ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนล่มสลาย - ตอนที่ 139
ตอนที่ 139 จูล่งคารวะท่านลอร์ด
“หยุดพูดคุยกันแค่นี้ก่อน ไปที่คฤหาสน์ของเจ้าเมืองด้วยกัน ข้าคิดว่าเตียวหยูอดทนรอไม่ไหวแล้ว” เตียวเหิงมองไปที่ เตียวเมิ่ง และ เตียวจูล่ง และกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ดี ไปกันเถอะ จูล่ง ไปหาเตียวหยูพร้อมกับท่านลอร์ด” เตียวเมิ่งพยักหน้าอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินสิ่งที่เตียวเพิ่งกล่าว
เย่เฉินมองด้วยรอยยิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคํา
ในเวลานี้ เย่เฉินไม่ควรจะขัดจังหวะ เขารู้เรื่องนี้ดี
“ท่านแม่ทัพ จูล่งต้องรบกวนท่านแล้ว” จูล่ง มองไปที่เย่เฉิน ในเวลานี้และกล่าวด้วยท่าทางขอโทษ
“ครอบครัวเดียวกันทําไมต้องพูดให้มากความ ไปกันเถอะ!” เย่เฉินหัวเราะแล้วพูด
หลังจากพูดจบ ให้นําทางไปยังคฤหาสน์ของเจ้าเมือง
จูล่งเหลือบมองที่แผ่นหลังของเยู่เฉิน ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้ม และเดินตามเย่เฉินไปยังคฤหาสน์ของเจ้าเมือง
เดิมที ในมุมมองของจูล่ง เย่เฉินสุภาพกับเขามากแล้ว นี้คงจะเป็นการไว้หน้าเตียวหยู
ท้ายที่สุด เขาไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นนอกจากทักษะการต่อสู้ เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน แต่เย่เฉินเป็นถึงแม่ทัพผิงเป่ยข้าราชการระดับสามของจักรวรรดิฮั่น ตัวตนของเขานั้นยิ่งใหญ่มาก
แต่ข้อเท็จจริงนี้ค่อนข้างแตกต่างจากที่จูล่งคิด
เย่เฉินได้เชิญจูล่งอย่างจริงใจและคําพูดของเขาเผยให้เห็นถึงความเมตตาท่าทางของเขาก็สง่าผ่าเผย
จูล่งย่อมรู้สึกได้และสังเกตุเห็นจุดนี้
การแสดงออกอย่างจริงใจเช่นนี้ไม่สามารถแสร้งทําได้
ดังนั้นหลังจากยืนยันได้ว่าเย่เฉิน ปฏิบัติต่อเขาในฐานะครอบครัวจริงๆจูล่ง ก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเช่นกัน
นครหลุนฮุยคฤหาสน์เจ้าเมือง ห้องนั่งเล่น
หลังจากที่เตียวหยูได้ทราบข่าวการมาถึงของจูล่งเธอก็รีบมาที่นี่ตั้งแต่เช้าเพื่อรอจูล่ง
สําหรับการให้จูล่งไปพบที่เรือนด้านหลังนั้น ก่อนหน้านี้มันไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เย่เฉิน ยังมีเตียวเสี้ยนอยู่ด้วย ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เธอไม่สามารถบอกให้พี่ชายของเธอมาหาเธอที่เรือนด้านหลังได้
ไม่นานหลังจากนั้น เย่เฉิน ก็พา จูล่ง กุยแก เตียวเหิงและเตียวเมิ่งมายังห้องนั่งเล่น
“พี่ชาย…” เตียวหยูที่กําลังเดินไปมาในห้องนั่งเล่น น้ําตาไหลทันทีหลังจากเห็นจูล่งที่อยู่ข้างหลังเย่เฉิน จากนั้นก็รีบตะโกนออกมา
“เสี่ยวหยู่…” จูล่งผ่อนคลายลงทันทีหลังจากได้ยินเสียงของเตียวหยู
เสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านี้เป็นเพราะความตื่นเต้นของเขา
ก่อนหน้านี้จูล่งลงจากภูเขามา เมื่อกลับถึงบ้าน เขาพบว่าน้องสาวของเขาหายตัวไป หลังจากการสอบถามหลายที่ เขาไล่ตามหามาจนถึงอิวจิ๋ว และมายังนครหลุนฮุย
จูล่งเดินทางตามหาด้วยความกังวล ในโลกนี้เขาเหลือเพียงน้องสาวคนเดียว หากเกิดอะไรขึ้นกับเตียวหยู เขาคงจะไม่ยกโทษให้ตัวเองไปตลอดชีวิต
หลังจากที่ได้เห็นเตียวหยู ในตอนนี้ ในที่สุดจูล่งก็สัมผัสได้ว่าน้องสาวของเขานั้นมีความสุขมากในขณะนี้
หินก้อนใหญ่ที่คอยถ่วงหัวใจของเขาอยู่ได้ถูกนําออกไปแล้วในขณะนี้
“ไปเตรียมอาหารและเหล้ามา” เย่เฉินมองไปยังสาวใช้ที่ประตูและสั่ง
“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ” สาวใช้โค้งคํานับอย่างรวดเร็วและเดินไปยังห้องครัว
“สามีค่ะ ข้าขอคุยกับกับพี่ชายข้าเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่” เตียวหยูปาดน้ําตา จากนั้นมองไปที่เย่เฉินและกล่าวถามออกมา
“ไปเถอะ มีศาลาอยู่ด้านหลัง ที่นั่นค่อนข้างเงียบสงบ” เย่เฉินผงะไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา
เตียวหยูบอกว่าเธอต้องการพูดคุยกับจูล่งเป็นการส่วนตัว ถึงเย่เฉินจะไม่ถามว่าเธอจะคุยอะไรกับพี่ชาย เย่เฉินก็พอจะเดาออกในสิ่งที่เตียวหยูคิด เธอน่าจะต้องการให้จูล่งอยู่ที่นี่
“เสี่ยวหยู หากมีอะไรก็ไปคุยกันข้างนอกเถอะ ด้านหลังนั้นพี่เข้าไปไม่ได้” จูล่งส่ายหัวและพูดอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขาไม่คิดว่าจูล่งจะพูดแบบนั้น
ถึงจะหัวโบราณไปหน่อยแต่ก็เป็นคนที่ซื่อตรงอย่างมาก
ทันทีที่เย่เฉิน คิดถึงเรื่องนี้จูล่ง ก็ออกจากห้องนั่งเล่นไปยังลานด้านหน้า
เมื่อเห็นดังนั้นเตียวหยูก็เดินตามออกจากห้องนั่งเล่นไป
เย่เฉินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แล้วโบกมือให้สาวใช้ในบ้านออกไปทันที
ในขณะนี้กุยแกก็มองไปที่เย่เฉิน และพูดออกมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ท่านลอร์ด จูงล่งคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านลอร์ด ที่ได้เขามาเป็นทหารเสืออีกคน”
“ข้ายังไม่ได้รับการยอมรับจากเขา” เย่เฉินถอนหายใจแล้วพูดต่อ:
“ถ้าเขาเข้าร่วมกับเราจริง ๆวันที่ชื่อหลุนฮุยจะได้แพร่กระจายไปทั่วโลกมันก็จะไม่ไกลเกินเอี้อม”
“นายท่าน ท่านไม่ได้รับนางเป็นภรรยาเพราะเรื่องนี้หรอกหรือ?” กุยแกกล่าวออกมาอย่างสง
” หืม?” เย่เฉินตกตะลึงอยู่พักหนึ่งแล้วมองไปที่เตียวหยู ในสนาม
ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน…
หากเจ้าเกลี้ยกล่อมจูล่งให้มาเป็นกําลังแก่ข้า…
