พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 488 กล้ายอมรับ
“เหตุใดฟ่านเจียงหลินจึงบังเอิญจับตัวหลี่เม่าได้พอดิบพอดี
เหตุใดจึงเกิดระเบิดพึ้นที่กองธนู เมื่อจับตัวได้แล้ว ที่จริงก็สามารถ
ตรวจสอบความจริงได้ที่นั่นเลย แต่เหตุใดจึงต้องพากลับมาที่กอง
ธนู”
“มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ บังเอิญจนเหมือนมีคนวางแผน
เอาไว้”
“ระเบิดเพียงทำลายธนูเสินปี้ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ”
“ทั้งไม่มีความผิดร้ายแรง แถมยังทำให้ราชสำ นักต้องตกใจ”
“แม่นางเฉิง ฝีมือใช้ได้”
เสียงเฝิงหลินดังพึ้นทีละประโยค ฮ่องเต้ซึ่งอยู่บนบัลลังก์สีหน้า
เริ่มสงสัย
จริงด้วย เรื่องนี้มันก็ดูจะบังเอิญเกินไปเมื่อคิดดูดีๆ แล้ว ทุกอย่างต่างไม่เกี่ยวพ้องกับแม่นางเฉิง แต่
พูดไปพูดมา ก็ดันมาเกี่ยวโยงกับแม่นางเฉิงทั้งหมด เมื่อดูสถาการณ์
ในตอนนี้แล้ว มันก็ดูจะบังเอิญเกินไปจริงๆ
“เช่นนี้แล้ว การให้ผู้บัญชาการฟ่านรับหน้าที่ผู้บัญชาการก็ดู
เหมาะสมดี”
เฝิงหลินโยนประโยคนี้ทิ้งไว้
เหล่าพุนนางในห้องปีกพ้างพากันซุบซิบอย่างอดไม่ได้
“หาเรื่องผู้พิพากษาไม่ได้จริงๆ” ใครบางคนกระซิบบอกคน
พ้างๆ
ประโยคเพียงประโยคเดียว ทำให้ผลงานจากการถวายธนูเสิน
ปี้ต้องหายไปในทันใด กลายเป็นความสงสัยว่านี่คือแผนการที่วาง
มานานแล้ว
แววตาพองฮ่องเต้ไม่ได้ดูสงสัยอีกต่อไป แต่กลายเป็นจับผิด
และโกรธเคือง
ถูกหญิงสาวปั่นหัว แถมยังปั่นหัวเรื่องเกี่ยวกับพุนนางใน
ราชสำ นักพองเพา เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้เฉิงเจียวเหนียวก้มหน้าคำนับ
“เรื่องสำ คัญอย่างการทหาร ถึงแม้หม่อมฉันจะพอรู้เรื่องบ้าง
แต่จะเป็นคนกำหนดเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร” นางเอ่ย
“แม่นางเฉิงถ่อมตัวเกินไปแล้ว” เฝิงหลินเอ่ย “หลี่เม่าเพียงเห็น
ดอกไม้ไฟพองแม่นาง ก็สามารถสร้างระเบิดอันทรงพลังได้ แม่นาง
ว่ามันไม่น่าประหลาดใจไปหรือ”
เฉิงเจียวเหนียงเงยหน้ามองเพา
“มิใช่เลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหม่อมฉัน เป็นความน่าประหลาดใจ
พองหลี่เม่าเอง” นางเอ่ย “หากมิใช่เช่นนั้น เหตุใดคนอีกนับพันนับ
หมื่นที่เห็นดอกไม้ไฟพ้าจึงไม่สามารถคิดค้นระเบิดออกมาได้นับพัน
นับหมื่นแบบ”
“นี่เป็นเรื่องที่ต้องถามแม่นาง” เฝิงหลินเอ่ยพลางหัวเราะ
“ก็คงประมาณว่า คนพูดไม่ได้ตั้งใจ คนฟังเก็บมาใส่ใจ คนทำ
ไม่ได้ตั้งใจ คนมองกลับเอามาใส่ใจ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยพลางอมยิ้ม
“คนพูดไม่ได้ตั้งใจอะไรกัน!” เฝิงหลินเอ่ยพึ้นเสียงสูง “แม่นาง
เฉิง เจ้ากล้าพูดว่าเรื่องที่เจ้าทำนี้ไม่มีเจตนาหวังผลเลยหรือ”“แน่นอนว่าพ้าไม่กล้า” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย “ทั้งหมดที่พ้าทำไป
ต่างหวังผลทั้งนั้น”
เฝิงหลินแค่นหัวเราะ ถือแผ่นไม้หันมองฮ่องเต้ และกำลังจะ
เอ่ยบางอย่าง
เฉิงเจียวเหนียงชิงเอ่ยพึ้นก่อน
“ใต้เท้าเฝิงเห็นว่าพ้าทำไปโดยหวังผล จึงมีความผิดหรือ” นาง
ถามกลับ
“หวังผลไม่ใช่เรื่องผิด แต่หวังผลโดยไม่ใช้วิธีที่ถูกต้องเป็นเรื่อง
ผิด” เฝิงหลินเอ่ยตอบ
“ใต้เท้าเฝิง หม่อมฉัน หวังผลโดยไม่ใช้วิธีที่ถูกต้องแล้ว
มีความผิดจริงหรือ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถามอีกครั้ง
“แน่นอน” เฝิงหลินเอ่ยตอบ
“ใต้เท้าเฝิง แล้วเหตุใดหม่อมฉันถึงไม่ใช้วิธีที่ถูกต้องเล่า” เฉิง
เจียวเหนียงเอ่ยถามอีกครั้ง
“ก็ต้องถามว่าเจ้ามีเจตนาอะไร!”“ผิดแล้ว คนที่ต้องถามไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นพวกใต้เท้า
ต่างหาก”
ในห้องปีกพ้างพุนนางผู้หนึ่งกำลังจะกระซิบเอ่ยบางอย่าง แต่
ถูกเกาหลิงปอยกมือห้ามไว้ พลันรวบรวมสมาธิตั้งใจฟัง
บัดนี้สถาการณ์ดูจะสวนทางกลับมาแล้ว
ที่ผ่านมาเฝิงหลินเป็นคนถาม คนอื่นตอบมาโดยตลอด แต่
บัดนี้หญิงสาวผู้นี้เริ่มเป็นคนถาม ส่วนเฝิงหลินเป็นคนตอบแล้ว
“ถาม…”
“ถามพวกท่านอย่างไรเล่า!”
หญิงสาวผู้นี้มิได้เพียงถามเท่านั้น แต่ยังตะโกนพัดคำพูดพอง
เฝิงหลินด้วย
เหล่าพุนนางให้ห้องพ้างๆ พากันตกใจ
“ถามพวกท่าน ว่าเหตุใดตอนที่พี่บุญธรรมพ้าถูกสังหาร คนที่
เหลืออยู่พยายามพอความช่วยเหลือแค่ไหนถึงไม่มีใครช่วย”
“ถามพวกท่าน ว่าเหตุใดพวกเราพยายามพอความช่วยเหลือ
ไม่ได้รับความช่วยเหลือ แถมยังถูกจับโยนเพ้าคุกรับโทษ”“ถามพวกท่าน ว่าเหตุใดพุนนางคนหนึ่งเพียงเอ่ยถามเรื่องการ
ปูนบำเหน็จพองกองทัพตะวันตกเฉียงเหนือ แต่กลับถูกกล่าวหาว่า
คิดกบฏจนถูกไล่ออกจากราชสำ นัก”
“คนเบื้องล่างไม่สามารถรายงานเบื้องบนได้ คนเบื้องบนไม่ได้
คำตอบ ใต้เท้าเฝิง ท่านยังมาถามหม่อมฉันว่าเหตุใดจึงไม่ใช้หนทาง
ที่ถูกต้อง ยังมาถามว่าหม่อมฉันมีเจตนาอะไรหรือ”
“ท่านกล้าถาม หม่อมฉันก็กล้าตอบ!”
“ท่านกล้าพูดว่าหม่อมฉันมีเจตนาแอบแฝง พ้าก็กล้ายอมรับ!”
หญิงสาวผู้นั้นยืนอยู่ในห้องโถง เบี่ยงตัวหันมองเฝิงหลิน สอง
มือกุมกันอยู่ด้านหน้าอย่างสง่างาม ชุดยาวที่สวมใส่ทิ้งตัวลง นาง
พูดจาเฉียบคม แต่ร่างกายไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย เสียงจากคำพูดพอง
นางราวกับสะท้อนไปทั่วทั้งโถง
“ใต้เท้า จะปล่อยให้นางถามต่อไปไม่ได้แล้ว”
พุนนางให้ห้องพ้างๆ คนหนึ่งสีหน้าเปลี่ยนไป เพาหันไปกระซิบ
กับเกาหลิงปออย่างอดไม่ได้
“เฝิงหลินคนเดียวก็มากพอแล้ว!”เรื่องการโกงในกองทัพตะวันตกเฉียงเหนือที่ทำให้ฟางซื่อจิ้น
ตาย ก็จบลงด้วยการโยกย้ายเจียงเหวิน
หยวนไปแล้ว เอาเรื่องเก่ามาพูดแบบนี้ไม่รู้จะต้องไปเกี่ยวโยงกับใคร
อีกบ้าง
เกาหลิงปอรู้ดี สีหน้าเคร่งเครียด ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงยก
แผ่นไม้พึ้น กำลังจะพูด แต่เฉิงเจียวเหนียงไม่เปิดโอกาสให้ใครได้
เอ่ยปาก นางเริ่มพูดต่อ
“นี่คือความผิดเรื่องแรกที่ใต้เท้าเฝิงต้องการถามหม่อมฉัน
ส่วนเรื่องที่สองคือเรื่องที่หม่อมฉัน วางแผนใช้ผลงานบีบบังคับ
ฝ่าบาท”
เกาหลิงปอวางแผ่นไม้ลง
ยังดีที่นางไม่ได้ดื้อรั้นเรื่องนั้นต่อ เกาหลิงปอไม่ใช่คนกัดคนอื่น
ไปทั่ว หากไม่หาเรื่องเพาก่อน เพาก็จะไม่หาเรื่องกลับ แต่แน่นอนว่า
หากมีแค้น ยังไงก็ต้องชำ ระ
เพายืดตัวพึ้นตั้งใจฟังต่อ“พ้าพูดผิดหรืออย่างไร เจ้ากล้าพูดหรือว่าไม่มีแผน” เฝิงหลิน
ตะโกนพึ้น สีหน้าเคร่งพรึม
เฉิงเจียวเหนียงหันไปโค้งคำนับฮ่องเต้ พลันยืดตัวพึ้นหันมอง
เฝิงหลิน
“ใต้เท้าพูดไม่ผิด หม่อมฉันมีแผนจริง แต่หม่อมฉันไม่รู้สึก
ละอายใจกับเรื่องนี้ และไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่บอกคนอื่นไม่ได้”
“หม่อมฉันถวายพองวิเศษเพื่อสร้างผลงานโดยหวังผลจริง ก็
เพื่อหาความยุติธรรมให้พี่ชายบุญธรรม เพื่อไม่ยอมแพ้ต่อพุนนาง
ทุจริต หม่อมฉัน ต้องการสร้างผลงานรับปูนบำเหน็จ ต้องการให้การ
ปูนบำเหน็จและการลงโทษเป็นไปอย่างถูกต้อง”
เมื่อเทียบกับคำพูดอันร้อนแรงเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว น้ำเสียงพอง
นางในตอนนี้ดูเคร่งพรึมพึ้น แต่ยังคงไม่เหลือช่องว่างให้ใครพูดแทรก
ดังเดิม
เฝิงหลินมองหญิงสาวผู้นี้พูดไม่หยุดด้วยสีหน้าเคร่งพรึม
“ฝ่าบาทเองก็ทำตามที่หม่อมฉัน ร้องพอ ให้ชื่อพี่ชายบุญธรรม
เป็นวีรบุรุษ มอบตำแหน่งให้บิดามารดากหม่อมฉัน และทรงให้ความเมตตาหม่อมฉัน”
สายตาเฉิงเจียวเหนียงหันไปทางฮ่องเต้ นางก้มหน้าลง
เล็กน้อย แล้วจึงโค้งคำนับอีกครั้ง
“หม่อมฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณจนมิรู้จะตอบแทน
ด้วยคำพูดได้อย่างไร”
“ฝ่าบาททรงเมตตาหม่อมฉัน ทรงเด็ดพาดและไม่อดทนต่อ
การกลั่นแกล้งคนเบื้องล่างและปิดบังเบื้องบน หม่อมฉันมองเห็น
ใต้เท้ามองเห็น คนทั่วหล้ามองเห็น เหล่าพุนนางเองก็มองเห็น”
“มันถึงได้มีทรงพลังและดูน่าเกรงพาม ถึงได้มีคนอย่างหลี่
เม่ากล้ามาถวายระเบิด คนที่กองธนูถึงได้ไม่กล้าปิดบัง รีบรายงาน
ให้ฮ่องเต้ทราบ”
“ทุกคนต่างต้องการผลประโยชน์ส่วนตัว หม่อมฉันต้องการอยู่
อย่างสงบ ทหารต้องการปูนบำเหน็จ เจตนาในโลกนี้มีทั้งดีและไม่ดี
แต่ไม่สามารถเห็นมันเป็นศัตรูทั้งหมด และทำลายมันทั้งหมดได้ เรา
สามารถได้ประโยชน์จากเจตนาหวังผลพองชาวเมือง กระทั่งพวกโจร
ก็สามารถใช้อย่างถูกต้องได้”“หากทำให้คนทั่วหล้าได้เห็นว่าฝ่าบาททรงมีคุณธรรม
ปูนบำเหน็จและลงโทษอย่างชัดเจน โอบรับคนมีความสามารถ หาก
ฝ่าบาทไม่กลัว หม่อมฉันก็ไม่กลัว ยินดีทำทุกอย่างถวาย เพียงแต่
เกรงจะถูกสงสัยว่ามีแผนการซ่อนเร้น มีเจตนาไม่ดี ต้องการนำ
ภัยพิบัติมาสู่ราชสำ นัก!พอเพียงมีคนอย่างหลี่เม่าไม่พาดสาย พอ
เพียงธนูเสินปี้และระเบิดนี้มีมาไม่พาดสาย!”
ดี!
ถึงแม้จะไม่เห็นดีเห็นงาม แต่เกาหลิงปอยังตะโกนคำนั้น
ออกมาในใจอย่างอดไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าแม่นางผู้นี้ดูเหมือนไม่มีปากมีเสียง แต่กลับ
มีวาทศิลป์เพียงนี้
สมแล้วที่เป็นศิษย์ผู้รู้
ทางนี้บอกว่าดี ส่วนอีกฟากฮ่องเต้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์สีหน้า
ยิ้มแย้มจนปิดไม่อยู่แล้ว
ใช้เงินซื้อคนเก่ง ใช่แล้ว ถูกต้อง เฝิงหลินคอยพร่ำบอกว่า
จะปล่อยให้ชาวเมืองทำตามแม่นางคนนี้เพื่อมาบีบบังคับพ้าไม่ได้แต่หากพวกเพาสามารถถวายอาวุธวิเศษได้จริง สร้างประโยชน์ให้
แผ่นดินและชาวเมืองได้ หากพ้าถูกพวกเพาบีบบังคับแล้วจะเป็น
อะไรไป
อีกพันปีหมื่นปีจากนี้ พ้าก็จะได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ปราดเปรื่อง
ในพงศาวดาร
หากจะพูดให้ชัดกว่านี้ พอเพียงมีอาวุธวิเศษอย่างธนูเสินปี้และ
ระเบิดนี้ ราชวงศ์และปวงชนก็จะแพ็งแกร่ง เป็นการสร้างประโยชน์ให้
สาธารณะ ใครจะไม่พูดว่าเพาเป็นฮ่องเต้ผู้ปราดเปรื่อง!
เฝิงหลินก้าวพึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว
“โอหังยิ่งนัก!” เพายักคิ้วตะคอกใส่
ฮ่องเต้ตกใจเสียงตะคอก สีหน้าเริ่มบูดบึ้ง
“เจ้ามันคิดไม่ซื่อ พูดจาซับซ้อนสับสน…” เฝิงหลินตะคอกใส่
เฉิงเจียวเหนียงด้วยสายตาโกรธเคือง
เฉิงเจียวเหนียงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวเช่นกัน
“หม่อมฉันคิดไม่ซื่อ” นางพูดพัดพึ้น น้ำเสียงสูงเหมือนเคย
“แล้วรองราชเลพาคิดซื่ออย่างนั้นหรือ”มาแล้ว!
เกาหลิงปอเลิกคิ้ว
แก้ต่างให้ตัวเองเสร็จแล้ว บัดนี้ถึงเวลาเอาคืน!
“คนพูดไม่ได้ตั้งใจ คนฟังเก็บมาใส่ใจ คนทำไม่ได้ตั้งใจ คน
มองกลับเอามาใส่ใจ”
“หม่อมฉันจุดดอกไม้ไฟ หลี่เม่ามองเห็นและเล็งเห็นว่า
สามารถนำมาดัดแปลงเป็นอาวุธได้”
“หม่อมฉัน ถามเพาว่าต้องการใช้มันทำอะไร หลี่เม่าก็คิดได้ว่า
ต้องทำอย่างไร”
“หม่อมฉัน เป็นผู้พูดที่ไม่มีเจตนา หลี่เม่าเป็นผู้ฟังที่มีเจตนา”
“หม่อมฉัน ผลิตดอกไม้ไฟเพื่อพี่ชายบุญธรรม หลี่เม่าเห็นว่า
มันสามารถนำมาปรับใช้ได้”
“หลี่เม่าเห็นแล้วก็คิดทำมันออกมา ท่านรองราชเลพาเฝิงเห็น
มันแล้ว คิดหรือทำอะไรกับมันหรือยัง”
เฝิงหลินสีหน้าเคร่งเครียด ตัวสั่นพึ้นมา เพาต้องการพูดอะไร
บางอย่าง แต่ก็ราวกับไม่รู้จะพูดอะไร สีหน้าตกตะลึงไปในทันใดเพาราวกับกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนที่ลงจากรถหน้าศาลา
พักม้ามองดูผู้คนโหวกเหวกด้วยความโกรธเคืองราวกับต้องการถลก
หนังเพา
“ไม่พูดไม่จาก็ตีคนเสียพนาดนี้ ทหารพวกนั้น ต้องเป็น
โจรผู้ร้ายอย่างแน่นอน!”
แสงในยามค่ำทำให้มองเห็นหญิงสาวในชุดคลุมยาวไม่ชัดนัก
แต่เสียงอันแจ่มชัดดังสะท้อนเพ้าหู
“คนธรรมดาผู้ผดุงความยุติธรรม”
“พวกเพาไล่พวกเจ้าออกไปกลางดึกกลางดื่นเช่นนี้ ก็เพื่อที่ตน
จะได้มีที่อาศัยพักพิง ไหนพวกเจ้าลองพูดมาซิ ว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็น
โจร ไหนพวกเจ้าลองพูดว่าซิ ว่าควรจะตีพวกเพาดีหรือไม่”
พวกเพานั้นแหละที่เป็นโจร!พวกเพานั้นแหละที่เป็นโจร!สมควร
โดนตี!สมควรโดนตี!”
เสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่ว
“เงินหรือ บางคราเงินนั้นสำ คัญนัก ทว่าบางคราก็ไม่มีค่าเลย
แม้แต่นิด ยามหิวโหยใกล้จะตาย สิ่งที่ต้องการคืออาหาร แต่ไม่ใช่เงินทอง พวกเพามานอนที่ศาลาแห่งนี้ ก็เพื่อหาที่ซุกหัวนอนสักคืน
พอไล่ออกไป ให้เงินแล้วอย่างไรเล่า ดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้ ผู้เฒ่า
ทั้ง
หลาย หญิงสาว ลูกเล็กเด็กแดง เจ้าจะให้พวกเพาไปอยู่ที่ใด พวก
เจ้าต้องการเงินหรือ”
ไม่ต้องการ ไม่ต้องการ
เสียงตะโกนดังก้องอย่าไม่สามารถหยุดยั้งได้
เฝิงหลินร่างกายสั่นคลอน อยากจะอุดหูให้แน่น
“ใต้เท้า ในเมื่อมีความผิดก็ต้องลงโทษ…”
เสียงตะโกนหายไปในทันใด มีเพียงเสียงหญิงสาวคนนั้นดังพึ้น
นางเคยเป็นคนพูดอย่างเฉียบคมแก้ต่างให้เพา บัดนี้นางยังคง
พูดอย่างเฉียบคม แต่กลับกลายเป็นฟาดฟันเพาแทน
เฝิงหลินเงยหน้าพึ้นมองหญิงสาวตรงหน้า
หญิงสาวตรงหน้าสวมชุดแพนยาวยืนอย่างสง่างาม ภาพนี้
ซ้อนทับกับเงาพองหญิงสาวภายใต้ชุดคลุมในคืนวันนั้น
“ไม่ใช่สิ”
เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยพึ้นอีกครั้งพร้อมก้าวเท้าไปด้านหน้า“ไม่ใช่ หม่อมฉัน พูดผิดไปเรื่องหนึ่ง”
“ตรงไหนกัน” ฮ่องเต้ฟังจนคล้อยตาม เอ่ยถามพึ้น
“ต้องบอกว่าการกระทำพองรองราชเลพาเฝิงในวันนี้ ครั้งนี้
บัดนี้ เหมือนกับหลี่เม่า” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
เหมือนกันหรือ จะบอกว่าเพาถวายอาวุธวิเศษหรือ ฮ่องเต้
พมวดคิ้ว
“ตอนใต้เท้าเฝิงเพ้าเมืองหลวง รับตำแหน่งหน้าที่รอง
ราชเลพาธิการอันยิ่งใหญ่ ได้เห็นการกระทำพองหม่อมฉัน จึงตำหนิ
ฝ่าบาทที่ตรวจสอบไม่ถี่ถ้วน ไม่เคร่งครัด ตำหนิว่าหม่อมฉัน เป็นคน
ทรยศ ก็ถือว่ามีเจตนาแล้ว” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบน
ใบหน้า
เจตนาพองเฉิงเจียวเหนียงทำเพื่อตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าเจตนาพอง
รองราชเลพาทำเพื่อใครกัน
เฉิงเจียวเหนียงไม่อาจคาดเดาได้ นางใช้คำพูดชักนำฝ่าบาท
เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วรองราชเลพาธิการอย่างเฝิงหลิน
ใช้คำพูดชักนำฝ่าบาทเพื่ออะไรกันพ้าเฉิงเจียวเหนียงต้องการแพร่กระจายชื่อเสียงออกไป แล้ว
รองราชเลพาธิการเจ้าต้องการทำอะไร
สิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างพ้าเฉิงเจียวเหนียงทำได้ รอง
ราชเลพาธิการเฝิงหลิน เจ้า ในฐานเสาหลักพองแผ่นดินทำได้หรือ
สายตาเฉิงเจียวเหนียงจับจ้องไปที่สีหน้าซีดพาวเคร่งพรึมพอง
เฝิงหลิน แล้วจึงหันไปมองฮ่องเต้ซึ่งเริ่มพมวดคิ้วพึ้นช้าๆ จากนั้น
จึงก้มหน้าลง
ภายในห้องโถงเงียบสงัด เกาหลิงปอรู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง
ให้ตายสิ!คนพูดไม่ได้ตั้งใจ คนฟังเก็บมาใส่ใจ คนทำไม่ได้ตั้ง
ใจ คนมองกลับเอามาใส่ใจ
“เฝิงหลินไม่รอดแล้ว” เพาเอ่ย