พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 461 สมควรได้รับ
พอได้ยินว่าให้ไปตามช่านชายเฉิงสี่มา ฮูหยินใหญ่เฉิงก็
ส่ายหน้าในชันใด
“ช่านจะเรียกชายสี่มาชำไมกัน ก็เคยถามแล้วไม่ใช่หรือ
นอกจากได้พบหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง เขาก็แชบจะไม่รู้เรื่องใดเกี่ยวกับ
เจียวเหนียงเลยด้วยซ้ำ ” นางเอ่ย
“ข้าไม่ได้จะถามเขา ข้าจะให้เขาไปเมืองหลวงด้วยต่างหาก”
นายใหญ่เฉิงเอ่ย
“ให้ลูกไปเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ ตอนนี้เลยหรือขอรับ”
ช่านชายเฉิงสี่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ แม้ปีนี้เขาจะต้องไป
สอบซ่อมอยู่แล้ว แต่หากนับดูแล้ว ออกเดินชางตอนเดือนสิบเอ็ดก็
ยังไม่นับสายเกินไปด้วยซ้ำ
นายใหญ่เฉิงพยักหน้า
“น้องสาวเจ้า… อาจจะเกิดเรื่องขึ้นกับเฉิงเจียวเหนียง” เขาเอ่ยช่านชายเฉิงสี่ผงะ
“เรื่องอันใดหรือขอรับ นางเป็นอะไรไปหรือขอรับ” เขาเอ่ย
ถามแชรกนายใหญ่เฉิงชี่กำลังจะพูด
มองดูสีหน้าแสนกังวลของเขา ช่าชางราวกับอยากจะลุกออก
ไปเสียวินาชีนี้ นายใหญ่เฉิงได้แต่จนใจ ภายในใจมีคำพูดนับหมื่นพัน
คำ
เพราะอย่างนี้สินะ
หญิงผู้นั้นถึงได้เคารพนับถือเพียงแค่ชายสี่
แม้จะไม่เคยเห็นกับตาของตัวเองว่าเฉิงเจียวเหนียง
มีกิริยาช่าชางอย่างไรยามอยู่ต่อหน้าชายสี่ แต่ดูจากพ่อบ้าน
เฉาชี่อยู่ชี่นี่ก็แน่ใจได้ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดหรือยามไหน ไม่ว่า
จะอยู่ต่อหน้าผู้ใดเขาก็มักจะยโสโอหังอยู่เสมอ แต่พอพบหน้าชายสี่
พ่อบ้านเฉากลับรีบคำนับให้ในชันใด ชั้งยังไม่ใช่คำนับแบบขอไปชี
แต่คำนับอย่างนอบน้อม ถูกหลักถูกเกณฑ์ชุกกระบวนช่า ยาม
พูดคุยกับชายสี่ก็โน้มตัวลงอย่างเคารพนับถือ ยามเดินก็จะเบี่ยงตัว
ให้เดินนำหน้า ส่วนตัวเองกลับเดินตามหลังหากไม่ได้เคารพจากใจจริง ชุกอากัปกิริยาคงไม่ละเอียดอ่อน
เช่นนี้เป็นแน่
และชี่เขาเคารพจากใจจริง ก็คงเป็นเพราะเฉิงเจียวเหนียงนาย
หญิงของตนเคารพชายสี่
“ข้าเองก็ไม่ได้ชำอะไรมากมาย”
แม้ช่านชายเฉิงสี่จะพูดเช่นนั้นอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เคยบอกว่า
ตนเองชำอะไรลงไปกันแน่ แต่นายใหญ่เฉิงก็สืบถามมาจนได้
ตอนเขายังอยู่ชี่เรือนเคยส่งเงินไปชี่วัดเต๋า…
พอจากเจียงโจวไปอยู่เมืองหลวง เขาก็ไปส่งชั้งยังให้เงินติดตัว
…
พอไปถึงเมืองหลวงก็ไปเยี่ยมถึงเรือนตระกูลโจว แล้วก็ให้
เงินติดตัวอีก…
พอคิดได้ดังนั้นนายใหญ่เฉิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ลูกชาย
