พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 517 แสดงความยินดี (2)
“สุราที่บ่มเพื่อขุนนางนี้ ทำเพื่ออวยพรผู้คนขึ้นแท่นเซียน เพื่อ
ร่วมยินดี ไม่กล้าไปวุ่นวายเส้นทางขึ้นสู่เซียนของพวกขุนนางหรอก”
ผู้ดูแลหัวเราะยกใหญ่
จอหงวนเห็นสายตาแทบจะกลืนกินตนรอบด้านก็มุ่งมั่นต่อไป
ไม่ไหว เงยหน้าดื่มสุราจนหมด ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็
เบิกโพลง ส่งเสียงอืมๆ ออกมาสองคำ
“สุราดี!”
จอหงวนยังไม่ทันได้พูดสักคำ คนรอบด้านที่เห็นสีหน้าของเขา
ก็ตะโกนกันเสียงดังอย่างอดไม่อยู่ ราวกับทำเช่นนี้แล้วจะเหมือนว่า
ตัวเองได้ลิ้มรสอย่างสมใจอย่างไรอย่างนั้น
สุราดีนี่ แต่น่าเสียดายที่สุรานี้บ่มไว้เพื่อขุนนาง
“ไม่มีจำ หน่ายด้วยใช่หรือไม่” คนที่รุมล้อมตะโกนขึ้น
ผู้ดูแลหัวเราะออกมายกใหญ่“เรือนนางฟ้าของพวกเราไม่จำ หน่ายสุรา” เขาบอก “นี่ก็แค่สิ่ง
แทนน้ำใจของเถ้าแก่เราเท่านั้น”
ทันใดนั้นผู้คนก็ทอดถอนใจกันใหญ่ มองบรรดาจิ้นซื่อเข้ามา
รับจอกทองทีละคนตาปริบๆ
“เช่นนั้นก็จำ ต้องสอบติดจิ้นซื่อเท่านั้นแล้ว”
คนมากมายตีไม้ตบมือตะโกนอย่างเจ็บใจ
ทางผู้ดูแลถือจอกทองไว้สองมือ
“ยินดีกับท่านชายฉินด้วยขอรับ” เขาเอ่ยขึ้น
พร้อมกับเสียงนี้ บรรดาพนักงานในร้านเรือนนางฟ้าที่อยู่ด้าน
ข้างต่างพากันค้อมกายกู่ร้องเสียงดังอย่างพร้อมเพรียง
หญิงนางนี้!
ท่านชายฉินสิบสามหัวเราะออกมายกใหญ่อย่างห้ามไม่อยู่
ยื่นมือไปรับจอกทองมา ดื่มรวดเดียวจนหมด
เขาเดินไปเบื้องหน้าต่อ ได้ยินเสียงคนด้านหลังเอ่ยชมว่าสุราดี
ก็หันกลับไปดูอย่างอดไม่อยู่ มองสายตาอิจฉาที่เต็มถนนไปหมดมองเหล่าจิ้นซื่อคนอื่นๆ เดินไปข้างหน้าทีละคนด้วยรอยยิ้มเต ต็ม
ใบหน้า
พวกเขาไม่รู้ว่านี่ไม่ได้ทำเพื่อทุกคน แต่เพื่อให้เขาเพียง
คนเดียว
งานเลี้ยงอวยพรจบลง ท่านชายฉินสิบสามกลับมาบ้านก็เป็น
เวลาเริ่มจุดตะเกียงแล้ว เขาเดินเข้าประตูบ้านด้วยความเมา
เล็กน้อย
“ยินดีกับท่านชายสิบสามด้วย”
คนรับใช้ชายหญิงที่ยืนคอยรับใช้ปรากฏเข้าสู่สายตาเอ่ยขึ้น
อย่างพร้อมเพรียงพลางคำนับให้
“ตบรางวัล” ท่านชายฉินสิบสามยิ้มเอ่ยแล้วยกมือขึ้น
กระด้งที่เตรียมไว้แต่แรกพลันถูกยกเข้ามา เงินตรามากมาย
ถูกโปรยออกไป
“ยินดีกับขุนนางฉินด้วย”
บรรดาคนรับใช้ชายหญิงเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง
ท่านชายฉินสิบสามหัวเราะยกใหญ่ยกมือขึ้นอีกครั้ง“ตบรางวัล”
จากท่านชายสิบสามถึงขุนนางฉิน นี่เป็นการก้าวข้าม เป็น
การเกิดใหม่
