พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 106 ร่วมแก้วเดียวกัน
ท่านชายโจวหกแทบจะหันหลังกลับแล้วเดินจากไป แต่ก็จนใจเพราะบนไหล่นั้นถูกท่านชายฉินจับกดเอาไว้
“ครั้งนี้ มากัน สองคน”
เสียงหญิงผู้หนึ่งลอยตามเสียงของสาวใช้มา
ท่านชายโจวถ่มน้ำลายในใจ ทั้งที่เสียงนั้นแข็งทื่อนัก แต่เขากลับได้ยินความหยอกล้ออยู่ในนั้น
นายเป็นเช่นไรบ่าวก็เป็นเช่นนั้น
นี่เป็นเสียงของนางล่ะสิ
ไม่ไพเราะจริงด้วย ยังเทียบไม่ได้กับสาวใช้เลย อัญมณีแปลกประหลาดถูกเห็นเป็นเพียงเศษกระเบื้อง
ท่านชายฉินเงยหน้าขึ้น เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งมาจากในห้องแล้วยืนนิ่งตรงทางเดิน
เวลานี้ก้อนหิมะได้กลายเป็นเกล็ดแล้ว ล่องลอยสาดเทลงมา ท่ามกลางหมอกหิมะขาวโพลงเช่นนี้ หญิงสาวชุดสีเข้มแขนกว้าง ผมดำสยายช่างสะดุดตายิ่งนัก
นี่ก็คือนายหญิงเฉิงที่ถูกทิ้งไว้ในวัดเต๋าเกือบสิบปี เดินทางกลับบ้านเป็นพันลี้เพียงลำพังผู้นั้น
นี่ก็คือนายหญิงเฉิงที่คนอื่นหัวเราะตนต่อหน้าผู้คน บ่มเพาะคนใหม่ด้วยมือเปล่าผู้นั้น
นี่ก็คือนายหญิงเฉิงที่ไม่ชอบชาชอบอาหารพิถีพิถัน คนจะไปหรือจะมาก็ไม่รั้งไว้ผู้นั้น
เลื่อมใสมานาน เลื่อมใสมานาน
ท่านชายฉินยื่นมือมา เหมือนว่าคารวะอยู่ไกลๆ
เรี่ยวแรงที่ช่วยพยุงหายไป ท่านชายฉินเซไปด้านหน้าเล็กน้อย โชคดีที่บ่าวและท่านชายโจวหกตาไวมือไวรีบพยุงไว้
คนกลุ่มนี้ก้าวเข้ามาอย่างโซซัดโซเซ
“นายหญิง ข้ามาดื่มกับเจ้าสักแก้ว” ท่านชายฉินกล่าว ไม่อ้อมค้อมไม่มีพิธีรีตอง เหมือนว่ารู้จักมักคุ้นกันแต่แรก เขาตะโกนกล่าว แล้วถือไม้เท้าเดินมาทีละก้าว
สาวใช้ตกใจเล็กน้อย
เฉิงเจียวเหนียงยังมองดูอยู่ แต่สีหน้ายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“คนขาเป๋ถอดหมด จะน่าดูกว่าหรือไม่” นางเอ่ยถาม
บ่าวที่ก้าวเข้าไปยังทางเดินแทบจะลื่นล้ม สีหน้าตกใจกลัว ช่างเป็นนายหญิงน้อยที่อาจหาญเสียจริง!
ท่านชายโจวหกเลิกคิ้วทำเสียงโกรธเคือง
“หากแกล้งบ้าอีก ข้าจะถอดหมดให้เจ้าดู ดูว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร” เขาตะโกนกล่าว
สาวใช้ยื่นมือมาปิดตา ช่างหน้าอายเสียจริง ไร้มารยาทอย่าฟังอย่ามอง
สายตาเฉิงเจียวเหนียงหันไปมองทางเขา แล้วก็กวาดสายตาช้าๆ
“แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า” นางกล่าว
ท่านชายโจวหกโมโหจนใบหน้าและลำคอแดงก่ำ
“นายหญิง เจ้าคนป่าเถื่อนผู้นี้ รังแกคนมากไปแล้ว” ท่านชายฉินกล่าวต่อ “ข้าจะมาดื่มเหล้ากับเจ้า”
เฉิงเจียวเหนียงมองดูเขา
“ดื่มร่วมแก้วเดียวกันหรือ” นางเอ่ยถาม
ท่านชายฉินมองดูนาง จับถ้วยเหล้าที่ถือมาจากห้องท่านชายโจวหกยกชูขึ้น
“ร่วมทุกข์ร่วมยากกัน” เขากล่าว
ร่วมแก้วเดียวกันหรือ ร่วมทุกข์ร่วมยาก หรือ
สองคนนี้พูดอะไรกันอยู่
