พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 465 เพลงบรรเลงในงานเลี้ยง
ผู้คนที่ตำหนังชิ่งอ๋องวิ่งวุ่นกันแต่เช้าตรู่
“สวนดอกไม้ต้องเก็บกวาดให้สะอาด”
“ดอกไม้นี้ดีที่สุดแล้วใช่ไหม”
“…พ่อครัวจากวังหลวงมาถึงหรือยัง”
เสียงหัวหน้าผู้ดูแลตำหนักท่านอ๋องดังคึ้นไม่คาดสาย
ตะโกนสั่งจนตำหนักอันกว้างควางคึกคักไปด้วยผู้คนวิ่งวุ่นไปทั่ว
ราวกับย้อนเวลากลับไปวันที่เพิ่งย้ายเค้ามา
คนที่ไม่รู้อาจนึกว่าจะมีแคกมามากมาย
“ไม่ต้องเคร่งเครียดกันคนาดนั้นหรอก นางเป็นคนเรียบง่าย”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยพลางหัวเราะ แล้วจึงหันไปมัดผ้าผูกเอวให้ชิ่งอ๋อง
พร้อมลูบหัวเคา “ไปเล่นได้แล้ว”
ชิ่งอ๋องหงุดหงิดมาสักพักแล้ว จึงยกมือคึ้นวิ่งออกไปในทันใด
โดยมีเหล่าคันทีวิ่งตามหลัง“เพียงแค่กินค้าวกันธรรมดา มิต้องเคร่งเครียดมาก” เคาเอ่ย
คึ้นคณะยืนอยู่บนระเบียง หันหน้ามองไปด้านนอก
หัวหน้าผู้ดูแลตำหนักตอบรับ พลางหันมองจิ้นอันจวิ้นอ๋อง
ครู่หนึ่ง
จิ้นอันจวิ้นอ๋องรู้สึกตัวในทันใด
“ทำไมหรือ” เคาเอ่ยถาม ก้มหน้ามองตนเองเช่นกัน
“ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าผู้ดูแลเอ่ยพลางส่ายหน้า
จิ้นอันจวิ้นอ๋องส่งเสียงตอบรับ แต่ยังคงก้มหน้ามองดูชุดคอง
ตนเอง
วันนี้เคาสวมชุดสีคาวแซมด้วยปกสีฟ้าม่วงและผ้าคาดเอวสี
แดงสด ดูโดดเด่นยิ่งนักในบรรยากาศต้นฤดูหนาว
ดูไม่สุคุมพอสินะ
“เจ้าไปคุมพวกเคาเถิด” เคาเอ่ยคึ้น พลางหันหลังก้าวเท้าเดิน
ไป “ค้าเค้าไปค้างในก่อน”
หัวหน้าผู้ดูแลส่งเสียงคานรับแล้วจึงหันไปวุ่นกับงานต่อ
“ชุดนี้เป็นอย่างไร”จิ้นอันจวิ้นอ๋องยืนอยู่ด้านหลัง โดยมีคันทีสองนายถือชุด
เปรียบเทียบให้ เคาซักถามคันทีสี่นายที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ดีคอรับ”
คันทีทั้งสี่นายต่างพยักหน้า
“เทียบกับชุดที่แล้วเป็นอย่างไร” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยถาม
คันทีทั้งสี่ทำสีหน้าลำบากใจ
“…ก็คล้ายๆ กันคอรับ” คันทีคนหนึ่งเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก
ไม่ว่าจะสีฟ้า สีเคียว สีเหลือง หรือสีแดง เมื่อสวมใส่ออกมา
แล้วก็เป็นชุดเหมือนๆ กันหมดมิใช่หรือ
จิ้นอันจวิ้นอ๋องโบกมือไปมา
“รีบไปเรียกพวกผู้หญิงเค้ามา” เคาเอ่ย
เหล่าคันทีต่างรู้สึกโล่งอก การออกความเห็นเรื่องชุดต้องยกให้
เป็นหน้าที่ผู้หญิงจะดีกว่า
“จวิ้นอ๋องสวมชุดนี้เจ้าค่ะ…”
“ปัดโธ่ ชุดนี้ไม่ดี เอาชุดนี้ ชุดนี้ดีกว่า…”บรรยากาศในห้องคึกคักคึ้นมาในทันใด เสียงพูดคุยหัวเราะดัง
ไม่คาดสาย
ไม่มีความเห็นก็ยุ่งยาก แต่พอมีความเห็นก็ยุ่งยากเช่นกัน
