พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 105 แกล้งบ้า
ท่านชายโจวหกเคยคิดสภาพหลังจากที่ตนทำเช่นนี้ไว้พันหมื่นอย่าง คิดถึงสภาพหญิงสาวผู้นี้ร้องไห้ โมโห หรืออาจจะหัวเราะเยาะ แล้วพูดคำเยาะเย้ย หรือไม่นางก็จะเป็นเสือหน้ายิ้มเหมือนกับท่านชายฉิน ภายนอกเป็นมิตรไมตรีหรืออาจจะถึงขั้นโทษตนเอง เป็นต้น
สรุปก็คือไม่ว่าเจ้าจะเป็นเช่นไร ข้าก็จะยืนหยัดไม่ขยับกาย ลงโทษตนเองอยู่เช่นนี้
แต่ว่า เขาไม่คิดว่า นายหญิงผู้นั้นไม่ร้องไห้ไม่โวยวายไม่เขินอายไม่ร้อนรน แต่กลับยื่นมืออันงดงามออกมา ชี้มาทางตน
เจ้า ไม่น่าดู
ไม่น่าดู!
ตรงไหนไม่น่าดูกัน
ท่านชายโจวหกก้มหน้ามองตนเอง เขาถูกท่านพ่อท่านพี่อาจารย์โยนไปโยนมาตั้งแต่เดินไม่ได้ จนกระทั่งเดินได้ก็เริ่มฝึกเพลงยุทธ ฝึกจนเป็นกล้ามเนื้อทั้งตัว การแข่งขันขี่ม้ายิงธนูจินฉือในฤดูใบไม้ผลิของทุกปีนั้น เมื่อเขาปรากฏตัวทุกคนต่างก็ชื่นชมกัน ผ้าเช็ดหน้าถุงหอมของเหล่าหญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วนก็ให้มาดั่งสายฝน
ไม่น่าดู! เจ้าดูเป็นหรือไม่!
ไม่สิ ไม่สิ เขาไม่ได้ให้นางดูสิ่งนี้สักหน่อย!
หญิงสาวผู้นั้นยังคงจ้องมองเขา ส่วนสาวใช้ที่ทำเหมือนเขินอายข้างๆ นั้นก็กางนิ้วมือออก แอบดูจากร่องระหว่างนิ้วมือ
ความผึ่งผายของท่านชายโจวหกแตกสลายไปในพริบตา แล้วรีบหันกลับมา
ทางเฉิงเจียวเหนียงด้านนี้ก็เริ่มวุ่นวายขึ้น
“เจ้าทำอะไรน่ะชายหก อากาศหนาวเพียงนี้” ฮูหยินโจวตะโกนกล่าว พลางร้องไห้เรียกให้แม่นมรีบเข้าไปใส่เสื้อผ้าให้
“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องสนใจข้า” ท่านชายโจวหกกัดฟัน สีหน้าทั้งแดงทั้งดำ สลัดแม่นมที่มาเข้าใกล้ออก แล้วเขาก็ดึงกิ่งไม้ออกมายกมือขึ้นฟาดลงไปบนตัว
ฮูหยินโจวและแม่นมต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องตกใจ
“ลูกข้า” ฮูหยินโจวกระโจนเข้าไป กอดท่านชายโจวหกเอาไว้ แล้วมองดูรอยเฆี่ยนตีสีแดงสดบนตัวนั้นร้องไห้โวยวาย “ลูกข้า”
ท่านชายโจวหกถึงแม้จะเป็นเด็กหนุ่ม แต่อย่างไรเสียก็ทนการรบเร้าของเหล่าหญิงทั้งหลายไม่ไหว หลังจากนั้นสองสามครั้งกิ่งไม้นั้นก็ถูกเอาออกไป เสื้อคลุมก็ถูกนำมาห่อบนตัว
