พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 261 ดูมีเลศนัย
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 261 ดูมีเลศนัย
เฟิ่งชิงหัวก็ไม่ได้ถามอะไรเหลียนซินเลย สำหรับนางที่ทราบฐานะของตนเองแต่กลับไม่เลือกที่จะเปิดโปง จุดนี้ทำให้นางเข้าใจได้ยากอยู่บ้าง แต่ว่าเห็นนางไม่ได้มีเจตนาที่จะอธิบายให้ชัดเจน ตนเองก็เลยทำเป็นว่าไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
กลับมาถึงวังลั่วเซี๋ย หลังจากที่เหลียนซินช่วยเฟิ่งชิงหัวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกไปจากตำหนักใหญ่ นางในอีกคนหนึ่งที่เดิมนั้นจะเข้ามาปรนนิบัติ ก็ถูกเหลียนซินห้ามเอาไว้
“องค์หญิงจะรับอาหารไหม?” เหลียนซินกล่าวถามออกมาจากบานประตูที่บังตำหนักใหญ่ไว้
“เจ้าไปจัดเตรียมอะไรมาหน่อยเถอะ” เฟิ่งชิงหัวกล่าว
“นางในผู้นี้ช่างน่าสนใจอยู่บ้างเล็กน้อย” เสียงของจ้านเป่ยเซียวดังขึ้นทันทีหลังร่างของเฟิ่งชิงหัว
เฟิ่งชิงหัวหันศีรษะแล้วขมวดคิ้วมองมาที่เขา: “ทำไมเจ้าถึงมาไวขนาดนี้?”
“ไวเหรอ?” จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้วขึ้น แล้วเดินมานั่งลงข้างกายของเฟิ่งชิงหัว: “ตอนที่ข้ามาถึง เจ้ากำลังเปลี่ยนชุดอยู่”
เฟิ่งชิงหัวกลอกตามองบนไปที่เขาครู่หนึ่ง: “งั้นเจ้าก็ไม่รู้จักหลบออกไปก่อน?”
“หลบอะไรหรือ เจ้าก็เพียงแค่เปลี่ยนเสื้อตัวนอกเท่านั้นเอง ทำเหมือนกับว่าข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
เฟิ่งชิงหัวขมวดคิ้วเข้ามาหากันให้ชิดขึ้น ไม่อยากจะโต้เถียงกับเขา จึงเอ่ยปากกล่าวว่า: “นางในตัวน้อยผู้นั้นทราบว่าข้าเป็นองค์หญิงตัวปลอม”
“เดิมทีเจ้าปลอมตัวก็ไม่เหมือนอยู่แล้ว ถูกจับได้ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องปกติหรือ?” จ้านเป่ยเซียวไม่เห็นว่ามันจะน่าแปลกอะไร
เฟิ่งชิงหัวอึ้งไปอย่างผิดคาด: “ข้าที่ไหนไม่เหมือน?”
เห็นได้ชัดว่านางก็เลียนแบบตามกิริยาท่าทางน้ำเสียงขององค์หญิงซีหลันมาทั้งนั้น
“องค์หญิงซีหลันมีท่าทีหยิ่งยโสเอาแต่ใจตัวเอง แล้วบวกกับเรื่องที่นางกลัวผีในวังก็ไม่นับว่าเป็นความลับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวรับใช้ข้างกายของนางเลย
“งั้นเจ้าล่ะ เจ้าก็สามารถมองออกว่าเป็นข้าไม่ใช่นางเหรอ?”
จ้านเป่ยเซียวยกริมฝีปากของเขาขึ้น: “เจ้า? ข้ากลายสภาพเป็นเถ้าถ่านก็ยังมองออก”
เฟิ่งชิงหัวเบะปาก: “ยังไงข้าก็ไม่ใช่ว่าจะแสร้งทำตลอดเวลา เมื่อชัดเจนว่าเป็นข้าก็เปลี่ยนกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว”
“เจ้าก็ไม่อยากรู้เหรอว่าน้องสามผู้นั้นของเจ้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” จ้านเป่ยเซียวกล่าวถาม
“นางเป็นอย่างไรบ้าง? นางไม่ใช่ว่าอยู่ในตำหนักหมอหลวงดีๆ เหรอ?”
“ดีงั้นเหรอ? หนานกงจี๋ได้ส่งคนเป็นคลื่นคิดจะมาจัดการนางให้ตายแล้ว หากไม่ใช่ว่าคนของข้าปราดเปรียว เกรงว่าตอนนี้เจ้าไปก็ยังสามารถทันลมหายใจสุดท้ายของนางพอดี” จ้านเป่ยเซียวกล่าวอย่างหัวเราะเยาะออกมา แต่กลับไม่ใช่ต่อเฟิ่งชิงหัว แต่เป็นมือที่สาวออกมาแต่ไกลของหนานกงจี๋คู่นั้น
“ต่อลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองยังโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ หนานกงจี๋ผู้นี้ช่างทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ” เฟิ่งชิงหัวลูบคางไปมาแล้วนึกถึงขึ้นมาว่า: “ข้าเห็นเขาก็ไม่ได้รักปกป้องอะไรลูกสาวคนโตเช่นกัน งั้นเหตุใดตอนนั้นจึงได้คิดถึงว่าจะให้ข้ามาอภิเษกแทนหนานกงเยว่ลั่วได้ล่ะ? หรือว่าเข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ เกรงว่าเจ้ารองก็คงจะตายอย่างน่าสลดในเงื้อมมือของเจ้า?”