“นายหญิงมีมือมีเท้า กลับถูกเจ้าคนป่าเถื่อนจับตัวมา ก็เหมือนกับข้าคนที่แขนขาพิการ ในใจมีความโมโห ไม่มีความอิสระ จนใจ จนใจนัก!” ท่านชายฉินกล่าวพลางหัวเราะ แล้วดื่มเหล้าจนหมดในอึกเดียว “ร่วมทุกข์ ร่วมทุกข์ ใครจะรู้ทุกข์ในใจกันเล่า”
ทั้งที่เขาหัวเราะเสียงใส แต่สาวใช้ข้างกายกลับรู้สึกว่าเศร้าใจ
จนใจ จนใจ
ใครอยากมาบ้านตระกูลโจว ใครอยากมาบ้านตระกูลโจวกัน ถูกคนป่าเถื่อนนี่จับตัวมา บีบบังคับจับตัวมาก่อน แล้วก็บังคับให้ฟังคำขอโทษ บีบบังคับทุกอย่าง แต่กลับไม่คิดว่าผิดที่ใด กลับไม่คิดว่านายหญิงจะทุกข์เรื่องใด
นายหญิงจะต้องจำใจเพียงใด จับตัวหญิงสาวผู้นี้ ผูกมัดด้วยสายเลือด จะพูดก็ไม่ได้จะขัดก็ไม่ได้จะปล่อยก็ไม่ได้
ยังดี ยังดี มีคนรู้ มีคนรู้
สาวใช้ยกมือขึ้นมาปิดตาไว้ น้ำตาไหลออกมา
ท่านชายผู้นี้ไม่เลวนัก
ท่านชายโจวหกเหลือบมองดูท่านชายฉิน แล้วก็เหมือนเข้าใจอะไรกระทันหัน แต่แล้วก็ทำหน้าตึงเครียดต่อ
ประตูห้องเปิดอยู่ คนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นต่างก็มองเห็นว่าข้างนอกมีเกล็ดหิมะล่องลอยไปมา
“รังแกคนเกินไปแล้ว รังแกคนเกินไปแล้ว” ท่านชายฉินยังคงถือถ้วยเหล้าแล้วหัวเราะอยู่ แล้วชี้ท่านชายโจวหก แล้วก็ชี้ไปบนฟ้าอีก “ข้าตีฟ้าไม่ได้ แล้วจะตีเจ้าไม่ได้หรือ”
พูดจบก็จับไม้เท้าแล้วตีอีกครั้ง
“ฉินซังจื่อ เจ้าพอได้แล้ว” ท่านชายโจวหกตะคอกด้วยสีหน้าตึงเครียด แล้วยื่นมือมาแย่งไม้เท้าของเขามา
“โจวหก เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าตนเองผิดที่ใด” ท่านชายฉินยิ้มกล่าว แล้วใช้ถ้วยเหล้าชี้ไปทางเขา “เจ้า รังแกคนอื่นเกินไปแล้ว”
สาวใช้ด้านข้างก็มองท่านชายโจวหกด้วยความโมโห นั่นสิ เขาบอกว่าเขายอมรับผิด แต่เขาไม่คิดว่าตนผิดเลยสักนิด!
รังแกคนเกินไปแล้ว!
ท่านชายโจวหกสีหน้าตึงเครียด แล้วนั่งลงด้วยน้ำเสียงโมโห
“ตอนนั้นข้าไม่สนใจอะไรแย่งสาวใช้เจ้ามา ข้าผิดเอง” เขากล่าว “เจ้ามีความโกรธ มีความแค้นอะไร ก็ระบายมาที่ข้าให้เต็มที่ เห็นแก่ท่านย่าท่านป้าแล้ว เจ้าอย่าได้จงเกลียดจงชังบ้านตระกูลโจว หรือจงเกลียดจงชังแซ่โจวเลย”
“ในเมื่อเห็นแก่ท่านย่าท่านป้าเจ้า ทำไมเจ้าถึงได้ทำกับนางเช่นนี้” ท่านชายฉินกล่าว ในมือก็ยังถือถ้วยเหล้าที่ว่างเปล่าอยู่ “เทเหล้า เทเหล้า ข้าจะร่วมทุกข์กับนายหญิง”
“ใช่ พวกข้ารังแกคนเกินไป” ท่านชายโจวหกกล่าวกัดฟัน แล้วมองไปทางเฉิงเจียวเหนียง “จะทำเช่นไร เจ้าก็บอกมา”
“ความหมายของเจ้าก็คือ นางไม่ให้อภัย ไม่ยอมพูดว่าจะให้พวกเจ้าชดใช้อย่างไร เป็นความผิดของนางหรือ ส่วนเจ้ากลับเป็นคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมงั้นหรือ” ท่านชายฉินกล่าวพลางส่ายหน้า แล้วยื่นมือมาชี้เฉิงเจียวเหนียง พลางมองดูท่านชายโจวหก “เรื่องดีเรื่องไม่ดีเจ้าก็พูดเองทั้งนั้น ชายหก จะทำอะไร ก็ไม่มีใครรังแกคนอื่นเหมือนเจ้าเช่นนี้”
สาวใช้พยักหน้า นั่นสิ นั่นสิ
นายหญิงพูดน้อย ส่วนท่านชายตรงหน้าผู้นี้ก็ได้พูดคำพูดเหล่านี้แทนนางไปแล้ว แสดงว่าความลำบากใจที่นายหญิงได้รับนั้นก็ยังมีคนมองเห็นได้อย่างแจ่มแจ้ง
“ข้าเพียงแต่อยากจะทำอะไรบ้าง แต่ข้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร” ท่านชายโจวหกนั่งเหยียดตัวตรง กล่าวด้วยสีหน้าตึงเครียด “เจ้าอยากจะระบายอย่างไร เจ้าก็ทำมาเถิด”
เขาพูดจบก็มองดูเฉิงเจียวเหนียง
เฉิงเจียวเหนียงที่นั่งอยู่ตรงข้ามนั้นนั่งอย่างเงียบสงบมาโดยตลอด ไม่พูดจาเลยสักคำ เวลานี้พวกเขามองมา นางก็นิ่งไปสักพัก แล้วยื่นมือมาป้องปากหาว
“ทำไม ไม่ถอดเล่า” นางกล่าว
สาวใช้ที่เดิมทีกำลังเสียใจอยู่นั้นได้ยินดังนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา จึงรีบใช้มือมาปิดปากเอาไว้
“เฉิงเจียวเหนียง เจ้ายังไม่จบไม่สิ้นอีก!” ท่านชายโจวหกนั่งคุกเข่าหนึ่งข้าง แล้วตะคอกกล่าว
ท่านชายฉินก็หัวเราะเช่นกัน
“ไม่จบ” เขากล่าว แล้วขว้างถ้วยเหล้าในมือใส่ท่านชายโจวหก “เจ้าไสหัวออกไปเสีย อย่ามาทำตัวน่ารำคาญอยู่แถวนี้”
“ฉินซังจื่อ เจ้ามาประสมโรงอะไรกัน!” ท่านชายโจวหกกล่าวอย่างโมโห ขณะรับถ้วยเหล้าเอาไว้
“ไสหัวไป! เจ้าเป็นคนเช่นนี้ไปได้ ข้าตาบอดจริงๆ หากเจ้าไม่ไป วันหลังข้าจะไม่รู้จักเจ้าอีกต่อไป” ท่านชายฉินยื่นมือชี้ไปทางนอกประตูแล้วกล่าวขึ้น
ท่านชายโจวหกกัดฟันจ้องตาเขม็ง สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป
นอกเรือนนั้น มีคนมากมายแอบยืนอยู่เงียบๆ ถึงแม้กางร่มอยู่แต่ก็ใกล้จะกลายเป็นตุ๊กตาหิมะไปแล้ว
“ชายหก ท่านชายฉินอยู่ข้างในคนเดียวหรือ นี่ ไม่ดีกระมัง” ฮูหยินโจวรีบกล่าวขึ้น พลางยื่นมือมาจับตัวลูกชายไว้
“มีอะไรไม่ดีกัน ให้คนบ้านั่นได้โอกาสตามตื๊อเขา ถึงจะดี!” ท่านชายโจวหกกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ สะบัดแขนเสื้อและเดินออกไป
ฮูหยินโจวจะตะโกนเรียกแต่ก็ไม่กล้าเรียกเสียงดัง
“เด็กคนนี้ พูดอะไรกัน” นางกล่าว “ตามตื๊อเขา บ้านตระกูลฉิน ตามตื๊อง่ายเพียงนั้นหรืออย่างไร”
หากตื๊อได้ ลูกสาวมากมายในบ้าน นางก็คงคิดเช่นนี้ตั้งนานแล้ว
ท่านชายฉิน ทำอะไรกัน เมาเหล้าจริงหรือ
ในห้องเหลือเพียงท่านชายฉิน เมื่อมองดูท่านชายโจวหกเดินออกไป เหมือนว่าจะดีใจอย่างมาก
“คนเช่นนี้ จะต้องสั่งสอนเขาเสียบ้าง” เขากล่าวพลางปรบมือ “รังแกคนเกินไปแล้ว”
พูดจบก็หันหน้ามามองเฉิงเจียวเหนียง
“นายหญิง หายโกรธเถิด คนที่ควรโกรธไม่ใช่เจ้า แต่เป็นเขา” เขากล่าว
เฉิงเจียวเหนียงมองดูเขาแล้วส่งเสียงร้อง ‘อ้อ’
“แน่นอน” นางกล่าว แล้วมองดูท่านชายฉิน “เขาไปแล้ว เจ้าไม่ถอดหรือ”
น่ากลัวเสียจริง…บ่าวของท่านชายฉินแทบอยากจะหดหัวเข้าไปในคอ นี่มันคนบ้าจริงๆ ด้วย! พูดอะไรกันนี่!
ท่านชายฉินมองนางแล้วหัวเราะ
“หากนายหญิงอยากดู ข้าก็จะถอดให้” เขากล่าว พลางยิ้มอย่างขมขื่น “เพียงแต่ร่างกายพิการของข้านี้ ไม่น่าดูนัก”
………………………………………………………………….