พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 120 ซีกวา ซวี่กวง
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 120 ซีกวา ซวี่กวง
“ผี มีผี ผีสิงร่างนกอัปมงคลตัวนี้แล้ว!” ใครบางคนในฝูงชนพูดด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ถอยห่างออกไปโดยสัญชาตญาณ ไม่กล้าเงยหน้ามองท้องฟ้า
เฟิ่งชิงหัวทำท่าทางอีกครั้ง นกบินไปที่ข้อมือของนางอีกครั้ง ดังนั้นสิ่งรอบตัวของนางตอนนี้เหลือเพียงเจ้าพนักงานไม่กี่คนเท่านั้น อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึง
“เจ้า เจ้าทำสิ่งใด รีบปล่อยมันไปเดี๋ยวนี้ เจ้าไม่กลัวถูกสิงร่างหรือ?”
“ใช่แล้ว เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินหรือ นี่คือนกตัวนั้น นกตัวที่เปล่งเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนนั้นออกมา ต้องเป็นวิญญาณตนนั้นมาเอาชีวิตแน่ ท่านชายเจียงก็ถูกผีฆ่าตาย”
ผู้คนตื่นตระหนก เลือกคำพูดไม่ถูก สายตาจับจ้องไปที่นกตัวนั้น
เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้ว ยื่นมือไปลูบหัวนกตัวนั้น พูดพร้อมรอยยิ้ม “พวกเจ้าจงฟังให้ชุดเจน น้ำเสียงนี้ ไม่ใช่เสียงผู้หญิงแต่อย่างใด”
ต่อจากนั้น นกตัวนั้นเอ่ยปากพูดอีกครั้งบนมือของเฟิ่งชิงหัว แต่คราวนี้กลับไม่ใช่เสียงกรีดร้อง แต่ค่อนข้างจะเหมือนภาษามนุษย์ “อย่า อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา…. ซีกวา.……”
“นกตัวนี้สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ยังไม่ใช่ผีอีกหรือ! ถึงจะไม่ใช่ผีแต่ก็เป็นปีศาจ”
เฟิ่งชิงหัวมองไปทางคนที่พูดขึ้นมา เป็นเด็กรับใช้คนหนึ่งของจวนเฉิงเซี่ยง
เฟิ่งชิงหัวเหลือยตามองบนพร้อมกับพูดขึ้น “นกแก้วเรียนเสียงพวกเจ้ารู้จักหรือไม่? อีกาตัวนี้ก็แค่เพียงเลียนเสียงมนุษย์เหมือนนกแก้วเท่านั้น มันมีสิ่งใดแปลกประหลาดกัน”
“ใช่แล้ว ผู้ชันสูตรเฟิ่ง ข้าคิดออกแล้ว พระในวัดบอกว่า คุณหนูเซียวชอบนกมาก มักจะให้อาหารนกอยู่บ่อย ๆ ไม่มีนกตัวใดเกรงกลัวนางเลย” เจ้าพนักงานคนหนึ่งรีบเอ่ยปากบอก
“นกแก้วเรียนเสียงก็คือนกแก้วเรียนเสียง แต่นกตัวนั้นจะกรีดร้องเช่นนี้ได้อย่างไร” บางคนยังไม่เชื่อ ยังคงหวาดกลัว กลัวว่านกอัปมงคลในมือของเฟิ่งชิงหัวจะกลายร่างขึ้นมา
เฟิ่งชิงหัวพูดพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องนี้ต้องถามซวี่กวงแล้ว เพราะเหตุใด เจ้านกตัวนี้ ไม่เพียงแค่ส่งเสียงกรีดร้อง ทั้งยังเรียกชื่อของเจ้าอีก”
สีหน้าของซวี่กวงเต็มไปด้วยความกลัว แต่ถ้าดูให้ดี ความกลัวนั้นแตกต่างไปจากความกลัวของคนอื่น
ความกลัวของคนอื่นคือความกลัวจากผี กลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก แต่ซวี่กวง กลับเป็นความกลัวเป็นก่อนที่อาชญากรรมจะถูกเปิดเผย
“นกตัวนี้เรียกชื่อข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ ทุกคนต่างก็ได้ยินกันหมด” ซวี่กวงเอ่ยเสียงดัง
“ถึงนกตัวนี้จะเลียนเสียงมนุษย์ได้ ดังนั้นตามธรรมชาติจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะออกเสียงทุกคำให้ถูกต้อง ทุกคน ตั้งใจฟังให้ดี ๆ มันตะโกนว่าอย่างไรกันแน่”
ริมฝีปากของเฟิ่งชิงหัวขยับ สั่งให้นกเปิดปากอีกครั้ง
ตั้งแต่นั้นมาทุกคนก็ได้ยินเสียงนกร้องอีกครั้ง “อย่า อย่าเข้ามา ซีกวา อย่า กรี๊ดดดดดด”
เสียงกรีดร้องนั้นน่ากลัวมาก ทุกคนขนลุกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ซีกวา ซวี่กวง? เป็นไปได้ไหมว่านกตัวนี้กำลังตะโกนคำว่าซวี่กวง?” ใครคนหนึ่งพูดด้วยความประหลาดใจ
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
เฟิ่งชิงหัวกลับไม่รีบร้อนที่จะตอบ แต่มองไปที่จ้านถิงเฟิงที่ไม่เคยเอ่ยปากตั้งแต่ต้น พูดพร้อมรอยยิ้ม “องค์ราชทายาทหรือท่านจะยังไม่เข้าใจอีก?”
สีหน้าของจ้านถิงเฟิงดูไม่ดีนัก ถึงกับจับจ้องที่ซวี่กวง พร้อมเอ่ยเสียงเย็น “ยังไม่คุกเข่า! ”
ซวี่กวงคุกเข่าลงอย่างสิ้นหวัง เอ่ยปากพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ “ข้าเป็นคนฆ่าเอง”
เฟิ่งชิงหัวพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตัวเจ้าเองก็คาดไม่ถึงว่า เซียวรัวสุ่ยจะกลืนแหวนหยกวงนั้นลงไปใช่หรือไม่”
ซวี่กวงพูดด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง “ผู้หญิงคนนั้น ไม่เป็นคนดีอะไรหรอก นางพยายามที่จะเข้าใกล้ข้า แค่อยากเข้าใกล้องค์ราชทายาท อยากจะรู้ทุกการเคลื่อนไหวองค์ราชทายาท ดังนั้นนางจึงติดตามตลอดตั้งแต่หย่งโจวจนถึงเมืองหลวง อีกทั้งยังตามมายังวัดก่านเย่ จากนั้นก็มาข่มขู่ข้าอีก หากข้าไม่ช่วยนาง นางก็ขู่ว่าจะเอาความลับของข้าไปพูด ข้าถูกบังคับจนหมดหนทางจนสุดท้ายจำเป็นต้องข้านาง”
เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงหัวไม่ได้คาดหวังว่าความลับที่ซ่อนอยู่จะเป็นเช่นนี้ เลิกคิ้วถาม “แหวนหยกวงนั้นเจ้าไม่ได้มอบมันให้กับนางหรือ?”
“ไม่ใช่ นั่นคือสมบัติของฝ่าบาท ข้าจะเอาไปให้นางได้อย่างไร บางทีนางเองอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนขโมยมันไปตั้งแต่เมื่อใด”
“แม้ว่าสิ่งนี้จะสมเหตุสมผล เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าอีกอย่าง เหตุใดเจ้าถึงทำลายความบริสุทธิ์ของนางก่อนที่จะลงมือฆ่านาง ทั้งยังอำพรางว่านางฆ่าตัวตายอีก?”