จ้านเป่ยเซียวเสียงเคร่งขรึม: “นี่ก็เป็นจุดที่ข้าคิดไม่ตก จะบอกว่าเขารักปกป้องหนานกงเยว่ลั่วก็ได้ อีกทั้งยังไม่ให้ความสนใจในการถอนหมั้นของจ้านถิงเฟิง ถ้าบอกว่าเขาไม่รักน่ะเหรอ ก็ยังให้เจ้าอภิเษกแทน ความคิดของเจ้าเฒ่าผู้นี้ช่างยากที่จะคาดเดาได้จริงๆ”
“ได้ยินว่าหนานกงเยว่ลั่วเป็นเขาที่พากลับเข้ามาจากข้างนอก งั้นเป็นไปได้ไหมว่าบนตัวของคนผู้นี้มีความลับอะไรเช่นกัน?” เฟิ่งชิงหัวขมวดคิ้ว: “ข้าอยู่ที่จวนเฉิงเซี่ยงมาครึ่งปี ก็ได้เคยพบเจอกับหนานกงเยว่ลั่วหลายครั้งอยู่ รูปลักษณ์แม้ว่าไม่นับว่าจะโดดเด่น แต่ว่าความสามารถกลับโดดเด่นกล่าหนานกงเยว่หลีเยอะเลย อีกทั้งก็ยังถูกคนในจวนรังแกดูถูกบ่อยๆ ด้วย หนานกงจี๋ก็ยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ต่อเรื่องนี้เลย”
“หนานกงเยว่ลั่วตอนนี้อยู่ที่ใด?” จ้านเป่ยเซียวกล่าวถาม
เฟิ่งชิงหัวส่ายหัว: “ไม่ทราบ หลังจากที่งานอภิเษกได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วข้าก็ไม่เคยพบนางอีกเลย หนานกงจี๋ก็ไม่คยกล่าวถึงเช่นกัน”
พูดถึงจุดนี้ เฟิ่งชิงหัวจู่ๆ ก็ดึงสติกลับมาแล้วมองไปยังจ้านเป่ยเซียว: “ความหมายของเจ้าคือ หนานกงเยว่ลั่วมีบางอย่างผิดปกติ? เป็นไปได้ว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าเซียนเปย์?”
“เช่นนี้แล้วจึงจะอธิบายออกมาได้ว่า เหตุใดชาติกำเนิดของนางจึงเป็นปริศนา เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ไม่โปรดปราน แต่กลับสามารถทำให้หนานกงจี๋ที่ขี้กลัวและระแวดระวังเช่นนี้หาตัวแทนมาอภิเษกแทนได้ เกรงว่าแม้ว่าจ้านถิงเฟิงจะไม่ถอนหมั้น หนานกงจี๋ก็จะซ่อนนางเอาไว้เช่นกัน
“เมื่อปีนั้น ฮองเฮามีราชโองการให้จ้านถิงเฟิงและหนานกงเยว่ลั่วอภิเษกสมรสกันก็ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจ ในนี้จะต้องขาดส่วนเกี่ยวข้องของหนานกงจี๋ไปไม่ได้แน่”
เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดลูกสาว 3 คน อายุของลูกสาวคนโตและจ้านถิงเฟิงใกล้เคียงกันที่สุด หนานกงจี๋กลับมาขอพระราชทานสมรสกับลูกสาวคนรองเพียงคนเดียว ดูจากท่าทีของฮองเฮาก่อนหน้านี้ จะว่าไปก็ไม่ชอบการอภิเษกของหนานกงเยว่ลั่วและจ้านถิงเฟิงเช่นกัน ได้เพียงเป็นหนานกงจี๋ที่จะต้องใช้เรื่องอะไรบางอย่างมาต่อรองนางหรือมาข่มขู่นาง
เฟิ่งชิงหัวก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว: “ความหมายของเจ้าก็คือ เขาก็เพียงแค่เพื่อยืมเอาโอกาสจากการอภิเษกในครั้งนี้ทำให้หนานกงเยว่ลั่วสามารถอยู่ในจวนเฉิงเซี่ยงได้สงบสุขขึ้นมากกว่านี้หน่อย? ยังไงปม้ว่าทุกคนก็ไม่เคารพนาง แต่กลับเนื่องจากฐานะของนางที่เป็นองค์ชายา ไม่กล้าลงมือสังหารนาง?”
“ไม่เลว”
“งั้นตอนนี้ก็ต้องหาหนานกงเยว่ลั่วให้เจอ จึงจะมาพิสูจน์การคาดเดาพวกนี้ได้” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม: “บ้านพักชานเมืองของหนานกงจี๋ เจ้ามีความคืบหน้าอะไรบ้างหรือยัง?”
“ที่เจ้าบอกว่าคนของเผ่าเซียนเปย์พวกนั้นที่อยู่ในบ้านพักชานเมืองของหนานกงจี๋?”