พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 153 ห้องลับในห้องลับ
ห้องลับก็ไม่นับว่าใหญ่เกินไป ตอนที่ลงมานั้นมีบันไดเชือกเส้นหนึ่งเชื่อมมาทางด้านล่าง หนานกงเยว่หลีเดินอยู่ด้านหน้า เฟิ่งชิงหัวตามมาทางด้านหลัง
เห็นได้ชัดว่าหนานกงเยว่หลีมาแบบมีแผน บนร่างพกคบไฟมาด้วยหนึ่งอัน จุดคบเพลิงในห้องลับขึ้น เฟิ่งชิงหัวก็เลยได้เห็นบรรยากาศที่อยู่ด้านนั้น
พื้นที่ด้านในนั้นดูท่าก็มีเพียงแค่ไม่กี่เมตรเอง ในนั้นมีชั้นวางหนังสือจัดวางไว้อยู่หลายชั้น บนชั้นหนังสือเป็นของเล่นโบราณที่ล้ำค่าจำนวนหนึ่ง และก็ยังมีชุดตำราด้วย
ผู้หญิงทั้งสองคนรูปร่างก็ไม่ได้ใหญ่อยู่แล้ว แต่ว่าเมื่อยืนอยู่ด้านในพื้นที่แคบเล็กเช่นนี้ก็เห็นได้ชัดว่าอึดอัดจนไม่สามารถขยับได้ตามสะดวกอยู่บ้างเล็กน้อย
หนานกงจี๋ผู้นี้เหตุใดจึงได้ทำห้องลับที่เล็กเช่นนี้ขึ้นมาได้ ยังเพียงเพื่อที่จะบรรจุสิ่งของพวกนี้ด้วย สิ่งของพวกนี้ดูไปแล้วก็มีมูลค่าแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดมีค่ามากถึงขนาดที่จะประเมินราคาได้ ในทางตรงกันข้ามกลับเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างแปลกประหลาดด้วยซ้ำไป
เฟิ่งชิงหัวสังเกตดูอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่หนานกงเยว่หลีที่อยู่ด้านข้างกลับรีบร้อนที่จะพลิกหาด้านในของกองตำรานั้นขึ้นมา แม้แต่ชุดตำราพวกนั้นก็พลิกขึ้นมาด้วยกัน ก็ไม่ทันได้สนใจตำแหน่งของสิ่งของที่จัดวางว่าจะทำให้หนานกงจี๋เกิดความสงสัยขึ้นมาภายหลังหรือไม่
เมื่อเห็นเฟิ่งชิงหัวยืนอยู่ไม่ขยับ หนานกงเยว่ลั่วขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า: “เจ้ายืนบื้ออยู่ทำไม่เล่า รีบหาสิ อีกประเดี๋ยวท่านพ่อกลับมาพบจะทำยังไง?”
