พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 240 หนึ่งอึดใจสามารถใส่ได้กี่คน
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 240 หนึ่งอึดใจสามารถใส่ได้กี่คน
เจียงหยูหวันยืดหลังแข็งตรง เงยหน้าขึ้นมององค์หญิงเหออาน ฝืนยิ้มกล่าวด้วยความเจ็บปวด: “องค์หญิง หม่อมฉันและท่านอ๋องเจ็ด ไม่ได้แอบพลอดรักกัน คนที่เย็นชาเยี่ยงเขา จะมามีความสัมพันธ์ชายหญิงกับข้าได้อย่างไร เกรงว่าพระองค์คงไปได้ยินเรื่องของผู้อื่นมา แล้วจำผิดไปหรือเปล่า?”
ในคำพูดของเจียงหยูหวันเต็มไปด้วยคำใบ้ ในสายตายิ่งแฝงไปด้วยความอ้อนวอน หวังว่าองค์หญิงเหออานจะรู้สึกตัว ล้มเลิกสิ่งที่ได้กล่าวไปเมื่อก่อนหน้านี้
แต่ทว่า องค์หญิงเหออานกลับคิดว่าเจียงหยูหวันไม่อยากจะทำลายชีวิตสมรสของจ้านเป่ยเซียวกับหนานกงเยว่ลั่ว ยินยอมที่จะกัดฟันฝืนทน ในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุด เรื่องแค่นี้จะไม่ช่วยได้อย่างไรกัน ดังนั้นจึงได้ส่ายศีรษะมุ่งมั่น
“เสด็จแม่ ลูกมิได้กล่าวเหลวไหล ลูกกล้าสามบานกับสวรรค์ ลูกไม่ได้โกหกเลยแม้แต่คำเดียว หยูหวันรักใคร่ท่านอ๋องเจ็ดมานาน หลังจากรับรู้ข่าวการอภิเษกของเขายังได้มาดื่มสุราคลายทุกข์กับลูกอยู่เลย บอกว่าชาตินี้ไม่อยากจะแต่งกับใครแล้ว เนื่องจากยังทำใจไม่ได้ เมื่อรู้ว่าพี่เจ็ดพาสตรีนางนั้นเข้ามาในวังจึงได้พาหม่อมฉันไปหาสตรีนางนั้น”
“เสด็จแม่ ในใจของพี่เจ็ดก็มีหยูหวันอยู่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นละก็เหตุใดวันที่อภิเษกถึงได้ปิดประตูใหญ่ไม่ให้เกี้ยวเจ้าสาวเข้าไป นี่คือการคัดค้านที่เขาแสดงออกมา กระทั่งถึงตอนนี้หนานกงเยว่ลั่วยังมิได้ไหวฟ้าดินกับพี่เจ็ดเลย เดิมทีพวกเขาสองคนก็ไม่ใช่สามีภรรยากันอย่างถูกต้อง เสด็จแม่ ท่านส่งเสริมความรักระหว่างหยูหวันกับพี่เจ็ดเถอะนะเพคะ” เหออานกล่าวไป จากนั้นก็พลันคุกเข่าลงที่ตรงหน้าฮองเฮา และเดินเข่าเข้าไปหาฮองเฮา จับมือของนางเขย่าไปมาเบา ๆ สบสายตาเข้ากับฮองเฮาที่มีสีหน้าหม่นหมอง
“แปะ ๆ ๆ ……” ก็ชิงหัวยืนปรบมืออย่างกระจัดกระจาย ในแววตาเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม: “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหม? พระองค์มั่นใจหรือว่า จะเป็นคนกลางเรื่องงานสมรสระหว่างองค์รัชทายาทและคุณหนูเจียง ทำให้คู่รักคู่หนึ่งต้องเลิกรา?”
“ว่าอย่างไรนะ? เสด็จแม่ ท่านจะประทานหยูหวันให้กับเสด็จพี่องค์รัชทายาท? จะได้อย่างไรเพคะ? หยูหวันเป็นคนของพี่เจ็ดนะเพคะ” เหออานเงยหน้ากล่าวอย่างไม่เข้าใจ
ฮองเฮากล่าวอย่างเย็นชา: “คนของพี่เจ็ดขอองเจ้า? คุณหนูเจียง ที่องค์หญิงทั้งสองกล่าวมานั้นเป็นความจริงหรือ?”
เหออานมองไปยังหยูหวันอย่างเฝ้ารอ: “หยูหวัน เจ้าพูดออกมาให้ดัง ๆ เลย ขอเพียงเจ้าพูดออกมา เสด็จแม่จะต้องช่วยเจ้าอย่างแน่นอน”
“ใช่แล้ว ข้าจะต้องช่วยตัดสินใจให้นางอย่างแน่นอน” แววตาอันเย็นยะเยือกของฮองเฮามองไปยังเจียงหยูหวัน
เจียงหยูหวันเสียวสันหลังวาบ คุกเข่าสองข้างลงกับพื้น: “เหนียงเหนียงโปรดตรวจสอบให้ชัดเจน หยูหวันและท่านอ๋องเจ็ดคอยพบกันเพียงครั้งเดียวเมื่อยังเยาว์วัย และไม่ได้พบกันเป็นการส่วนตัวอีกเลย หยูหวันเพื่อหลบเลี่ยงการสมรสกับท่านอ๋องเจ็ด จึงได้กลับบ้านเกิดไปพร้อมกับท่านย่า รอจนท่าอ๋องอภิเษกแล้วถึงได้กลับเมืองหลวงมา สิ่งเหล่านี้ล้วนสืบหาความจริงได้ หยูหวันมิได้มีใจให้ท่านอ๋องเจ็ด เพียงแต่ว่า เพียงแต่เกรงว่าคำสั่งกษัตริย์มิอาจคัดค้าน ถึงได้หลอกลวงองค์หญิงไป หยูหวันผิดไปแล้ว ขอเหนียงเหนียงโปรดลงโทษ!”
เหออานได้ฟังคำพูดของเจียงหยูหวัน แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ท่าทางมึนงง: “หลอกข้าหรือ? เจ้าบอกว่าเจ้าชอบพี่เจ็ดของข้า บอกว่าเสียใจที่เขาสมรสกับคนอื่น ล้วนหลอกลวงข้า? เพราะอะไร? พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดนะ!”
เหออานกล่าวด้วยความเสียใจ
เจียงหยูหวันรู้ว่าหลังจากเรื่องในวันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเหออานคงไม่สามารถกลับไปดีดั่งเดิม สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือลบล้างความสงสัยของฮองเฮา นางฝืนใจไม่ไปมองเหออาน แต่ได้กล่าวขึ้นมาเสียงเบา: “องค์หญิงเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทมาโดยตลอด หยูหวันเกรงว่าหากบอกความจริงออกมา ฝ่าบาทจะทรงไม่พอพระทัย”
“ใช่แล้ว องค์หญิงน่ะ ยอมเสี่ยงอันตรายและเสียสละเพื่อเพื่อนมาโดยตลอด เจ้าบอกว่าเจ้าชอบ นางก็ไปมีเรื่องกับคนอื่นเพื่อเจ้า คุกเข่าอ้อนวอนเพื่อเจ้า หากเจ้าบอกว่าไม่ชอบ เกรงว่านางก็คงจะไปขอร้องฝ่าบาทให้ล้มเลิกราชโองการกระมัง” เฟิ่งชิงหัวก้มหน้า กล่าวไปพลางก้มหน้ามองนิ้วมือของตนเองไป ท่าทางสบาย ๆ ราวกับเป็นคนนอกอย่างไรอย่างนั้น
ฮองเฮาได้เก็บเอาคำพูดของเฟิ่งชิงหัวไปคิด ราวกับถูกเข็มทิ่มแทง นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพระธิดาของตนมีนิสัยอย่างไร แม้ว่าจะเอาแต่ใจไปหน่อย แต่ก็มักปกป้องคนของตนเองอยู่ตลอด
ตอนนั้นเจ้าเจ็ดเพียงแค่ช่วยเก็บว่าวมาให้นางยังจำขึ้นใจมาโดยตลอด ปากก็เรียกพี่เจ็ดอย่างสนิทสนม ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพื่อนสนิทที่เล่นด้วยกันมานานหลายปี
ทว่าตอนนี้ฮองเฮากลับยังไม่สามารถเอาความเจียงหยูหวันได้ หนึ่งคือ ทุกคนต่างก็เคยมีเรื่องราวในอดีต เจียงหยูหวันก็แค่อวดฉลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สองคือ ถ้าหากนางลงโทษเจียงหยูหวัน ไม่เพียงจะบาดหมางกับจวนราชเลขา และยังจะทำให้องค์หญิงซีหลันได้ใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ
ครุ่นคิดอยู่เพียงครุ่เดียว ไปโมโหของฮองเฮาก็ได้ลดลงมาแล้ว นางกล่าวเสียงเบา: “ลุกขึ้นเถอะ คุกเข่าอยู่ทำไม เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าหรอก ข้ารู้จักนิสัยของฮ่องเต้ดี หากต้องการให้เจ้าแต่งกับเจ้าเจ็ดจริง ๆ เจ้าก็ขัดราชโองการไม่ได้ ในเมื่อระหว่างเจ้ากับเจ้าเจ็ดไม่มีอะไร เช่นนั้นก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ หลังจากนี้อย่างให้มีคำครหาเป็นอันพอ”
หัวใจที่ได้ตกอยู่ในน้ำแข็งแล้วของเจียงหยูหวันได้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง มองฮองเฮาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ รีบกล่าวด้วยความตื้นตันใน: “ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงเข้าใจ”
ฮองเฮาเหนียงเหนียงมองไปยังเฟิ่งชิงหัว ภายนอกดูเมตตา ความจริงภายในใจรู้สึกสุดจะทนไปนานแล้ว: “เอาล่ะ ตอนนี้ดูแล้ว นี่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น องค์หญิงซีหลันก็คงจะไม่จับเรื่องนี่ไม่ปล่อยกระมัง แคว้นเทียนหลิงของข้าไม่เหมือนกับแคว้นเป่ยเว่ยของเจ้า ชื่อเสียงของสตรีนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก จะสบประมาทตามอำเภอใจไม่ได้”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มพยักหน้า: “แน่นอนอยู่แล้ว แคว้นเป่ยเว่ยของเราปากไวตรงไปตรงมา ชอบคนในก็คนนั้น ไม่สนใจว่าจะเสียหน้าหรือไม่ ไม่เหมือนกับแคว้นเทียนหลิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ยังคงปิดบังเอาไว้ ไม่กล้าบอกกล่าว แถมยังได้โกหกเมื่อจำเป็น แน่นอนว่าไม่เหมือนกัน”
“ผู้ใดปิดบังกัน องค์หญิงซีหลัน เจ้าฟังไม่เข้าหรืออย่างไร? ก็บอกแล้วอย่างไรเล่าว่าเมื่อสักครู่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด” ฮองเฮาขมวดคิ้ว น้ำเสียงดุดัน ถึงขั้นที่ว่าชั่วร้ายเล็กน้อย: “หรือว่าตัวเจ้าเองเห็นว่าจ้านเป่ยเซียวดี คนอื่นก็ต้องมีความรู้ต่อเขาเหมือนอย่างเจ้า มิใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเจ้า อยากเป็นแม้กระทั่งสนมหรือหญิงรับใช้ของเขา!”
นี่นับว่าได้ฉีกหน้ากันแล้ว ฮองเฮาเหนียงเหนียงกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
ภายในใจของเฟิ่งชิงหัวรู้สึกตลก ก่อนหน้านี้นางเองก็ได้หัวเราะเยาะความหน้าไม่อายขององค์หญิงซีหลันเช่นนี้เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ มองดูเจียงหยูหวันที่สวมบทสตรีผู้อ่อนโยน นางกับคิดว่าแม้ว่าการกระทำขององค์หญิงซีหลันจะไม่ถูกต้อง และเป็นการเข้าใกล้อย่างมีเป้าหมาย แต่กลับไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนอย่างเจียงหยูหวัน
“ถูกต้อง ข้ามีใจชื่นชอบจ้านเป่ยเซียว ใครบ้างที่ไม่มีวีรบุรุษในดวงใจ แต่อย่างน้อยข้าก็กล้ากล่าวออกมา แม้ว่าจะถูกปฏิเสธก็ไม่เป็นไร ก็ยังดีกว่าใครบางคน ทั้ง ๆ ที่ตนได้แอบไปร่ำร้องความทุกข์ใจกับจ้านเป่ยเซียว ถูกลูกน้องของคนอื่นพบเข้าถูกเชิญออกไปยังไม่พอ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันยังได้ขวางรถม้าของจวนอ๋องเฉิน บอกรัดกลางถนน บัดนี้ กลับผลักทุกอย่างให้กับคำสั่งกษัตริย์มิอาจคัดค้าน มันช่างลำบากใจมากเลยจริง ๆ ใช่ไหม คุณหนูเจียง หัวใจของท่านช่างใหญ่จริง ๆ เลย แท้จริงแล้วหนึ่งอึดใจสามารถใส่ได้กี่คนกันแน่?” เฟิ่งชิงหัวกล่าวไป ก็งอตัวเล็กน้อย เอ่ยถามเจียงหยูหวันที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน