พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 278 เฟิ่งชิงหัวตามติด
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 278 เฟิ่งชิงหัวตามติด
“อารมณ์ดี? แล้วที่ไล่ให้ข้าออกมานี่เรียกว่าอารมณ์ดีไหม” เฟิ่งชิงหัวแค่นยิ้ม
หลิวหยิ่งรู้สึกราวกับว่าตัวเองคือคนหัวล้านที่อึดอัดใจ เจ้านายสองคนนี้วันๆ จะทะเลาะกันไปถึงไหน คนเป็นบ่าวอย่างเขารู้สึกเหนื่อยมาก เพราะไม่เพียงแต่ต้องรับผิดชอบในการส่งข้อความไปมา วางแผนการต่างๆ เท่านั้น ในยามที่จำเป็นก็ต้องคอยรองรับอารมณ์ด้วย
“พระชายาจะต้องทำอะไรให้ท่านอ๋องโกรธแน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้ว นายท่านไม่มีทางทำแบบนี้แน่” หลิวหยิ่งกล่าวอย่างลำบากใจ
“เจ้าคือคนของเขา เจ้าย่อมต้องช่วยเขาพูดแทนอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าก็ว่าข้าว่าทำให้เขาโกรธแล้ว เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งกลับมา ข้าจะไปทำให้เขาโกรธได้อย่างไร”
หลิวหยิ่งยังคงกล่าวอย่างแน่ใจ “พระชายาจะต้องยั่วโมโหนายท่านแน่ๆ”
“ข้าเปล่า!” เฟิ่งชิงหัวกล่าวเสียงแข็ง “เขาต่างหากที่ไม่ดีเอง”
“นายท่านทำอะไรหรือ” หลิวหยิ่งถือโอกาสเปลี่ยนเรื่อง “พระชายา ท่านเองก็รู้ว่าโรคของนายท่านเพิ่งจะฟื้นฟูขั้นแรก จึงยากที่จะควบคุมความรู้สึกไม่ให้มีอะไรมากระทบได้ วันนั้นที่เขาทำไปเพื่อช่วยท่านต้องสูญเสียปราณไปมากทีเดียว”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชิงหัวก็อดคิดถึงข้อดีของจ้านเป่ยเซียวขึ้นมาไม่ได้ จึงไม่ได้กล่าวอย่างหัวเสียอีกแล้วแต่กล่าวเสียงอ่อนว่า “ช่วงนี้ที่ท่านแม่ของข้าอยู่ที่จวน ท่านอ๋องของพวกเจ้าไปหานาง ถ้าเขามีเรื่องอะไรก็มาถามข้าตามตรงก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องตุกติกแบบนี้”
หลิวหยิ่งได้ยินเช่นนี้ก็เข้าใจขึ้นมา ในใจรู้สึกดีใจที่ตนเองขวางพระชายาเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในจวนอ๋องอย่างแน่นอน
“พระชายาเข้าใจนายท่านผิดแล้วขอรับ”
“เข้าใจเขาผิด?”
“ขอรับ อาการบาดเจ็บของท่านแม่ท่านรุนแรงมาก แถมยังไม่ค่อยได้สติ หลังจากที่นายท่านทราบก็จะมาถ่ายปราณแท้ให้ทุกวัน และนี่เองคือสาเหตุที่ว่าทำไมหลายวันนี้อาการของนายท่านยังไม่ดีขึ้น คาดว่าในจุดนี้พระชายาคงไม่ทันสังเกตเห็นกระมัง” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ น้ำเสียงของหลิวหยิ่งก็เปลี่ยนเป็นเชิงไม่พอใจขึ้นมาแล้ว
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็ได้แต่เกาหัว แล้วหันไปมองห้องที่อยู่ด้านหลัง “จริงหรือ”
“พระชายาก็บอกเองนี่นาว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้มาถามโดยตรง แล้วทำไมจะต้องไปลงมือกับคนหมดสติด้วยเล่า พระชายาคิดเห็นอย่างไร พระชายาสงสัยในตัวนายท่านแบบนี้ นายท่านจะต้องเสียใจมากแน่ๆ”
เฟิ่งชิงหัวยิ่งรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น “คือ ข้าไม่รู้นี่นา ตัวเขาก็มีบาดแผลอยู่ ใครใช้ให้เขาต้องเห็นคนอื่นสำคัญแบบนี้ด้วย”
“นายท่านไม่ได้เห็นแก่ผู้อื่นหรอกขอรับ แต่นายท่านทำไปเพื่ออะไร พระชายาไม่รู้เชียวหรือ”
เฟิ่งชิงหัวกัดริมฝีปากแน่น แล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่คนเองเข้ามาก็ถามเขาเช่นนั้น และยังนึกถึงประโยคที่เขาบอกว่า เขาไม่ควรค่าให้เจ้าเชื่อถือเลยหรือ
ตอนนี้นางรู้สึกผิดอย่างมาก นางอยากไปขอโทษแต่ก็ไม่กล้า
“หลิวหยิ่ง เจ้านายของเจ้าเวลาโกรธ มีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยบรรเทาความโกรธลงได้บ้าง” เฟิ่งชิงหัวกล่าวถามอย่างเฝ้ารอคำตอบ
หลิวหยิ่งได้ยินดังนั้นก็ยกมือขึ้นมาลูบแก้มของตัวเองที่เขียวช้ำโดยสัญชาตญาณ
เฟิ่งชิงหัวเบิกตากว้าง “ฝีมือของเจ้านายพวกเจ้างั้นหรือ”
หลิวหยิ่งพยักหน้า “วันนั้น หลังจากที่กลับมาจากวังแล้ว เจ้านายก็อ้างว่าจะสั่งสอน โดยการทำร้ายพวกเราอย่างโหดร้าย แถมยังไม่ให้พวกเราใส่ยาด้วย”
“วันไหน?”
ทั้งคู่ช่วยกันนึกเวลา เฟิ่งชิงหัวนึกขึ้นมาได้ว่าน่าจะเป็นวันที่เฟิ่งชิงหัวพบว่าจ้านเป่ยเซียวเป็นคนที่หลงตัวเองสูงมากคนหนึ่งนั่นเอง
ที่แท้ วันนั้นเขาได้ระบายอารมณ์โกรธใส่คนอื่น นางจึงรอดชีวิตมาได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฟิ่งชิงหัวก็เริ่มตัวเกร็งขึ้นมา “นอกจากโดนทำร้ายแล้ว ไม่มีอย่างอื่นแล้วใช่ไหม ข้าไปทำอาหารให้เขากินดีไหม”
หลิวหยิ่งวส่ายหน้า “นายท่านเป็นแบบนี้คงกินไม่ลงแน่”
“เฮ้อ” ก็จริง หากเป็นนางที่เป็นฝ่ายโดนใส่ร้ายเสียเองแบบนี้ก็คงกินไม่ลงเหมือนกัน
เฟิ่งชิงหัวเดินวนไปวนมาอยู่กับที่พยายามคิดหาวิธี
หลิวหยิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน ด้วยพยายามคิดหาวิธีที่จะประสานรอยร้าวให้คนทั้งสอง
“คิดออกแล้ว!” เฟิ่งชิงหัวนึกบางอย่างออก ระหว่างที่กล่าวก็รีบวิ่งกลับไป ไม่เปิดโอกาสให้หลิวหยิ่งได้ถามไถ่
ไม่นานนัก หลิวหยิ่งก็เห็นพระชายาวิ่งกลับมาและใส่หน้ากากแบบเดียวกับเจ้านายของตนอยู่
“พระชายาพยายามเล่นกับความรู้สึกของนายท่านอยู่หรือ” หลิวหยิ่งชะงัก
เฟิ่งชิงหัวสูดหายใจเข้าลึกแล้วก้าวเข้าไปในห้อง
ทว่าสิ่งที่หลิวหยิ่งเห็นคือฝีเท้าของนางช้าลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็เดินช้าราวตุ๊กแกที่คืบคลานอยู่ตรงขอบประตูก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปข้างใน
ภายในห้อง ดวงตาของจ้านเป่ยเซียวแดงก่ำ มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดเอาไว้แน่น บรรยากาศรอบกายของเขาหนาวยะเยือก ใครกล้าเข้ามาใกล้จะต้องกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปอย่างแน่นอน
เฟิ่งชิงหัวโผล่ครึ่งหน้าอยู่ตรงขอบประตูเพื่อแอบมองเขาก่อน ก่อนจะเอ่ยเรียกเขาเบาๆ ว่า “ท่านอ๋อง?”
จ้านเป่ยเซียวหันมามอง ดวงตาของเขาแดงฉานกระหายเลือดและกัดฟันกล่าวว่า “เจ้าหูหนวกหรือไง ข้าบอกว่าให้เจ้าออกไป!”
หากเป็นเมื่อครู่นี้ เฟิ่งชิงหัวจะต้องมีท่าทีไม่ไว้หน้าแล้วเดินออกไปอย่างสบายใจแน่นอน
ทว่าตอนนี้การที่จ้านเป่ยเซียวยิ่งโมโห นางก็ยิ่งโทษตัวเอง ยิ่งจ้านเป่ยเซียวกราดเกรี้ยว นางก็ยิ่งเสียใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางกลับไม่ยอมถอยแต่ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเขา
จ้านเป่ยเซียวจ้องนางเขม็ง “ออกไป”
“ข้าไม่ไป หากท่านให้ข้าเดินข้าก็เดิน หากท่านไล่ข้าข้าก็ไป อย่างนั้นแสดงว่าข้าไร้ยางอายมาก” เฟิ่งชิงหัวเอ่ยปฏิเสธเบาๆ
จ้ายเป่ยเซียวแค่นยิ้มออกมา และเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก ตอนที่เขาเดินเฉียดผ่านเฟิ่งชิงหัวนั้น เฟิ่งชิงหัวก็กอดแขนของเขาเอาไว้
“ปล่อยมือ!” จ้านเป่ยเซียวตวาด
“ข้าไม่ปล่อย ท่านจะตีข้าให้ตายเลยก็ได้” เฟิ่งชิงหัวเงยหน้ามอง มือทั้งสองของนางเกาะแขนของเขาเอาไว้แน่น
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้างั้นหรือ!” จ้านเป่ยเซียวเอ่ยแล้วตั้งท่าจะยกแขนขึ้น
เฟิ่งชิงหัวหลับตาลงโดยสัญชาตญาณ แต่ปากของนางเอ่ยว่า “ท่านตบข้าเลย ข้าพูดไม่ดีทำให้ท่านโกรธ ท่านจะตัดมือข้าข้าก็ยอม”
“เฟิ่งชิงหัวในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นและใจร้ายไร้มนุษยธรรมขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ข้าผิดไปแล้ว ข้ามาขอโทษท่าน ข้าขอโทษจริงๆ ข้าเข้าใจท่านผิด ข้าทำให้ท่านต้องเสียใจ ข้าใจแคบ ความคิดมืดดำ ท่านให้อภัยข้าสักครั้งได้หรือไม่ ข้ารับประกันหลังจากนี้ข้าจะไม่ทำกับท่านแบบนี้อีกแล้ว” เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างละอายใจ
แววตาของจ้านเป่ยเซียวดุดันก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทำให้หนาวสะท้าน “เฟิ่งชิงหัว เจ้าทำร้ายคนอื่นไปแล้วค่อยมาขอโทษ บาดแผลยังสามารถรักษาได้ แต่ทำร้ายหัวใจจะรักษาอย่างไร”
เฟิ่งชิงหัวอับจนถ้อยคำ เมื่อได้ยินจ้านเป่ยเซียวกล่าวเช่นนี้ก็ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี
ระหว่างที่จ้านเป่ยเซียวกล่าวก็เดินมุ่งหน้าออกไปข้างนอก เฟิ่งชิงหัวร้อนใจจึงจับมือของจ้านเป่ยเซียวเอาไว้ แล้วกระโดดขึ้นหลังจ้านเป่ยเซียวอย่างรวดเร็ว แล้วเอามือทั้งสองกอดคอของเขาเอาไว้ ขาทั้งสองของนางเกี่ยวเอวของเขาเอาไว้แน่น
“ออกไปให้พ้น!”
“ข้าไม่ลง!” เฟิ่งชิงหัวเริ่มเล่นตุกติก “หากท่านไม่ให้อภัยข้า ข้าก็จะเกาะติดท่านไปตลอด”
“เฟิ่งชิงหัวทำไมหน้าของเจ้าถึงหนานัก!”
เฟิ่งชิงหัวไม่กล่าว นางเพียงเอาตัวของตนเองแนบชิดจ้านเป่ยเซียวมากขึ้นแล้วกอดเขาแน่น เพราะกลัวว่าเขาจะสะบัดทิ้ง
“เจ้าจะลงไม่ลง!”
“ถ้าท่านให้อภัยข้า ข้าก็จะลง” เฟิ่งชิงหัวกระซิบเบาๆ
“ฝันไปเถอะ!”
“อย่างนั้นข้าจะเกาะท่านไว้ให้แน่น หากท่านยืนข้าก็จะเกาะท่านไว้ หากท่านนั่งข้าก็จะเกาะท่านไว้ เข้าห้องน้ำข้าก็จะตามไป” เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างขี้โกง
จ้านเป่ยเซียวคล้ายอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับมีเสียงหลิวหยิ่งเดินเข้ามา “นายท่าน แม่ทัพเว่ยหยวน มาที่นี่ขอรับ บอกว่ามีเรื่องด่วนจากชายแดนจะรายงาน”