พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 257 อารมณ์หึงหวง
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 257 อารมณ์หึงหวง
ในใจของเฟิ่งชิงหัวเหยียดหยาม บนใบหน้ากลับกล่าวออกไปตามน้ำว่า: “ใช่ๆๆ ท่านอ๋องไม่ได้เจตนาเลย แต่เป็นข้าน้อยที่คิดมากไปเอง”
“อืม”
“ดังนั้น องค์ชายใหญ่อยู่ที่ไหนล่ะ?”
“โอ๊ย น่ารำคาญจริงๆ เอาเถอะ ข้าจะไปเรียกองค์ชายใหญ่มาเดี๋ยวนี้แหละ” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะทน
“เรียกเข้ามา?” เฟิ่งชิงหัวกล่าว: “ที่ตรงนี้ของเจ้าสามารถให้คนขึ้นมาได้ตามสบายงั้นหรือ?”
“อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างละกัน ถึงตอนนั้นข้าเปลี่ยนพรมสักรอบก็ได้แล้ว หรือว่าเจ้าอยากจะลงไป?” จ้านเป่ยเซียวหันหน้ามองมายังเฟิ่งชิงหัวด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยอันตราย
เดิมนั้นเฟิ่งชิงหัวอยากจะรับคำว่า “ใช่……” ก็รีบกลืนคำพูดนั้นลงไปเลย: “เป็นไปได้ยังไง ข้าก็แค่กลัวว่าจะทำที่ของท่านอ๋องสกปรกเท่านั้น”
ส่งคนลงไปเรียกองค์ชายใหญ่แล้ว เฟิ่งชิงหัวก็รีบนั่งมายังที่นั่งเดิมทันที
“ไม่บีบนวดแล้วหรือ?”
“ไม่นวดแล้ว อีกประเดี๋ยวองค์ชายใหญ่ขึ้นมาเห็นพวกเราทั้งสองคนสนิทสนมกันเกินไปจะไม่งาม” เหตุผลนี้ของเฟิ่งชิงหัวช่างเป็นร้อยคะแนนเต็มจริงๆ ทำให้จ้านเป่ยเซียวไม่มีทางที่จะขัดขืนได้เลย
จากนั้นเฟิ่งชิงหัวก็มองมายังจ้านเป่ยเซียว: “ทำไมเจ้าถึงยังไม่ไป?”
“ไปหรือ?”
“ใช่สิ อีกประเดี๋ยวข้าจะพูดคุยกับองค์ชายใหญ่ เจ้าอยู่ข้างๆ เขายังจะกล้าบอกข้าได้อย่างไร?” เฟิ่งชิงหัวกล่าว
จ้านเป่ยเซียวกัดฟัน: “ข้าจะหลบฉากไปก่อนเดี๋ยวนี้แหละ!”
จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นมา หันหลังมองไปยังเฟิ่งชิงหัว แม้แต่ความอาลัยสักนิดก็ไม่มีเลย ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่มีหัวจิตหัวใจจริงๆ
จ้านเป่ยเซียวกลับไม่ได้จากไปไหนไกลเลย แต่ไปอยู่ห้องหนังสือด้านข้าง หาหนังสือเล่มหนึ่งตามประสงค์แล้วนั่งลงอ่าน กลั้นลมหายใจไว้เพื่อไม่ให้ถูกคนพบเห็น
ผ่านไปไม่นานองค์ชายใหญ่ก็เดินเข้ามา มงอไปรอบด้านครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นคน ในทางกลับกันกลับเห็นองค์หญิงซีหลันแทน
“ซีหลัน ทำไมเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้? ท่านอ๋องเจ็ดล่ะ?” องค์ชายใหญ่ขมวดคิ้วขึ้น
เฟิ่งชิงหัวรีบลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า: “เสด็จพี่ ท่านอ๋องเจ็ดมีธุระลงไปก่อนแล้ว”
“ทำไมเจ้าอยู่ที่นี่ได้ ก็เป็นท่านอ๋องเจ็ดที่ตามให้เจ้ามางั้นหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้า: “ใช่แล้วล่ะ”
องค์ชายใหญ่ได้ยินดังนั้นก็ยินดีขึ้นมาทันที: “เจ้ากับท่านอ๋องเจ็ดมีปฏิสัมพันธ์กันแล้วหรือ? เขาได้บอกหรือเปล่าว่าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นชายา?”
เฟิ่งชิงหัวใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอับอาย: “เรื่องนี้ไม่เคยเลย”
องค์ชายใหญ่กล่าวปลอบใจนาง: “ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ลักษณะนิสัยของท่านอ๋องเจ็ดเดิมก็เย็นชาอยู่แล้ว ในเมื่อเขาสามารถพอที่จะตามเจ้ามาได้ ย่อมแน่นอนว่าจะต้องความหมายหลายเท่าต่อเจ้าเป็นแน่ เจ้าจะต้องออดอ้อนเขาให้ดีให้จงได้ ดีที่สุดคือสามารถทำให้เขาและพระชายาท่านอ๋องเจ็ดแตกแยกกัน แล้วแต่งตั้งเจ้าเป็นชายา”
“เสด็จพี่ ข้าไม่ชอบท่านอ๋องเจ็ด” เฟิ่งชิงหัวก้มศีรษะแล้วกล่าวออกมา มองไปทางองค์ชายใหญ่อย่างระแวดระวัง
องค์ชายใหญ่ขมวดคิ้วขึ้น: “ซีหลัน เจ้าเป็นอะไรไปในตอนนี้ เหตุใดหลังจากมาถึงที่เทียนหลิงแล้วก็เปลี่ยนไปอย่างมาก? ตอนนั้นเจ้าบอกว่าเจ้าชอบข้าไม่ใช่หรือ เพื่อข้า อะไรก็ตามก็ยินดีทำทุกอย่างใช่ไหม? หรือเป็นไปได้ว่าเจ้าชอบคนผู้นั้นที่อยู่ในตำหนักใหญ่ของเจ้าเมื่อวานนี้แล้วจริงๆ?”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินถึงจุดนี้ก็นิ่งอึ้งไปเลยในทันที เดิมทียังคิดว่าองค์หญิงซีหลันอาจจะรักเขาข้างเดียว ความรู้สึกของสองคนนี้ช่างเป็นการสมคบคิดกัน พวกเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ อย่างนั้นหรือ?
“เสด็จพี่ เรื่องเมื่อวาน อันที่จริงแล้ว ที่จริงแล้วเป็นเรื่องเท็จ เป็นข้าเพื่อจะทดสอบความจริงใจของท่าน คนผู้นั้นที่จริงแล้วก็เป็นนางในธรรมดาคนหนึ่ง” เฟิ่งชิงหัวเงยศีรษะขึ้น ในดวงตาเปี่ยมไปด้วยความรู้ส฿กที่ลึกซึ้ง: “เสด็จพี่ คนที่ข้ารักชื่นชมอยู่ในใจมาโดยตลอดก็คือท่านนะ”
องค์ชายใหญ่ได้ยินดังนั้นกลับถอนหายใจออกมา: “งั้นก็ดี งั้นก็ดี ซีหลัน เจ้าจะมามั่วซั่วไม่ได้เด็ดขาด เสด็จพี่รับปากเจ้า หลังจากรอจนแผนการสำเร็จแล้ว เสด็จพี่จะเปลี่ยนฐานะให้เจ้าเอง เจ้าจะเป็นฮองเฮาของข้า แต่ว่าตอนนี้เจ้าต้องอยู่ที่เทียนหลิง หาโอกาสที่จะยุยงให้เกิดการขัดแย้งกันภายในระหว่างองค์รัชทายาทและท่านอ๋องเจ็ด รู้ไหม?”
เฟิ่งชิงหัวกล่าว: “เสด็จพี่ จำเป็นจะต้องใช้วิธีการเช่นนี้งั้นหรือ?”
“ข้าทราบดีว่าเจ้าไม่ยอมที่จะแต่งออกไป เสด็จพี่จะไม่เสียดายได้เยี่ยงไร เพียงแค่หากเทียนหลิงไม่ล่มสบาย เป่ยเว่ยของพวกเราก็จะสถาปนาขึ้นมาได้อย่างไรกัน? หรือว่าเจ้าอยากจะกลับไปที่เป่ยเว่ย ไปดูสีหน้าของเสด็จแม่? เสด็จแม่ของเจ้านั้นแม้แต่ความรักใคร่ฉันแม่ลูกต่อเจ้าแม้แต่นิดยังไม่มีเลย ถึงตอนนั้นก็ยกเจ้าให้ขุนนางบู๊คนหนึ่งตามอำเภอใจ เรื่องของเจ้ากับข้าก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ไปใหญ่เลย” องค์ชายใหญ่กล่าวเตือนปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดี
เฟิ่งชิงหัวถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า: “เสด็จพี่ ท่านว่าเหตุใดเสด็จแม่ของข้าถึงปฏิบัติต่อข้าเช่นนั้น? หรือว่าเป็นข้าที่ปฏิบัติตัวไม่ดีหรือ?”
องค์ชายใหญ่กล่าวออกมาอย่างจนปัญญา: “จะโทษก็ต้องโทษใบหน้านี้ของเจ้า ใบหน้านี้ของเจ้ายิ่งนับวันก็ยิ่งเหมือนตอนที่เจินเฟยเหนียงเหนียงยังสาวอยู่ พอนางเห็นเจ้าก็รื้อฟื้นความเจ็บปวดเก่าๆ ตั้งแต่นางเสียโฉมไป ข้าก็ไม่ค่อยได้พบเจอกัยเขาเลย”
เสียโฉม?
เฟิ่งชิงหัวได้ยินข้อมูลที่สำคัญอย่างหนึ่งขึ้นมา
มิน่าซีหลันบอกว่าไม่เคยเห็นใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับตนเลยมาก่อน ที่แท้เจินเฟยเสียโฉมก่อนที่ซีหลันจะเกิดเสียอีก
ในที่สุดก็ได้ทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์อันนี้ เฟิ่งชิงหัวตื่นเต้นเป็นพิเศษ
จนไม่ได้สังเกตถึงว่าองค์ชายใหญ่จะยิ่งขยับเข้าใกล้นางขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นมือของเฟิ่งชิงหัวถูกจับเอาไว้แน่น นางจะสะบัดออกตามสัญชาตญาณ แต่กลับไม่สามารถสะบัดออกไปได้ ได้เพียงยิ้มเจื่อนๆ แล้วกล่าวว่า: “เสด็จพี่ นี่ท่านกำลังทำอะไร?”
“ซีหลัน ในใจของเสด็จพี่มีเจ้ามาโดยตลอด ช่วงระยะเวลนี้ไม่ได้เข้าวังไปพบเจ้าได้ ให้ข้าดูเจ้าดีๆ หน่อยในตอนนี้” ในดวงตาขององค์ชายใหญ่เปี่ยมไปด้วยความรุ่มร้อน ในขณะที่พูดมือของเฟิ่งชิงหัวที่กุมไว้อยู่ก็อยากจะซัดเข้าไปสักที
เฟิ่งชิงหัวรีบกล่าวออกมาว่า: “เสด็จพี่ นี่เป็นด้านนอก ถ้าเกิดถูกคนพบเห็นเข้าจะทำอย่างไร?”
“วางใจเถอะ ตอนที่ข้าขึ้นมาก็ดูแล้ว แล้วบวกกับเหลียนซินเฝ้าอยู่ด้านนอกอีก หากมีคนเข้ามา นางก็จะกล่าวเตือนพวกเราเอง ซีหลัน ให้เสด็จพี่ได้ค่อยๆ ดูเจ้าดีๆ หน่อย” ในขณะที่องค์ชายใหญ่พูดอยู่นั้นก็ดึงผ้าปิดหน้าของเฟิ่งชิงหัวออกทันที
ก็ได้ยินเสียงดังเพ้งๆๆ ติดต่อกันหลายเสียง เสียงดังของของที่ตกลงบนพื้น ทำให้ทั้งสองคนตกตะลึงไปเลย