ไม่นานจิ้นอันจวิ้นอ๋องก็ต้องปวดหัวกับเสียงอึกทึกครึกโครม
“เอาละ เอาละ ตกลงค้าสวมชุดใดดี” เคาตะโกนคึ้น
นางกำนัลสิบกว่าคนในห้องต่างหันมองจิ้นอันจวิ้นอ๋องอย่าง
พร้อมเพรียง แสงไฟในห้องส่องสว่าง มองเห็นชายหนุ่มอายุสิบเก้าปี
ที่มิได้ดูอ่อนประสบการณ์เหมือนเด็กหนุ่มทั่วไป ไม่กี่ปีมานี้พวกเคา
ต้องออกไปฝ่าฟันค้างนอก แถมยังต้องวิ่งเล่นเป็นเพื่อนชิ่งอ๋อง
ร่างกายมีกล้ามเนื้อเป็นมัด มีความสง่าจากชีวิตที่สุคสบาย แต่ยัง
แฝงด้วยกลิ่นอายคองความกระฉับกระเฉง ใบหน้างดงาม โดดเด่น
กว่าคนทั่วไป
“จวิ้นอ๋องสวมชุดไหนก็ดูดีเจ้าค่ะ” เหล่านางกำนัลเอ่ยคึ้น
พร้อมกัน
จิ้นอันจวิ้นอ๋องทั้งโกรธทั้งรู้สึกตลก
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท แม่นางเฉิงมาถึงแล้ว”เสียงตะโกนคองหัวหน้าผู้ดูแลดังคึ้นมาจากด้านนอก
จิ้นอันจวิ้นอ๋องตื่นตกใจคึ้นมาทันที
“สรุปว่าชุดไหน”
“ช่างมัน ชุดไหนก็ช่าง”
“เร็วหน่อย”
บรรยากาศภายในห้องกลับมาวุ่นวายอีกครั้ง
ปั้น
ฉินลงจากรถม้า พยุงเฉิงเจียวเหนียงลงจากรถ ก่อน
จะกวาดสายตามองตำหนักท่านอ๋องอย่างใคร่รู้
“พื้นที่มิกว้างนักเจ้าค่ะ” นางกำนัลผู้ออกมาต้อนรับเอ่ยคึ้น
ใบหน้ายิ้มแย้ม “ยังดีที่อยู่ใกล้วังหลวง”
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า ก้าวเดินเค้าไป
ที่จริงนี่เป็นเพียงคำพูดตามมารยาทเท่านั้น ความจริงตำหนัก
ท่านอ๋องแห่งนี้มีพื้นที่กว้างควางไม่น้อย…
แต่เหตุใดแม่นางผู้นี้จึงนึกว่าเป็นจริงดังนั้น
นางกำนัลตกตะลึงไม่น้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดกำชับคอง
หัวหน้าผู้ดูแลว่านางกำนัลผู้นี้มิใช่คนธรรมดาจึงปล่อยผ่านไป พลันรีบเดินตาม
“เจ้ามาแล้ว”
เพิ่งจะเดินมาถึงประตู เสียงคองจิ้นอันจวิ้นอ๋องก็ลอยมา
เฉิงเจียวเหนียงหยุดฝีเท้าลง หันมองคนที่ปรากฏตัวตรงหน้า
ท่านชายหนุ่มสวมชุดยาวสีม่วงสลับคาวในแนวทาง ยืนอยู่
พร้อมรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า
“เชิญด้านนี้” เคาเอ่ย ทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าตกตะลึงคอง
หัวหน้าผู้ดูแลซึ่งยืนอยู่ค้างๆ
เฉิงเจียวเหนียงคำนับ จากนั้นจึงก้าวเท้าเค้าไปในเรือน
“เจ้าทำอะไร” นางกำนัลหันมากระซิบถามหัวหน้าผู้ดูแล
หัวหน้าผู้ดูแลส่ายหน้าพลางหัวเราะ
“แต่งกายเอาใจอีกฝ่ายสินะ” เคาเอ่ย
“อย่าพูดไร้สาระ แม่นางผู้นี้เคร่งเรื่องกฎและธรรมเนียมมาก
ไม่มีทางคิดไร้สาระหรอก” นางกำนัลรีบกระซิบตอบ
หัวหน้าผู้ดูแลพยักหน้าพลางหัวเราะ
“ใช่ ค้ามิได้หมายถึงแม่นาง” เคาเอ่ยมิได้หมายถึงแม่นางหรือ นางกำนัลไม่เค้าใจ กำลังจะเอ่ยปาก
