พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 22 รสชาติแย่มาก ไม่อร่อยเลย
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 22 รสชาติแย่มาก ไม่อร่อยเลย
จิ่งยี่กำลังจะตอบ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาก็พบกับใบหน้าของเฟิ่งชิงหัว หญิงสาวขยับปากอย่างไร้เสียง: “เจ้ากล้าบอกว่าอร่อยคืนนี้ข้าจะระเบิดเตาใหม่ของเจ้าทันที! แล้ววางยาพิษเจ้าอีกหลายร้อยชนิด!”
จิ่งยี่ตัวสั่นเล็กน้อย กลืนน้ำลายลงคออย่างแรง ใช้ภาษาปากกล่าวขึ้นมาเช่นกัน: “อาหารโต๊ะนี้แบ่งข้าครึ่งหนึ่ง!”
นี่มันโจรท้องถิ่นชัดๆ!
เฟิ่งชิงหัวอารมณ์หดหู่ พยักหน้าเล็กน้อย
จิ่งยี่เห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า: “รสชาติแย่มาก ไม่อร่อยเลยสักนิด ไม่เคยกินอะไรที่รสชาติแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย! หนานกงเยว่ลั่วเจ้าทำอาหารอะไรของเจ้าเนี่ย! อาหารด้านมืดใช่ไหม!”
ขณะที่พูดไป ตะเกียบกลับคีบอาหารจานอื่นยัดใส่ปากอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ยัดอาหารใส่ปากก็กล่าวว่า: “ไม่อร่อย ไม่อร่อยเลย แต่ละจานรสชาติแย่มาก ศิษย์พี่ ฝีมือทำอาหารของผู้หญิงคนนี้แย่มาก ข้ากินจนอยากจะอาเจียนออกมาแล้ว!”
เฟิ่งชิงหัวหันหลังมองไปทางจ้านเป่ยเซียว กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ฝืนใจเป็นพิเศษ: “ท่านอ๋อง อาหารนี้ ไม่อร่อย จริงๆ”
จิ่งยี่เจ้าปัญญาอ่อนนี่ จะแสดงให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงเนี่ย!
บอกว่าไม่อร่อยยังยัดใส่ปากไม่หยุด นี่เจ้ากำลังดูถูกความฉลาดทางสติปัญญาของทุกคนหรือ!
เป็นเช่นนั้นจริงๆ เห็นเพียงจ้านเป่ยเซียวเลื่อนตัวเข้ามาจากหน้าประตู มาถึงหน้าโต๊ะ มองดูจิ่งยี่อย่างแผ่วเบา: “ไม่อร่อยหรือ?”
น้ำเสียงนั่นเย็นยะเยือก ทำให้จิ่งยี่รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย: “พอใช้ได้ พอใช้ได้ แต่ว่า น่าจะไม่ถูกปากของศิษย์พี่หรอก”
ทันทีที่จ้านเป่ยเซียวได้ยิน รอบตัวก็ปล่อยไอเย็นยะเยือกออกมาเล็กน้อย
เฟิ่งชิงหัวแตะไปที่จมูก รู้ว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว ได้แต่กล่าวว่า: “ท่านอ๋อง ถ้าอย่างไร ลองชิมหน่อยไหม?”
ขณะที่พูดไป ก็ยื่นตะเกียบไปคู่หนึ่ง
ทันใดนั้น ดวงตาที่ลึกล้ำคู่นั้นของผู้ชายก็จ้องมองเฟิ่งชิงหัวอย่างไม่ละสายตา แล้วก็ทำท่าทางลึกล้ำคาดเดาไม่ได้ขึ้นมาอีก
เฟิ่งชิงหัวกระตุกมุมปากเล็กน้อย: “ท่านจะทำอะไรอีก”
จ้านเป่ยเซียวฮึเสียงเย็นชา สีหน้าท่าทางไม่แยแส: “ตักอาหารมาให้ข้า”
มือที่จับตะเกียบเอาไว้ของเฟิ่งชิงหัวคลายลงแล้วก็จับแน่นขึ้นอีก บนใบหน้าที่สงบนิ่งค่อยๆยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยน: “ข้ารับคำสั่ง”
ขณะที่พูดไป ตะเกียบก็คีบเนื้อสัตว์ตุ๋นหนึ่งชิ้นวางเอาไว้ในถ้วยของจ้านเป่ยเซียว
“ท่านอ๋องเชิญรับประทาน” เสียงที่อ่อนโยนของเฟิ่งชิงหัว จ้านเป่ยเซียวกลับฟังไม่รื่นหูอย่างอธิบายไม่ถูก
ก้มหน้ามองดูเนื้อสีแดงเลือดชิ้นนั้น หน้าผากกระตุกขึ้นมาครู่หนึ่ง
ท้ายที่สุด ก็ขมวดคิ้วคีบขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปาก
ทันใดนั้น รูม่านตาของจ้านเป่ยเซียวเบิกกว้างในทันที เส้นเลือดบนมือปูดออกมา บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมาบางๆ
เผ็ดมาก ชามาก ร้อนมาก
เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อผู้หญิงคนนี้เชื่อฟังขึ้นมาก็จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เขาประมาทไปแล้ว
จ้านเป่ยเซียวอยากจะคายเนื้อออกมา แต่มารยาทที่ถูกอบรมสั่งสอนมาหลายปีทำให้เขาไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ ท้ายที่สุดก็เคี้ยวมันทั้งชิ้นเตรียมจะกลืนลงไปซะเลย ในขณะที่ลังเลอยู่นั้น ก็รู้สึกได้ถึงประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
มันเป็นรสชาติที่เขาไม่ชอบแท้ๆ แต่กลับแปลกใหม่จนทำให้เขาอดที่จะอยากลองอีกครั้งไม่ได้
“ตักอาหารต่อไป” เสียงของชายหนุ่มสั่นเครือเล็กน้อย สายตากลับหยุดอยู่ที่อาหารพวกนั้น
เฟิ่งชิงหัวอดตกใจจนพูดไม่ออกไม่ได้ คนพวกนี้ แต่ละคน จะลองอาหารที่นางทำออกมาอย่างยากลำบากทุกอย่างเลยหรือ?
รู้ว่าจ้านเป่ยเซียวไม่กินอาหารหวาน เฟิ่งชิงหัวรีบคีบสันในหมูผัดเปรี้ยวหวานให้เขาชิ้นหนึ่งทันที
จ้านเป่ยเซียวก้มหน้ากินลงไป ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เฟิ่งชิงหัวเห็นดังนั้น ในใจก็แอบโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
แต่แล้วยังไม่ทันที่นางจะโล่งใจจบก็เห็นชายหนุ่มถึงกับหยิบตะเกียบแล้วคีบขึ้นมาด้วยตัวเอง การเคลื่อนไหวนั่นทั้งเร็วและสง่างาม
ส่วนจิ่งยี่ การเคลื่อนไหวสามารถพูดได้ว่าเร็วระดับเทพชัดๆ เร็วจนเกือบจะกลายเป็นภาพความเร็วติดตา
เดิมทีเฟิ่งชิงหัวก็รู้สึกหิวเล็กน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้มองดูสองคนนี้กินกันอย่างมีความสุข รู้สึกเพียงว่าตัวเองยิ่งหิวมากขึ้นแล้ว