พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 24 มีทางออก
ปั้นฉินยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับสาวใช้นางนั้น
“ไม่ไหวแล้วจริงๆ หรือ” ปั้นฉินถาม
สาวใช้รับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาก่อนจะดึงสติกลับมา
นี่มันผ้าเช็ดหน้าของคนบ้านี่ หากข้าใช้มัน ข้าจะกลายเป็นคนบ้าไปด้วยหรือไม่
ทว่าความมีน้ำใจของผู้อื่น ไม่สามารถโยงทิ้งต่อหน้าได้ สาวใช้กำผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ กลั้นน้ำตาอย่างสุดแรง
“ไม่ใช่ว่าไม่ไหว” นางเอ่ย “แม้ว่านายท่านจะห้ามไม่ให้พูด แต่ก็เชิญหมอมาจากทั่วสารทิศ จนหมอไม่รู้จะสั่งยาอะไรให้แล้ว ฮูหยินเองก็ร้องไห้จะเป็นจะตายไม่รู้กี่ครั้ง” สาวใช้กล่าว
“อืม” ปั้นฉินกล่าว
“เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยสี่หรือ ก็เห็นยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดถึงได้… แล้วเริ่มป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ” ปั้นฉินถามละเอียดยิบ
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้า สาวใช้กลับพร้อมเปิดใจและทยอยตอบทุกคำถาม
“ตอนแรกหน้าแดงจากนั้นก็ซีดขาวงั้นหรือ” ปั้นฉินชี้นำให้สาวใช้ยืนยัน
“ใช่แล้ว ตอนแรกก็คิดว่าเป็นไข้เลยให้กินยาขับเหงื่อก่อน ปรากฎว่าเหงื่อออก แต่กลับไหลไม่หยุด เสื้อผ้าแฉะชื้นอย่างกับแช่น้ำมา จนต้องเปลี่ยนไม่รู้กี่ชุด” สาวใช้กล่าว
สาวใช้พูดถึงเพียงเท่านั้นก็หยุด ก่อนจะมองไปทางหญิงสาวที่สวมมี่หลีนั่งที่นิ่งเงียบราวกับรูปหินบนโขดหิน
“นาง…” สาวใช้ชี้นิ้วและถามปั้นฉินว่า “นั่งอยู่เช่นนี้จะดีหรือ เหตุใดเจ้าถึงไม่พานางกลับไป”
หากส่งนายหญิงกลับ แล้วใครจะรักษานายน้อยสี่ของเจ้าเล่า
ปั้นฉินพึมพำในใจ โชคมาเยือนแท้ๆ กลับไม่รู้ตัวเสียนี่
“ไม่เป็นไร นายหญิงชอบนั่งเฉยๆ แบบนี้อยู่แล้ว” ปั้นฉินกล่าวพร้อมกับซักไซ้ถามนางต่อว่า “แล้วอย่างไรต่อ มีอาการอะไรอีกไหม”
คนบ้าก็แบบนี้แหละ เอาแต่นั่งเฉยๆ กินๆ นอนๆ สาวใช้จึงปล่อยไป ไม่ได้สนใจ
“ต่อมานายน้อยสี่ก็เริ่มเลอะเลือน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว พูดจาเพ้อเจ้อ” สาวใช้กล่าวต่อทั้งยังร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้ “นายน้อยสี่ของพวกข้ารูปงามยิ่งนัก ชั่วพริบตาเดียวถอดรูปราวกับเป็น…ธรรมดาทั่วไป”
คนจะรูปงามเพียงใดก็ไม่ดึงดูดใจเท่าอาหารอร่อย สิ่งที่ปั้นฉินอยากรู้ไม่ใช่เรื่องนี้ จึงรีบตัดบทสาวใช้
“หมอตรวจอาการแล้วว่าอย่างไรบ้าง” ปั้นฉินถาม
สาวใช้นางนี้เหตุใดถึงถามละเอียดเช่นนี้
สาวใช้ของท่านชายสี่มองปั้นฉินด้วยความสงสัย
“ในเมื่อป่วยแล้ว อย่างน้อยหมอก็ต้องบอกได้สิว่าป่วยเป็นโรคอะไร” ปั้นฉินเอ่ยอย่างรีบร้อน “เหตุใดถึงไม่มีวิธีรักษา เป็นเพราะหมอไม่เก่งล่ะสิ”
“หมอมาตั้งเยอะตั้งแยะ คงต้องมีคนเก่งสักคนแหละน่า” สาวใช้เอ่ยค้านโดยลืมความสงสัยไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดต่อว่า “บอกว่ากังวลมากเกินไป ก็เลยปวดหัว ปวดใจ … และ แล้วก็ทำลายไปถึงตับ ทำลายม้าม อะไรประมาณนั้น… สรุปคือ หมอบอกว่าอวัยวะข้างในมีแต่แผล แต่ไม่ได้กระแทกอะไรที่ไหน จะมีแผลได้อย่างไรกัน”
ได้ยินเพียงเท่านั้นเฉิงเจียวเหนียงลุกยืนขึ้น
สาวใช้ผู้นั้นตกใจ
“นางขยับแล้ว” สาวใช้หลุดปากร้องออกมา
“นายหญิงของข้าเป็นมนุษย์ก็ต้องขยับได้สิ!” ปั้นฉินเอ่ยอย่างไม่พอใจ
สาวใช้รู้สึกเขินอาย
“นายหญิงจะกลับเลยหรือไม่เจ้าคะ” ปั้นฉินถามแบบมีความหมายโดยนัย
“ใช่” เฉิงเจียวเหนียงตอบ
“นางพูดแล้ว!” สาวใช้อุทานอีกครั้ง พร้อมกับชี้ไปที่เฉิงเจียงเหนียง ด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อ
“เอ๊ะ! นายหญิงของข้าไม่ได้เป็นใบ้นี่” ปั้นฉินไม่พอใจเป็นอย่างมาก ลับหลังผู้คนเหล่านี้กล่าวถึงนายหญิงว่าอย่างไรกัน!
สาวใช้มองเฉิงเจียวเหนียงด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่น่าเสียดายที่สาวใช้ไม่สามารถเห็นใบหน้าของเฉิงเจียวเหนียงผ่านมี่หลีได้
ได้ยินมาว่าคนบ้าทุกคนล้วนตาเขปากเบี้ยว
ปั้นฉินเข้าใจสัญญาณของเฉิงเจียวเหนียง จึงรั้งสาวใช้ผู้นั้นไว้โดยเก็บความโกรธไว้ในใจ
“พี่สาว ข้าไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่” ปั้นฉินกล่าว
“พูดอะไรล่ะ?” สาวใช้ถาม
ปั้นฉินมองไปรอบๆ พร้อมกับพาสาวใช้ก้าวออกไป
“ข้ามีวิธีหนึ่ง อาจจะช่วยชีวิตท่านชายสี่ได้” ปั้นฉินกระซิบ
“ว่าอย่างไรนะ” สาวใช้ตกใจร้องออกมา
ปั้นฉินรีบทำท่าให้สาวใช้เบาเสียงลง
“เจ้าอย่าเสียงดังไป” ปั้นฉินกล่าว
“เจ้าพูดจริงหรือ” สาวใช้สงบสติลงพร้อมกับถามว่า “เจ้า เจ้า…เจ้ารักษาคนได้หรือ”
ในตอนนั้นนายหญิงออกบ้านไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถพบคนป่วยได้ด้วยตัวเอง ที่ผ่านมานางหญิงรักษาโรคจากคำพูดที่ได้ยินมาโดยตลอด
ปั้นฉินถามไถ่อาการของโรคประหลาดที่รักษาไม่หายจากชาวบ้านตามท้องถนน จากนั้นจึงกลับไปเล่าให้กับนายหญิงฟัง นายหญิงอาศัยการฟังแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรักษาได้หรือไม่ จากนั้นนางจะทำทีออกมาบังเอิญเจอกับครอบครัว แล้วอาศัยวาทศิลป์โน้มน้าวให้ผู้ป่วยมารักษาที่บ้าน
รับมือกับคำถามและข้อสงสัยเหล่านี้ ปั้นฉินชำนาญแล้ว
“อย่างข้ารักษาโรคได้อย่างไร” ปั้นฉินยิ้ม “เจ้าก็รู้ว่าข้าเติบโตมาในวัดเต๋า”
คนบ้าถูกเลี้ยงดูมาในวัดเต๋า เรื่องนี้ทุกคนในตระกูลรู้ดี สาวใช้พยักหน้ารับรู้
“เหล่านักบวชในวัดเต๋าล้วนมีทักษะวิชาการแพทย์ติดตัวมาบ้าง ข้าเคยเห็นพวกเขารักษาโรคเช่นนี้กันแถมยังรักษาหายอีกด้วย หากไม่เชื่อ เจ้าไปถามที่ปิ้งโจวได้เลย” ปั้นฉินกล่าวอย่างจริงจัง
อยู่ห่างออกไปตั้งหนึ่งหมื่นแปดพันลี้ ใครจะไปถามเล่า
สาวใช้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ข้าจะกลับไปจดยาให้เจ้า เจ้าลองดู” ปั้นฉินกล่าว
สาวใช้ไม่พูด
“ในเมื่อเจ้ามียารักษาโรคนี้ เหตุใดถึงไม่ไปบอกนายท่านกับฮูหยินเล่า” สาวใช้กล่าว
“ข้าไม่ใช่หมอ และข้าเป็นสาวใช้ของ…” ปั้นฉินกล่าว พร้อมกับมองไปที่เฉิงเจียวเหนียงซึ่งยังคงยืนอยู่ข้างหิน ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายท่านกับฮูหยินจะเชื่อข้าได้อย่างไร เจ้าคือคนที่ดูแลท่านชายสี่มาตั้งแต่เด็ก เจ้าไม่เหมือนผู้อื่น ไม่เช่นนั้น เจ้าคงไม่แอบมาขอพรเทพเซียนที่นี่หรอก”
