พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 269 ผู้หญิงบ้าระห่ำ
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 269 ผู้หญิงบ้าระห่ำ
หากไม่ใช่เพราะอยู่ภายใต้การจับจ้องของทุกคน เฟิ่งชิงหัวคงกระโจนเข้าไปแย่งแล้ว
ไม่มีใครสังเกตเห็นพฤติกรรมของจ้านเป่ยเซียว แต่กลับจับจ้องไปที่สายตาขององค์หญิงซีหลัน
สายตานั้นดูร้อนแรงและพุ่งตรงไปที่เข็มขัดของจ้านเป่ยเซียว ราวกับแทบทนไม่ได้ที่จะถอดมันออกให้หมด ทำให้บรรดาชายหนุ่มที่อยู่ในงานต่างรู้สึกเสียวสันหลัง
เมื่อครู่เพิ่งจะพูดว่า ถึงจะต้องแต่งกับหมูกับสุนัข ก็ไม่มีทางแต่งกับท่านอ๋องเจ็ดเด็ดขาดไม่ใช่หรือ ?
ไหนบอกว่าไม่ต้องการให้ท่านอ๋องเจ็ดมาชอบไม่ใช่หรือ ?
ดีจริง ๆ
ผู้หญิงเวลาจู่โจมขึ้นมา จะเชื่อถือคำพูดได้ที่ไหนกัน
จ้านเป่ยเซียวยังรู้สึกทนไม่ไหวกับสายตาของเฟิ่งชิงหัว จนร่างกายรู้สึกร้อนผ่าว จึงยกแขนเสื้อขึ้นมาบัง แล้วขมวดคิ้วพลางพูดว่า : “สายตาของเจ้าไม่ต้องโจ๋งครึ่มขนาดนี้ได้ไหม ?”
“หืม ? เอ๊ะ ? โจ๋งครึ่มขนาดนั้นเลยหรือ ? ข้าคงตื่นเต้นเกินไป”
“ไข่มุกเม็ดเดียวก็ทำให้เจ้าหลงใหลได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ ? ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ” ขณะที่จ้านเป่ยเซียวพูดอยู่นั้น ในใจกลับรู้สึกหดหู่
เขาเป็นถึงท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ สมบัติที่อยู่ในมือมีมากมายมหาศาล แต่ผู้หญิงคนนี้กลับยังไม่แสดงความกระตือรือร้นต่อเขาเช่นนี้เลย
เฟิ่งชิงหัวมุ่ยปาก : “ท่านเอามาแต่ไม่ยอมให้ข้า แล้วท่านจะเอามาทำไม ?”
จ้านเป่ยเซียวส่งเสียงฟึดฟัด : “เดิมทีคิดจะมอบให้เจ้า แต่เจ้ารีบเร่งที่จะขีดเส้นแบ่งกับข้าไม่ใช่หรือ ? ดังนั้นข้าย่อมไม่อาจทำให้แผนการของเจ้าล้มเหลวได้”
“เช่นนั้นท่านก็แอบมอบให้ข้าก็ได้นี่”
“ไม่ได้ขโมยมาสักหน่อย แล้วทำไมต้องแอบเอาให้ด้วย”
“เช่นนั้นท่านก็วางไข่มุกลงบนพื้น ข้าแอบเก็บขึ้นมาก็คงใช้ได้แล้วสินะ” ตอนนี้ในใจของเฟิ่งชิงหัว เอาแต่ถวิลหาถึงไข่มุกราตรีเม็ดนั้นเพียงอย่างเดียว
ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อใจจ้านเป่ยเซียว แต่เพราะเขามีลูกไม้แพรวพราวจริง ๆ
หากไม่รีบคว้ามาให้ได้ตอนนี้ ไม่แน่ว่าหลังจากนี้ เขาอาจหาเรื่องอะไรมาบีบบังคับอีกก็เป็นได้ ยิ่งนานวันอุปสรรคก็จะยิ่งมาก
จ้านเป่ยเซียวกลับไปทำตามความประสงค์ของนาง : “อยากได้หรือ ? เข้ามาเอาเองสิ เจ้ากล้าไหมล่ะ ?”
เฟิ่งชิงหัวย่อมไม่กล้าแน่นอน จึงได้แต่จ้องมองจ้านเป่ยเซียว
ทันใดนั้น ก็เหลือบไปเห็นน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงเกิดความคิดขึ้นมาในใจ
แสร้งทำเป็นพูดยอมแพ้ว่า : “ไม่ให้ก็ไม่ให้ ไม่ว่าอย่างไรช้าเร็วก็ต้องเป็นของข้า ท่านจะต้องเก็บรักษาเอาไว้ให้ข้าให้ดีล่ะ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น ก็ไปหยิบแก้วน้ำชามาเติมน้ำชา จากนั้นก็ยกแก้วน้ำชาที่มีน้ำชาปริ่มแก้ว สาดเข้าใส่จ้านเป่ยเซียวทันที
จ้านเป่ยเซียวคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่า จู่ ๆ เฟิ่งชิงหัวจะทำเช่นนี้ จึงไม่แม้แต่จะเตรียมตัวหลบหลีก ทำให้ชุดคลุมยาวเปียกปอน ยังมีหยดน้ำที่ซุกซนหลายหยด กลิ้งไปมาอยู่บนเสื้อผ้าของเขา และซึมเข้าไปในชุดคลุม
รอบข้างเกิดเสียงสูดหายใจด้วยความกลัวดังขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องไปที่คนทั้งสอง
แต่ทว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้กลับทำให้พวกเขาต้องตกใจจนเกือบเป็นลมล้มพับไป
หญิงสาวส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจที่ดูมากเกินจริง : “ว้าย ท่านอ๋อง ขออภัยด้วย ๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ไม่ทันระวังทำให้มือลื่นจนแก้วน้ำชาพลิกคว่ำ”
ทุกคนที่กำลังมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น : ที่ท่านทำเรียกว่าพลิกคว่ำหรือ ? ท่านจงใจสาดใส่ชัด ๆ
รนหาที่ตายโดยมีการไตร่ตรองและวางแผนล่วงหน้า ใครก็ขวางไม่ได้
ต่อให้มีผ้าคลุมหน้าปิดบังอยู่ แต่เฟิ่งชิงหัวก็แสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเต็มความสามารถ จากนั้นก็ยื่นมือไปลูบหน้าอกของจ้านเป่ยเซียว คิดที่จะควานหาไข่มุกราตรี
ในสายตาของทุกคนคิดเพียงว่า องค์หญิงซีหลันไม่อาจควบคุมความปรารถนาของตนเองได้อีก ในที่สุดก็ยื่นมืออันชั่วร้ายทั้งสองข้างไปที่อ๋องเจ็ดแล้ว
มือคู่นั้นลูบไล้ไปมาบนตัวของชายหนุ่มอย่างไม่เกรงใจ ซ้ำยังสัมผัสเข้าไปถึงร่างกายภายในอีกด้วย
หลังจากที่เฟิ่งชิงหัวควานหาไข่มุกราตรีเจอแล้ว ก็รีบถอยร่นออกมาทันที แล้วสอดไข่มุกมังกรเข้าไปในแขนเสื้อ จากนั้นจึงกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด : “ท่านอ๋อง ร่างกายของท่านเปียกปอนไปหมดแล้ว รีบกลับไปเปลี่ยนชุดเถอะเพคะ”
จ้านเป่ยเซียวถูกเฟิ่งชิงหัวลูบไล้จนร่างกายร้อนผ่าว ขณะที่กำลังจะยื่นมือออกไปดึงนาง กลับเห็นว่านางรีบถอยหนีโดยเร็ว ซ้ำยังส่งสายตาเจ้าเล่ห์ ทำให้เขาแค้นจนกัดฟันกรอด
จ้านเป่ยเซียวรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกจากตำหนักใหญ่ไปอย่างเดือดดาล
ผ่านไปพักใหญ่ ทุกคนในตำหนักใหญ่จึงตั้งสติกลับมาได้ ดวงตาทั้งสองข้างต่างจับจ้องไปที่องค์หญิงซีหลันด้วยความหวาดกลัว เหมือนได้รู้จักนางผู้ซึ่งมีความกะตือรือร้นใหม่อีกครั้ง
สารภาพรักต่อหน้าตรง ๆ แล้วอย่างไร กล้าชี้หน้าด่าทอท่านอ๋องแล้วอย่างไร นี่นางถึงขั้นกล้าลงไม้ลงมือกับท่านอ๋องแล้ว
หากตอนนี้ไม่มีคนอยู่ในตำหนักใหญ่ เป็นไปได้ไหมว่าอาจเริ่มถอดเสื้อผ้าแล้ว ?
ผู้หญิงคนนี้ ช่างบ้าระห่ำจริง ๆ
นี่ต้องเป็นความลุ่มหลงที่ลึกซึ้งขนาดไหน ถึงทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ต้องการตอบสนองความต้องการของตนเองจนถึงขั้นกล้าเอาชีวิตเข้าแลก ?
โชคยังดีที่ท่านอ๋องโกรธจนควันออกหู คิดเพียงแค่ว่าต้องการจากไปโดยเร็ว มิเช่นนั้น ตอนนี้ตำหนักใหญ่คงกลายเป็นภูเขาซากศพและทะเลเลือดไปแล้ว
ดูเหมือนว่าคนที่รู้สึกคาดไม่ถึงมากที่สุดน่าจะเป็นเหออาน
นางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งคนทั้งสอง ทั้งเรื่องที่องค์หญิงซีหลันขยับเข้าไปใกล้เสด็จพี่อย่างไร จงใจสาดน้ำอย่างไร ลูบไล้ไปที่หน้าอกของเสด็จพี่ตามอำเภอใจอย่างไร นางเป็นคนที่เห็นชัดเจนที่สุด
ภาพเบื้องหลังของเสด็จพี่ที่เดินจากไปด้วยความโมโห ช่างน่ากลัวจริง ๆ ในใจของนาง ได้แต่แอบสวดภาวนาให้กับองค์หญิงซีหลัน
องค์ชายใหญ่อ้าปากค้าง ผ่านไปพักใหญ่จึงจะหุบลง
อำมาตย์ที่นั่งอยู่ด้านข้างตบไหล่ของเขา : “ข้าขอเตือนท่านว่า วันนี้จงพาองค์หญิงของพวกท่านเดินทางกลับเถอะนะ เช่นนี้ อาจพอรักษาชีวิตน้อย ๆ เอาไวได้”
“ท่านอ๋องไม่ได้ถือสานางไม่ใช่หรือ ?”
“แค่ยังไม่มีเวลาถือสาเท่านั้น ในขณะที่ท่านอ๋องทรงกริ้ว อย่างมากก็แค่สังหารนางเพียงคนเดียว แต่หากใจเย็นลงละก็ เมื่อหวนคิดว่าตนเองถูกสบประมาทถึงเพียงนี้ อาจถึงขั้นว่าครั้งนี้พวกท่านเดินทางมาจากเป่ยเว่ยกี่คน ก็ต้องเตรียมโลงศพเอาไว้จนครบตามจำนวน”
องค์ชายใหญ่รู้สึกตื่นตระหนกในใจ แต่ก็ยังพอมีความหวังริบหรี่อยู่บ้าง ไม่แน่ว่า หลังจากที่เสด็จน้องก่อความวุ่นวายในครั้งนี้แล้ว อ๋องเจ็ดอาจยอมรับนางก็ได้ ?
อย่างไรเสีย เช้าวันนี้เขาก็เห็นด้วยตาตนเองว่า เสด็จน้องของตนเองบังคับจูบองค์ชายเจ็ด แต่องค์ชายเจ็ดกลับไม่ได้ขัดขืน
ไม่แน่ว่า อ๋องเจ็ดผู้เผด็จการและโหดเหี้ยมในสายตาของทุกคน อาจชอบผู้หญิงที่ใช้ไม้แข็งกับเขาก็เป็นได้ ?