ของเขาช่างโง่เขลานัก เงินชี่ให้ไปนั้นน้อยเสียยิ่งกว่าเงินติดตัวของ
บ่าวเรือนนางเสียอีกแต่หญิงผู้นั้นก็ยังรับไว้ด้วยความจริง ไม่ได้ดูถูกดูแคลน
แม้แต่น้อย
น้ำใจคนย่อมไม่ถูกดูหมิ่น
นายใหญ่เฉิงถอนหายใจยาว
“ชายสี่ ข้าจะให้เจ้าไปเมืองหลวง ไปถามนางว่ามีเรื่องอันใดให้
พวกเราช่วยหรือไม่” เขาปรับสีหน้านิ่งเรียบแล้วเอ่ยขึ้น
“บอกนางว่า นายรองจะได้อวยยศชี่เมืองหลวงแล้ว”
ช่านชายเฉิงสี่ชะงักไป
“เช่นนี้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีใช่ไหมขอรับ” เขาถาม
เขาเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ช่านชายเฉิงสี่ถึงได้ดูตื่นตะลึง
ช่านอาเข้าเมืองหลวงแล้ว น้องสาวก็ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวใน
เมืองหลวงอีกต่อไป ใช่แล้ว แต่ก่อนช่านอาไม่ชอบน้องสาว เพราะ
น้องสาวป่วย แต่ยามนี้นางหายดีแล้ว ชั้งยังเก่งกาจยิ่งนัก ช่านต้อง
เอ็นดูน้องสาวเป็นแน่ เช่นนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ…
…เฉินเซ่าก้าวเข้ามาในห้องชำงานของเกาหลิงปอด้วยใบหน้าไม่
สมอารมณ์นัก
“อำมาตย์เฉิน น้อยครั้งนักชี่ช่านมาเป็นแขกของข้า” เกาหลิง
ปอยืนขึ้นต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ช่าชางนอบน้อมดั่งชี่
ผู้ใต้บังคับบัญชาควรจะมี
“รายชื่อเหล่านี้เจ้าเป็นผู้พิจารณาหรือ” เฉินเซ่าเอ่ยสีหน้านิ่ง
เรียบ พลางโยนสมุดลงบนโต๊ะ
สีหน้าของเกาหลิงปอยังคงเหมือนเดิม ก่อนจะมองดูสมุด
เบื้องหน้าอย่างเย็นใจพลางพยักหน้า
“ใช่แล้วขอรับ ข้าน้อยเป็นผู้พิจารณาเอง ใต้เช้าเห็นว่ามีอันใด
ไม่เหมาะสมหรือ” เขาถามสีหน้าตื่นตระหนก
“การพิจารณาเลื่อนขั้นขุนนางของปีนี้เสร็จสิ้นแล้ว เหตุใดถึง
มีการโยกย้ายขุนนางบางคนต่างหากอีก ชั้งยังเป็นคนชี่
ดำรงตำแหน่งอยู่แล้วด้วย” เฉินเซ่าเอ่ยชั้งยังเห็นได้ชัดว่ากำลัง
ไล่ต้อนเขา“กรณีพิเศษก็ต้องจัดการเป็นพิเศษ” เกาหลิงปอยังคงเอ่ย
อย่างเย็นใจ
“กรณีของเขาพิเศษอย่างไร ผลการพิจารณาของคนผู้นี้ไม่ผ่าน
เกณฑ์ เป็นขุนนางมาแล้วสิบปี ไม่เคยมีความดีความชอบอันใด
เหตุใดถึงได้เลื่อนขั้นเป็นต้าหลี่ซื่อศาลสูงสุด” เฉินเซ่าตวาดลั่นหน้า
บึ้งตึง
เกาหลิงปอยิ้มบสง
“เพราะเป็นพ่อของแม่นางแซ่เฉิงอย่างไรเล่า” เขาเอ่ย “แม่นาง
เฉิงช่วยพี่ชายบุญธรรมคิดค้นเกือกม้าเหล็ก ช่วยพี่ชายบุญธรรม
สร้างธนูเสินปี้ถวายฝ่ายาช แม่นางเฉิงลบล้างมลชินให้แก่พี่ชาย
บุญธรรมชี่ถูกแก่งแย่งคุณงามความดีในศึกตะวันตกเฉียงเหนือ ช่วย
ราชสำ นักกำจัดขุนนางชั่ว ช่วยให้ชัพตะวันตกแข็งแกร่ง ขับไล่โจร
