พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 484 ไม่ยอมรับ (2)
ขันทีถอยหลังไป เห็นเพียงแผ่นหลังเหยียดตรงของจวิ้นอ๋อง
ไม่เห็นรอยยิ้มที่แข็งทื่อบนใบหน้าของเขา
ไม่จบไม่สิ้นเสียที ไม่จบไม่สิ้นเสียที จะทำเช่นไรได้เล่า ชีวิตก็
เป็นเช่นนี้
…
ข้าหลวงชั้นผู้น้อยในศาลต้าหลี่ทอดถอนใจออกมา
ช่างโชคร้ายเสียจริง
เขาเอ่ยขึ้นมาในใจอีกครั้ง
ขุนนางผู้น้อยอ่านคำถามที่จะใช้ถามอย่างช้าๆ จนจบไปแล้ว
เห็นหญิงเบื้องล่างที่ยืนนิ่ง เขาทำได้เพียงกลั้วคอให้โล่ง ก่นด่าผู้ช่วย
เลขาธิการศาลกับกรมขุนนางในใจอีกครั้ง
นี่เป็นสาเหตุที่เจิ้งชิง[1]เจอเรื่องยุ่งยากเข้าก็ให้เขาออกมา
รับหน้าจัดการใช่หรือไม่“แซ่เฉิง ที่รองราชเลขาเฝิงกล่าวโทษเจ้าเมื่อครู่ เจ้ายอมรับ
หรือไม่” เขาเอ่ยถาม
เฉิงเจียวเหนียงส่ายหน้า
“ข้าไม่ยอมรับเจ้าค่ะ” นางตอบ
“แต่ใต้เท้าเฝิงบอกว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเจ้าที่เคยยอมรับว่า
เคยทำทั้งสิ้น” ขุนนางชั้นผู้น้อยเอ่ยถาม
“เจ้าค่ะ เรื่องพวกนี้ข้าเคยทำมาก่อน แต่คนพูดไม่ได้ตั้งใจ
คนฟังเก็บมาใส่ใจ คนทำไม่ได้ตั้งใจ คนมองกลับเอามาใส่ใจ” เฉิง
เจียวเหนียงเอ่ยบอก
คนพูดไม่ได้ตั้งใจ คนฟังเก็บมาใส่ใจ คนทำไม่ได้ตั้งใจ คนมอง
กลับเอามาใส่ใจ มันหมายความว่าอย่างไรกัน
ขุนนางชั้นผู้น้อยขมวดคิ้ว
“ข้าทำเรื่องใด ก็เพียงเพราะข้าต้องการทำ และข้าก็ทำ
เฉพาะเรื่องของข้าเท่านั้น ส่วนคนอื่นจะมองหรือจะคิดต่อข้าอย่างไร
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ สิ่งที่พวกเขาคิดที่พวกเขาเข้าใจ ก็ไม่เกี่ยวกับข้า” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยต่อ “ใต้เท้า ข้าแซ่เฉิงยอมรับว่า
ทำเรื่องพวกนี้ แต่ว่าไม่ยอมรับคำกล่าวโทษของรองราชเลขาเฝิง”
แล้วสรุปยอมรับหรือไม่ยอมรับกันแน่เล่า
เช่นนั้นแล้วคดีนี้พิจารณาไปก็คงยุ่งยาก เช่นนั้นก็ค่อยๆ
พิจารณาก็แล้วกัน
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของขุนนางชั้นผู้น้อย กำลังจะ
หยิบไม้จิงถังตรงหน้าขึ้นมา
“ใต้เท้า” เสียงกระแอมของเสมียนดังขึ้นจากด้านหลังเบาๆ
“คนของกรมขุนนางมาแล้ว”
ด้านหลังของศาล ขุนนางชั้นผู้น้อยมองผู้ตรวจการที่เดินเข้ามา
คิ้วก็กระตุกไม่หยุด
“เจ้าว่าอะไรนะ วันนี้ก็จะเอาเลยหรือ” เขาเอ่ยตะโกนเสียงสูง
“วันนี้รองราชเลขาธิการจะตัดสินคดีแล้ว” ผู้ตรวจการเอ่ยด้วย
สีหน้าแข็งทื่อ
“ตอนนี้นะรึ วันนี้นะรึ” ขุนนางชั้นผู้น้อยเดินวนไปมา
“เจ้าล้อเล่นกระมัง พิจารณาตัดสินได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน”“ท่านผู้ช่วยเลขาธิการบอกว่าคดีนี้ตัดสินง่าย ให้นางยอมรับก็