สาวใช้รู้สึกอุ่นใจกับสิ่งที่ปั้นฉินพูด นางเริ่มจับมือปั้นฉินเขย่าไปมา ดวงตาของนางแดงก่ำ
“พี่สาวเอาไปใช้เถอะ หากท่านชายสี่กินแล้วไม่ดีขึ้น เจ้าชี้ตัวข้าให้มารับผิดได้เลย” ปั้นฉินกล่าวพร้อมกับจับมือของนาง “หากท่านชายสี่หายป่วย แสดงว่าคำอธิษฐานของพี่เป็นจริงแล้ว ไม่เกี่ยวกับข้า”
นางพูดถึงเพียงเท่านี้ ก่อนจะจับมือของสาวใช้เต็มแรง พร้อมกับพยักหน้าอย่างสื่อความหมาย
หากท่านชายสี่หายป่วยแล้วจะเกิดอะไรขึ้น นางนั้นรู้ดีกว่าใคร แววตาของนางกลับมาสว่างสดใสขึ้นอีกครั้ง
สาวใช้อย่างนางหากได้ลงเอยเป็นฝั่งเป็นฝากับท่านชายสี่คงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิต แต่โชคอีกครึ่งหนึ่งนี้ขึ้นอยู่กับฮูหยินสี่ในอนาคต ทว่าหากเจ้ามีบุญคุณช่วยชีวิตนายน้อยสี่ เรื่องราวก็อาจจะแตกต่างออกไป
สาวใช้หอบหายใจรัวพร้อมกับบีบมือปั้นฉินโดยไม่รู้ตัว
“หากเป็นเช่นนั้น ได้ข้าก็จะขอลองดู” สาวใช้กล่าว
ปั้นฉินพยักหน้า
“เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ ข้ากลับไปจดแล้วจะนำมาให้เจ้า” ปั้นฉินกล่าว
“รีบไปรีบมาล่ะ ” สาวใช้คะยั้นคะยอ
ปั้นฉินตอบรับแล้วหันหลังวิ่งออกไป ขณะเดียวกันก็หันไปแลบลิ้นปลิ้นตาทำหน้าผีใส่เฉิงเจียวเหนียง
มุมปากของเฉิงเจียวเหนียงยกยิ้มภายใต้มี่หลี
จนกระทั่งก้าวเข้าสู่เขตเรือนตัวเอง ปั้นฉินถึงกล้าเอ่ยปากพูด
“นายหญิง สามารถรักษาให้หายได้จริงหรือเจ้าคะ” ปั้นฉินถาม
เฉิงเจียวเหนียงมองไปที่ปั้นฉิน
ปั้นฉินแลบลิ้นพร้อมกับยิ้ม
“น่าตีเสียจริง นายหญิงบอกว่ารักษาได้ ก็ต้องรักษาได้สิ” ปั้นฉินยิ้ม
เฉิงเจียวเหนียงนั่งลง ปั้นฉินยกโต๊ะเตี้ยออกมาพร้อมกับกระดาษและหมึก เตรียมจดใบสั่งยา
“แต่ว่า นายหญิงเจ้าคะ” ปั้นฉินอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ตำหรับยาดีเช่นนี้ จะให้สาวใช้ผู้นั้นจริงๆ หรือ พวกเราพูดกับนายท่านและฮูหยินดี ให้นายท่านกับฮูหยินเชื่อพวกเรา ไม่ดีกว่าหรือ”
“ไม่ดี” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
“เพราะเหตุใดเล่าเจ้าคะ” ปั้นฉินถาม นางรู้ดีกว่าหากนางไม่ถาม นายหญิงก็คงไม่พูดต่อแน่นอน
“เพราะบางอย่างทำง่ายกว่าพูด” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
นี่คือความจริง ปั้นฉินมองหน้านายหญิงพร้อมหัวเราะเสียงดัง สิ่งที่นายหญิงพูดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น
…………………………………………………………….