พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 246 หรือว่านี้ไม่ใช่กระด้างกระเดื่อง
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 246 หรือว่านี้ไม่ใช่กระด้างกระเดื่อง
“ดี เจ้าฝังเถอะ”
เพียงแค่ไทเฮาได้ยิน ใจก็ตกไปตาตุ่ม
เดิมทีไทเฮาอดทนถึงขีดจำกัดแล้วเพราะความเจ็บปวดบนริมฝีปาก ครั้งนี้ยังได้ยินอีกว่าจะฝังอีกเข็ม และฝังจุดที่เอาถึงชีวิตเช่นนั้น นางเกือบจะลืมตาทั้งสองข้างทันที และลุกขึ้นนั่ง
“ไม่ต้องฝัง !” ไทเฮากล่าวคำรามเสียงดัง บนใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดฝาด มองไปแล้วน่าหวาดกลัวผิดปกติ
ฮ่องเต้เซวียนถ่งแปลกใจและดีใจกล่าว : “เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว ?”
ระหว่างที่พูดก็รีบหยิบผ้าร้อนที่คนรับใช้ส่งมานำมาเช็ดเลือดสดเหล่านั้นไปจนสะอาด
อย่างไรก็ตามการแทงของเฟิ่งชิงหัวนั้นทั้งลึกทั้งโหดเหี้ยม เลือดเหล่านี้ใช้เวลาอยู่นานจึงจะห้ามไว้ได้ เพียงแค่ร่องตรงกลางริมฝีปากของไทเฮาเหลือรูสีแดงเล็ก ๆ ไว้ มองอย่างไรก็รู้สึกปลื้มใจอย่างนั้น
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้าเล็กน้อย : “ในเมื่อไทเฮาจะฟื้นแล้ว งานบรรลุเช่นนี้ข้าขอถอนตัว”
พูดจบ ก็วางแผนจะถอยไปอย่างฉลาด ราวกับว่าทำความดีไม่ทิ้งชื่อไว้
“หยุด ! เจ้ายังจะขอถอนตัวเมื่องานบรรลุรึ ? ข้าจะต้องจัดการเจ้าความผิดที่เสียมารยาทครั้งใหญ่ !” ไทเฮาชี้เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยความเดือดดาล
เฟิ่งชิงหัวงงงวย : “ไทเฮา ข้ามีความผิดอะไรเพคะ ?”
“ความผิดเจ้านั้นใหญ่นัก ! เจ้ากระด้างกระเดื่องกับข้า !” ไทเฮากล่าวอย่างเย่อหยิ่ง ทันทีหลังจากนั้นก็ดึงเสื้อคลุมมังกรของฮ่องเต้เซวียนถ่งกล่าว : “จักรพรรดิ เจ้าจะต้องจัดการโทษนางอย่างถึงที่สุด ให้นางทุกข์ทรมาน !”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งได้ยินเช่นนี้ ก็ลำบากใจเล็กน้อย : “เสด็จแม่ องค์หญิงซีหลันเมื่อครู่เพิ่งจะช่วยท่าน หากไม่ใช่เพราะนาง ตอนนี้ท่านอาจจะกำลังสลบไสลอยู่”
นี่ทำให้เขาใช้คนเสร็จก็หันกลับมาลงโทษ มันไม่มีเหตุผล และ ในกรณีที่ไทเฮาสำลักเป็นลมไปจริง ๆ นั่นจะไม่ใช่ว่าคนดีไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือ
ครั้งนี้คิดอย่างสุขุม ตลอดมาเสด็จแม่ของเขาไม่ใช่คนที่มากความ มีเพียงนางโกรธคนอื่น คนธรรมดาอยากจะทำให้นางโกรธเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย
ไทเฮาได้ยินคำของฮ่องเต้เซวียนถ่งก็แทบทนไม่ไหวอย่างจะตะโกน : เจ้าบ้า ข้าแกล้งเป็นลม นางไม่ได้ช่วย !
แต่สุดท้ายสติก็ยังอยู่ ไทเฮากล่าวได้เพียง : “นั้นก็ถือว่าหลีกเลี่ยงโทษประหารได้แต่ยากจะหลีกหนีความผิด เรื่องที่เจ้าเอาเข็มมาแทงข้าข้าไม่โต้เถียงเจ้า แต่มารยาทของเจ้ากระด้างกระเดื่องต่อข้าใช่หรือไม่ ทำให้ข้าโกรธจนเป็นลม และยังร่วมมือกับฮองเฮาแย่งชิงพระชายาองค์รัชทายาทที่ข้าเลือกให้องค์รัชทายาทอีก มีเจตนาร้าย เช่นนี้ หรือว่าจะไม่มีความผิดหรือ ?”
