ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนล่มสลาย - ตอนที่ 168 ทัพหน้าจูล่ง
ตอนที่ 168 ทัพหน้าจูล่ง
คําพูดของเยู่เฉิน หากใครมาได้ยินครั้งแรก เหล่าผู้คนคงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลื่อมใส แม่ทัพผิงเป่ยเป็นคนตรงไปตรงมาและน่านับถือ
แต่ถ้าใครก็ตามที่ได้รู้ความหมายที่แท้จริงในคําพูดนั้น พวกเขาจะต้องตกตะลึงในทันที
มารดามันเถอะ แม่ทัพผิงเป๋ยผู้สง่างามสามารถเปล่งคําพูดที่เร่าร้อนและชอบธรรม ทําไมเขาถึงได้ทําสิ่งเลวร้ายเช่นนี้
“คําพูดของท่านลอร์ดนั้นยอดเยี่ยม เจ้าเมืองกังตั้งเลวร้ายอย่างแท้จริง ข้าจะเขียนจดหมายเพื่อเปิดเผยความชั่วของเขาประจานแก่เหล่าชาวประชา!” กุยแกกระแอมก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม
“ไม่” เย่เฉินส่ายหัวก่อนจะพูด
“ท่านลอร์ดจะปล่อยให้เขาได้โอกาสทําสิ่งชั่วร้ายลับหลังได้อย่างไร!” กุยแกรีบโค้งคํานับและพูด
เย่เฉินรู้ดีว่ากุยแก หมายถึงอะไร ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยซัวเอี่ยมไป เขาจึงต้องแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อยไม่เช่นนั้นจะทําให้เกิดภัยพิบัติมากมาย
แต่เย่เฉินไม่ได้สนใจตระกูลเจ้าเมืองกังตั้งแม้แต่น้อย ไม่ว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถสร้างปัญหาให้เขาได้
ดังนั้นแม้ว่าตระกูลเจ้าเมืองกังตั้งจะโกรธแค้นเย่เฉิน พวกเขาก็ไม่สามารถก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อเย่เฉินได้
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน หากไม่สามารถปิดปากของเจ้าเมืองกังตั๋ง ชื่อเสียงของเยเฉินจะต้องเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
แม้ว่ามันจะไม่ทําให้เจ็บปวดหรือคัน แต่มันก็เป็นผลเสียกับเย่เฉินอยู่บ้าง
ส่วนเหตุผลที่เย่เฉินไม่เห็นด้วยกับวิธีการของกุยแกก็เพราะว่าเย่เฉินไม่ต้องการเสียเวลากับเจ้าเมืองกังตั้ง
มีตัวแปรมากเกินไปสําหรับเหตุการณ์บางอย่างที่จะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นหากตาแก่ซัวหยงนั้นดื้อรั้นจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ยากขึ้น
เว้นเสียแต่ว่าเย่เฉินไม่บังคับกักขังซัวเอี่ยม เมื่อซัวหยงออกมาชี้แจง ซัวเอี่ยมทําได้เพียงตามซัวหยงกลับไปและเดินตามเส้นทางเก่าของประวัติศาสตร์เช่นเดิม
หากเราทําตามเส้นทางในประวัติศาสตร์เดิมซัวเอี้ยมจะแต่งงานกับบัตรชายของเจ้าเมืองกังตั้งเว่ยจงเต้าจากนั้นเธอก็จะเป็นม่ายตั้งแต่งอายุยังน้อย เมื่อสงครามเริ่มต้นชั่วเอี่ยมจะถูกจับตัวไปและต้องแต่งงานกับประมุขของเผ่าซยงหนู เธอจะอยู่ในเผ่าซยงหนูเป็นเวลาสิบสองปีแล้วเป็นโจโฉ ที่ไปไถ่ถอนตัวเธอกลับมาและให้แต่ง งานกับตั้งกี่
พูดง่ายๆ หากปล่อยไปตามกระแสประวัติศาสตร์ชีวิตของซัวเอื้อมนั้นน่าเศร้าเป็นอย่างมาก
เย่เฉินรู้สึกรําคาญเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ตอนนี้เย่เฉินได้เกิดใหม่แล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ซัวเอี่ยมไปตามเส้นทางเก่าของประวัติศาสตร์
ยิ่งไปกว่านั้นซัวเอี่ยมยังเป็นสาวงามที่ระบบผานก่ยอมรับซึ่งมีความสําคัญกับปราสาทนกยูงทองแดงเย่เฉินจะไม่มีทางปล่อยนางไป
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เฉินก็มองไปที่กุยแก และพูดว่า:
“เจ้าไม่จําเป็นต้องกระจายข่าวเพื่อเปิดโปงเขา พรุ่งนี้เราจะออกต้องเดินทางเพื่อโจมตีเมืองปักเป้งเพื่อปราบกบฎข้าคิดว่าเจ้าเมืองกังตั้งจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
ทันทีที่ได้ยินคําพูดของเยเฉินกุยแก ก็ผงะจากนนั้นโค้งคํานับและพูดว่า “ท่านลอร์ดคือปราชญ์ที่แท้จริง!”