แสงโคมภายในห้องโถงสว่างไสว อาลักษณ์หลวงฉินและ
ฮูหยินฉินนั่งหลังตรงอยู่ในนั้น มองท่านชายฉินสิบสามเดิม
มาท่ามกลางคนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลัง
“ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่ขอรับ” ท่านชายฉินสิบสามจัดเสื้อผ้า
ด้วยท่าทางเคร่งขรึม คุกเข่าลงโขกหัวคำนับ
ฮูหยินฉินมองลูกชายโขกหัวให้น้ำตานางแวววาวภายใต้แสง
ไฟ
แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ แน่นอนว่านาง
ไม่ขอให้ลูกออกโรงเป็นแม่ทัพ หวนกลับเป็น
เสนาฯ นางขอเพียงอยากให้ลูกสามารถมีชีวิตได้อย่างอิสระ
เสรีตามอำเภอใจ มีความสุขอย่างแท้จริง เหมือนคนอื่นๆ เช่นนั้นก็
พอแล้ว
ยามนี้ ในที่สุดความฝันก็เป็นจริงแล้ว“สิบสาม”
ฮูหยินฉินสาวเท้าเดินไปหา เอ่ยเรียกลูกชายที่เดินตามหลังช้าๆ
ท่านชายฉินสิบสามอมยิ้ม
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เมา ไม่ต้องให้ท่านไปส่งข้ากลับหรอกขอรับ”
เขายิ้มบอก
“ข้าไม่ได้จะไปส่งเจ้า ข้าจะให้เจ้าไปดูงานเลี้ยงยินดีพวกนั้น
ต่างหาก” ฮูหยินฉินยิ้มบอก
ท่านชายฉินสิบสามส่ายหน้าหนักกว่าเดิม
“รีบร้อนจัดงานไปไย พรุ่งนี้ค่อยไปดูก็ไม่สาย” เขาบอก
“ไม่ได้” ฮูหยินฉินหันกลับมายิ้มเอ่ย “คนอื่นๆ ไม่เป็นไรหรอก
แต่ข้าอยากจะเห็นว่าสิ่งที่แม่นางเฉิงมอบให้นั้นคืออะไรกันแน่”
ท่านชายฉินสิบสามนิ่งอึ้ง
แม่นางเฉิงรึ
“ไม่ใช่ว่ามอบให้แล้วหรือ” เขาเอ่ยถาม
หรือยังตั้งใจจะส่งสุราพวกนั้นมาที่บ้านอีก“รีบมาเร็ว” ฮูหยินฉินเดินไปถึงลานบ้านของเขาแล้ว มองประตู
ห้องที่ปิดแน่น แย้มยิ้มพลางยกมือขึ้น “แม่นางปั้นฉินกำชับไว้ว่า
ต้องรอให้เจ้ามาเท่านั้นจึงจะเปิดได้”
มีอีกจริงๆ รึ นอกจากสุราขุนนางที่ถนนแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังมี
อีก
รอยยิ้มของท่านชายฉินสิบสามเบ่งบาน ฝีเท้าเร่งเร็วขึ้น
“ท่านชาย” สาวใช้ที่ยืนเฝ้าหน้าประตูคำนับให้
ท่านชายฉินสิบสามยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ยกมือขึ้นผลักประตู
เปิด
ภายในห้องไม่มีแสงไฟ แสงโคมจากระเบียงก็มีแค่สอง
สามดวง มืดสลัวทำให้มองภายในห้องได้ไม่ชัดครู่หนึ่ง
“เชิญเจ้าค่ะ” เหล่าสาวใช้เอ่ย ถือโคมเดินกันเข้ามา
โคมหนึ่งดวง โคมสองดวง โคมสามดวง ภายในห้องค่อยๆ
สว่างขึ้น พร้อมกับแสงสว่างนี้ สีหน้าท่านชายฉินสิบสามที่ยืนอยู่หน้า
ประตูก็ค่อยๆ ตื่นตะลึงขึ้น
สวรรค์ เขากำลังเห็นอะไรอยู่งดงาม สง่าเลิศล้ำ แต่ละดอกเบ่งบาน…
“โบตั๋น!”
