พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 512 มอบของขวัญ
“นายหญิงเจ้าคะ นายหญิง”
ปั้น
ฉินเดินเข้าประตูไปยังโถงด้วยความรีบร้อน จนลืม
ส่งตะกร้าในมือไปให้บ่าวรับใช้ที่มารอรับ
“ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดต้องให้เจ้ามาดูแลชิ่งอ๋อง…”
ยืนนิ่งอยู่บนระเบียง เสียงปั้นฉินก็ดังขึ้นมาทันที มองบรรดาคน
ที่นั่งอยู่ในห้องโถง นอกจากเฉิงเจียวเหนียงและฟ่านเจียงหลินแล้ว
ยังมีชายหนุ่มอีกคนส่งยิ้มบางมาให้นาง
“เพราะข้าจะไปแล้ว” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยขึ้น
ปั้น
ฉินยกชาไปให้
“แต่ว่า เหตุใดวันนี้เจ้าจึงมาที่นี่เล่า” จิ้นอันจวิ้นอ๋องยกถ้วย
ชาขึ้นมาพลางเอ่ย “บังเอิญเสียจริง”
เฉิงเจียวเหนียงแย้มยิ้มบาง
“บังเอิญจริงด้วย” นางบอก“เป็นข้าที่เชิญน้องสาวมาทานข้าวที่บ้านต่างหาก” ฟ่านเจียง
หลินเอ่ย
จิ้นอันจวิ้นอ๋องส่งเสียงอ๋อออกมา แล้วหันไปมองด้านนอก
ประตู
“ใส่ชุดใหม่แล้วด้วย” เขาบอก มองบ่าวไพร่ที่ยืนคอยรับใช้อยู่
“ที่บ้านมีเรื่องน่ายินดีอันใดหรือ”
เฉิงเจียวเหนียงผิดคาดไปอย่างเห็นได้ชัด นางมองไปทางฟ่าน
เจียงหลิน
ฟ่านเจียงหลินยิ้มเจื่อน
“พ่ะย่ะค่ะ วันเกิดเสี่ยวเป่าน่ะ” เขาบอก
“คุณชายใหญ่ เหตุใดท่านไม่บอกให้เร็วกว่านี้หน่อยเจ้าคะ”
ปั้น
ฉินเอ่ยขึ้น “พวกเราต่างก็มากันมือเปล่า”
ฟ่านเจียงหลิวหัวเราะออกมา
“เด็กน้อยตัวเล็กๆ อย่างเขาไหนเลยจะมาสนใจฉลองวันเกิด”
เขาเอ่ย “ก็แค่คนในครอบครัวรวมตัวกันกินข้าวก็พอแล้ว ไม่มีอันใด
มากมาย”จิ้นอันจวิ้นอ๋องหัวเราะ
“ข้าไม่ได้มามือเปล่าหรอกนะ” เขาบอกพลางหยิบของออก
มาจากถุงหอม
ฟ่านเจียงหลินรีบคำนับ
“ไม่กล้ารับหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เขารีบเอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่ของมีค่าราคาแพงหรอก” จิ้นอันจวิ้นอ๋องยิ้มบอก ส่งของ
ชิ้นนั้นไปให้ “ข้าซื้อมาสองอันพอดี ว่าจะเอากลับไปให้ชิ่งอ๋องเล่น
ด้วย”
ฟ่านเจียงหลินเงยหน้าขึ้น ปั้นฉินก็ชะเง้อคอมอง
“คือนกหวีดนี่เอง” นางยิ้มเอ่ย
นกหวีดราคาไม่กี่ตำลึง แต่บางครั้งของขวัญก็ไม่ได้สำ คัญที่ว่า
จะราคาแพงหรือไม่ แต่เป็นคนที่มอบให้ต่างหาก
เหมือนชนชั้นสูงอย่างจิ้นอันจวิ้นอ๋องส่งของขวัญที่ถูกกว่านี้ ก็
นับว่ามีค่ามีราคาดั่งทองพันชั่ง
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาซื้อให้ชิ่งอ๋อง ฟ่านเจียงหลินรีบ
คำนับอีกรอบและคิดจะปฏิเสธ“รับไว้เถิด” เฉิงเจียวเหนียงบอก
คำพูดปฏิเสธของฟ่านเจียงหลินที่อยู่ตรงปากก็พลันกลายเป็น
คำขอบคุณ
“ปั้นฉิน เอาไปให้เสี่ยวเป่าเล่นเถิด” เฉิงเจียวเหนียงบอก
ปั้น
ฉินรับคำ อมยิ้มถือนกหวีดเดินออกไป
จิ้นอันจวิ้นอ๋องก็ลุกขึ้นเช่นกัน
“ข้ามาเพื่อบอกกับพวกเจ้าเท่านั้น” เขาเอ่ยขึ้น “ข้าไปทูลไทเฮา
และฝ่าบาทมาแล้ว ถึงเวลานั้นก็ลำบากแม่นางดูแลชิ่งอ๋องด้วย
ไม่ต้องไปบ่อยๆ ก็ได้ ในวังส่งคนมาที่ตำหนักชิ่งอ๋องเพียงพอแล้ว”
เพียงแค่ในยามที่เผชิญกับอันตราย สามารถยื่นมือเข้า
ช่วยเหลือปกป้องก็เพียงพอแล้ว
เฉิงเจียวเหนียงและฟ่านเจียงหลินลุกขึ้นยืนส่ง
“ฝ่าบาท เสวยอาหารก่อนค่อยกลับดีหรือไม่” ฟ่านเจียงหลิน
โพล่งขึ้น
จิ้นอันจวิ้นอ๋องมองเขาพลางแย้มยิ้ม“ไม่ดีกว่า พรุ่งนี้ก็ต้องไปแล้ว ข้าจะอยู่กับชิ่งอ๋องให้มาก
เสียหน่อย” เขาบอก
ฟ่านเจียงหลินรีบคำนับขานรับ
“ฝ่าบาท โปรดรอสักครู่” เฉิงเจียวเหนียงบอก
จิ้นอันจวิ้นอ๋องกับฟ่านเจียงหลินต่างมองไปยังนาง
เฉิงเจียวเหนียงหันหลังเดินไปทางห้องด้านใน หยิบกล่องเล็กๆ
ใบหนึ่งเดินออกมา
“ฝ่าบาทโปรดตามข้ามา” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
จิ้นอันจวิ้นอ๋องยิ้มพลางเดินตามไป ทั้งคู่เดินไปทางด้านหลัง
เรือน ฟ่านเจียงหลินกำลังจะยกเท้าเดินตามไป ทว่าถูกแม่นางหวง
ชะโงกหน้าออกมาจากในห้องด้านข้างเอ่ยเรียกไว้เสียก่อน
“ฝ่าบาทจะอยู่เสวยหรือไม่เจ้าคะ” แม่นางหวงถามเสียงเบา
ฟ่านเจียงหลินส่ายหน้าแล้วหันกลับไป ไม่เห็นเฉิงเจียวเหนียง
กับจิ้นอันจวิ้นอ๋องเสียแล้ว เขาลังเลครู่หนึ่งไม่ได้ยกเท้าเดินตามไป
ด้วย“หมู่นี้เจ้าสบายดีหรือไม่” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยถามขึ้นพลางมอง
สตรีที่เดินอยู่เบื้องหน้าสองสามก้าว
“ดียิ่งนัก” เฉิงเจียวเหนียงบอกแล้วหันหน้ากลับไปมองเขา
“ฝ่าบาทเล่า”
“ก็ดี” จิ้นอันจวิ้นอ๋องยิ้มบอกแล้วเลิกคิ้วขึ้น “ยามนี้ข้าเป็นทูต
ที่ประกาศนิรโทษกรรมแก่พวกกบฏ ต้องนำทัพขึ้นเหนือแล้ว ใน
บรรดาขุนนางในกองทัพข้าเป็นผู้นำ แม้ว่าเวลาส่วนใหญ่จะมีไว้
ประดับเท่านั้นก็เถอะ”
เฉิงเจียวเหนียงก็แย้มยิ้มออกมาเช่นกัน นางเดินไปถึงสนามฝึก
เปิดกล่องใบนั้นออกแล้วหยิบของออกมา
“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่…” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยขึ้นเพราะจำ ได้
วันนั้นดาวพระศุกร์ค้างจรัสฟ้า กระบอกไม้ไผ่ที่ถูกนางถือไว้ใน