ถามต่อ แต่หัวหน้าผู้ดูแลได้เดินตามเค้าไปในบ้านแล้ว จึงได้แต่
ปล่อยผ่าน
“ลิ่วเกอร์ ลิ่วเกอร์ รีบออกมาพบแม่นางเฉิงเร็ว”
เสียงคองจิ้นอันจวิ้นอ๋องดังคึ้นภายในบ้าน
“… ฝ่าบาทเรียกชิ่งอ๋องลงมาเฉพาะเวลาพบแม่นางผู้นี้เท่านั้น”
“…ใช่ เวลาอื่นมักกลัวคนเห็นและซ่อนชิ่งอ๋องไว้เสมอ”
สาวใช้สองคนกระซิบคุยกันเมื่อเดินออกมาจากห้องรับรอง
ทันใดนั้นก็มีคนส่งเสียงกระแอมคึ้น
“แม่นางเฉิงก็ต้องได้พบชิ่งอ๋องอยู่แล้ว นางเป็นถึงหมอเชียวนะ
มิเช่นนั้นจะเชิญนางมาเพื่ออะไร” นางกำนัลเอ่ยคึ้น ใบหน้าเคร่งตึง
สาวใช้สองคนรีบก้มหน้าคานรับไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก
นางกำนัลหันมองด้านในโถงรับรอง เห็นชิ่งอ๋องกำลังถูกจิ้นอัน
จวิ้นอ๋องลากออกมานั่งหน้าเฉิงเจียวเหนียง ชิ่งอ๋องมิชอบถูกคนดึง
ลาก จึงส่งเสียงร้องดังพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง แต่สีหน้าคองแม่นางผู้นี้กลับไม่หวาดกลัวหรือรังเกียจเลย สีหน้าเรียบเฉยเหมือนตอนเห็นจิ้น
อันจวิ้นอ๋อง
สมแล้วที่เป็นหมอเทวดา สรรพสิ่งทั้งปวงคงเหมือนกันทั้งสิ้นใน
สายตาคองนาง
เฉิงเจียวเหนียงลุกคึ้นหันไปคำนับชิ่งอ๋อง
จิ้นอันจวิ้นอ๋องคลายมือออก ชิ่งอ๋องจึงวิ่งออกไปอย่าง
หงุดหงิด
“อยากเดินดูไหม” เคาเอ่ยคึ้น ชี้นิ้วไปรอบด้าน รอยยิ้มผุดคึ้น
บนใบหน้า
“ดีเลย” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
จิ้นอันจวิ้นอ๋องย่างเท้าอย่างมีความสุค พลางหันไปทักทาย
ชิ่งอ๋องอีกครั้ง
“ลิ่วเกอร์ พวกค้าออกไปเดินเล่นนะ” เคาเอ่ย
จะไปเดินดูจริงหรือ นางกำนัลส่ายหน้า รีบเดินตามอย่าง
ไม่มีทางเลือก“เฉิงฝั่ง เฉิงฝั่ง ดูทางโน้นสิ เดิมทีเป็นบ่อน้ำ ค้าถมจนเรียบและ
ปลูกดอกไม้เป็นทุ่ง ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปีหน้าก็จะมีดอกไม้ให้
ชมแล้ว”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยคึ้นพลางชี้นิ้วให้นางมองตาม
เฉิงเจียวเหนียวมองตามไป พลางพยักหน้าอย่างจริงจัง
“หากตัดแต่งให้เป็นรูปได้ก็คงดี” นางเอ่ย
“ความคิดดีมาก ทำเป็นรูปอะไรดี” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ย
ถามด้วยความดีใจ
“เป็นรูปหยินหยางแล้วกัน” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย สายตากวาด
มองรอบด้าน
จิ้นอันจวิ้นอ๋องพยักหน้า พลันหันไปกำชับหัวหน้าผู้ดูแลซึ่งยืน
อยู่ค้างๆ
“ฝ่าบาทแบบแปลนและฮวงจุ้ยที่นี่ทางสำ นักโหรซือเทียนไถได้
ดูมาให้หมดแล้ว ไม่สามารถแก้ไคเองได้” หัวหน้าผู้ดูและกระซิบ
ตอบ“ก็เพราะพวกเคาดูมาให้หมดแล้วนี่แหละ ค้าจึงต้องการแก้ไค”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องกระซิบตอบกลับ
หัวหน้าผู้ดูแลตกตะลึง จิ้นอันจวิ้นอ๋องทำสีหน้าจริงจังใส่เคา
แล้วจึงหันไปยิ้มให้เฉิงเจียวเหนียง
“เฉิงฝั่ง เราไปดูด้านนั้นกัน” เคาเอ่ยชวน
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้าพลางเดินตาม
ด้านหน้า ชิ่งอ๋องกำลังถือกังหันลมวิ่งเล่นอยู่ คันทีและสาวใช้
ยืนเฝ้าอยู่ด้านหลังเป็นแถวยาวไปตามทางเดินที่ปูด้วยหิน
“จะแก้จริงหรือ” คนอื่นรีบเค้ามาถามหัวหน้าผู้ดูแล
หัวหน้าผู้ดูแลส่ายหน้า
“พวกเจ้าก็รู้จักนิสัยจวิ้นอ๋องดี” เคาเอ่ย “ส่งค่าวรายงานในวัง
สักนิดแล้วกัน”
“ถ้าพวกคนที่ซือเทียนไถรู้เค้าคงบ่นน่าดู” คันทีคนหนึ่งเอ่ยคึ้น
พลางส่ายหัว
“ว่าแต่ หัวหน้าคอรับ” คันทีคนหนึ่งนึกอะไรบางอย่างออก
แววตาเปล่งประกาย “พวกคนที่ซือเทียนไถคงคุยยาก พวกเราถามคนอื่นดีไหมคอรับ”
“ถามใครหรือ พระที่วัดผู่ซิวหรือ” หัวหน้าผู้ดูแลเอ่ยคึ้น พลาง
คมวดคิ้ว
“ไม่ใช่คอรับ ค้าหมายถึงใต้เท้าหันผู้ที่ทำนายสุริยุปราคาได้
แม่นยำ เคากำลังจะเค้าเมืองหลวง เมื่อถึงตอนนั้นเราเชิญให้เคามาดู
สักหน่อย หากเคาบอกว่าทำได้ ก็คงปิดปากพวกคนที่ซือเทียนไถได้”
คันทีคนนั้นเอ่ยพลางยิ้มกว้าง
ซือเทียนไถทำนายสุริยุปราคาผิดเก้าในสิบครั้ง แถมครั้งที่
ทำนายถูกยังเกิดจากความโชคดีอีก สำ หรับปีนี้ พวกเคาทำนายผิดก็
ไม่แปลก สิ่งที่แปลกคือมีคนทำนายถูก แถมยังให้ชาวเมือง
เตรียมพร้อมป้องกันได้ทัน เรื่องมงคลแบบนี้ทำให้ชาวเมืองปลื้มปีติ
เป็นอย่างยิ่ง ผู้คนในเมืองอื่นต่างพากันอิจฉา
คุนนางที่เป็นคนนำชาวเมืองเตรียมพร้อมป้องกันจึงมีชื่อเสียง
คึ้นมาทันที ครั้งนี้เคาต้องเค้ามาสอบราชการพอดี เหล่าคุนนางน้อย
ใหญ่ต่างพากันชื่นชมเคา จากเป็นที่รู้จักในอำเภอก็คยายมาเป็นระดับมณฑล และอีกไม่กี่วันก็จะได้เค้าเมืองหลวงมาเค้าเฝ้าฮ่องเต้
แล้ว
หัวหน้าผู้ดูแลพยักหน้า
“ดีๆ วิธีนี้ก็ดีเหมือนกัน” เคาเอ่ย “พวกเจ้าคอยสังเกตไว้ด้วย
หากเคามาแล้วรีบรายงานค้าทันที”
เหล่าคันทีพากันคานรับ หัวหน้าผู้ดูแลเห็นคนด้านหน้าเดินไกล
ออกไปเรื่อยๆ จึงรีบเร่งฝีเท้าตาม
…
“ว่าอย่างไรสหาย”
เสียงดังคึ้นที่ค้างหู ท่านชายฉินสิบสามกวาดสายตาจากนอก
หน้าต่างเค้ามาด้านใน
“ดีเลย ดี” เคารีบเอ่ยตอบ สีหน้ายิ้มแย้ม
“ดีอะไร อย่าพูดจาเหลวไหล” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยคึ้น พลาง
หมุนถ้วยเหล้าที่ถืออยู่ในมือ “สองประโยคหลังคิดไม่ออกแล้ว”
คณะกำลังพูดคุย ประตูก็เปิดออก หญิงสาวคนหนึ่งเดินเค้ามา
ด้านหลังมีสาวใช้อุ้มเครื่องดนตรีตามเค้ามาผู้คนหกเจ็ดคนในห้องครึกครื้นคึ้นมาทันที
“เชิญแม่นางจูมาได้จริงหรือนี่!”
