ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนล่มสลาย - ตอนที่ 171
ตอนที่ 171 ทักษะพรสวรรค์ของซัวเอี่ยม
เกมยุคก่อนประวัติศาสตร์ พื้นที่มือใหม่สามก๊ก จตุรัสนครหลุนฮุย
แสงสีทองสองดวงส่องสว่างขึ้นจากความว่างเปล่า เย่เฉินและเตียนอยที่พึ่งหายตัวไปก็ปรากฏขึ้น
“ท่านลอร์ด” กุยแก จูล่ง เตียวเมิ่ง เตียวเหิง โค้งคํานับทันทีหลังจากเย่เฉินปรากฎตัว
เย่เฉินยิ้มและพยักหน้าจากนั้นก็กล่าวว่า: “ทุกคนแยกย้ายกลับไปพักผ่อนก่อนเตรียมพร้อมออกไปปราบกบฏในวันพรุ่งนี้!”
“ครับ ท่านลอร์ด!” ทุกคนต่างตอบพร้อมกัน
เย่เฉินเหลือบมองทุกคนก่อนจะก้าวเดินกลับไปยังคฤหาสน์ของเจ้าเมือง
เย่เฉินจากไปแล้ว แต่เตียวเหิง เตียวเมิง จูล่ง และกุยแกยังไม่ได้จากไป
ทั้งสี่คนพากันรุมถามเตียนอุย ว่าโลกแห่งความจริงเป็นอย่างไร
พวกเขาอยากรู้อยากเห็นอย่างมากเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริง แน่นอนว่าพวกเขาต้องการติดตามเย่เฉินไปยังโลกแห่งความเป็นจริงเช่นกัน
น่าเสียดายที่เตียนอยเป็นคนแรกที่ไปยังที่แห่งนั้น
คฤหาสน์เจ้าเมือง
ในขณะที่เย่เฉินเดินเข้าไปยังคฤหาสน์ ช่องแชทโลกซึ่งเดิมที่เงียบสงบก็วุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
“บัดซบ! ดูสิ นครหลุนฮุย ข้าเห็นนครหลุนฮุยแล้ว!”
“ไหน ที่ไหน?”
“ในตัวเลือกของรูปแบบอาคมเคลื่อนย้าย มารดามันเถอะ มีตัวเลือกสําหรับนครหลุนฮุยปรากฏขึ้นมา! พวกเราสามารถเคลื่อนย้ายไปยังเมืองหลุนฮุยได้!”
“บ้าเอ้ย! งั้นไปเร็ว! จะรออะไรอีก!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า บอสเย่เฉินนั้นยอดเยี่ยมมาก เขาต้อนรับพวกเราทุกคนสู่นครหลุนฮุย”
“บัดซบ! เทเลพอร์ทไม่ได้”
“เป็นไปได้ยังไง! ทําไมมันเทเลพอร์ตไม่ได้? ไม่มีนครหลุนฮุยอย่างงั้นหรอ?”
“ไม่ใช่ว่ารูปแบบอาคมเคลื่อนย้ายถูกจํากัดใช่ไหม”
“บัดซบ ไม่มีเหตุผลเลย บอสเย่ไม่ใจดีขนาดนั้น เขาสร้างรูปแบบอาคมเคลื่อนย้าย แต่ห้ามไม่ให้คนนอกใช้”
“บอสเย่อย่าใจร้ายนักเลย เปิดฟังก์ชั่นเทเลพอร์ต เราจะไปยังเมืองหลุนฮุย!”
“ใช่แล้ว เราจะไปเมืองหลุนฮุยเพื่อเดินเล่นเท่านั้น!”
เย่เฉินได้เห็นเนื้อหาการสนทนาของเหล่าผู้เล่นในช่องแชทโลก เขาอ่านสองสามข้อความและไม่สนใจมันอีก
เรื่องตลกคืออะไรกัน? หากเปิดฟังก์ชั่นเทเลพอร์ต ภายในสิบนาที นครหลุนฮุยจะเต็มไปด้วยผู้เล่น
จากนั้นคิดแดนของเขาจะถูกโจมตีและจะเกิดความวุ่นวายในทันที
ถึงคนที่มาจะไม่ได้ตั้งใจมาโจมตี แต่พวกเขาอาจเปลี่ยนใจและมีส่วนร่วมในการโจมตีนครหลุนฮุยหลังจากเห็นคนเริ่มโจมตี เย่เฉินมั่นใจอย่างมากในเรื่องนี้
คฤหาสน์เจ้าเมือง เรือนส่วนหลัง.
ทันทีที่เย่เฉินมาถึงบ้านหลังนี้ เขาก็ได้ยินเสียงดนตรีก้องกังวาล
ฟังสบายหู สวยงาม สดชื่น เหมือนให้ความรู้สึกลึกลับ ทําให้ร่างกายผ่อนคลาย
นี่คือ……
การบรรเลงเสื้อของซัวเอี่ยม.. (***เสื้อคือเครื่องดนตรีที่มี25สาย คล้ายกับกู่เจิงที่มี21สาย)
เมื่อคิดได้ดังนั้น เย่เฉินเดินตามเสียงเส้อไปในทันที
ไม่นาน เย่เฉินก็มาถึงศาลาหลังบ้าน
หญิงสาวอายุยี่สิบแปดปีสวมชุดสีขาวพลิ้วไสวตามสายลม นิ้วเรียวยาวเนียนดั่งหยกของนางดีดสายอย่างอ่อนโยน
ใบหน้าที่งามล่มเมืองสะท้อนในแสงจันทร์ยิ่งทําให้เหมือนได้รับการขัดเกลาเป็นพิเศษ
นางคือซัวเอี่ยม…
ทันทีที่เห็นซัวเอี่ยม เย่เฉินก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง
ความงดงามของเธอนั้นแตกต่างจากเตียวเสี้ยน อารมณ์ของเธอก็แตกต่างกัน เรียกได้ว่าแต่ละคนก็มีข้อดีของตัวเอง
เย่เฉินไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เฝ้ามองดื่มต่ําไปกับความงามของซัวเอี่ยม และฟังเสียงเสื้อที่เธอกําลังบรรเลง
เมื่อเวลาผ่านไป เย่เฉินก็ตระหนักว่าความคิดของเขาค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ความเข้าใจของเขาก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เขาได้เข้าใจบางสิ่งที่เขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับทักษะเก้าโคจรศักดิ์สิทธิ์ในทันที
เทพอัสนีบาตที่คลุมเครือเข้าใจยากก็เปิดประตูให้เย่เฉินในเวลานี้
เมื่อได้ดังนั้นเย่เฉินก็ไม่ลังเลใจที่จะเริ่มฝึกทักษะบ่มเพาะเทพอัสนีบาตในทันที
เพราะทักษะเทพอัสนีบาต นั้นคลุมเครือเข้าใจยากยิ่งกว่าทักษะเก่าโคจรศักดิ์สิทธิ์
ไม่ใช่ว่าเพราะว่าทักษะเทพอัสนีบาตจะมีระดับสูงกว่าทักษะเก้าโคจรศักดิ์สิทธิ์ แต่เย่เฉินไม่เคยได้ฝึกฝนทําความเข้าใจมันมาก่อน
ดังนั้นในตอนแรกดวงตาของเขาจึงมืดมน ในขั้นต้นเย่เฉินวางแผนที่จะใช้เวลาทําความเข้าใจทักษะเทพอัสนีบาต
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่จําเป็นแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากเสียงดนตรีที่ซัวเอี่ยมบรรเลง ประตูของทักษะเทพอัสนีบาทจึงได้เปิดออก
หนึ่งนาที สองนาที ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง
ในระหว่างการฝึกฝนของเย่เฉิน จู่ๆก็มีสายฟ้าแลบที่มีขนาดเล็กจํานวนมากปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา
ผ่านไปชั่วเวลาน้ําชาเดือด เย่เฉินก็ลืมตาขึ้นทันที และมีสายฟ้าแวบผ่านในดวงตาของเย่เฉิน
ข้าเข้าใจมันแล้ว! ขั้นต้นของทักษะเทพอัสนีบาต! ถึงจะยังอยู่ในสถานะปิดผนึกแต่ข้าก่อเริ่มฝึกฝนมันได้แล์
เย่เฉินหยุดคิดด้วยความปีติยินดี ในขณะเดียวกันเสียงเส้อที่ไพเราะและน่าอัศจรรย์ก็จบลงอย่างกะทันหัน
“ขอแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพ” ในตอนนี้เสียงที่คมชัดแต่ดูเหนื่อยล้าก็ดังขึ้น
เมื่อเย่เฉินได้ยินสิ่งนี้ เขาก็มองไปยังซัวเอี่ยมทันที วินาทีถัดมา หัวใจของเย่เฉินก็สั่นสะท้าน
นิ้วที่เรียวขาวของซัวเอี่ยมตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด
ใบหน้างามล่มเมืองของนางในเวลานี้ซีดเผือด
และนางก็กําลังเอนกายพิงเสาของศาลาอย่างอ่อนแรงเหมือนจะล้มลงตลอดเวลา
ร่างของเย่เฉินขยับ จากนั้นเขาก็ไปด้านข้างของซัวเอี่ยมพยุงนางเดินไปที่บ้านหลังใหญ่
ทันทีที่พวกเขาเปิดประตูเข้าไปเตียวหยู และ เตียวเสี้ยน ก็อุทานด้วยเสียงต่ํา
“ท่านพี่…” เตียวหยูตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นเย่เฉินกลับมาพร้อมกับซัวเอี่ยมที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
เธอเห็นว่าท่าทางของตอนนี้ซัวเอี่ยมในตอนนี้นั้นไม่ถูกต้อง
“เร็วเข้า มาดูนาง นางไม่ค่อยดีนัก” เย่เฉินกล่าวอย่างเร่งรีบ
“ท่านพี่รีบพาเธอไปยังเตียง” เตียวหยูรีบกล่าว
เย่เฉินพยักหน้าแล้วค่อยๆวางซัวเอี้ยมลงบนเตียง
เตียวหยูเริ่มตรวจอาการซัวเอี่ยมในทันที
“ท่านพี่ น้องสาวซัวเอี่ยมได้รับบาดเจ็บที่นิ้ว เพราะการบรรเลงเสื้อหรือเปล่า?” เตียวเสี้ยนมองไปที่เย่เฉิน และถามด้วยความสงสัย
“พวกเจ้าไม่ได้ยินหรอกเหรอ?” เย่เฉิน ผงะไปครู่หนึ่งแล้วถาม
“ไม่ ข้าอยู่ในบ้านกับพี่สาวเตียวหยู ไม่…” เตียวเสี้ยนที่กําลังพูดก็หยุดชะงัก สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป และเธอก็ถามเย่เฉินออกมาด้วยความประหลาดใจ:
“ท่านพี่ ท่านได้ฝึกฝนตอนที่น้องสาวซัวเอี่ยมเล่นเส้อหรือเปล่าคะ?”
เย่เฉินพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ท่านพี่ น้องสาวซัวเอี่ยมต้องการใช้สิ่งนี้และขอให้เธอปล่อยเธอไป…” เตียวเสี้ยน ถอนหายใจแล้วพูด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เย่เฉินขมวดคิ้วก่อนจะถาม
“ท่านพี่ พี่สาวเตียวหยูและข้านั้นมีพรสวรรค์แต่กําเนิด ตัวข้ามีศิลปะการป้องกันตัว ซึ่งสามารถช่วยให้ท่านพี่พัฒนาไปสู่อีกระดับหนึ่ง พี่สาวเตียวหยูมีความสามารถในการฟื้นฟูรักษาและสามารถช่วยให้ท่านพี่ฟื้นคืนสู่จุดแข็งแกร่งที่สุดในทันที ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เตียวเสี้ยนก็เหลือบมองซัวเอี่ยม ที่กําลังอ่อนแอแล้วพูดต่อ:
“และน้องสาวซัวเอี่ยมก็มีความสามารถเช่นกัน ความสามารถของเธอนั้นอยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์ ความสามารถแบบนี้ไม่สามารถใช้ได้ตลอดเวลา มันจะกลืนกินอายุขัยสิบปีเป็นอย่างน้อย…”
เย่เฉินขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เย่เฉินเข้าใจความหมายของเตียวเสี้ยนดี ซัวเอี้ยมใช้ความสามารถตามธรรมชาติของนางเพื่อแลกกับอิสระและต้องการจะจากไป
เธอต้องการออกไปจากนครหลุนฮุย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่เฉินก็เงียบไปชั่วครู่จากนั้นก็เดินไปยังเตียงและมองมองไปที่ซัวเอี่ยม ที่อ่อนแออย่างยิ่ง ในเวลานี้และกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม:
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ บางทีคําพูดของบิดาเจ้าอาจมีความสําคัญกับเจ้ามาก แต่สําหรับข้า มันเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ! เจ้ายังไม่เคยเห็นหน้าเว่ยจงเต้าด้วยซ้ํา แต่กลับยอมสละชีวิตเพื่อการนี้เจ้าคิดว่ามันคุ้มไหม?
เจ้ายอมสละชีวิตเพื่อแลกกับอิสรภาพ ข้อนี้ข้าชื่นชมจากใจ แต่ตอนนี้ข้าสามารถบอกเจ้าได้อย่างชัดเจน!
เจ้าเป็นของข้า และจะไม่มีใครแย่งไปได้! หากเจ้าต้องการออกจากนครหลุนฮุย เจ้าก็สามารถทําได้! ตราบใดที่นครหลุนฮุยถูกทําลายจนราบคาบ เจ้าถึงจะได้ออกไป! “
(ซัวเอี่ยม (ไช่เหยียน/ Cai Yan/t%) ชื่อรอง บัน (เหวินจี/ Wenji ( H)) เกิดที่เมืองตันลิว (เฉินหลิว) เป็นบุตรสาวของซังหยง (ไช่หยง/ Cai Yong/ ๕๕) ขุนนางนักปราชญ์อาวุโสแห่งต้าฮั่น เมื่อเข้าวัย 16 นางได้แต่งงานครั้งแรกกับเว่ยจงเต้า (Wei Zhongdao/ 1 ) ชาวกังตั้ง ทว่าสามีคนแรกก็เสียชีวิตไปในเวลาไม่นาน ต่อมาเมื่อบิดาเสียชีวิต นางถูกโจเอียนอ๋อง – หลิวเป้า (โจเอียนอ๋องเป็นชื่อตําแหน่ง ในภาษาจีนกลาง เรียก จั่วเซียนหวง/ Zuoxianwang/ ) ประมุขเผ่าซยงหนูใต้ฉุดคร่าไปอยู่ด้วยถึง 12 ปี มีบุตรด้วยกัน 2 คน ช่วง 12 ปีนั้น เป็นช่วงชีวิตที่รันทดทรมานที่สุดสําหรับนาง
ต่อมาเมื่อโจโฉทราบข่าวว่านางตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน ในฐานะที่สนิทสนมกับซัวหยงมาก่อน และชื่นชมในความสามารถของนาง เขาใช้เงินทองนับพันชั่ง และของมีค่ามากมายไถ่ตัวนางออกจากเผ่าซวงหนซัว นกนั้นในใจแสนจะอยากกลับแผ่นดินฮั่น แต่ก็ยังอาลัยบุตรชายทั้งสองคน ทว่าท้ายที่สุดนางก็ต้องตัดใจกลับมา โจโฉจัดการให้นางแต่งงานใหม่กับตั้ง (Dong Si /fE) ขุนนางใต้สังกัดของโจโฉที่อยู่เมืองตันลิวบ้านเกิดของนาง )