มือ
ตอนนั้นมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก็ถูกแขนเสื้อของเฉิงเจียวเหนียง
ปิดเอาไว้ทำให้เห็นไม่ชัด ยามนี้ดูแล้วไม่ได้เป็นแค่กระบอกไม้ไผ่ แต่
ด้านหน้ากระบอกไม้ไผ่ยังมีกระบอกทองแดงท่อนหนึ่งนั่นคือสิ่งใดกันนะ
แต่ครานี้เขาไม่ได้เอ่ยถามออกไป
“นี่เป็นของขวัญการฝึกฝนของท่าน” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยบอก
จิ้นอันจวิ้นอ๋องแย้มยิ้มออกมา
ในตอนบอกลาเหตุใดจึงไม่บอกว่าส่งของขวัญเสียแต่ทีแรกเล่า
“คนโกหก” เขาเอ่ย “เป็นของขวัญตอบแทนของนกหวีดชัดๆ”
“นั่นก็เป็นของขวัญการฝึกฝนเช่นกัน” เฉิงเจียวเหนียงบอก
“เพราะส่งมอบให้ในช่วงฝึกน่ะหรือ” จิ้นอันจวิ้นอ๋องหัวเราะ
ยกใหญ่
“ใช่แล้ว” เฉิงเจียวเหนียงตอบ หยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมา แล้ว
นำห่อกระดาษทรงยาวภายในกล่องไปยัดใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่
จิ้นอันจวิ้นอ๋องมองการกระทำของนางอย่างฉงน
“สิ่งนี้ของเจ้าคืออะไรหรือ ของเล่นเหมือนกันรึ” เขายิ้มถาม
“เป่าให้ดังได้หรือไม่”
“ได้” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยพลางยกมือขึ้นไปอีกด้าน “แต่ว่า ไม่
ใช่เป่า”“แล้วจะดังได้อย่างไร” จิ้นอันจวิ้นอ๋องยิ้มเอ่ย
มืออีกข้างของเฉิงเจียวเหนียงหยิบสายชนวนมาจุดไฟพลาง
มองจิ้นอันจวิ้นอ๋อง
“แบบนี้…” นางบอก สายชนวนไหม้เกรียมบนกระบอกไม้ไผ่
แบบนี้อย่างนั้นรึ
จิ้นอันจวิ้นอ๋องมองไป ยังไม่ทันจะเห็นชัดก็ได้ยินเสียงดังขึ้น
ข้างหู เหมือนกับประทัดกำลังระเบิดแตกเบื้องหน้า ตกใจจนเขา
ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยห้ามไม่ได้ รู้สึกเพียงหูสองข้างอื้ออึง
ร่างกายสั่นสะท้าน
นี่มันดังพอดูทีเดียว!
จิ้นอันจวิ้นอ๋องได้สติขึ้นมองไปทางเฉิงเจียวเหนียง สตรีนางนี้
สีหน้าท่าทางสงบเยือกเย็น ในมือยังถือกระบอกไม้ไผ่โดยหันหน้า
มาทางนี้
“ของเล่นชิ้นนี้ช่าง…” เขายิ้มเอ่ยพลางมองไปตาม
กระบอกไม้ไผ่ พอมองไปถึงเบื้องหน้าก็พลันชะงักค้างไปเป้าที่ตั้งอยู่ห่างกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบก้าว ยามนี้แตกหักล้มลงไป
แล้ว เป้าฟางถูกทำลายจนย่อยยับ กำลังมีควันดำลอยโขมง
เปลวเพลิงค่อยๆ ลุกโชน
หนึ่งร้อยห้าสิบก้าว…
ย่อยยับไปแล้ว…
“…ช่างน่าตกใจจริงๆ…”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องพึมพำ
ของเล่นชิ้นนี้ช่างน่าตกใจจริงๆ!
“นั่นสิ น่าตกใจนิดหน่อย” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย “เช่นนี้หากท่าน
ต้องเผชิญหน้ากับผู้ร้ายล่ะก็ ทำให้พวกเขาตกอกตกใจสักรอบ บางที
อาจจะมีแผนการอันจะได้ชัยชนะมาก็ได้”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องมองนาง พลันรู้สึกว่าดวงตาร้อนผ่าว
นาง…รู้หมดทุกอย่าง…
รู้ว่าการไปครานี้ของตนนอกจากผู้ประสบภัยก่อกบฏแล้ว ยังมี
ลอบสังหารประทุษร้ายด้วยเขาไม่พูด นางไม่ถาม กระทั่งคำถามเป็นห่วงเป็นใย
ตามมารยาทก็ไม่มี ทว่า นางกลับมอบให้เขา…ในสิ่งที่เขาไม่คิดไม่
ฝันถึง…
เฉิงเจียวเหนียงมองคนตรงหน้าที่จู่ๆ ก็ชะงักค้างไปด้วยความ
ฉงน
“ตกใจหรือ” นางถาม พลางแกว่งกระบอกไม้ไผ่ในมือไปมา “นี่
…”
นางยังพูดไม่ทันจบก็เห็นชายหนุ่มตรงหน้าสาวเท้าเข้ามาหา
ยื่นมือมากอดนางเอาไว้เสียแล้ว
กลิ่นอายอันคุ้นเคยพลันโอบล้อมนางเอาไว้
นางไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้มาโดยตลอด กระทั่งตอนอาบน้ำ
เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างมากที่สุดก็ให้แค่ปั้นฉินมารับใช้คนเดียว
การปรนนิบัติรับใช้นั้นก็จำ กัดแค่การใช้มือลูบไหล่ใส่เสื้อผ้าจัด
เสื้อคลุมเท่านั้น
ยามนี้นึกไม่ถึงว่าจะโดนคนกอดเข้า ซ้ำ ยังเป็นผู้ชายด้วย
ความรู้สึกกับบรรยากาศไม่คุ้นเคยและแข็งแน่นร่างกายเฉิงเจียวเหนียงพลันแข็งทื่อ
เสียงสตรีนางหนึ่งหลุดหวีดร้องออกมาสั้นๆ ภายในลานบ้าน
ปั้น
ฉินปิดปากไว้แน่น
จะร้องไม่ได้ จะร้องไม่ได้ ร้องแล้วใครมาเห็นเข้า ความบริสุทธิ์
ของนายหญิงจะยิ่ง…
การหวีดร้องในระยะเวลาสั้นๆ นี้พอที่จะทำให้จิ้นอันจวิ้นอ๋อง
ได้สติขึ้น เขาเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร จึงตกใจ
ยกใหญ่ ปล่อยมือลงแล้วถอยหลังไปอย่างตระหนก
“ขะ…ข้า ข้าแค่…แค่…” เขาเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “อยาก
ขอบคุณเจ้า…”
ปั้น
ฉินวิ่งออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว
ขอบคุณรึ
ขอบคุณแบบนี้ได้ที่ไหนกัน
เหตุผลของชายเจ้าชู้ช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง!
เฉิงเจียวเหนียงส่งเสียงอ๋อออกมา“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” นางบอก “บอกแล้วว่าเป็นการมอบ
ของตอบแทนไม่ใช่หรือ”
ปั้น
ฉินที่หน้าซีดเผือดฝีเท้าซวนเซไปครู่หนึ่ง
อย่าโทษเหตุผลของชายเจ้าชู้น่าเหลือเชื่อเลย ความคิดของ
แม่นางน้อยที่ถูกล่วงเกินต่างหากที่แปลกประหลาด
บรรยากาศแปลกพิกลไปหมดแล้ว ทันใดนั้นก็เงียบงันไป
ชั่วขณะ
จิ้นอันจวิ้นอ๋องส่งเสียงพลางยกมือถูจมูกไปมา
“นกหวีดอันหนึ่งก็แลกของดีๆ เช่นนี้ได้” เขาเอ่ยตะกุกตะกัก
“ชะ…เช่นนั้น…”
เดิมทีเขายังมีคำพูดมากมายที่จะพูดได้ ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด
ในสมองจึงยุ่งเหยิงไปหมด อาจเพราะกลิ่นหอมสะอาดของสตรีที่
อบอวลอยู่ในลมหายใจ หรือความรู้สึกอ่อนโยนอันแปลกประหลาด
เมื่อครู่นี้…
อย่าได้คิดเหลวไหล!จิ้นอันจวิ้นอ๋องรีบสะบัดหน้าไปมา ทิ้งแค่คำว่านกหวีดไว้ใน
ความคิด ยืนมือไปหยิบอีกชิ้นหนึ่งออกมาจากถุงหอมโดยสัญ