กลยุทธ์ของเย่เฉินไม่ใช่แค่การวางยาพิษธรรมดา กุยแกจะมองไม่เห็นได้อย่างไร นี่เป็นโอกาศที่จะบีบบังคับให้เจ้าเมืองกังตั้งตายในกํามือ
เตียวหุ่นเป็นหนึ่งในผู้นําเหล่ากบฏ ถ้าหากเย่เฉินพบอาวุธจากกังตั้ง ในเมืองปักเป้ง ตระกูลเวียจะต้องถูกถลูกหนังทั้งเป็นอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นพวกมันจะต้องหาทางประนีประนอมกับเย่เฉินแน่นอน
หากมันมาหาเยู่เฉินในเวลานั้นมันก็แล้วแต่เย่เฉินว่าจะปล่อยมันหรือสังหารมัน
ในเวลานั้น เจ้าเมืองกังตั้งไม่มีทางจะกล้าพูดอะไรอีก เขาทําได้เพียงกลายเป็นคนโง่ที่ต้องกลืนคางคกทั้งเป็น
“เห้อ” เย่เฉินถอนหายใจเป็นเวลานาน จากนั้นมองไปที่เตียวเมิ่งและถามว่า “เจ้าคัดเลือกทหารหรือยัง?”
การเลือกของเยเฉิน หมายถึงคุณสมบัติของบุคคลที่สามารถทําหน้าที่เป็นทหารได้อย่างน้อยพวกเขาต้องมีระดับ C
เมืองหลุนฮุยถูกสร้างขึ้นโดยคําสั่งการสร้างหมู่บ้านระดับพระเจ้าและมีความสามารถยกระดับคุณสมบัติขึ้นสองระดับ
การเลื่อนจากระดับ C สองระดับนั้นพวกเขาจะกลายเป็นระดับ A และนี่คือการสร้างเหล่าทหารชั้นยอดของ เย่เฉิน
แน่นอน ถ้าหากเส้นทางการสร้างทหารชั้นยอดของเยเฉิน ถูกกระจายออกไป มันจะทําให้คนจํานวนมากหวาดกลัวจนตาย
มารดามันเถอะ ข้าไม่สามารถทําแบบนั้นได้ จะไปหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเช่นนั้นมากมายมาจากไหนกัน
จากการสํารวจทั้งหมด จํานวนทหารในอาณาเขตของผู้เล่นมีไม่เกิน 10,000 คน
และส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติเพียงระดับ F
เยเฉินนั้นบ้ามาก ที่ตั้งเกณฑ์เริ่มต้นที่ระดับ A และ เขายังสามารถเล่นเกมได้อย่างมีความสุข
แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีใครรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของทหารหลุนฮุย
เมื่อมีคุณสมบัติระดับ A ศักยภาพของคนผู้นั้นจะสูงมาก และยังมีจํานวนเกิน 100,000คน ยังไม่พูดถึงกองกําลังพิเศษหลุนฮุยที่ผิดปกติอีก 10,000 นาย
เมื่อเดียวเพิ่งได้ยินคําถามของเยเฉิน เขาก็รีบพูดขึ้นว่า “ท่านลอร์ด ทหารทั้งหมดแปดแสนสองหมื่นนายถูกเลือกออกมาหกหมื่นห้าพันคน”
“หกหมื่นห้าพันคน…ก็ดี” เย่เฉินพยักหน้า จากนั้นมองไปที่จูล่งและถามว่า:
“จูล่งเจ้าสนใจจะสร้างกองทัพพิเศษหรือไม่”
จ่ ๆ จล่งก็เบิกตากว้างทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แล้วก็พดด้วยความตกใจ
“นายท่าน! ข้า..”
เย่เฉินยกมือขึ้นเพื่อขัดจังหวะจูล่ง แล้วพูดว่า:
“จูล่งข้าไม่ได้กล่าวถึงคุณสมบัติ นับประสาอะไรกับประสบการณ์ ทุกคนที่นี่ยังมีประสบการณ์ไม่มากนักแม้แต่เตียวเพิ่งเองก็พึ่งได้เข้าร่วมการต่อสู้ไม่กี่ครั้ง เช่นเดียวกับเตียนอุย”
เมื่อพูดตรงนี้ เย่เฉินก็กล่าวด้วยน้ําเสียงที่ลึกล้ํา: “จูล่ง เจ้ามีความมั่นใจที่จะสร้างกองทัพพิเศษที่ทรงพลังออกมาได้หรือไม่!”
“พรึบ”
จูล่งยืนตัวตรง จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่ง และตอบเสียงดัง:
“ข้า มั่นใจ!”
