พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 37 ผิดพลาด
เฉิงเจียวเหนียงยกผ้าคลุมขึ้น เพื่อฟังเสียงคนร้องไห้ที่มาพร้อมกับสายลม
“มีคนร้องไห้หรือเจ้าคะ” สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังถาม พร้อมกับมองไปทางเดียวกัน
เรือนหลังนี้ตั้งอยู่ทิศเหนือสุดของบ้านตระกูลเฉิง บนพื้นที่ที่ค่อนข้างสูง เดิมทีใช้เพื่อสอดแนมกับป้องกันภัย
แต่ยามที่บ้านเมืองสงบสุขเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้
บริเวณที่ทั้งสองคนอยู่นั้นได้ยินเสียงอย่างชัดเจนและดูเหมือนว่าต้นเสียงจะมาจากทิศตะวันออก
“มาจากฝั่งเหล่าฮูหยินเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าว
“เหล่าฮูหยินแห่งตระกูลเฉิงหรือ” เฉิงเจียวเหนียงถาม
“ใช่เจ้าค่ะ เหล่าฮูหยินไม่สนใจเรื่องภายในบ้าน แต่ฝักใฝ่ทางธรรม เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยพร้อมกับมองไปทางนั้น
หากเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับนาง เฉิงเจียวเหนียงก้มหน้าลงพร้อมกับยกเท้าก้าวเดินต่อไป
วันนี้ยังเหลืออีกหนึ่งรอบ ก็จะเดินครบห้ารอบแล้ว
แต่ทว่านางคาดการณ์ผิดไป เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางโดยตรง
เหล่าฮูหยินเฉิงมองไปที่ลูกสะใภ้ทั้งสองที่กำลังร้องไห้อยู่ ด้วยความรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง
“เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ผิดตั้งแต่แรก แต่นายใหญ่ลงโทษเจ้าให้ไปสำนึกตนที่หอบรรพบุรุษอย่างนั้นหรือ” นางถามด้วยความรู้สึกสับสน
ไม่ใช่ว่ากำลังพูดถึงเรื่องให้สิทธิพิเศษในการเปิดครัวให้กับใครคนหนึ่งในบ้านอยู่หรือ เหตุใดถึงย้อนกลับมาพูดเรื่องนี้อีก
ไม่ใช่สิ ก่อนหน้านี้เหมือนพูดถึงเรื่องใครซื้อพัดหรือใครซื้อดอกไม้มาใหม่ไม่ใช่หรือ
วุ่นวายอะไรเช่นนี้!
“หุบปากกันให้หมด!” เหล่าฮูหยินเฉิงตบลูกประคำในมือลงบนโต๊ะไม้เตี้ยอย่างแรง
ลูกสะใภ้ทั้งสองนิ่งเงียบ
“ข้าเข้าใจแล้ว” เหล่าฮูหยินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจนั้นกระอักกระอ่วน สายตาของนางกวาดไปที่สะใภ้ทั้งสอง “ที่พวกเจ้าไม่พอใจกัน เพราะนางบ้าคนนั้นหรือ”
หากไตร่ตรองดูดีๆ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพราะสาวใช้ของคนบ้านางนั้นเล่นพิเรน ให้คนของตระกูลโจวฉวยโอกาสหาเรื่องตระกูลเฉิงได้ ตอนนั้นสะใภ้รองต้องแบกรับความไม่เป็นธรรมไว้ จึงพาลไม่พอใจฮูหยินใหญ่ไปด้วย
ฮูหยินใหญ่เฉิงพยักหน้า
อันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องแรกที่เกิดขึ้น หากไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ใหญ่พูดถึงเรื่องสินสอดที่แม่นางคนบ้านั่นทิ้งไว้ เมื่อคนของตระกูลโจวมาหาเรื่อง นางก็คงไม่ตกที่นั่งลำบากเช่นนั้นหรอก
จะว่าไปแล้วอย่างไรเสียเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางบ้านั้นอยู่ดี
ฮูหยินรองเฉิงพยักหน้า สะอึกสะอื้นพลางเช็ดน้ำตา
“น่าอับอายยิ่งนัก! เพียงเพราะเรื่องแค่นี้นะ พวกเจ้าอายุรวมกันก็มากกว่าข้าแล้ว ต้องมาทะเลาะกันถึงที่นี่เลยหรือ” เหล่าฮูหยินกล่าวด้วยความโมโห “สะใภ้ใหญ่ เจ้ามีความผิด เหตุใดตอนนั้นถึงไม่ยื่นอกรับผิดเอง!”