ตัดสินได้ แล้วก็ส่งนางกลับบ้าน” อาลักษณ์เอ่ยด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
ส่งนางกลับบ้านอย่างนั้นรึ
ขุนนางชั้นผู้น้อยตกตะลึง ทันใดนั้นก็กระจ่างแจ้งโดยพลัน
คุกหลวงของศาลต้าหลี่ สู้ของกรมขุนนางไม่ได้ ที่นั่นดีร้าย
อย่างไรก็มีไว้ตรวจสอบเหล่าขุนนาง
หญิงนางหนึ่งมาศาลต้าหลี่ก็เพียงพอให้ชื่อเสียงป่นปี้แล้ว อย่า
ว่าแต่เข้าคุกหลวงเลย
ดูท่าแล้วผู้พิพากษาปีศาจนี่ยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง
สุดท้ายก็ยังจำ ผู้มีพระคุณคนนี้ได้
ทว่าจิตใจดีงามเช่นนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนแมวร้องไห้
แสร้งเห็นใจหนูมากกว่าเดิมเสียอีก
“เจ้าคิดจะให้นางยอมรับนางก็จะยอมรับหรือไร!” ขุนนาง
ชั้นผู้น้อยแค่นหัวเราะออกมา สะบัดแขนเสื้อเดินไปยังบนชั้นศาล
“รอดูก็แล้วกัน”และในขณะนั้นเอง ภายในกองธนู แม่นางหวงรอคอยอย่าง
ใจร้อนจนอดรนทนไม่ไหวแล้ว ในที่สุดก็เห็นฟ่านเจียงหลินสาวเท้า
เดินมาหา
“เจ้ามัวทำอะไรน่ะ รีบไปได้แล้ว น้องสาวถูกพาไปศาลต้าหลี่
แล้ว” แม่นางหวงเอ่ยอย่างร้อนใจ
ฟ่านเจียงหลินพยักหน้า
“พาตัวไปแล้วหรือ” เขาเอ่ยถาม
แม่นางหวงพยักหน้าแล้วเร่งเขาให้รีบไป
“เดี๋ยวก่อน เมื่อวานเพิ่งจะคว้าคดีใหญ่ไว้ได้ ข้าจะจัดการให้
เสร็จก่อน” ฟ่านเจียงหลินกลับเอ่ยขัดขึ้น
แม่นางหวงตกตะลึงงัน ทันใดนั้นก็พลันโมโหขึ้นมายกใหญ่
“งานเจ้าบดบังปฏิภาณเจ้าไปหมดแล้วรึ!หลายวันเพียงนี้
ไม่กลับบ้านกลับช่อง ยุ่งอยู่กับอะไรนักหนา”
ในที่สุดอารมณ์โมโหร้ายของสตรีชาวซีเป่ยที่ปกปิดเอาไว้ใน
สภาพแวดล้อมอันไม่คุ้นเคยของเมืองหลวงจนไม่สบายใจก็ระเบิด
ออกมา นางยื่นมือไปดึงแขนฟ่านเจียงหลินเอาไว้“คดีของน้องสำ คัญ หรือคดีเรื่องไม่เป็นเรื่องของเจ้าตรงนี้
สำ คัญ!”
คนที่อยู่หน้าห้องโถงพลันหัวเราะออกมาแล้วรีบหันหน้าหลบ
ไป
“ของน้องสาวสำ คัญ ของน้องสาวสำ คัญ” ฟ่านเจียงหลินเอ่ย
อย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย พลางดึงมือภรรยา “ข้าจะเสร็จแล้ว นี่
ก็เสร็จแล้ว”
เขาพูดจบก็เดินห่างออกมาเหมือนหนีอย่างไรอย่างนั้น
แม่นางหวงกระทืบเท้าอยู่ในห้องโถงด้วยความโมโห
“ใต้เท้า รีบไปเถิด ทางนี้มีพวกเราอยู่”
นอกห้องโถง ทหารที่สาวเท้าเร็วๆ เดิมไปกับฟ่านเจียงหลินเอ่ย
ขึ้น
ฟ่านเจียงหลินสีหน้าอึมครึม
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร อาวุธทหารเอามาทำเล่นๆ ไม่ได้” เขา
บอก ในขณะที่พูดก็เดินไปถึงด้านหลังกองธนูพอดีตรงนี้มีคนยืนอยู่มากมายนัก กำลังรุมล้อมบุรุษสองคนที่ถูกจับ
มัดคุกเข่าอยู่กับพื้นไว้
“หลี่เม่า!”
ฟ่านเจียงหลินสาวเท้าเดินเข้าไปด้วยความเดือดดาลสุดแสน
เขายกเท้าถีบบุรุษหนึ่งในนั้นล้มลงกับพื้น
“รีบพูด!” เขาตะคอกเสียงเข้ม
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้คนที่รายล้อมอยู่ต่างตกใจกันยกใหญ่
“ใต้เท้าเป็นอะไรไปน่ะ” มีคนเอ่ยถามเสียงเบา “เมื่อครู่ยังดีๆ
อยู่เลยมิใช่หรือ พิจารณาไต่สวนนักโทษเหมือนกับคุยเรื่อง
สัพเพเหระในครอบครัวอย่างนั้นแหละ”
“ฮูหยินฟ่านมาหา ที่บ้านเกิดเรื่องแล้ว” คนที่เดินตามมาด้วย
เอ่ยขึ้นเสียงเบา
เพื่อร่วมงานพูดคุยผ่านสายตากันอย่างรู้กัน ทุกคนต่างกระ
จ่างแจ้งกันขึ้นมา
ดูไม่ออกเลยว่าผู้บังคับบัญชาฟ่านผู้นี้จะเป็นคนกลัวเมีย
เหมือนกัน“รีบพูดมา!” ทุกคนจึงตะคอกตามกันขึ้นมา
บุรุษที่ล้มอยู่กับพื้นถูกลากขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าหนวดเครารก
ครึ้ม หน้าตาเหี่ยวแห้งซีดเซียว ทว่ายังคงดูออกว่าเป็นอดีตเจ้าหน้าที่
เฝ้าประตูหลี่เม่า
“ข้าก็แค่ยืมใช้รถปืนใหญ่ครู่เดียวเท่านั้นเอง” เขาบอก
“ยืมใช้รึ” ทหารคนหนึ่งตวาดใส่ “เจ้าเป็นใครถึงได้กล้ายืม
ใช้อาวุธทหาร”
“ข้ามันไม่นับว่าสิ่งใดได้ทั้งนั้น…” หลี่เม่าก้มหน้าลงหัวเราะ
เย้ยหยัน
ในตอนที่เป็นนายทวารเฝ้าประตูไม่ว่าขุนนางตำแหน่งไหนก็ไม่
มีใครปฏิบัติต่อเขาดีเลยสักคน ยามนี้เพราะที่บ้านไฟไหม้จึงถูกผลัก
ออกมารับโทษ เขาที่ไร้ซึ่งสถานะของขุนนางจึงยิ่งไม่มีอะไรดีเลย
เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกฟ่านเจียงหลินถีบอีกรอบ
“ยืมใช้รึ เจ้าไปหลอกเด็กไป พูดมา เจ้าเป็นสายลับให้โจร
ตะวันตก ตงเหลียว ใช่หรือไม่” เขาตวาด
หลี่เม่าเงยหน้าขึ้นส่ายไปมาอย่างแรง“ใต้เท้า ใต้เท้า ข้าไม่ใช่นะขอรับ” เขารีบบอก
“ไม่ใช่รึ” ฟ่านเจียงหลินดึงเขาขึ้นมาด้วยมือเดียว ลากไปยังอีก
ด้านตรงหน้ารถปืนใหญ่ที่แตกหักคันหนึ่งนิ่ง “แล้วเหตุใดจึงถอด
แยกส่วนรถโยนหินยักษ์ด้วย ต้องการจะแยกส่วนส่งออกจากเมือง
หรือต้องการศึกษาเคล็ดลับกลไกในตัวมันกันเล่า”
หลี่เม่าพยักหน้าหงึกหงัก
“ใต้เท้า ไม่ใช่แยกส่วนออก มันถูกทำลายตอนข้าทดลอง
กระสุนปืนใหญ่ขอรับ” เขาบอก
ฟ่านเจียงหลินหัวเราะเสียงเย็น สายตาตกอยู่หน้าเครื่องโยน
หินยักษ์ด้านข้างที่ยังสมบูรณ์ไร้รอยขีดข่วน เครื่องโยนหินยักษ์เครื่อง
นี้ดูเหมือนจะเป็นเครื่องโยนหินแต่ก็คล้ายว่าจะไม่ใช่ ในลำปล้อง
มีกระสุนหินสีดำมะเมื่อมยัดอยู่
“อันนี้น่ะรึ” เขาเอ่ยถาม “เจ้ากำลังจะบอกว่ากระสุนหิน
กระแทกไปโดนเครื่องยิงหินแตกอย่างนั้นรึ”
หลี่เม่าพยักหน้า“ใช่ขอรับ” เขาบอก เพิ่งจะพูดจบก็ถูกฟ่านเจียงหลินเตะใส่อีก
ฝ่าเท้าหนึ่ง
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบรึ หรือว่าเป็นคนโง่ที่ไม่เคย
ออกรบมาก่อน” ฟ่านเจียงหลินตะหวาด “กระสุนหินจะทำลายรถยิง
หินเองได้อย่างไร!”
“ใต้เท้า ใต้เท้า กระสุนหินของข้าไม่เหมือนกับกระสุนหินอัน
ก่อนๆ ขอรับ” หลี่เม่ารีบบอกพลางดิ้นรนลุกขึ้น ยืนอยู่หน้ารถยิงหิน
“กระสุนหินอันนี้ของข้าจุดไฟติดได้ ระเบิดได้ อนุภาพรุนแรงนัก รถ
ยิงหินต้านรับแรงไม่ไหว…”
ฟ่านเจียงหลินขมวดคิ้ว
“จุดไฟติดได้รึ กระสุนหินจะติดไฟได้อย่างไร” เขาถาม สายตา
ตกอยู่บนกระสุนหิน “ติดไฟอย่างไร”
หลี่เม่ารีบเข้าไปหา มือถูกมัดไว้ด้านหลัง จำ ต้องใช้หัวไหล่ชี้ให้
เขาดู
“ตรงนี้ขอรับ” เขาบอกฟ่านเจียงหลินขมวดคิ้ว ยื่นมือไปหยิบฟั่นจุดไฟออกมา โบกไป
ตามแรง ไฟก็ลุกติดขึ้น
“จุดติดแล้วอย่างไร” เขาถามพลางยื่นมือไปจุดไฟตรงชนวนที่
หลี่เม่าชี้
การกระทำของเขาว่องไว หลี่เม่ายังไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเขาเห็น
ฟั่นจุดไฟ สายชนวนก็มีแสงไฟไหลลื่นผ่านเป็นเสียงดังเข้าไปด้านใน
นั้น
“ใต้เท้าอย่า!”
หลี่เม่าตะโกนขึ้นเสียงดัง
ในขณะเดียวกันนั้นเองเสียงกัมปนาทก็ดังขึ้นในที่ราบหลังกอง
ธนู
ภายในศาลาต้าหลี่ ขุนนางชั้นผู้น้อยไต่สวนพิจารณาคดีต่อกับ
เฉิงเจียวเหนียงด้วยความเหนื่อยหน่ายรำคาญใจ
“แซ่เฉิง เจ้าจะยอมรับความผิดหรือไม่!” เขาขมวดคิ้วตะหวาด
ใส่พลางเคาะไม้จิงถังอย่างแรง
ไม้จิงถังกระทบกับโต๊ะ เกิดเป็นเสียงสะเทือนดังก้องขึ้นขุนนางชั้นผู้น้อยรู้สึกเพียงหูสองข้างดังวิ้งๆ พื้นใต้ฝ่าเท้า
สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ใต้เท้า แผ่นดินไหว!”
ข้าหลวงผู้ภักดีกอดขุนนางชั้นผู้น้อยไว้แล้วลากไปทาง
ด้านนอก คนภายในศาลพลันพากันกรูออกไป รวมถึงผู้ตรวจการที่
หลบอยู่หลังศาลและคนอื่นๆ ด้วยต่างพากันกุมหัววิ่งออกไป
พวกเขายืนกันอยู่นอกศาล เสียงกัมปนาทข้างหูได้หายไปแล้ว
พื้นดินก็สงบไม่สั่นไหวดังเดิม ทุกคนยืนสบตากันด้วยสีหน้าท่าทาง
ตื่นตระหนก
เกิดอะไรขึ้นกัน
“ไอ้หยา แล้วแม่นางเฉิงนั่นเล่า”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอ่ยขึ้น ทุกคนต่างรีบมองไปรอบๆ ทว่าเห็น
หญิงนางนั้นยังยืนอยู่ในศาล และสาวใช้ที่ยืนอยู่นอกศาลก็วิ่งเข้าไป
ยืนอยู่ข้างกายนางแล้ว
ฝ่ายหนึ่งอยู่ด้านใน อีกฝ่ายอยู่นอก ฝ่ายหนึ่งอยู่ในที่แจ้ง อีก
ฝ่ายอยู่ที่มืด ฝั่งหนึ่งคนมาก อีกฝั่งคนน้อย สองฝั่งเปรียบเทียบกัน“ข้าไม่ยอมรับผิด” เฉิงเจียวเหนียงมองขุนนางชั้นผู้น้อยนอก
ประตู แล้วเอ่ยตอบเสียงเคร่งขรึม
[1] เจิ้งชิง รัฐมนตรีปกครองและผู้บัญชาการทหารสูงสุด