จูล่งเพิ่งก้าวลงจากภูเขาอี้เฉงเดิมที่เขาต้องการจะรับราชการเป็นทหาร แต่โดยบังเอิญเขาได้พบกับเย่เฉินและต่อมาก็กลายเป็นพี่เขยของเยเฉิน
แต่สิ่งนี้ไม่สําคัญ สิ่งสําคัญคือจูล่งไม่ได้คาดหวังว่าเย่เฉินจะให้ความสําคัญกับเขามากกว่าที่เขาคิดและเขาจะได้รับอํานาจในการสั่งการกองทัพตั้งแต่เริ่มต้นเข้าร่วมกับกองทัพ
นี้คือสิ่งที่จูล่งใฝ่ฝันเขาจึงไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้เลย
เย่เฉินมองไปที่จูล่งที่กําลังมีท่าทีตื่นเต้น เขาหัวเราะแล้วพูดว่า:
“ดี! จ้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถสร้างกองทัพพิเษที่ไม่เหมือนใครได้ในไม่ช้า!”
ถึงเย่เฉินไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เย่เฉินก็รู้ว่าขุนพลในประวัติศาสตร์ชั้นยอดทุกคนจะสามารถสร้างกองทัพพิเศษที่ไม่เหมือนใครออกมาได้ นี่คือลักษณะของขุนพลชั้นแนวหน้าในประวัติศาสตร์
“ผู้ใต้บังคับบัญชาจะทําอย่างสุดความสามารถ! เพื่อฝึกกองทัพเลือดเหล็กเพื่อท่านลอร์ด!” จูล่งสูดหายใจเข้าลึกแล้วตะโกนเสียงดังลั่น
เย่เฉินยิ้มและพยักหน้าแล้วกล่าวว่า:
“จํานวนที่ตั้งไว้อย่างคร่าวๆคือ 50,000 เจ้าสามารถเลือกทหารและม้าได้ ตราบใดที่เจ้ามีเกราะของนครหลุนฮุย เจ้าสามารถกําหนดมันได้ตามต้องการ หากเจ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมเพียงแค่กล่าวออกมาข้าจะจัดหามาให้เจ้าหากหาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ข้าก็จะช่วงชิงมันมา!”
เมื่อจูล่งได้ยินคําพูดของเยู่เฉิน ลมหายใจของเขาก็ยิ่งหนักขึ้น หลังจากนั้นไม่นานจูล่งก็พูดอย่างหนักแน่น
“ข้า สาบานว่าจะติดตามท่านลอร์ดไปจนวันตาย หากฝ่าฝืนคําสาบานนี้ ขอให้สวรรค์ลงโทษจนตาย!”
สิ่งที่จูล่งคิดอยู่ในใจเย่เฉินสามารถมองออกได้ ความจงรักพักดีเช่นนี้คือสิ่งที่เย่เฉินต้องการ
“พรุ่งนี้เจ้าจะต้องนําทัพออกไปล่วงหน้า เจ้ายินดีที่จะเป็นผู้บุกเบิกหรือไม่” เย่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วถาม
“หยุนเต็มใจที่จะเป็นทัพหน้า!” จูล่งตอบเสียงดังโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ท่านลอร์ด ข้าต้องการจะเป็นทัพหน้าเช่นกัน!” เสียงของเตียวเพิ่งดังขึ้นในเวลานี้ เขาคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วตะโกนออกมา
เตียวเพิ่งรู้สึกอึดอัดมาก ก่อนหน้านี้กองทัพซุ่มโจมตีกองทหารม้าอูหวนโดยไม่มีเขา
ตอนที่เดินทางไปยังลกเอี้ยนก็ไม่มีเขา เดินทางกลับเมืองหลุนฮุยเขาก็ไม่ได้สู้รบไปพร้อมกับเย่เฉิน
การซุ่มโจมตี เขาต้องรับหน้าที่เพียงปิดกั้นทางหลบหนีของศัตรู
ตอนนี้ถึงเวลานําทัพออกไปปราบพวกกบฏ และทัพหน้าก็กลายเป็นจูล่งอีกครั้ง
ถ้าเจ้าไม่ได้ออกไปต่อสู้ เจ้าจะกลายเป็นแม่ทัพจริงๆได้อย่างไร นี้ไม่ใช่สิ่งที่เตียวเพิ่งต้องการ
เย่เฉินมองไปที่เตียวเพิ่งด้วยใบหน้าจริงจัง เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า:
“เตียวเมิ่ง เจ้าต้องการเป็นผู้บัญชาการรบของทัพหน้าหรือต้องการเป็นรองผู้บัญชาการ?”
“ข้า…” เตียวเพิ่งผงะเมื่อได้ยินคําพูดของเย่เฉิน จากนั้นใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง
เขาเหลือบมองไปที่จูล่งที่ไร้อารมณ์ด้วยท่าทางมืดมน จากนั้นก็กล่าวต่อ: “ข้าเต็มใจจะเป็นรองผู้บัญชาการ”