คราวนี้เฟิ่งชิงหัวก็เลยรับคำออกมาได้ แต่มือกลับไม่ได้สัมผัสสิ่งของที่อยู่บนนั้นเลย เมื่อครู่นางได้สังเกตเห็นแล้วว่าสิ่งของพวกนี้แม้ว่าดูไปแล้วจะเหมือนกับวางอยู่บนชั้นวางหนังสืออย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าด้านบนนี้กลับถูกสาดฝุ่นผงที่เหมือนกับขี้ฝุ่นเอาไว้หนึ่งชั้น เมื่อสัมผัสเข้าไปก็ยากที่จะล้างให้หมดจดได้
เฟิ่งชิงหัวเพียงแต่ยืมมือของหนานกงเยว่หลีเพื่อดูรายละเอียดเนื้อหาของสิ่งของเหล่านั้น ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงหอบที่ค่อนข้างอ่อนแรงดังขึ้นเสียงหนึ่ง
เสียงหายใจหอบนั้นเบามาก ราวกับว่าคนที่กำลังหลับด้วยความง่วงแล้วพึมพำออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ หากไม่ใช่เฟิ่งชิงหัวเป็นวรยุทธ์ อีกทั้งความสามารถในการได้ยินก็ยังไม่เลว เกรงว่าจะไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ
นางพยายามหาตำแหน่งอย่างระวัง สังเกตผนังหินอยู่ เคาะไปด้านบนนั้นอย่างเบาๆ
สุดท้ายพบว่ามีผนังหินก้อนหนึ่งมีเสียงสะท้อนกลับมา คิดว่าในนั้นน่าจะเป็นช่องว่างแน่ เป็นไปได้ว่าในนั้นยังมีห้องลับอีกแห่งหนึ่งอยู่
ตามการแบ่งพื้นที่ของห้องหนังสือนั้น อีกด้านของผนังด้านนี้เป็นสถานที่ของสระน้ำพอดี สถานที่หนาวเหน็บเช่นนั้นแอบซ่อนคนเอาไว้หนึ่งคน ก็แม้ว่าสุขภาพจะดีขนาดไหน เกรงว่าก็จะรับอายความหนาวเย็นไว้ไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ กักขังเอาไว้ก็น่าจะเป็นนักโทษ
ก่อนที่เฟิ่งชิงหัวจะเข้ามานั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะลงมือในทันที แต่ว่าพอคิดถึงจุดนี้แล้ว ก็เปลี่ยนความคิดไป มองไปยังหนานกงเยว่หลีที่ยังคงค้นหาอย่างไม่ลืมหูลืมตาจนไม่สนใจนาง เฟิ่งชิงหัวก็เลยกล่าวออกมาในทันทีว่า: “ดูเหมือนว่าข้าจะได้ยินว่ามีคนเข้ามา ข้าไปดูหน่อยแล้วกัน”
ในขณะที่พูดอยู่ ก็ไม่รอให้หนานกงเยว่หลีได้พูดตอบก็ปีนขึ้นไปในทันที
“หนานกงเยว่ลั่ว เจ้ากลับมาหาข้าเดี๋ยวนี้นะ! เจ้านี่มันขี้ขลาดจริงเลย!” หนานกงเยว่ลั่วกระทืบเท้า รู้สึกว่าหนานกงเยว่หลีจู่ๆ ก็แค่กลัวขึ้นมาเท่านั้น ดังนั้นก็เลยจงใจหาข้ออ้างที่จะจากไป คนของนางยังอยู่ข้างนอก หากมีคนมาจริงๆ จะต้องมีการส่งซิกให้นางรู้
หนานกงเยว่ลั่วไม่กล้าอยู่นาน ไม่พบของอะไรก็รีบเดินออกมาจากห้องลับทันที ไม่เห็นร่างของหนานกงเยว่หลีก็รีบวิ่งเหยาะๆ ออกจากทางด้านห้องลับไปเลย
หลังจากรอจนนางจากไปแล้ว เฟิ่งชิงหัวที่แอบอยู่บนคานห้องมาโดยตลอดคราวนี้ก็เลยกระโดดลงมาอย่างเบามาก แล้วก็เข้าไปในห้องลับเลย
เฟิ่งชิงหัวสังเกตการณ์ไปหนึ่งรอบ สุดท้ายก็พบความแปลกประหลาดที่ด้านบนของตะเกียงน้ำมันนั้น แล้วก็หมุนตะเกียงนั้นไปมา ผนังที่มีกลไกนั้นก็ค่อยๆ เผยให้เห็นเป็นประตูเล็กบานหนึ่งออกมา
หลังจากเฟิ่งชิงหัวกระโดดเข้าไปแล้ว ประตูบานนั้นก็ปิดลงอย่างเบาๆ ไร้เสียงใดๆ
เข้ามาด้านในของประตูบานนั้น อายความเย็นนั้นก็เข้ามากระทบในทันที ตอนที่หายใจก็ยังแอบรับรู้ถึงกลิ่นอายของความชื้นอยู่บ้างเล็กน้อย