พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 244 กริ้วจนรุมเร้าหัวใจ
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 244 กริ้วจนรุมเร้าหัวใจ
“กีบเท้าของเจ้า เอาออกไป !” เฟิ่งชิงหัวกดเสียงต่ำกล่าว
จ้านเป่ยเซียวได้ยินก็เลิกคิ้ว เอียงหน้ามองนาง : “เจ้ากำลังพูดกับข้า ?”
และยังเรียนรู้จากนาง กดเสียงต่ำ ทุ้มต่ำแหบแห้ง เสียงลักษณะดึงดูด ดวงตาลึกซึ้งคู่นั้นหรี่ลงพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยถึงหางคิ้ว
“เจ้าเหยียบข้า” เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างแข็งกร้าว
“อ่อ” ชายหนุ่มแสดงออกว่าตนเองเข้าใจ
“อย่าอ่ออย่างเดียว เจ้าเป็นท่อนไม้รึ ขยับหน่อยสิ” เฟิ่งชิงหัวยื่นมือดึงชายเสื้อของตน แต่ทว่าผ้าชิ้นนั้นก็ราวกับพื้นรองเท้าของจ้านเป่ยเซียว ดึงอย่างไรก็ไม่ขยับ
จ้านเป่ยเซียวได้ยินคำของเฟิ่งชิงหัว นัยน์ตาก็หรี่ลงเล็กน้อย : “เจ้าอยากให้ข้าขยับ ? ตั้งใจ ?”
เฟิ่งชิงหัวไม่รู้สึกว่าคำพูดของตนมีอะไรผิดปกติ จึงได้พยักหน้า : “ใช่ เจ้ารีบขยับเร็ว เจ้าทับข้าแล้ว”
“ฮื้ม ? ข้าทับเจ้าตรงไหนกัน ?”
“กีบเท้าของเจ้า กีบเท้าของเจ้าเหยียบกระโปรงอยู่ ! เจ้ารีบเอาออก ขาของข้าจะเคล็ดแล้ว”
กึ่งนั่งยอง ๆ อยู่เช่นนี้ท่าทางรักษาการลุกขึ้นแล้วคำนับมันเหนื่อยมากนะ !
ในตอนที่ทั้งสองกำลังพูดกับอย่างเจ้าคำข้าคำ อีกด้านหนึ่งกลับเป็นอีกสภาพการณ์หนึ่ง
“เสด็จแม่ท่านเป็นอะไรรึ ?” เป็นเสียงตื่นตระหนกของฮ่องเต้เซวียนถ่ง
ไทเฮามือทาบอก ร่างกายสั่นเทา สองตามืดบอดและสลบไปทันที
ฮ่องเต้เซวียนถ่งตื่นตระหนก : “ไปตามหมอหลวงมาเร็ว !”
เจียงหยูหวันอยู่ใกล้ที่สุด เห็นสถานการณ์ก็ดึงมือของไทเฮาอย่างไม่รอช้า น้ำตาที่หยุดไหลก็ไหลออกมาทีละหยด : “ไทเฮา ไทเฮา ท่านตื่นสิเพคะ ทรงกริ้วจะไม่ดีต่อร่างกาย เสียอารมณ์เพื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่คุ้มพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งขมวดคิ้วเหลือบมองนาง : “ใครทำให้ไทเฮาทรงกริ้ว ?”
สายตาเจียงหยูหวันเคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าไม่กล้าพูด เพียงแค่กุมมือของไทเฮาอย่างนิ่งเงียบ
“รีบบอกมา !” ฮ่องเต้เซวียนถ่งจะโดนนางทำให้ใจร้อนจะแย่แล้ว
เห็นฮองเฮายังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น ก็กล่าวคำรามด้วยความโกรธทันที : “ฮองเฮา เป็นเจ้าใช่ไหม !”
ฮองเฮากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง : “จักรพรรดิ มิใช่ข้า ปะ เป็นองค์หญิงซีหลันที่ทำให้ไทเฮากริ้ว ข้ามิเกี่ยวอะไรด้วย”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า ? ข้าเห็นจริง ๆ ในตอนที่ข้าเข้ามาเจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่ หากมิใช่เจ้า ไทเฮาจะลงโทษให้เจ้าคุกเข่าเพื่ออะไร ! ใครก็ได้ มาจับหญิงชั่วผู้ไม่เคารพแม่ผัวนี่ที เข้า” ตำหนักเย็นสองคำนี้ยังไม่ทันพูดออกมา ฮูหยินเฒ่าเจียงที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบเอ่ยปาก
“จักรพรรดิ เรื่องนี้ข้าเป็นพยาน ฮองเฮาเหนียงเหนียงมิได้ทำให้ไทเฮาเหนียงเหนียงกริ้วจนเป็นลม นางโดนองค์หญิงซีหลันทำให้ทรงกริ้ว ก่อนที่ท่านจะเข้ามา องค์หญิงซีหลันกำลังตำหนิไทเฮาอยู่” ฮูหยินเฒ่าเจียงรีบกล่าว
ตลอดมาฮูหยินเฒ่าเจียงก็รู้ว่าฮองเฮาผู้นี้ไม่ได้รับความรักใคร่ของจักรพรรดิ แต่กลับนึกไม่ถึง ว่าจะไม่เป็นที่ชื่นชอบถึงเพียงนี้
เพิ่งจะเข้ามา ยังมิรู้เรื่องตั้งแต่ต้นจนจบอย่างชัดเจนก็จะส่งฮองเฮาเหนียงเหนียงเข้าตำหนักเย็น หากองค์รัชทายาทมีเสด็จแม่ที่ถูกจับเข้าตำหนักเย็นเช่นนี้ เช่นนั้นตำแหน่งของตำหนักบูรพาก็อาจจะไม่มั่นคง ดังนั้นครั้งนี้นางจึงออกปากช่วยฮองเฮา ในเวลาเดียวกันก็โยนความผิดไปที่องค์หญิงซีหลัน
ฮองเฮาเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี และไม่ว่าตอนนี้ตนเองกับฮูหยินเฒ่าเจียงจะเป็นปฏิปักษ์กันหรือไม่ ก็รีบกล่าวคล้อยตามทันที : “จักรพรรดิ ความจริงก็เป็นเช่นนี้ องค์หญิงซีหลันทำให้เสด็จแม่ทรงกริ้ว ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”
“หุบปาก ! เรื่องเกิดขึ้นที่ตำหนักของเจ้า ยากที่จะเลี่ยงความผิด !” ฮ่องเต้เซวียนถ่งยังคงกล่าวหยาบคาย
จ้านถิงเฟิงเห็นเช่นนี้ก็เกรงว่าฮ่องเต้เซวียนถ่งจะพูดคำที่ทำให้เสียหายออกมาอีก จึงรีบกล่าว : “เสด็จพ่อ เวลานี้มิใช่เวลามาสืบหาความจริง ที่สำคัญกว่าคือช่วยเสด็จย่า เสด็จย่าคงจะกริ้วจนรุมเร้าหัวใจ ท่านให้เสด็จย่านอนลงก่อน คนอื่นก็แยกกันออกไปหน่อย”
เจียงหยูหวันถอยหลังไปตามคำสองสามก้าว ตอนที่ฮ่องเต้เซวียนถ่งกำลังจะประคองไทเฮานอนลง ในเวลานั้นเอง ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น : “อย่าขยับ !”
คนทั้งหลายมองตามเสียง ก็เห็นเฟิ่งชิงหัวลุกขึ้นมา มุ่งตรงไปยังข้างกายไทเฮาที่ไม่ได้สติ ท่าทางราวกับตรวจสอบ เห็นใบหน้าของไทเฮามีเลือดฝาด ลมหายใจมั่งคง หลังจากบริเวณขอบนอกของลูกตาขยับบางบางคราว ในเวลานั้นก็เข้าใจทันที ไทเฮาเตรียมที่จะแกล้งใส่ร้ายนาง
ฮ่องเต้เซวียนถ่งกัดฟันแน่น : “องค์หญิงซีหลัน เรื่องของเจ้า ข้าจะถามภายหลัง”
เฟิ่งชิงหัวกลับตอบ : “จักรพรรดิ ไทเฮากริ้วจนรุมเร้าหัวใจเช่นนี้ เลือดขึ้นหน้า ท่านให้นางนอนราบ เป็นไปได้มากว่านางอาจจะเป็นลมไป”
ขณะนี้หมอหลวงยังไม่มา ฮ่องเต้เซวียนถ่งกล่าวร้อนใจ : “เช่นนั้นต้องทำอย่างไร ?”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มกล่าว : “เป่ยเว่ยของพวกเรามีวิธีท้องถิ่น จะทำให้ไทเฮาฟื้นคืนสติโดยเร็ว ไม่ทราบว่าจักรพรรดิจะให้ข้าลองได้หรือไม่ ?”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งกล่าวอย่างลังเลใจ : “วิธีท้องถิ่นอะไร ?”
“รับมือกับความกระวนกระวายที่รุมเร้าใจ มีเพียงต้องฝังเข็มไปที่ตำแหน่งฝังเข็มบนร่างกาย ไทเฮาก็จะฟื้นคือสติทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หากฝังเข็มหนึ่งสามารถทำให้ได้สติ เช่นนั้นก็ถือว่าสามารถได้
“ใครก็ได้ หาเข็มมาที” ฮ่องเต้เซวียนถ่งตรัส
เฟิ่งชิงหัวส่ายหน้า : “จักรพรรดิ เข็มปักลายธรรมดานั้นเล็กไป ไม่ได้ผลอะไร วันนี้ข้าได้ไปหาหมอเทวดาอู่ตู๋จื่อ ได้รับของล้ำค่าที่เขามอบให้ ได้รับเข็มเงินมาจำนวนหนึ่ง”
ระหว่างที่พูด เฟิ่งชิงหัวก็ดึงเข็มเงินที่ใหญ่กว่าเข็มปักลายสามสี่เท่าออกมา เกือบจะทำให้คนทั้งหลายหวาดกลัว
“น่ะ หนาเช่นนี้เลย ? จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?” ฮ่องเต้เซวียนถ่งกล่าวสองจิตสองใจ
ฮูหยินเฒ่าเจียงที่อยู่ข้าง ๆ รีบมาปกป้องไทเฮา : “เจ้ามันหญิงหลอกลวง ไปเรียนคำสอนเหลวไหลมาจากไหน ไทเฮาเหนียงเหนียงนั้นสูงศักดิ์ จะรักษาด้วยวิธีท้องถิ่นที่ไม่รู้ว่าเจ้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าเรียนมาจากที่ใดก็ไม่อรู้ได้อย่างไร ? ข้าว่าเจ้าน่ะมีเจตนาร้าย คิดวางแผนชั่ว !”
ฮูหยินเฒ่าเจียงในฐานะคนสนิทที่สุดของไทเฮา จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าที่จริงแล้วไทเฮาแกล้งเป็นลม ก็เพื่อให้ฮ่องเต้เซวียนถ่งลงโทษองค์หญิงซีหลันอย่างโหดร้าย จะให้องค์หญิงซีหลันสัมผัสโดนไทเฮาได้อย่างไร ให้นางได้รับความทุกข์ยากนี้
ไทเฮาถูกฮ่องเต้เซวียนถ่งกึ่งพยุง เกือบจะตกใจจนหัวใจหลุดออกมาในที่สุดก็กลืนมันกลับไป บีบมือฮูหยินเฒ่าเจียงด้วยความตื้นตันใจกุญแจสำคัญในเวลานี้ ยังคงเป็นพี่สาวที่พึ่งได้ที่สุด
นางหลับตาอยู่ มองไม่เห็นว่าเข็มนั้นหนาเพียงใด ทว่าเพียงแค่ได้ยินปฏิกิริยาคนรอบข้างก็รู้สึกหวาดกลัว
เฟิ่งชิงหัวมองไปยังฮูหยินเฒ่าเจียงด้วยสีหน้าที่จนปัญญา : “ท่านฮูหยิน ถึงแม้ข้าอยากจะวางแผนลอบฆ่าไทเฮา ก็คงไม่เลือกทำตอนที่อยู่ต่อหน้าจักรพรรดิหรอกเพคะ ? คำโกหกที่รู้อยู่แก่ใจที่เมื่อแหย่ก็จะแตกออก มิใช่หรือ ? ข้าเคยบอกไปแล้ว เพียงแค่ลงไปเข็มเดียว ไทเฮาก็จะฟื้นคืนสติทันที”
“ไม่ได้” ฮูหยินเฒ่าเจียงกล่าวอ้อนวอน : “จักรพรรดิ รอสักครู่เถอะ รอหมอหลวงมาจับชีพจรแล้วค่อยว่ากัน”
ทันใดนั้น คนรับใช้ก็วิ่งมา แต่กลับมีเขาแค่คนเดียว
“หมอหลวงล่ะ ?” ฮ่องเต้เซวียนถ่งตรัสด้วยความโกรธ
ศีรษะคนรับใช้เต็มไปด้วยเหงื่อ แม้แต่เหงื่อก็ไม่เช็ด : “เรียนจักรพรรดิ หมอหลวง หมอหลวงเป็นลมไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”