ได้ยินเช่นนี้ จ้านถิงเฟิงเงยหน้าด้วยจิตใต้สำนึกจ้องมองไปยังองค์หญิงซีหลัน แววตาฉายประกายเล็กน้อย ในใจเข้าใจแล้ว ทะเลาะกันมานาน ที่แท้ผู้หญิงทั้งสองก็ทะเลาะกันเพราะเขา โชคดีเขายังนึกว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไร
ดูเหมือนว่าสองสามวันมานี้ความห่วงใยของตนเองที่มีให้องค์หญิงซีหลันก็ยังเป็นประโยชน์อยู่บ้าง นี่ไม่ได้ทำให้นางลืมจ้านเป่ยเซียว และเปลี่ยนมาซบอ้อมอกเขาหรือ ?
เพียงแค่นิสัยเช่นนี้ รู้สึกอิจฉาเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ก็ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ รอวันข้างหน้าเขาจะฝึกฝนดี ๆ สักที
คิดเช่นนี้แล้ว จ้านถิงเฟิงก็ชำเลืองมองไปยังจ้านเป่ยเซียวที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนเดิมราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันตนอย่างลำพองใจ
เฟิ่งชิงหัวกลับไม่ได้สนใจถึงสายตาของจ้านถิงเฟิง แต่สายตามองตรงไปยังไทเฮา ไม่หลบสายตาแม้แต่น้อย และมีเหตุผลเต็มที่ที่จะพูดได้เต็มปาก : “ขอบังอาจจะถามไทเฮา ข้ากระด้างกนะเดื่องท่านอย่างไร ? และ ข้าไปร่วมมือกับฮองเฮาเหนียงเหนียงแย่งชิงพระชายาองค์รัชทายาทเมื่อใดกัน ? ใช่แล้ว ? พระชายาองค์รัชทายาทคือใคร เหตุใดข้ามิเคยพบ ?”
“เจ้า ๆ ๆ …” ไทเฮากระโดดขึ้นด้วยความโกรธ มองยังฮ่องเต้เซวียนถ่ง : “เจ้าดูสิ เจ้าดู คนปากคอเราะรายเช่นนี้ มิใช่กระด้างกระเดื่องรึ หรือว่าเจ้ามิได้กระด้างกระเดื่อง ?”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งจนปัญญา แต่กลับแสร้งตำหนิสองประโยค : “องค์หญิงซีหลัน ถึงแม้เจ้าจะเป็นองค์หญิงของเป่ยเว่ย แต่อย่างไรรไทเฮาก็เป็นไทเฮาของเทียนหลิง ควรจะเกรงใจกันบ้าง หรือว่าเจ้าก็ไร้มารยาทเช่นนี้กับไทเฮาของแคว้นเจ้า เถียงคำไม่ตกฟาก ?”
“จักรพรรดิเปรียบเทียบได้น่าขันยิ่งนัก ไทเฮาของแคว้นพวกเรายังไม่ทันได้รักข้าอย่างสุดหัวใจ เหตุใดจะให้โทษข้าโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่เพียงแต่ให้ข้าคุกเข่าให้นาง ยังให้ข้าคุกเข่าโน้มศีรษะกับพื้นขอโทษเจียงหยูหวัน อยู่ที่นี่ ขอบังอาจถามจักรพรรดิ ข้าฝ่าฝืนกฎของเทียนหลิงของพวกท่านข้อใด จึงจะต้องได้รับการดูถูกเช่นนี้ ?”
“ข้ามาเทียนหลิงเพื่อสร้างสันติภาพ มิได้มาเทียนหลิงเพื่อถูกรังแก คนเทียนหลิงของพวกท่านทำให้ข้าขายหน้าหลายครั้ง เป็นเพราะไม่พอใจกับข้าผู้นี้ หรือไม่พอใจกับแคว้นของข้า ?” เฟิ่งชิงหัวพูดกล่าวอย่างไม่พอใจมาก
ความจริงในที่นี้ควรจะมีน้ำตาสักหน่อยจะดีกว่า แต่ทว่า เฟิ่งชิงหัวร้องไห้ไม่ออกจริง ๆ ทำได้เพียงถลึงตาจ้องฮ่องเต้เซวียนถ่งที่อยู่ข้างหน้าตาไม่กะพริบ
ฮ่องเต้เซวียนถ่งไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า องค์หญิงซีหลันจะพูดคำเช่นนี้ออกมา เดิมทีเป็นการทะเลาะกันระหว่างหญิงในวัง ถูกยกไปเป็นความสัมพันธ์การทูตระหว่างสองแคว้น
รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เมื่อครู่ตนเองเอาไทเฮาของเป่ยเว่ยมายกตัวอย่าง
“องค์หญิงใจเย็นก่อน ความหมายของข้าคือ ไทเฮานางอายุมากแล้ว ควรที่จะเคารพสักหน่อย คราวหน้าเจ้าก็ระวัง ส่วนมารยาทคุกเข่าไม่ต้อง เจ้าเป็นแขกคนสำคัญของพวกเราแคว้นเทียนหลิง ไม่จำเป็นต้องทำ” ความหมายนี้ของฮ่องเต้เซวียนถ่ง ก็เพื่อไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง ถึงอย่างไรวันนี้ก็ไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไร เป็นการดีที่สุดที่จะเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า : “ซีหลันก็หมายความเช่นนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เพียงแค่ ไทเฮาหวังให้ข้าคุกเข่าขอโทษพระชายาองค์รัชทายาทเรื่องนี้จะเอาเช่นไร ? ตอนมา ซีหลันไม่รู้ว่าพระชายาขององค์รัชทายาทของเทียนหลิงถูกเลือกเมื่อใด และยังไม่มีพระราชโองการมองบรรดาศักดิ์ ไม่มียศศักดิ์ ก็ถือว่ามียศศักดิ์ ก็ไม่ควรให้ซีหลันคุกเข่ามิใช่รึเพคะ ? ส่วนการขอโทษนี้ ก็ยากที่ซีหลันจะเข้าใจ”
“พระชายาองค์รัชทายาท ?” ฮ่องเต้เซวียนถ่งได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว มองไปยังไทเฮา : “คุณหนูเจียงเป็นพระชายาองค์รัชทายาทเมื่อไหร่กัน เหตุใดลูกไม่เคยรู้มาก่อน ?”
“เจ้าไม่รู้ก็ไม่สำคัญ เจ้าออกพระราชโองการตอนนี้ก็ได้ คุณหนูเจียงหน้าตาสวยงามเพียบพร้อมด้วยความรู้ เป็นหญิงที่มีความรู้ว่าสามารถที่หาตัวจับได้ยาก รู้ร่างหน้าตาความรู้ความสามารถต่างก็เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ”
“เสด็จแม่ มิใช่ว่าพูดกันแล้วรึ เรื่องแต่งงานขององค์รัชทายาทและลูก ๆ คนอื่นจะเริ่มคัดเลือกเดือนหน้ามิใช่หรือ ประทานให้แต่งงานตอนนี้ คงจะไม่เหมาะสม”
“มีอะไรไม่เหมาะสม ในกลุ่มหญิงงามเหล่านั้น ที่ดีเด่นที่สุดก็ต้องเป็นหวันเอ๋อร์ ประทานให้แต่งงานก่อนก็ไม่มีอะไรเสียหาย ส่วนการคัดเลือกเดือนหน้า คนอื่น ๆ ก็เลือกตามปกติก็ได้” ไทเฮากล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส : “หรือเจ้าคิดว่าหยูหวันไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาท และจะให้องค์หญิงซีหลันที่ไม่รู้จักมารยาทและทำให้เสื่อมเสียผู้นี้เป็นพระชายาองค์รัชทายาท ?”
“เสด็จแม่ นี่ท่านพูดอะไรอยู่ หากท่านคิดว่าเหมาะสม นั่นก็ถือว่าดีที่สุด ข้าจะร่างกำหนดพระราชโองการในภายหลัง”
“อ้อ ยังถือว่าเจ้ายังรู้จักกตัญญู” ไทเฮาเอียงศีรษะ จ้องมองเฟิ่งชิงหัวอย่างยโสโอหัง : “เช่นนั้นเฟิ่งชิงหัวก็คงยกโทษให้ไม่ได้ ที่เพื่อตำปหน่งพระชายาองค์รัชทายาทจึงได้เหยียดหยามลูกสะใภ้ของเจ้า เจ้าที่เป็นเสด็จพ่อ มิควรที่จะโกรธแทนลูกสะใภ้หรือ ?”
เฟิ่งชิงหัวที่ฟังอยู่ข้าง ๆ ก็อย่างที่จะหัวเราะออกมา คำพูดของไทเฮานั้นจริงจัง
“เสด็จแม่ องค์หญิงซีหลันผู้นี้รังแกคุณหนูเจียงอย่างไรกันแน่ ?” ฮ่องเต้เซวียนถ่งกล่าว
ไทเฮาตวาดเสียงเย็น : “เจ้าให้ฮองเฮาแสนดีของเจ้าอธิบาย ว่าพวกนางทำอะไร !”