ฮูหยินฉินที่ยืนอยู่ตรงประตูตะโกนขึ้นอย่างตกใจและยินดี
“โบตั๋นมากมายนัก!”
โบตั๋น! โบตั๋นที่บ้างก็เบ่งบานสะพรั่ง บ้างก็บานยังไม่เต็มที่ บ้าง
ก็ตูมอูมรอผลิบาน!
ท่านชายฉินสิบสามยกเท้าเดินไปกลางโถงอย่างช้าๆ ในเดือน
สาม โบตั๋นที่ลั่วโจวกำลังเบ่งบานสะพรั่ง ได้ยินคนบรรยายว่า
กลางวันชมโบตั๋นสวยงามละลานตา ยามค่ำคืนชมโบตั๋นใต้แสงโคม
สง่าเยือกเย็นเป็นพิเศษ
ตอนเด็กๆ เขาเคยไปดูที่ลั่วโจวมาครั้งหนึ่ง งดงามอย่างยิ่ง แต่
สุดท้ายเพราะขาพิการความสนใจจึงได้ลดลงไป แม้ว่าอยากจะไป
อีกหน แต่ก็ไม่อาจเป็นจริงได้เลย
ไม่คิดเลยว่า ณ ขณะนี้ เขาจะได้เห็นอีกครั้ง
สามารถเที่ยวท่องล่องราตรีชมสวนดอกโบตั๋นอยู่ในห้องโถง
ของเขาโคมไฟแต่ละดวงสว่างขึ้น ทำให้ฮูหยินฉินเห็นภายในห้องได้
อย่างชัดเจน สีหน้านางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
สิ่งที่แสดงอยู่ภายในห้องโถงคือม้วนภาพวาดยาวหกฉื่อ[1]ใบ
หนึ่ง สาวใช้สี่คนคลี่ออก เหล่าสาวใช้ที่เหลือถือโคมแยกไปยืน
รอบด้าน แสงโคมส่องสะท้อน ทำให้โบ๋ตั๋นกว่าร้อยดอกบนนั้น
ปรากฏให้เห็นอย่างวับแวมราวกับภาพฝัน
“แม่เจ้า”
ฮูหยินฉินลูบอกพึมพำอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเพียงว่าจิตใจ
พลุ่งพล่าน คล้ายจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา ขอบตากลับร้อนผะ
ผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่
ท่านชายฉินสิบสามหัวเราะออกมายกใหญ่ สะบัดแขนเสื้อเดิน
ดูรอบ แล้วนั่งลงตรงหน้ารูปวาดในห้องโถง
“เอาเหล้ามา! เอาเหล้ามา!”
เขาตะโกนเสียงดัง ตบมือหัวเราะยกใหญ่ไปพลาง อ่านอักษร
บนรูปวาดตามแสงไฟ“เรื่องเลวร้ายเก่าก่อนไร้ค่าเอ่ย ลมลำเพยพัดสิ้นความ
หม่นหมอง ลมวสันต์โบกพัดควบม้ามอง ชมดูบุปผาของฉางอันเอย
”[2]
ลมวสันต์โบกพัดควบม้ามอง ชมดูบุปผาของฉางอันเอย!
ชั่วชีวิตนี้เพื่อวันนี้ มีวันนี้ ก็พอใจมากแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เด็กหนุ่มที่ร่ำสุราเพื่อความสุขสันต์ก็
นอนลงกับพื้น มองม้วนภาพด้านข้างไปพลาง คว่ำไหสุราไปพลาง
เมามายไม่น้อย รอยยิ้มเต็มไปด้วยความมึนเมาและง่วงงุน
ฮูหยินฉินที่นั่งอยู่บนระเบียงยังคงหักใจกลับไปไม่ได้นางมองรูป
โบตั๋นภายใต้แสงโคมอย่างเหม่อลอยแล้วทอดถอนใจออกมาอย่าง
อดไม่ไหว
“แต่ไหนแต่ไรมามีแต่บุรุษปลอบโยนสตรี จุดคบไฟเพื่อให้ได้
เห็นรอยยิ้มของสาวงามสักครั้ง[3] วันนี้ข้าจึงได้รู้ว่าที่แท้สตรีก็
สามารถปลอบโยนบุรุษได้เช่นกัน” นางเอ่ยพึมพำขึ้น[1] ฉื่อ (หน่วยวัดจีน) 33.33 เซนติเมตร
[2] จากบทประพันธ์ ‘หลังเป็นขุนนาง’ ของเมิ่งเจียว ราชวงศ์ถัง
[3]จากเรื่องจุดสัญญาณไฟหยอกล้อเจ้าแห่งรัฐ เรื่องมีอยู่ว่าโจวโยว
หวัง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์โจวตะวันตก ได้แต่งตั้งกั๋วสือฟู่
ดำรงตำแหน่งซ่างชิง (ตำแหน่งสูงสุดของขุนนาง มหาอำมาตย์)
ขูดเลือดขูดเนื้อราษฎร เป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อน
ทุกหย่อมหญ้า จนทำให้เกิดการก่อจลาจลในช่วงปลายของราชวงศ์
โจวตะวันตก เขาได้ตัวสาวงามอย่างนางเป่าซื่อมา แต่ไหนแต่ไร
มานางไม่เคยยิ้มเลยสักครั้ง โจวโยวหวังอยากให้สนมรักของเขา
ยิ้มแย้มเบิกบานใจ จึงเพียรพยายามหาสารพัดวิธีการแต่ก็ไม่สำ เร็จ
จากนั้นกั๋วสือฟู่ก็ออกความเห็น วางแผนจัดการแสดง “จุดไฟ
สัญญาณหยอกล้อเจ้าแห่งรัฐ” ด้วยเหตุนี้โจวโยวหวังจึงใช้ประโยชน์
ของหอสัญญาณไฟที่สร้างขึ้นมาส่งสัญญาณเรียก
ขอความช่วยเหลือจากเจ้ารัฐต่างๆ เมื่อเจ้ารัฐต่างๆเห็นสัญญาณไฟก็รีบนำทหารเดินทัพไปยังเมืองหลวงเก่าจิง เมื่อรู้ว่าโจ จวโยวหวัง
พำนักอยู่ที่ภูเขาซี่ซาน ก็รีบนำทหารมุ่งตรงไปยังซี่ซาน ใครจะรู้ว่า
ไม่มีข้าศึกแม้ซักคนเดียว มีแต่เสียงขับร้องพร้อมดนตรีรออยู่ โจวโยว
หวังกล่าวกับทุกคนว่า “ข้าเพียงแค่ล้อพวกท่านเล่น ท่านทั้งหลาย
กลับไปได้แล้ว” เจ้ารัฐต่างๆที่ถูกหลอกต่างก็ไม่พอใจ ทว่าเปาซื่อ
กลับหัวเราะอย่างเบิกบานใจ เมื่อเห็นว่าได้ผลโจวโยวหวังก็ยินดีเป็น
อย่างยิ่ง เห็นว่าวิธีนี้ได้ผล ด้วยเหตุหลังจากนั้นก็จุดสัญญาณ
ไฟหลอกๆ อีก เมื่อถูกหลอกหลายครั้งเข้า นอกจากจะทำให้เจ้ารัฐ
ต่างๆโกรธเคืองแล้วยังทำให้สัญญาณไฟหมดสิ้นความน่าเชื่อถือ
อีกด้วย ในที่สุด เฉวียนหรงรุกรานเข้ามาจริงๆ โจวโยวหวังรีบจุด
สัญญาณไฟระดมพลมาช่วยเหลือ กลับไม่มีเจ้ารัฐคนไหนรีบรุด
มาสักคน โจวตะวันตกจึงได้สูญสิ้นไป