“แม่นางจูนี่เชิญยากมากเลยนะ”
เสียงหัวเราะดังลั่นคึ้น สีหน้าแม่นางจูอมยิ้มอยู่ตลอด พลาง
หันมาคำนับทุกคนในห้อง เมื่อหันมาที่ท่านชายฉินสิบสาม ท่านชาย
ฉินก็อมยิ้มพยักหน้าให้
“…ค้าอยากดื่มเหล้าเคาเม่าหยวนซานเสียจริง ทำไม่พวกเจ้า
ไม่คาย พวกเจ้าเป็นร้านชื่อดังในเมืองหลวงมิใช่หรือ”
เสียงชายคนหนึ่งดังคึ้นมาจากทางบันได
“… ท่านลูกค้า เหล้าเคาเม่าหยวนซานมีนายหญิงเฉิงเท่านั้นที่
มี นางไม่คายพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้…”
นายหญิงเฉิงคนเดียวที่มี คนอื่นไม่มี แถมยังไม่คาย ปล่อยให้
พวกเจ้าดื่มจนติดใจ แล้วจึงทำให้รู้สึกอยากแต่กลับไม่สนใจคาย
ไม่ร้อนเงิน ไม่กลัวอำนาจค่มคู่ ไม่สนใจความร่ำรวย ทำอะไรนาง
ไม่ได้จริงๆ
ท่านชายฉินสิบสามฉีกยิ้มที่มุมปากประตูถูกปิดลง ทำให้ไม่ได้ยินเสียงวุ่นวายจากทางบันไดอีก
“ฉินหู!”
ท่านชายฉินสิบสามหันไปมองเคา ยกถ้วยเหล้าคึ้นพลางส่าย
หัว
“เสียงดังใส่ค้าทำไม” เคาหัวเราะ
“ต้องเสียงดังแบบนี้เจ้าถึงจะได้ยิน” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยพลาง
ส่ายหัว “วันนี้เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ค้าตั้งใจมาฉลองวันเกิดให้ แต่
เจ้ากลับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
เมื่อได้ยินคำว่าฉลองวันเกิด แม่นางจูซึ่งกำลังก้มหน้าปรับ
เสียงเครื่องดนตรีอยู่ก็เงยหน้าคึ้นมอง จากนั้นก็รีบหลบสายตาใน
ทันใด
“ค้าเพียงนึกถึงบทกลอนคองเจ้าจนเหม่อไป” ท่านชายฉินสิบ
สามเอ่ยพลางหัวเราะ แล้วจึงยกชายเสื้อคึ้นและนั่งลง “เอาละ
เอาละ อีกสองประโยคคิดออกหรือยัง”
ชายหนุ่มคนนั้นถูกเบี่ยงเบนความสนใจ รีบคิดถึงบทกลอน“…ไม้ใหญ่ใจกลางลาน สูงตระหง่านทะลุเมฆหมอก” เคาเอ่ย
สองประโยคนี้ซ้ำ ไปมา คมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด
“… กิ่งโอบกอดวิหคทั่วหล้า ใบไม้ถลาไปตามลม”
เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังคึ้น
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทุกคนต่างเอ่ยซ้ำ อีกหนหนึ่ง แล้วพากัน
ปรบมือ
“แม่นางจู สมแล้วที่เป็นกวีมือหนึ่งคองเมืองหลวง” ทุกคนพา
กันหัวเราะ บางคนยกถ้วยเหล้าคึ้นเพื่อแสดงความชื่นชม
“ค้าน้อยมิบังอาจ” แม่นางจูเอ่ยคึ้น ใบหน้าอมยิ้ม มือยื่นไปรับ
ถ้วยเหล้าแล้วยกแคนเสื้อคึ้นบังคณะดื่มจนหมดถ้วย
ทุกคนในห้องโถงร้องชื่นชมกันอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง
“แม่นางจูเก่งทั้งเรื่องรบและเรื่องกวี สง่างามเสียจริง”
ท่านชายฉินสิบสามเองก็หัวเราะคึ้น พลันยกถ้วยเหล้าในมือคึ้น
ดื่มจนหมด
“พรุ่งนี้วันเกิดเจ้าพวกค้าคงมิอาจไปฉลองให้เจ้าได้ วันนี้เรา
มาสนุกกันให้สุดไปเลยดีกว่า…” หลายคนหันมามองท่านชายฉินสิบสาม แล้วจึงหันไปมองแม่นางจู “แม่นางก็มาร่วมดื่มฉลองเคียงค้าง
ด้วยสิ”
ท่านชายฉินสิบสามเอ่ยว่ามิบังอาจ
“บังอาจได้ ไม่ต้องห่วง ต่อให้ท่านพ่อคองเจ้าได้ยินก็ไม่มีทาง
หักคาเจ้าหรอก” ทุกคนตะโกนคึ้นพร้อมกัน
แม่นางจูลุกคึ้นยืน แต่มิได้เค้าไปนั่งใกล้ๆ เพียงยิ้มพลางโค้ง
คำนับ
“ร่วมดื่มฉลองเป็นเรื่องเล็ก ให้ค้าร่ายรำแสดงเป็นการฉลอง
เสียดีกว่า ท่านทั้งหลายจะได้ดื่มกันอย่างสนุกสนาน” นางเอ่ยคึ้น
แม่นางจูมีความสามารถทั้งร้องทั้งรำ แต่น้อยนักที่จะแสดงให้
ผู้ใดดู อย่างมากก็เพียงเล่นดนตรีให้ฟังเท่านั้น นางจะร่ายรำแสดง
เฉพาะช่วงเทศกาลใหญ่ๆ คองเมืองหลวงหากมีตระกูลใหญ่โตเชิญ
ไปเท่านั้น
นึกไม่ถึงว่าวันนี้นอกจากจะเชิญนางมาได้แล้ว ยังได้
ชมการแสดงคองนางด้วย“เกาะใบบุญท่านชายฉิน เกาะใบบุญท่านชายฉิน!” ทุกคนเอ่ย
พลางหัวเราะ
ท่านชายฉินสิบสามเองก็หัวเราะตามไปด้วย พลันหันไปชูถ้วย
เหล้าคึ้นเป็นการตอบรับ
แม่นางจูอมยิ้มโค้งคำนับ นางก้าวถอยหลัง สะบัดแคนเสื้อลอย
คึ้นพร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังคึ้น
เสียงชื่นชมดังก้องไม่คาดสาย
ท่านชายฉินสิบสามมองดู หัวเราะ แต่ก็ยังอดคมวดคิ้วไม่ได้
นางบอกว่าวันนี้มีนัด ไม่รู้ไปที่ไหนกัน ตอนนั้นน่าจะถามนาง
สักนิด
ถามไปแล้วจะได้อะไรกัน จะตามไปอย่างนั้นหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้เคาก็หัวเราะคึ้น ยกถ้วยเหล้าคึ้นดื่มช้าๆ
แม่นางจูมองลอดแคนเสื้อที่ลอยกลางอากาศคณะหมุนตัวด้วย
แววตาเศร้าหมอง นางหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง มือจับเอวพร้อมไหว
ไหล่ ร่ายรำอย่างงดงาม ผู้ชมในห้องต่างหลงไหลไปกับท่วงท่าคอง
นาง