ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 898 ล่วงล้ำจักรพรรดินี
บทที่ 898 ล่วงล้ำจักรพรรดินี
……….
ภายในห้องบรรทมโออ่ากว้างขวาง หนึ่งคนกำลังยืนและอีกคนกำลังนั่งต่างสบตากันอย่างเงียบๆ
ใบหน้าของฮว๋ายชิ่งค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นอย่างไม่ทันสังเกต ทว่าก็สบตากับเขาอย่างแข็งกร้าวโดยไม่ได้แสดงสีหน้าเขินอาย
นางก็เป็นหญิงสาวเช่นนี้ นิสัยแข็งกระด้าง ต้องเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่อง ไม่ยอมเผยด้านอ่อนแอต่อหน้าคนนอก
“อะแฮ่ม! ”
สวี่ชีอันกระแอมไอ แล้วเอ่ยเสียงเบา
“ขออภัยที่ให้ฝ่าบาทรอนาน”
ฮว๋ายชิ่งพยักหน้าน้อยๆ ไม่เอื้อนเอ่ย
สวี่ชีอันเอ่ยต่อ
“กระหม่อมจะไปอาบน้ำก่อน”
เขาพูดจบก็เดินตรงไปที่ห้องเล็กด้านข้างแท่นบรรทม ที่นั่นเป็น ‘ห้องอาบน้ำ’ ของจักรพรรดินี เป็นห้องที่กว้างขวางอย่างมาก ใช้ม่านผ้าแพรสีเหลืองบดบังสายตาเอาไว้
ส่วนใหญ่ในบ้านของขุนนางเรืองอำนาจต่างก็มีห้องอาบน้ำพิเศษ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดินี
พื้นห้องน้ำสะอาดเรียบร้อย นอกจากอ่างอาบน้ำกว้างที่ทำจากไม้พะยูงหอม บนชั้นวางติดกำแพงยังประดับด้วยขวดและกระปุกรูปแบบต่างๆ
สวี่ชีอันเดาว่าเป็นผงยาคงความงามรักษาความอ่อนเยาว์และคลายกล้ามเนื้อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
เขาถอดเสื้อคลุมออกอย่างรวดเร็ว ก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำ แล้วแช่ตัวตามปกติ อุณหภูมิน้ำไม่สูงแต่ก็ไม่เย็น ฮว๋ายชิ่งน่าจะเตรียมไว้ให้เขา
ระหว่างนี้สวี่ชีอันจับเวลาอยู่ตลอด จับจ้องการเคลื่อนไหวในหอยสังข์
ไม่นานนักเขาก็ลุกออกจากอ่าง คว้าเสื้อคลุมดำลายเมฆที่แขวนอยู่บนฉากกั้นมาสวม แล้วเดินเท้าเปล่าออกจากห้องอาบน้ำกลับไปยังห้องบรรทม
ฮว๋ายชิ่งยังคงนั่งอยู่ข้างแท่นบรรทม อยู่ในท่าทางเมื่อครู่ สีหน้าของนางสุขุม ทว่าท่าทางเหมือนกับเมื่อครู่ทุกประการได้เผยความประหม่าภายในใจนาง
สวี่ชีอันนั่งลงข้างเตียง เขามองเห็นจักรพรรดินีเม้มปากอย่างชัดเจน หลังตั้งตรง ร่างบางเกร็งเล็กน้อย
เขินอาย ประหม่า มีความสุข และรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย…ในฐานะนักรักมือฉมัง เขาเข้าใจสภาพจิตใจของฮว๋ายชิ่งในตอนนี้ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกับฮว๋ายชิ่งที่ไร้ประสบการณ์ สวี่ชีอันที่เจอสถานการณ์เช่นนี้มามากมายไม่ว่าจะเป็น ลั่วอวี้เหิงที่ต่อต้านขัดขืน มู่หนานจือที่ขัดขืนแต่สมยอม หลินอันที่ขี้อายนอนนิ่งไม่ขยับ เย่จีที่อ่อนโยนปากหวาน และหลวนอวี้ที่ดุร้ายเหมือนเสือ
เขารู้ว่าเวลานี้ตนต้องเป็นฝ่ายคุมและทำการโน้มนำ
“นับแต่ฝ่าบาทครองบัลลังก์ ฝนฟ้าในต้าฟ่งก็มาตามฤดูกาล การทำงานของขุนนางก็โปร่งใส การสนับสนุนฝ่าบาทขึ้นรับตำแหน่งเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดที่ข้าเคยทำ” สวี่ชีอันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ทว่าเมื่อย้อนมองอดีต ไม่ว่าอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าเทพธิดาที่พบครั้งแรกในสำนักอวิ๋นลู่จะกลายเป็นจักรพรรดินีในอนาคต”
ความหมายในประโยคนี้เขาทั้งเยินยอฮว๋ายชิ่ง พึงพอใจในความเย่อหยิ่งของนาง ขณะเดียวกันก็เผยความประทับใจอันน่าตื่นตะลึงที่มีต่อนางยามแรกพบอย่างกำกวม
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ฮว๋ายชิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ข้าก็คาดไม่ถึงว่ามือปราบอำเภอฉางเล่อไม่เตะตาในตอนนั้นจะกลายเป็นฆ้องเงินสวี่สะเทือนโลกา”
นางไม่ได้แทนตนเองว่าข้า แต่เป็นข้า
ราวกับผ่อนคลายขึ้นมากทันที
สวี่ชีอันเปิดประเด็นสนทนาต่อ หลังจากพูดคุยได้ไม่นาน เขาก็เริ่มจับมือของฮว๋ายชิ่งก่อน สัมผัสมือที่เยี่ยมยอด อ่อนนุ่ม อบอุ่น และเรียบเนียน
เมื่อสัมผัสได้ถึงร่างบางของจักรพรรดินีหดเกร็ง เขาก็เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ฝ่าบาททรงเขินอายหรือ”
เพราะเมื่อครู่ปูทางไว้แล้ว ความเก้อเขินและอึดอัดใจในตอนแรกก็จางหายไปมาก ฮว๋ายชิ่งจึงเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“ข้าเป็นประมุขของประเทศ ไม่ปล่อยให้จิตใจว้าวุ่นกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้”
เจ้าช่างอวดดีเสียจริง…สวี่ชีอันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ฮว๋ายชิ่งหันหน้าปรายตามองเขา เชิดคางเล็กน้อย พยายามทำหน้านิ่ง แล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ฆ้องเงินสวี่ไม่จำเป็นต้องอึดอัดใจ ข้าบำเพ็ญคู่กับเจ้าก็เพื่อประชาชนในที่ราบลุ่มภาคกลางและประชาราษฎร์ในใต้หล้า แม้ข้าจะเป็นสตรี ทว่าก็เป็นประมุขของประเทศ ฆ้องเงินสวี่อย่าเปรียบเทียบข้ากับหญิงสาวทั่วไป ก็แค่การบำเพ็ญคู่ ไม่ต้องเคร่งเกินจำเป็น…”
น้ำเสียงราบเรียบของนางเปลี่ยนไปทันที เพราะสวี่ชีอันวางมือบนเอวบางของนาง กำลังจะปลดสายคาดเอว สีหน้าที่เยือกเย็นของฮว๋ายชิ่งจึงสลายหายไป
คนปากแข็ง…สวี่ชีอันเอ่ยอย่างแปลกใจ “ฝ่าบาทไม่อยากให้ข้าช่วยปลดอาภรณ์หรือ”
ฮว๋ายชิ่งแสร้งเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ขะ ข้าทำเอง…”
นางปลดสายคาดเอวและถอดชุดคลุมมังกรออกด้วยใบหน้าบูดบึ้ง จ้องมองชุดคลุมมังกรราคาแพงหูฉี่ตกอยู่บนพื้น สวี่ชีอันพึมพำอย่างเสียดาย…ใส่ไว้น่าจะดีกว่า
หลังจากถอดชุดคลุมนอกออก นางเหลือเพียงเสื้อแพรต่วนสีเหลืองสดใสไว้ด้านใน หน้าอกเชิดสูง น่าภาคภูมิใจยิ่งนัก
ฮว๋ายชิ่งยืดอก เชิดคาง จ้องมองเขาราวกับประท้วง
สวี่ชีอันที่รู้จักนิสัยเอาชนะของนางจงใจกระตุ้นนางด้วยคำพูด เยาะเย้ยพร้อมเอ่ยเสียงหวาน
“ฝ่าบาทไร้ประสบการณ์ นอนลงแต่โดยดีเสียเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่กระหม่อมดีกว่า เรื่องชายหญิงใช่ว่าแค่ถอดเสื้อก็จบ”
แม้ฮว๋ายชิ่งจะไร้ประสบการณ์ ทว่าก็เคยเห็นภาพลับมาหลายภาพ จึงกัดฟันตัดสินใจดึงชุดคลุมบนร่างของสวี่ชีอันออกด้วยใบหน้าเยือกเย็น เอื้อมมือสำรวจเอวช่วงล่างของเขาพร้อมจ้องเขม็ง แล้วเก็บมือที่ยื่นอยู่กลางอากาศกลับไปราวกับถูกไฟดูด
นางจ้องเอวช่วงล่างของสวี่ชีอัน ตะลึงอยู่นานก่อนจะเบือนหน้าหนี
ห่างหายกันไปนาน
บรรยากาศตึงเครียดและน่าอึดอัดในคราแรก ฮว๋ายชิ่งที่เริ่มอย่างใจกล้าไม่เกรงกลัวฟ้าดิน แต่กลับไม่รู้วิธีปิดท้าย ความลำบากใจปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจน ทนไม่ไหวแล้ว
สวี่ชีอันทำตัวไม่ถูก ในใจคิดว่า เจ้าใจกล้าเท่าไรก็ทำไปเท่านั้น จะแสร้งทำเป็นชำนาญเรื่องอย่างว่าต่อหน้าข้าทำไม ช่างชอบเอาชนะเสียจริง…
ไม่รอให้ฮว๋ายชิ่งออกความเห็น เขาก็รวบเอวบางของจักรพรรดินีเอาไว้และกดลงไป
ฮว๋ายชิ่งที่ถูกเขากดลงบนเตียงขมวดคิ้วเรียวสวย แม้ใบหน้าจะไม่เต็มใจ แต่กลับโล่งใจ
ทั้งสองหน้าแนบชิดกัน ลมหายใจพ่นอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย ชายด้านบนจับจ้องนางอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถอนใจพร้อมเอ่ย
“งดงามจริงๆ…”
‘เขาก็เอ่ยคำหวานเช่นนี้กับหญิงอื่นด้วยสินะ’…ขณะที่ความคิดแวบเข้ามา ปากเล็กของฮว๋ายชิ่งก็ถูกเขาครอบครอง แล้วออกแรงดูดดึง
เขากัดปากเล็กแดงฉ่ำของจักรพรรดินี ดูดดึงกลีบปากนุ่มและร้อนชื้น
หลังจากเวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ร่างบางที่แข็งทื่อก็อ่อนลงเรื่อยๆ เสียงหอบหายใจก็ยิ่งหนักหน่วง
ดวงตาของนางค่อยๆ เลื่อนลอย พวงแก้มร้อนผ่าว
ขณะที่สวี่ชีอันถอนออกจากกลีบปากอวบอิ่มร้อนชื้นและประคองร่างขึ้นก็มองเห็นใบหน้างดงาม ปลายคิ้วแสดงชีวิตชีวา พวงแก้มแดงระเรื่อราวกับเมาสุรา ปากเล็กที่เจ่อบวมพ่นไอร้อน
สับสนวุ่นวายใจ
บัดนี้ไม่ว่าจะอารมณ์หรือสภาพต่างก็เตรียมพร้อมเต็มที่ ฆ้องเงินสวี่นักรักมือฉมังก็รู้ จักรพรรดินีพร้อมที่จะต้อนรับเขาแล้ว
สวี่ชีอันถอดชุดแพรต่วนออกอย่างชำนาญ ตามด้วยชั้นในสีขาวเงินปักลายบัว จากนั้นเขาก็รู้ว่า ‘หญิงงามดุจหยก’ เป็นอย่างไร
บัดนี้ฮว๋ายชิ่งลืมตา สองมือผลักหน้าอกของเขา สูดหายใจลึก ก่อนจะพยายามเอ่ยไม่ให้เสียงของตนสั่น
“ข้ายังคาใจอยู่เรื่องหนึ่ง”
สวี่ชีอันธนูขึ้นสายเต็มเหนี่ยว ทว่าก็อดทนพร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว
“ใช่เรื่องที่ข้าไม่ยอมถอนหมั้นกับหลินอันหรือไม่”
นางเป็นประมุขของประเทศ สถานะสูงสุด แต่กลับนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงเดียวกับสามีของน้องสาว ไม่เพียงไร้ชื่อไร้สถานะ ยังผิดศีลธรรมอีกด้วย
สวี่ชีอันคิดว่านางสนใจในข้อนี้
ฮว๋ายชิ่งเม้มริมฝีปาก พยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้า น้อยใจอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น
“เจ้าไม่เคยตามจีบข้ามาก่อน”
ไม่ว่าจะเป็นฆ้องทองแดงสวี่ หรือฆ้องเงินสวี่ หรือแม้แต่เทพยุทธ์ครึ่งขั้น เขาก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มจีบหรือแสดงความรัก
นี่เป็นเรื่องที่ฮว๋ายชิ่งเสียใจมากที่สุด
ด้วยเหตุนี้เอง ทันทีที่เขาก้าวสู่ห้องบรรทม ทั้งสองฝ่ายต่างก็อึดอัดใจและเก้อเขิน
พวกเขาข้ามขั้นตอน
สวี่ชีอันเอ่ยเสียงหวานแทบจะไม่ต้องคิด
“เพราะข้ารู้นิสัยหยิ่งผยองของฝ่าบาท ไม่ยอมใช้สามีร่วมกับใคร เพราะข้ารู้ว่าฝ่าบาทมีความทะเยอทะยานอยู่ในอก ไม่ยอมแต่งงานผูกมัดตนเอง เพราะข้ารู้ว่าฝ่าบาทชอบผู้ชายชัดเจนและภักดีมากกว่า…”
แขนเนียนของฮว๋ายชิ่งโอบคอของเขา แล้วกดศีรษะของเขาลงไป
สำหรับหญิงสาวไร้ประสบการณ์มักจะชอบได้รับความเห็นใจในครั้งแรกมากกว่าเรียกร้องอะไรเกินตัว ทว่าฮว๋ายชิ่งเป็นจอมยุทธ์เหนือมนุษย์ จึงมีพลังกายและความอึดอย่างน่าสะพรึง
นางที่ผ่านประสบการณ์ครั้งแรกก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะพ่ายแพ้ติดต่อกัน ปรากฏว่าไม่มีวี่แววขอความเมตตาแม้แต่น้อย ยังค่อยๆ ดีขึ้นอีกด้วย
แท่นบรรทมอันโอ่อ่าราคาแพงหูฉี่ในห้องบรรทมอันหรูหรากว้างขวางส่งเสียงหนักหน่วงเกินต้าน แท่นบรรทมนี้กว้างเก้าฉื่อสี่ชุ่น สูงหนึ่งจั้งสองชุ่น สร้างจากไม้จันทน์แดงผสมกับโลหะ หนักถึงพันจิน
อย่าว่าแต่เสพสังวาส ต่อให้ผู้ใหญ่สองคนร้องรำทำเพลงอยู่ด้านบน แท่นบรรทมก็มิอาจสั่นไหว
ทว่าตอนนี้มันแบกรับการกระแทกที่ไม่เหมาะกับวัสดุ จะทรุดตัวได้ตลอดเวลา
ฝ่าบาทที่เยือกเย็นและน่าเกรงขามมาตลอดก็มีบางเวลาที่หักห้ามใจกับคนรักไม่ได้ หากฉากนี้ถูกนางกำนัลพบเข้า ปรัชญาสามทัศน์จะต้องพังลงเป็นแน่ ดังนั้นฮว๋ายชิ่งเล็งเห็นอนาคตจึงให้นางกำนัลออกไปก่อน
…
“ฝ่าบาท กระหม่อมอยากครอบครองลมหายใจแล้ว”
“ขะ ข้ารู้ว่าทำอย่างไร ไม่ต้องให้เจ้ามาเป็นห่วง…”
“ขะ ข้าไม่เหนื่อย เจ้านอนแต่โดยดีเสียเถอะ…”
“เหตุใดฝ่าบาททรงสั่นเทาทั้งตัว หนาวหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ในคราแรกฮว๋ายชิ่งยังพลิกจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุก แสดงให้เห็นด้านที่แข็งแกร่ง ทว่าเมื่อสวี่ชีอันอมนิ้วมือของนางและจ้องนางตาไม่กะพริบพร้อมส่งยิ้มให้เช่นนี้ ฮว๋ายชิ่งที่เป็นสาวใหญ่ครั้งแรกจะเป็นคู่ต่อสู้ของนักรักมือฉมังได้อย่างไร
ใบหน้าค่อยๆ แดงระเรื่อ กัดริมฝีปากหันหน้า ไม่โต้ตอบด้วยความขุ่นเคือง ปล่อยให้เขาทำ
ช่วงเวลาหนึ่งสวี่ชีอันพลิกร่างหญิงสาวชุ่มเหงื่อในอ้อมอก “ฝ่าบาท โปรดพลิกร่างพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีไม่หลงเหลือความน่าเกรงขามและเยือกเย็น อ่อนยวบทั้งร่าง พึมพำเสียงคร่ำครวญ
…
ทะเลสาบเล็ก เขตพระราชฐาน
มังกรวิญญาณที่ห่อหุ้มด้วยเกราะเกล็ดสีขาวทั่วร่างและเขาทั้งสองบนศีรษะ ทะยานร่างออกมาจากผิวทะเลสาบ ดวงตาทั้งสองราวกับกระดุมเม็ดดำ ทอดมองพระราชวังอย่างไม่กะพริบตา
โชคชะตาที่อัดแน่นรวมตัว มังกรทองที่ใหญ่หนาราวกับเนื้อแท้ขดตัวอยู่บนฟ้า
มังกรวิญญาณเงยหน้าส่งเสียงคำรามอย่างร้อนใจ
ชะตาบ้านเมืองของต้าฟ่งกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ชีพจรมังกรกำลังถูกกลืนกิน
…
ซินเจียงตอนใต้
แม่ย่าเทียนกู่เดินอยู่บนถนนในตลาดประจำเมือง มองคนในเผ่าจากแต่ละเผ่าติดตั้งเสบียงถุงน้อยใหญ่บนรถม้าและรถเกวียน พร้อมออกเดินทางทุกเมื่อ
เมื่อเทียบกับยามที่ออกจากซินเจียงตอนใต้ คนในเผ่าพันธุ์กู่มีประสบการณ์อยู่แล้ว เคลื่อนไหวปราดเปรียวไม่เช้าชามเย็นชาม ยังมีรถม้าและรถเกวียนเพียงพอสำหรับขนส่งสินค้าในตลาดประจำเมืองสามารถนำวัสดุไปได้มากขึ้น
ยามที่อยู่ในซินเจียงตอนใต้ รถม้าก็เป็นของหายาก
เมื่อเดินไปถึงเผ่าลี่กู่ ผู้อาวุโสใหญ่เข้ามาต้อนรับพร้อมเอ่ย
“แม่ย่า จัดเก็บของเรียบร้อย ตอนนี้ก็ไปกันได้แล้ว”
แม่ย่าเทียนกู่พยักหน้าเล็กน้อย
“เผ่าลี่กู่ของพวกเจ้าก็เตรียมการเสร็จแล้ว หกเผ่าที่เหลือต้องเตรียมพร้อมแล้วเป็นแน่”
‘คำพูดของท่านฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ’…ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยหยั่งเชิงด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“พวกเราจะไปเมืองหลวงกันใช่หรือไม่ ข้าคิดถึงศิษย์รักของข้าเหลือเกิน”
เขาหมายถึงสวี่หลิงอินอัจฉริยะตัวน้อยของเผ่าลี่กู่
อัจฉริยะตัวน้อยคนก่อนคือลี่น่า
แม่ย่าเทียนกู่เอ่ย
“ตะวันลับฟ้าแล้ว พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทาง เทพเจ้ากู่ออกทะเลไปแล้ว พวกเราจะไม่เป็นอันตรายในช่วงเวลาสั้นๆ ”
หลังจากลาดตระเวนเสร็จ นางก็กลับที่พักของตน ปิดประตูหน้าต่าง แล้วนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงนุ่ม
เทพเจ้ากู่ออกทะเล พระพุทธเจ้าบุกโจมตีที่ราบลุ่มภาคกลาง เกิดเรื่องไม่ปกติมิอาจเพิกเฉยได้…แม่ย่าเทียนกู่สองมือทำท่ามุทรา จิตสำนึกจมลงสู่เอกภพ ตามหาภาพในอนาคตท่ามกลางความวุ่นวาย
ร่างกายของนางเลือนรางในทันที ราวกับจิตเดิมที่ไม่มีร่างแท้และราวกับร่างกายอยู่อีกโลกหนึ่ง
ลมปราณที่มองไม่เห็นลอยขึ้น อากาศรอบข้างบิดเบี้ยว
วิชาสอดส่องอนาคตของเทียนกู่ แบ่งออกเป็นฝ่ายเริ่มกับฝ่ายถูกกระทำ ภาพในอนาคตที่ปรากฏขึ้นในบางครั้งจะจัดอยู่ในฝ่ายถูกสอดส่อง ตามปกติกรณีนี้ขอเพียงบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่เปิดเผยความลับของสวรรค์ก็จะไม่ถูกแว้งกัด
หากเป็นฝ่ายเริ่มสอดส่องเพื่อมองอนาคตที่ตนต้องการ ไม่ว่าจะเปิดเผยหรือไม่ก็ถูกแว้งกัดตามกฎแน่นอน
แม่ย่าเทียนกู่เป็นคนรักชีวิต ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยเป็นฝ่ายเริ่มสอดส่องอนาคต
ทว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิม พฤติกรรมของพระพุทธเจ้าและเทพเจ้ากู่ประหลาดเกินไป เพราะไม่รู้แน่ชัดว่าพระองค์คิดจะทำอะไร ทำให้กินนอนไม่ได้จริงๆ
คู่ต่อสู้เป็นระดับสุดยอด จะประมาทไม่ได้แม้แต่น้อย
การหย่อนใจอาจจะนำมาสู่ความพ่ายแพ้ที่มิอาจพลิกสถานการณ์ได้
………………………………………
……….