“ชายหก นางเป็นน้องสาวเจ้า พี่น้องกันมีอะไรที่คุยกันไม่ได้เล่า…”
“…เจ้าทำผลีผลามเช่นนี้จะทำให้น้องสาวเจ้าลำบากใจ…”
“…เจ้าทำน้องสาวเจ้าตกใจแล้ว…”
ฮูหยินโจวกอดลูกชายไว้ตำหนิไปพลางร้องไห้ไปพลาง เมื่อนึกถึงว่าตั้งแต่เริ่มแรกจนกระทั่งตอนนี้นั้นเฉิงเจียวเหนียงไม่ได้ส่งเสียงใดเลย หากเป็นหญิงสาวผู้อื่นไม่ตกใจร้องไห้ก็ตกใจจนหวาดกลัวไปแล้วกระมัง
นางเงยหน้ามาเรียกเจียวเจียว แล้วมองไปตรงทางเดิน
ตรงทางเดินไม่มีหญิงสาวผู้นั้นยืนอยู่ตั้งนานแล้ว
นางล่ะ
ฮูหยินโจวชะงักไปสักครู่ แม่นมคนหนึ่งรีบชี้ไปในห้อง
ประตูห้องเปิดออก สามารถเห็นเฉิงเจียวเหนียงที่นั่งลงแล้วอยู่ในห้อง นางกำลังฟังสาวใช้พูดอยู่ แล้วก็สังเกตดูในห้อง ดูเหมือนว่าจะสบายอกสบายใจยิ่งนัก
“เจียวเจียว”
ฮูหยินโจวลากท่านชายโจวหกเข้าห้องไป แล้วกดเขานั่งคุกเข่าลง
เนื่องจากไม่ได้ใส่เสื้อ เมื่อนั่งคุกเข่าลงเสื้อคลุมก็เปิดออก เผยหน้าแผงอกอันเปลือยเปล่าออกมา
เฉิงเจียวเหนียงที่ละสายตาจากฉากกั้นมามองดูแล้วยื่นมือออกไปอีก
“ถอดออกหมดเลย” นางกล่าว แล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย ใช้นิ้วมือชี้ไป
หญิงสาวผู้นี้ พูดอะไรกัน!
ฮูหยินโจวถึงแม้จะเป็นหญิงแต่งงานแล้วก็ยังเขินอายเล็กน้อย รีบยื่นมือมาช่วยลูกชายปิดให้มิดชิด แล้วยังขัดจังหวะสิ่งที่ตนอยากจะพูดแต่แรกอีก
“เจ้าเล่นเหลวไหลอะไรกัน แบกกิ่งไม้รับโทษ น้องสาวเจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร” นางกล่าวโทษเสียงแผ่วเบา
ท่านชายโจวหกหน้าแดงก่ำ
“ข้าตั้งใจมาขอโทษ เจ้าอย่ามาแกล้งบ้า!” เขาเลิกคิ้วนั่งเหยียดตัวตรงตะโกนกล่าว
“ถอดเสื้อผ้า ก็คือขอโทษหรือ” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว สีหน้าแข็งทื่อไม่มีปฏิกิริยาใด ดูแล้วกลับเหมือนว่าตั้งใจและจริงจังเป็นอย่างมาก
“เจ้ายังจะแกล้งบ้าอีก!” ท่านชายโจวหกหน้าแดงก่ำ แล้วลุกขึ้นมา
ฮูหยินโจวดึงรั้งเขาเอาไว้
“ชายหก เจ้าตะโกนอะไรกันเล่า นางจะรู้เรื่องแบบนี้ได้อย่างไร เจ้าเป็นชาย จู่ๆ ก็วิ่งมาทำเช่นนี้ต่อหน้าหญิงสาว จะไม่ทำให้นางตกใจหรือ เจ้านึกว่านางเป็นชายหนุ่มเช่นเจ้าหรือ” นางก็ร้อนรนเช่นกันจึงตะโกนกล่าว