สิ่งนี้อาจจะเป็นไปได้…
เย่เฉินไม่เคยคิดที่จะขอให้เตียวหยู ออกหน้าและชักชวนจูล่งให้เข้าร่วมกับนครหลุนฮุย
เย่เฉินไม่คาดคิดว่าจูล่งจะมาเร็วขนาดนี้ และเมื่อเขาเจอจูล่งเขาก็มีความสุขมากจนลืมเรื่องนี้ไปเลย
ในขั้นต้นเย่เฉิน วางแผนที่จะพาจูล่งเข้ามายังในเมืองก่อนและทานอาหารด้วยกันก่อน และในตอนเย็นเขาจะบอกให้เตียวหยูชวนจูล่งมาอยู่ในเมืองหลุนฮุย
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่จําเป็นอีกต่อไป
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นเมื่อเห็นเตียวหยูแสดงออกเช่นนี้
“ท่านลอร์ด จูล่ง ต้องเข้าร่วมกับนครหลุนฮุย อย่างแน่นอน” เตียวเมิ่งมองไปที่เย่เฉิน และพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“ชายชราผู้นี้ก็คิดแบบนั้นเช่นกัน แม้ว่าทุกคนมีความทะเยอทะยานและเป้าหมายของของตัวเอง แต่เตียวหยูเป็นญาติคนเดียวของจูล่งที่หลงเหลือในโลกนี้” เตียวเหิงก็พยักหน้าและกล่าวออกมาเช่นกัน
เย่เฉินอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หากแม่ทัพในประวัติศาสตร์ชั้นยอดสามารถพิชิตได้ง่ายดาย จะไม่มีบุคคลสําคัญทาง ประวัติศาสตร์มากมายในชีวิตก่อนหน้านี้ที่ยังคงมีส่วนร่วมกับประวัติศาสตร์เดิมและถูกทําลายล้างกลายเป็นผงธุลีแห่งประวัติศาสตร์ไป
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้อนธูป เตียวหยูก็เดินกลับมาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางที่มีความสุขแล้วมองมาทางเย่เฉิน
ดวงตาของ เปล่งประกายทันทีเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้
สำเร็จแล้ว!
“สามีคะ ข้าจะกลับไปรอที่เรือนหลังแรก” เตียวหยูยิ้มแล้วโค้งคํานับ ให้เย่เฉิน แล้วเดินออกไป
จูล่งเหลือบมองเตียวหยู จากนั้นมองไปที่เย่เฉิน คุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับตะโกน
“เสียงสานเจิ้นติ้ง, เตียวจูล่ง ต้องการสวามิภักดิ์ต่อท่านแม่ทัพผิงเป่ย ได้โปรดรับข้าเข้าร่วมกองทัพของท่านด้วย”
เย่เฉินยืนขึ้นทันทีเมื่อเขาได้ยินดังนั้น
บ้าเอ้ย! ในที่สุด!
ทันใดนั้นเสียงระบบก็ดังขึ้น
“ติ้ง แม่ทัพในประวัติศาสตร์ระดับพิเศษ เตียวจูล่งต้องการสวามิภักดิ์ต่อคุณ คุณจะยอ มรับหรือไม่?”
มารดามันเถอะยังต้องพิจารณาอะไรอีก?
ยอมรับ!
“ติ้ง ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นเย่เฉิน ที่ได้รับผู้บัญชาการทหารระดับพิเศษ และได้รับความจงรักภักดีของจูล่ง”
หลังจากได้ยินระบบแจ้งเตือน เย่เฉินก็รีบเดินไปด้านหน้าและช่วยพยุงจูล่ง ขึ้นแล้วพูดอย่างตื่นเต้น
“ในเมื่อข้าได้รับความช่วยเหลือจากจูล่ง ต่อจากนี้ไปข้าไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการทํางานใหญ่อีก!”