ชาตญาณ
“เช่นนั้น ก็ให้เจ้าอีกอันก็แล้วกัน” เขาบอก
ปั้น
ฉินรู้สึกว่าใกล้จะบ้าเต็มทนแล้ว นางมองสองคนตรงหน้า
อย่างเหม่อลอย
เฉิงเจียวเหนียงยื่นมือไปรับ วางกระบอกไม้ไผ่ในมือลงในกล่อง
“ตรงนี้ยังมีรังสี่อัน ตอนที่จะใช้ก็ทำแบบนี้ เอารังใส่เข้าไปใน
กระบอก” นางเอ่ยพลางลงมือสาธิตเอง “…ชนวนจุดไฟ จุดตรงนี้
…”[1]
พูดถึงตรงนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองจิ้นอันจวิ้นอ๋องที่ยังสติไม่อยู่กับ
เนื้อกับตัว
“ระวังนะเพคะ ของเล่นชิ้นนี้ เล่นไม่ดีก็จะทำให้ตัวเองบาดเจ็บ
เอาได้” นางบอก
จิ้นอันจวิ้นอ๋องรีบปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม ยกเท้าก้าวไปข้างหน้า
“รบกวนเจ้าทำให้ข้าดูอีกรอบที” เขาบอกมองแม่นางน้อยที่ก้มหน้าสาธิต เด็กหนุ่มทางด้านนี้ยืนฟังใกล้
ๆ มองดูอย่างตั้งอกตั้งใจ ปั้นฉินถอยหลังไปอย่างเหม่อลอย
บางทีการกระทำเกินควรที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้ เป็นนางที่เพ้อไปเอง
กระมัง
ฟ่านเจียงหลินพาครอบครัวมาน้อมส่งจิ้นอันจวิ้นอ๋อง แล้ว
หันกลับไปมองปั้นฉิน
“ปั้นฉิน เจ้าเป็นอะไรไปรึ” เขาถาม “เหตุใดสีหน้าจึงได้
แปลกประหลาดเช่นนั้น”
ปั้น
ฉินฝืนแย้มยิ้มออกมา
ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“คงเพราะนอนไม่พอกระมังเจ้าคะ” นางเอ่ยอย่างตื่นตระหนก
ฟ่านเจียงหลินทอดถอนใจ
“การกระทำของนายท่านรองและฮูหยินช่าง…” เขาเอ่ย
เผชิญกับเรื่องเช่นนี้ จิตใจจะไม่ว้าวุ่นได้อย่างไร
เสียงนกร้องกังวานขึ้นในลานบ้าน ดึงดูดทั้งคู่ให้หันไปมอง เห็น
เสี่ยวเป่าในอ้อมอกของแม่นางหวงกำลังยู่ปากเป่านกหวีด เสี่ยวเป่าที่ได้นกหวีดมาก็หัวเราะอย่างเบิกบาน ทำให้ทุกคนพลอยหัวเราะ
ตามไปด้วย
เสียงนกหวีดเดี๋ยวยาวเดี๋ยวสั้นดังขึ้นอยู่ในลานบ้านพักหนึ่ง
“เอาละ เอาละ ไปกินข้าวได้แล้ว กินข้าวเสร็จค่อยมาเป่าใหม่”
แม่นางหวงเอ่ยปลอบเสี่ยวเป่า
ทุกคนเดินไปในบ้าน เพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าวก็พลันมีเสียง
นกหวีดดังขึ้นมาอีก ทำเอาทุกคนต่างตกอกตกใจยกใหญ่
“เป่าเอ๋อร์!” แม่นางหวงหันไปตำหนิ
ทว่าเห็นเป่าเอ๋อร์ที่ถูกแม่นมอุ้มอยู่ในปากว่างเปล่า พลาง
หันหน้าไปมองรอบทิศให้วุ่น
“ของข้า ของข้า” เขาพลันร้องขึ้น คิดว่านกหวีดของตัวเองถูก
คนอื่นแย่งไป จึงรีบยื่นมือไปหา
สาวใช้ด้านข้างรีบส่งนกหวีดให้เขา
เขาไม่ได้เป่ารึ
แม่นางหวงนิ่งงัน ขณะนั้นเองเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นเฉิงเจียวเหนียงที่เดินอยู่ข้างหลังหยิบนกหวีดออกจากปาก
ภายใต้สายตาของทุกคน
“ข้าก็มี” นางแย้มยิ้มบางโบกนกหวีดในมือไปมาตรงหน้าเสี่ยว
เป่า
[1] จากพงศาวดารซ่ง บันทึกการทหารสิบเอ็ด ระบุไว้ว่า รัชศกไค
ชิ่งปีที่หนึ่ง จวนโซ่วชุน…ได้ประดิษฐ์หอกพ่นไฟขึ้น ใช้ไม้ไผ่ขนาด
ยักษ์ทำเป็นกระบอก ด้านในใส่รังเพลิงไว้ หลังจากเปลวเพลิงลุกไหม้
รังเพลิงก็จะปล่อยออกมาเสียงดัง ได้ยินเสียงไกลกว่าร้อยห้าสิบก้าว
ผู้ประดิษฐ์หอกพ่นไฟคือเฉินกุย ฉายาหยวนเจ๋อ แม่ทัพของซ่งคั่งจิน
ตระกูลทหารอันโดงดัง ชาวอันชิว