยคุกคามต่อระดับสุดยอด…สวี่ชีอันไม่ได้แปลกใจอะไร แต่กลับคิดว่าเป็นเรื่องปกติ
เหตุใดปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ปิดผนึกแล้วแต่กลับฆ่าพระพุทธเจ้าและเทพพ่อมดไม่ได้?
ไม่ใช่ไม่คิด แต่ไม่มีทางเลือก!
“อยากฆ่าระดับสุดยอดให้ตาย จำเป็นต้องมีวิธีการพิเศษ”
เวลานี้เอง เสินซูก็เริ่มเปิดปากพูด
“วิธีการพิเศษรึ?” สวี่ชีอันพร้อมรับฟังคำแนะนำ
“ข้าไม่รู้” เสินซูกล่าวเสียงเบาว่า “แต่ข้ารู้ว่าจะขับไล่เขาอย่างไร”
เขาไม่พูดอะไรอีกและสาธิตด้วยตัวเอง
พลังอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาจากร่างของเสินซูราวกับน้ำท่วมที่พุ่งออกมาจากเขื่อน
ทันใดนั้น องค์ประกอบฟ้าดินอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เมฆดำคล้ำปกคลุมท้องฟ้า สายฟ้าแลบวาบและคำรามดังก้อง แต่สิ่งที่ตกลงมาไม่ใช่น้ำฝน แต่กลับเป็นเปลวไฟ
แผ่นดินสว่างวาบเปล่งประกายราวกับโลหะ จิตวิญญาณดินและจิตวิญญาณทองผสานกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
แผ่นดินทั้งผืนสั่นสะเทือน เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น ชั่วขณะหนึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าแผ่นดินกำลังต่อต้านจอมยุทธ์ หรือจอมยุทธ์กำลังต่อต้านแผ่นดินกันแน่
นี่คือเครื่องมือที่เป็นลักษณะพิเศษของจอมยุทธ์
ตอนแรกที่เข้าสู่ขั้นหนึ่ง สวี่ชีอันก็เคยก่อให้เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด ฟ้าร้องคำรามและตกอยู่ในความวุ่นวาย
แต่ไม่ได้เกินจริงเหมือนเสินซู
ขยายขอบเขตของเทพยุทธ์ครึ่งก้าวอวกาศ สร้างอวกาศที่ไร้ระเบียบเพื่อต่อต้านการกลืนกินฟ้าดินของพระพุทธเจ้า…หัวใจของสวี่ชีอันกระตุกวูบเมื่อเห็นเลือดเนื้อแยกออกเป็นชั้น เขาเข้าใจความหมายของเสินซูทันที
เขาทำตามแบบอย่างเสินซูในทันที ขยายขอบเขตและดึงดูดวิสัยทัศน์แห่งฟ้าดิน
ทันใดนั้น สารเลือดเนื้อก็เป็นเหมือนกับผืนน้ำกว้างที่เคียดแค้น ม้วนตัวเป็นคลื่นชั้นๆ ตบและถลาพุ่งเข้าไปในขอบเขตขนาดใหญ่ที่มีเทพยุทธ์ครึ่งก้าวสนับสนุน
จากนั้นก็ถูกเผาด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวจนกลายเป็น ‘ก้อนดิน’ ที่แห้งแข็ง ไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวา
ทั้งสองฝ่ายแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง ระลอกคลื่นของสารเลือดเนื้อสีแดงเข้มลดกำลังลงแล้ว
พระพุทธเจ้าเลิกรุกล้ำเล่ยโจว และกลั่นผนึกภูผาธาราออกมา
หากเป็นเพียงเทพยุทธ์ครึ่งก้าวคนหนึ่ง พระพุทธเจ้าสามารถทำให้คู่ต่อสู้ค่อยๆ หมดกำลังทีละน้อยผ่าน ‘การกลั่น’
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเทพยุทธ์ครึ่งก้าวถึงสองคน สุดท้ายก็มีเพียงพระพุทธเจ้าเองที่จะหมดกำลังในบั้นปลาย
“ตามไปดู” สวี่ชีอันเปิดปากพูด
เสินซูพยักกะโหลกศีรษะ
เทพยุทธ์ครึ่งก้าวทั้งสองหายตัวไปในทันที
…
“ไป!”
พระโพธิสัตว์หลิวหลีกดมือลงบนไหล่ของพระโพธิสัตว์ทั้งสององค์แล้วพาพวกเขาหายตัวไปจากสถานที่เดิม
ซ่าหลุนอากู่ดึงแส้ทำลายเทพออกมาแล้วพันรอบเอวอีเอ๋อร์ปู้และอูต๋าเป๋าถ่าเอาไว้ ก่อนจะกลายเป็นลำแสงทมิฬแล้วหนีไปไกล
อาซูหลัวและจิ้งจอกเก้าหางมีความเกลียดชังสำนักพุทธอย่างลึกซึ้ง และไม่ยอมเลิกราเช่นนี้จึงไล่ตามไปทางทิศตะวันตก
“มันจบแล้ว!”
หยางกงโล่งใจราวกับยกูเขาออกจากอกและรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
แต่สีหน้าของเขาปรากฏความตื่นเต้นที่ควบคุมไม่ได้ เขาขับไล่พระพุทธเจ้าได้สำเร็จ ซึ่งหมายความว่าต้าฟ่งได้พัฒนาความสามารถในการปกป้องตัวเองเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติเบื้องต้นได้แล้ว
ซุนเสวียนจีถอนหายใจยาว
นักบวชเต๋าจินเหลียนส่ายศีรษะ
“ตามไปดู ดูเหมือนสวี่ชีอันและเสินซูจะไปแดนประจิม”
แดนประจิมเป็นอาณาเขตของพระพุทธเจ้า การแสดงตัวในเขตเล่ยโจวย่อมเทียบไม่ได้กับการแสดงตัวในแดนประจิม
หากเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ แล้วพวกเขารีบไปในตอนนี้ ก็ยังพอที่จะให้ความช่วยเหลือได้
พระอรหันต์ตู้เอ้อร์พนมมือ
“แดนประจิมอันตรายมาก ควรสังเกตการณ์จากระยะไกลจะดีที่สุด อย่าก้าวเข้าสู่แผ่นดินของแดนประจิม”
เดิมทีลั่วอวี้เหิงอยากติดตามสำนักพ่อมดไป แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ทำได้เพียงล้มเลิกความคิดและไปที่แดนประจิมกับนักบวชเต๋าจินเหลียนและคนอื่นๆ
…
เวลานี้ หลี่เมี่ยวเจินก็ยังคงรอสวี่ชีอันอยู่ระหว่างผืนฟ้าและผืนทะเล
“เจ้าบ้าเอ๊ย ทำไมถึงได้ช้าแบบนี้นะ?!”
จอมยุทธ์หญิงนกนางแอ่นเหินครุ่นคิดด้วยความวิตกกังวล
…………………………………..………………
……….