ท่านชายหกไม่ได้พูดอะไร ทำหน้าตึงเครียดมองดูเฉิงเจียวเหนียงอย่างดื้อรั้น
เห็นนางเป็นชายหนุ่มเช่นเจ้าหรือ
เฉิงเจียวเหนียงก็มองดูเขา แล้วยิ้มที่มุมปาก
ท่านชายฉินหัวเราะตบขา สั่นสะเทือนจนถ้วยเหล้าบนโต๊ะเตี้ยนั้นส่ายไปมา
ในห้องนั้น ท่านชายโจวหกยังคงเปลือยท่อนบนอยู่ สาวใช้คนหนึ่งกำลังทายาบนบาดแผลเฆี่ยนตีบนหลังให้เขา
“คิดไม่ถึงจริงๆ เจ้าจะคิดวิธีแบกกิ่งไม้รับโทษนี้ออกมาได้” ท่านชายฉินยิ้มกล่าว
ท่านชายโจวหกนั่งคุกเข่า ไม่รู้ว่าเพราะว่าทายาแล้วแสบจนใบหน้าและตัวเกร็งแข็งไปหมดหรืออย่างไรกัน
“ยิ่งคิดไม่ถึงว่า การรับโทษท่ามกลางหิมะอย่างองอาจเช่นนี้ จะกลายเป็นนายหญิงเย้าแหย่หนุ่มน้อยไปได้” ท่านชายฉินกล่าวต่อแล้วยกถ้วยเหล้าขึ้นมาดื่ม “อีกยังเป็นนายหญิงทำให้หนุ่มน้อยเขินอายจนหนีไป”
ครั้งนี้ขนาดสาวใช้ข้างหลังท่านชายโจวหกก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แต่แล้วก็รีบก้มหัวรับผิด
ท่านชายโจวหกไม่ได้สนใจโบกมือไล่นางออกไป
“แสร้งทำเป็นบ้าได้เก่งเสียจริง” เขากล่าวเยาะเย้ย
“แล้วจะทำไม” ท่านชายฉินเอ่ยถาม “ในเมื่อเจ้ายังแสร้งทำเป็นบุ่มบ่ามไร้มารยาทได้ นางก็ย่อมแสร้งทำเป็นบ้าไม่รู้ความได้”
“อีกอย่างไม่ว่านางจะแสร้งบ้าหรือทำเป็นไม่รู้ความ แต่สุดท้ายก็ยังเข้าประตูเรือนข้ามาแล้ว” ท่านชายโจวหก กล่าวเสียงโกรธเคือง
พูดไม่ทันขาดคำ ท่านชายฉินก็จับไม้เท้าข้างกายตีลงไปอย่างแรง
เขาลงมือเต็มแรง ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้ท่านชายโจวหกบาดเจ็บ แต่ก็ทำให้ท่านชายโจวหกตกตะลึงไป
“ซังจื่อเจ้าบ้าไปแล้ว! ตีข้าทำไม!” เขาจ้องตาเขม็งตะคอกใส่
“ข้าจะตีคนป่าเถื่อนอย่างเจ้า รังแกคนมากไปแล้ว!” ท่านชายฉินก็จ้องเขม็งพลางกล่าวเช่นกัน มือหนึ่งยกถ้วยเหล้ามาดื่มจนเกลี้ยง อีกมือหนึ่งก็จับไม้เท้าตีมาอีก
ท่านชายโจวหกท่อนบนเปลือยเปล่า ถึงแม้จะกำยำล่ำสัน แต่ก็ไม่ยอมถูกตีเปล่าๆ
“เจ้ามาถึงก็จะกินเหล้า กินแล้วก็เมาโวยวาย!” เขากล่าวแล้วลุกขึ้นหลบ
ท่านชายฉินกลับไม่ยอมหยุด ยกไม้เท้าในมือขึ้นจะไล่ตี!
“เจ้ามันคนป่าเถื่อน รังแกคนเกินไป รังแกคนเกินไป ข้าทรมานใจนี่! ไม่ตีเจ้าข้าทำใจไม่ได้!” เขาตะโกนกล่าว แล้วเรียกบ่าวมาจะให้พยุงตนเองลุกขึ้นมาไล่ตามตีท่านชายโจวหกให้ได้
ความครึกโครมเช่นนี้ทำให้เหล่าสาวใช้และบ่าวต่างก็ไม่เป็นสุข ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้วุ่นวายขึ้นมาได้
ท่านชายฉินท่าทีสง่างามมาตลอด ขนาดพูดจาเสียงดังยังน้อยนัก แต่ตอนนี้กลับเมาจนโวยวายจะไล่ตีท่านชายหก
“ข้ารังแกใครกัน!” ท่านชายโจวหกก็สับสนไปเล็กน้อย หรือว่าจะดื่มเหล้าดื่มมากไปแล้ว อยู่บ้านถูกรังแกหรือ แต่ว่า ใครจะรังแกเขาได้
“เจ้า เจ้ารังแกข้า” ท่านชายฉินตะคอก ไม่รู้ว่าเหล้าขึ้นหัวหรืออย่างไร ดวงตาทั้งคู่มีสีแดงเล็กน้อย แล้วโยนไม้เท้าในมือออกไป
ท่านชายโจวหกไม่ถูกเขาฟาดโดนอยู่แล้ว ก้าวหลบไป แล้วขมวดคิ้ว
“เจ้า รังแกนายหญิงตระกูลเฉิง ก็เท่ากับรังแกข้า” ท่านชายฉินโซเซล้มลงไปกับพื้น แล้วกล่าวเสียงดัง
อะไรนะ ท่านชายโจวหกสีหน้าคร่ำเครียด
“เจ้า นางเป็นอะไรกับเจ้าเล่า!” เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวพึมพำ หรือว่าครั้งก่อนที่พูดหยอกล้อจะนำไปใส่ใจจริงๆ
ท่านชายฉินเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็หัวเราะเย้ยหยัน
“นางหรือ นางก็คือข้า ข้าก็คือนาง คนหัวอกเดียวกัน” เขากล่าว พลางพยุงตัวเองขึ้นมา “ข้า ข้าจะไปพบนาง”
สาวใช้และบ่าวต่างก็ตกใจกัน
นี่ นี่ไม่ดีกระมัง
“ฮูหยิน ฮูหยิน ท่านชายฉินดื่มหนัก โวยวายจะไปหานายหญิงเฉิงกับท่านชายหกเจ้าค่ะ”
แม่นมรีบมารายงานอย่างรีบร้อน ทำเอาฮูหยินโจวที่เพิ่งนั่งลงไม่นานตกใจถึงขนาดกับลุกขึ้นมา
กว่าจะไล่ท่านชายโจวหกกลับไปได้ แล้วยังพูดคำพูดดีๆ ปลอบประโลมไปมากมาย กว่าจะทำให้นายหญิงเฉิงผู้นั้นไม่ร้องไห้โวยวาย ไม่บอกว่าจะไปหรืออะไร เจ้าเด็กบ้านี่ทำไมถึงได้พาคนอื่นไปหาอีกเล่า
พี่น้องในบ้านตนเองก็ว่าไปอย่าง ท่านชายฉินเป็นชายคนนอก!
ฮูหยินโจวโมโหไฟลุก
พอรับคนกลับมาก็ไม่ได้หมดห่วงเลย แต่กลับยิ่งวุ่นวายใจเข้าไปใหญ่
“เร็วเข้า รีบไปขวางไว้” นางตะโกนกล่าว พลางเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
แต่ในเวลานี้ท่านชายฉินและท่านชายโจวหกก็มาถึงหน้าประตูเฉิงเจียวเหนียงแล้ว
สาวใช้ที่ยืนตรงทางเดินนั้นเห็นเข้า ก็รีบหันกลับมา
“นายหญิงเจ้าคะ คนที่ถอดเสื้อผ้าจนหมดคนนั้นมาอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางตะโกนเสียงแหลม พลางชูมือขึ้นมา เหมือนว่านาทีต่อไปจะยกขึ้นมาปิดตา
ท่านชายโจวหกถูกเสียงตะโกนนี้ทำเอาฝีเท้าโซซัดโซเซส่ายไปมา
สาวใช้คนนี้ช่างไม่รู้จักอายเสียจริง!
…………………………………………………..