“ข้าผิดเองเจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่เฉิงหมอบลงกับพื้น
“สะใภ้รอง เหตุใดลุงเขาถึงบอกว่าเจ้าผิด เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่หรือ แต่คนของตระกูลโจวไม่รู้” เหล่าฮูหยินเฉิง
กล่าว “ตอนนั้นต่อหน้าคนนอก พวกเจ้ายังจะหาตัวคนผิดอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าแบกรับความผิดไว้ เจ้าผิดจริงๆ”
“ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ” ฮูหยินรองเฉิงหมอบลงกับพื้นเช่นกัน นางเอ่ยพร้อมกับน้ำตา
เหล่าฮูหยินถอนหายใจก่อนจะยกน้ำชาขึ้นดื่ม
“ดอกไม้นั้น สะใภ้รองคืนไปเถอะ ดอกไม้ใบหญ้าพวกนี้ทำให้คนมีความสุข ไม่แบ่งสูงต่ำ เมื่อมองแล้วมีความสุขก็มีค่ามหาศาล แต่หากทำให้เป็นทุกข์ก็ไม่มีค่าแม้แต่สตางค์แดงเดียว” นางกล่าว
“ใช่เจ้าค่ะ” ฮูหยินรองเฉิงกล่าว
“สำหรับมื้ออาหาร ของว่างและผลไม้ของแต่ละเรือน สะใภ้ใหญ่ก็ไม่ต้องละเอียดมากนัก การกินเป็นความสุขของมนุษย์ ตราบใดที่มันไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป เจ้าก็ไม่ต้องไปประหยัดค่าอาหารมากนัก” เหล่าฮูหยินเฉิงกล่าว
“เจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่เฉิงตอบ
“พวกเราพี่น้องตระกูลเฉิงไม่แบ่งบ้าน เหล่าพี่น้องไม่เห็นจะเป็นอะไรกันเลย มีแต่พวกเหล่าสะใภ้นี่แหละที่ใช้ชีวิตยาก ผู้หญิงอยู่รวมกันมักคิดเล็กคิดน้อย มีอะไรก็ไม่ยอมพูด เอาแต่เก็บไว้ในใจ เรื่องเพียงน้อยนิด สุดท้ายเวลาโกรธก็พูดออกมาในคราวเดียว เหมือนเป็นศัตรูกันมากช้านาน” เหล่าฮูหยินเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตอนนี้ในใจของพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงแม้พวกเจ้าจะไม่พูด ข้าก็รับรู้ได้”
พูดถึงเพียงเท่านี้ สายตากวาดไปที่สองสะใภ้ที่นั่งหลังตรงอยู่
“ไม่ว่าเจ้าจะคิดอะไรอยู่ในใจ อีกฝ่ายก็รู้อยู่ดี หากวันนี้ไม่รู้ วันข้างหน้าก็ต้องรู้อยู่ดี โลกนี้ไม่มีคนโง่หรอก มีแต่คนที่รู้ก่อน รู้หลังเท่านั้นเอง” นางกล่าว
“เจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่เฉิงกับฮูหยินรองเฉิง ก้มศีรษะตอบ
เหล่าฮูหยินเฉิงถอนหายใจ
“อีกอย่าง เอาคนบ้านั่นออกไปโดยเร็วที่สุด” นางกล่าว
ฮูหยินใหญ่เฉิงกับฮูหยินรองต่างตกใจและเงยหน้าขึ้น
“ท่านแม่ หากตระกูลโจวถามถึงล่ะเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่เฉิงกล่าว
เหล่าฮูหยินเฉิงตะคอก
“พวกเขาไม่ถามหรอก” นางกล่าว
“แต่ข้าเพิ่งจะทะเลาะกับตระกูลโจวเรื่องคนบ้านั่นไปเมื่อสองสามวันก่อนเองนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นข้ากับน้องสะใภ้คงไม่บาดหมางกัน” ฮูหยินใหญ่เฉิงกล่าว
ฮูหยินรองเฉิงก้มศีรษะลง
“เจ้าคิดว่าพวกเขาหาเรื่องเราเพราะคนบ้านั่นหรือ” เหล่าฮูหยินเฉิงถลึงตาถาม
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฮูหยินใหญ่เฉิงกับฮูหยินรองถึงกับงวยงง หรือเพราะสาวใช้นางนั้นกันแน่
“ที่เขามา ก็เพราะจะมาหาเรื่องอยู่แล้ว แต่ดันประจวบเหมาะกับช่วงนั้นพอดี ใครจะมาชวนทะเลาะเพื่อแย่งคนบ้าเล่า” เหล่าฮูหยินเฉิงกล่าว
ฮูหยินใหญ่เฉิงกับฮูหยินรองมองหน้ากัน
“เหตุใดเขาถึงพาสาวใช้นั้นไปน่ะหรือ ก็เพราะเห็นว่านางฉลาดและเป็นที่น่าพอใจก็เท่านั้นเอง” เหล่าฮูหยินเฉิง
กล่าว “มีแต่พวกเจ้าที่คิดไม่ทัน หากทำเพื่อคนบ้านางนั่นจริงๆ คงนอนค้างคืนไปแล้ว และที่สำคัญเขาเคยถามเรื่องความเป็นอยู่ของนางบ้านั่นหรือไม่”
ฮูหยินใหญ่เฉิงกับฮูหยินรองตะลึง
“พวกเจ้าไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย จึงทำให้ตามเขาไม่ทัน” เหล่าฮูหยินกล่าว “จะไม่มั่นใจอะไรนักหนา นางบ้านั่นแซ่เฉิง ไม่ได้แซ่โจว เป็นลูกของตระกูลเรา ต้องถึงตาคนนอกมาชี้นิ้วสั่งแล้วหรือ หากต้องการชี้นิ้วสั่งจริงๆ ก็ให้พวกเขาพานางไปเลย!”
ฮูหยินใหญ่เฉิงกับฮูหยินรองนั่งยืดหลังตรงทันที
ใช่แล้ว จะกลัวอะไรล่ะ! นี่คือลูกหลานของพวกนางเอง!
“คนบ้าเช่นนี้ ใครใช้ให้พวกเจ้ารับไว้ตั้งแต่แรก!” เหล่าฮูหยินเฉิงยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห “ตอนกลับมาก็ควรส่งไปที่วัดเต๋าเลย”
ฮูหยินใหญ่เฉิงกับฮูหยินรองรู้สึกประหลาดใจอย่างถึงที่สุด
“ตอนนั้นก็เพราะนางบ้านั่น ที่ทำให้นายท่านใหญ่ตรอมใจตาย ในใจของเหล่าฮูหยินคงเกลียดนางยิ่งนัก” ฮูหยินใหญ่เฉิงพึมพำ
พวกนางออกมาจากเรือนของเหล่าฮูหยินเฉิง ทั้งสองต่างขอโทษซึ่งกันและกัน ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอของพวกนางได้คลายลงแล้ว
ฮูหยินรองเฉิงช่วยประคองฮูหยินใหญ่เฉิง ทั้งสองก็เดินจากไปอย่างช้าๆ
“แสดงว่าเหล่าฮูหยินจะไม่ยอมเรื่องของนางคนบ้านั่นเด็ดขาด” ฮูหยินรองเฉิงพยักหน้า
“แล้วจะส่งนางไปที่ไหนดี” ฮูหยินใหญ่เฉิงถาม “หากตระกูลโจวรู้ข่าวแล้วมาถามล่ะ… “
“ก็เหมือนที่เหล่าฮูหยินพูด หากพวกเขามาถามไม่ใช่เพราะห่วงนางบ้านั่นหรอก” ฮูหยินรองเฉิงกล่าว “คนเราเกิดมาชีวิตจะบาดหมางกันก็เพียงเพราะ หนึ่งเรื่องศักดิ์ศรี สองเรื่องผลประโยชน์”
“ศักดิ์ศรีกับผลประโยชน์อย่างนั้นหรือ” ฮูหยินใหญ่เฉิงถาม
“เรื่องศักดิ์ศรีทะเลาะไปแล้ว หากมาหาเรื่องอีกครั้งก็คงเพราะเรื่องผลประโยชน์เป็นแน่” ฮูหยินรองเฉิงยิ้มกล่าว ในตอนนี้นางเปลี่ยนจากพัดงาช้างเป็นพัดไม้ไผ่แล้ว ฮูหยินรองเอื้อมไปแตะมือของฮูหยินใหญ่เฉิง “อาทิ เรื่องสินสอด”
สินสอดอย่างนั้นหรือ
ฮูหยินใหญ่เฉิงตะลึง
สาวใช้รีบเข้าไปกระซิบข้างหูฮูหยินรองเฉิง
“สาวใช้นางนั้นหรือ!” ฮูหยินรองเฉิงกัดฟันกล่าว นางกำพัดในมือแน่น ก่อนจะฉีกยิ้มเพื่อแสดงความเคารพ “พี่สะใภ้เจ้าคะ ข้ามีธุระเล็กน้อย ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
นางพูดจบก็รีบเดินออกไปกับสาวใช้
ฮูหยินใหญ่เฉิงยืนอยู่กับที่ด้วยความงุนงง
“สินสอดอย่างนั้นรึ” นางพูดซ้ำอีกครั้งพร้อมกับมองไปยังเงาของฮูหยินรองเฉิงที่ไกลออกไป ก่อนจะได้สติกลับมาในทันที “ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องสินสอดนี่เอง!”
นางยิ้มอย่างขมขื่น
“ปั้นฉิน ปั้นฉิน ”
เสียงตะโกนที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศใด ทำเอาฮูหยินใหญ่เฉิงตกใจวูบ
ชื่อนี้ นางจำได้แม่น
“ปั้นฉินหรือ” นางถาม “ไม่ใช่สาวใช้ที่ไปกับคนของตระกูลโจวหรอกหรือ”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” สาวใช้นางหนึ่งยิ้มกล่าว “แต่เป็นสาวใช้คนใหม่ที่ส่งไปรับใช้ท่านหญิงเจียวเหนียงและท่านหญิงเปลี่ยนชื่อนางเป็นปั้นฉินเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่เฉิงไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าเช่นไรดี
“สมกับเป็นคนบ้าจริงๆ ” นางกล่าว
เธอสาวเท้าเดินต่อ แต่เดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ลอยมาจากที่ไหนสักแห่ง เสียงสั้นและเบามาก ราวกับถูกใครบางคนห้ามเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้นอีก” ฮูหยินใหญ่เฉิงขมวดคิ้วกล่าว
สาวใช้ทั้งหลายรีบออกไปอย่างเร่งรีบ พอฮูหยินใหญ่เฉิงกลับถึงเรือนแล้วนั่งลง พวกนางก็กลับเข้ามาเช่นกัน
“ฮูหยินรองจะขายสาวใช้ของนายรองเจ้าค่ะ” พวกนางกระซิบ
หมายความว่าอย่างไรกัน ฮูหยินใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมเข้าใจดี นางโบกมือขึ้นแต่ไม่ถามอะไรต่อ ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบนวดหน้าผาก
เรื่องวุ่นวายเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นางเหนื่อยล้าเหลือเกิน
หากไม่ใช่เรื่องศักดิ์ศรี ก็คงเป็นเรื่องผลประโยชน์อย่างที่ว่าไว้ เหตุใดนางถึงคิดไม่ได้ตั้งแต่แรก
หากเป็นเช่นนั้น คงต้องขอบคุณการกลับมาของนางคนบ้านั่นจริงๆ
ใครจะคิดว่าคนบ้าจะสร้างปัญหามากมายขนาดนี้
ก็เหมือนกับน้ำมันที่ลงบนผิวน้ำที่นิ่งสงบ ไม่ละลาย ไม่หายไป แต่กลับทำให้ผืนน้ำขุ่นมัว
จะปล่อยให้นางบ้าผู้นี้อยู่ในเรือนอีกต่อไปไม่ได้เด็ดขาด
…………………………………………………………..