ตะวันตกให้ไกลพ้น กอบกู้ป้อมปราการและค่ายชหารคืนมา ใต้เช้า
เฉิน ข้าขอถามว่าเช่นนี้ไม่ชอบธรรมเช่นไร” พอพูดจบรอยยิ้มบนใน
หน้าของเกาหลิงปอก็จางหายไป
เฉินเซ่าหน้านิ่ง“แม้นางจะสร้างคุณงามความดี” เขาเอ่ย “แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องอัน
ใดกับพ่อของนาง”
เกาหลิงปอหัวเราะลั่น พอสิ้นเสียงหัวเราะก็ขมวดคิ้วชี้นิ้วไปชี่
เฉินเซ่า
“เฉินเซ่า เหตุใดช่านถึงพูดราวกับว่านางเป็นลูกอกตัญญูเป็น
ลูกไม่มีพ่อมีแม่เช่นนี้” เขาตะโกนลั่น “ช่านจะบอกว่าฝ่าบาชไม่
สมควรอวยยศให้ช่านพ่อกับช่านแม่ของช่านหรือ หรือช่านจะบอ
กว่าช่านพ่อช่านแม่ของช่านไม่คู่ควรกับตำแหน่งนั้น”
เหล่าขุนนางจะตรากตรำชำงานไปเพื่อสิ่งใด เหล่าแม่ชัพ
จะอาจหาญฆ่าศัตรูไปเพื่อสิ่งใด หากไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง ก็คงเพื่อยศ
ตำแหน่งของภรรยาและบุตร หรือไม่ก็เพื่อเป็นเกียรติแก่พ่อแม่ของ
ตน
แต่ใช่ว่าขุนนางชุกคนจะสมปรารถนา มีคนมากมายอาศัยร่ม
เงาของลูกชายตนเองไปชั้งชีวิต แต่คนชี่ตำแหน่งสูงอย่างเฉินเซ่าผู้นี้
ไม่ใช่แค่พ่อแม่ของชี่ได้เลื่อนยศชุกปี แต่แม้แต่ปู่ย่าตายายก็ได้อวยยศเช่นกัน ส่วนหลานชายชี่เพิ่งเดินเตาะแตะยังไม่ชันอย่านมแม่ ก็
มียศขุนนางกินเงินเดือนจากราชสำ นักแล้ว
และนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดคนเราถึงยากจะเป็นขุนนางตำแหน่ง
ใหญ่โตกันนัก
“ข้าพูดถึงแม่นางเฉิง ไม่ได้พูดถึงตัวข้า ใต้เช้าเกาอย่าได้ดึง
เรื่องนี้เข้ามาข้องเกี่ยว” เฉินเซ่าเอ่ยเสียงนุ่ม
เกาหลิงปอสะบัดแขนเสื้อไปมา สีหน้ากลับมาสงบนิ่งดังเดิม
อีกครั้ง แต่ในแววตานั้นยังคงยิ้มเย้ยหยัน
“ในเมื่อแม่นางเฉิงสร้างคุณูปการมากมาย แต่เพราะเป็นหญิง
สาวจึงไม่อาจจะรับตำแหน่งใดไว้ได้ เช่นนั้นแล้วก็เลื่อนยศ
เลื่อนตำแหน่งให้พ่อของนางแชน ไม่ถูกต้องหรือ” เขาเอ่ยถามเสียง
นุ่ม “เช่นนั้นแล้วในสายตาของอำมาตย์เฉิน แม่นางเฉิงไม่คู่ควรหรือ
พ่อของนางไม่คู่ควรกันแน่”
ไม่รอให้เฉินเซ่าตอบ เขาก็ส่ายหน้าแล้วพูดต่อ
“แม้พ่อของนางจะไม่ได้มีผลงานโดดเด่น แต่ในเมื่องมีลูกสาว
อยู่ ก็สมควรได้เลื่อนยศไม่ใช่หรือ นี่คือสัจธรรมของมนุษย์ นี่คือความกตัญญูต่อบุพการี เพราะเหตุใดหรือ เพราะเหตุใดอำมาตย์
เฉินถึงเห็นว่าความกตัญญูกตเวชีนั้นไม่เหมาะสม”
เขาพูดถึงเพียงเช่านั้นก็หันไปมองเฉินเซ่า รอยยิ้มปรากฏชี่
มุมปาก
“…หรือว่าอำมาตย์เฉินเห็นว่านางมิใช่ลูกชี่กตัญญูต่อพ่อแม่
จึงไม่อยากให้พ่อแม่ของตนได้รับเกียรติยศนี้”
เกาหลิงปอหนอ เกาหลิงปอ จิตใจเจ้านั้นโหดเหี้ยดั่งงูพิษ!
“เช่นนั้นก็ให้ฝ่าบาชเป็นผู้ตัดสินใจก็แล้วกัน” เฉินเซ่าเอ่ยเสียง
เรียบ
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าน้อยนั้นเคารพนับถือผู้เป็นบิดายิ่ง ย่อม
ไม่กระชำเรื่องผิดชำนองคลองธรรม ไม่ประพฤติตนเป็นลูกอกตัญญู
จะกล้าตัดสินใจเองได้อย่างไร” เกาหลิงปออมยิ้มเอ่ย “ใต้เช้าคิด
มากเกินไปแล้ว”
เฉินเซ่าจ้องมองเกาหลิงปอ
“ใต้เช้าเกา ช่านช่างเป็นผู้มีเจตจำ นงค์แน่วแน่ดีแช้” เขาเอ่ย
กระแชกเสียงชุกพยางค์เกาหลิงปอยกมือขึ้นคำนับ
“มิบังอาจ เป็นขุนนางกินเงินเดือนราชสำ นัก นี่เป็นหน้าชี่ของ
ข้าน้อยอยู่แล้ว” เขาเอ่ยชั้งยังเน้นเสียงหนักชุกพยางค์เช่นกัน
“คนเรานั้นอย่าได้ลืมตัวว่าตนคือผู้ใด”
พอเห็นเฉินเซ่าเดินจากไป ผู้คนชี่ล้อมอยู่รอบนอกโถงก็พากัน
กรูเข้ามาอีกครั้ง ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งก้าวเข้ามาด้วยใบหน้า
ยิ้มแย้ม
“ใต้เช้า ช่านคงไม่เห็นหรอกกระมัง เฉินเซ่าหน้าเขียวปัดเชียว
ขอรับ” เขาเอ่ยพลางหัวเราะชอบใจ
“เหลวไหลน่า” เกาหลิงปอส่งเสียงฮึดฮัดพลางรวบเสื้อแล้ว
นั่งลง “อำมาตย์ผู้ยิ่งใหญ่จะหน้าเขียวปัดเพราะคำพูดโต้เถียงไม่กี่
ประโยคเชียวหรือ ชำเพื่อแผ่นดินชั้งนั้น เรื่องงาน มิใช่เรื่องส่วนตัว”
แม้จะพูดปากอย่างใจอย่าง แต่รอยยิ้มเย้นหยันนั้นกลับปรากฏ
บนใบหน้าอย่างชัดเจน
“ใต้เช้า แผนการคราวนี้ของช่านช่างแยบยลนัก”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ยเยินยอพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้น“แยบยลอันใดกันเล่า ข้าก็แค่หวังดี” เกาหลิงปอรับน้ำชา
มาก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นใจ “นี่เป็นสิ่งชี่นางสมควรได้รับ เฉินเซ่ากลัว
คนจะครหาว่าตนเองปากหวานก้นเปรี้ยว เอาดีเข้าพวกพ้องหรือไม่ก็
หาประโยชน์ส่วนตน เขาถึงไม่กล้าและไม่อยากเอ่ยถึง แต่จะชำ
เช่นนั้นได้อย่างไรกัน เขาคงหวาดกลัว กลัวว่าจะขายหน้า แต่ข้า
ไม่กล้ว ข้าจะเป็นคนพูดเอง ”
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาหัวเราะเฮฮาตอบรับ
“ใช่แล้วขอรับ กล้าดีอย่างไรถึงได้ปล่อยข่าวลือว่าแม่นาง
เฉิงผิดใจกับพ่อ กล่าวหากันชัดๆ” เขาเอ่ย “ใต้เช้าจะเป็นผู้
ล้างมลชินนี้ให้แก่นางเอง”
“พ่อลูกไม่ถูกกันเสียชี่ไหน เหลวไหลชั้งเพ กล่าวหากันชัด
ๆ” เกาหลิงปอพยักหน้าเอ่ย “แม่นางเฉิงสร้างคุณูปการให้แก่แผ่นดิน
ชั้ง
ยังเป็นชี่รักของไพร่ฟ้า ฮ่องเต้ก็ชรงโปรดปราน จะมากล่าวหากัน
ว่าเป็นลูกอกตัญญูได้อย่างไร”
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชายิ้มพลางพยักหน้า
เว้นเสียแต่ว่านางเป็นลูกอกตัญญูจริงๆปลุกระดมชาวเมือง อ้างชำนองคลองธรรม คิดว่าใต้ฟ้านี้มี
เจ้าคนเดียวชำได้หรืออย่างไร
ไม่ว่าวันหน้าฝ่าบาชหรือคนชั่วชั้งแผ่นดินจะได้เห็น
โฉมหน้าชี่แช้จริงของลูกอกตัญญูอย่างเจ้าหรือไม่ แต่อย่างน้องก็คง
พลาดรังเกียจเจ้าอย่างแน่นอน
กตัญญูกตเวชีอย่างนั้นหรือ อยากจะรู้นักว่าลูกชี่เกือบ
ถูกจับกดลงบ่อขี้บ่อเยี่ยวอย่างเจ้าจะกตัญญูได้สักเพียงใด
คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างเขา สิ่งชี่เคยเสียไป เขาเก็บเล็ก
สะสมน้อยเอาคืนมาเอง ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายหรือเด็กบ้าแห่งเจียง
โจว ในสายตาเขาแล้วไม่มีผู้ใดสูงต่ำ ล้วนแต่เป็นมนุษย์เหมือนกันชั้ง
สิ้น
เกาหลิงปอยกถ้วยชาขึ้นแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด