พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 520 ใบไม้ผลิ
ขุนนางเฉิงคนไหนกัน
เฉิงเหวินอวี๋ คนตระกูลเฉิงจากเจียงโจว ที่เพิ่งสอบเป็นจิ้นซื่อ
ได้
แน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือเขา
แซ่เฉิง และมีแม่นางเฉิงเป็นน้องสาว
ศิษย์เอกของผู้บำเพ็ญพรตหลี่แห่งลัทธิเต๋าผู้สามารถขับไล่
ยมบาลได้ แม่นางเฉิงซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนระดับเดียวกับจางเจียวโจว
ชุนหลิงตะโกนขึ้นในใจ แต่ว่าเรื่องแบบนี้นางจะพูดได้หรือ
หากนางพูดออกมาแล้วทำให้ขุนนางตระกูลเกาผู้นี้กลัวขึ้นมา
จะมีอะไรสนุกๆ ให้ดูอีก แบบนี้จะกลายเป็นว่าที่นางทำมาทั้งหมดนั้น
เสียเวลาเปล่า
“ใช่ เขาเป็นใครกัน เก่งขนาดนั้นเลยหรือ”
คนอื่นในห้องพากันเอะอะโวยวายสาวใช้ผู้นี้รู้สึกกลัวขึ้นมาเมื่อถูกรุมตะโกนใส่
“ข้าน้อย ข้าน้อยไม่ทราบเจ้าค่ะ” นางเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
แล้วจึงเงยหน้าขึ้น “แต่นายหญิงบอกว่าเขาเก่งมาก”
การที่หญิงสาวคนหนึ่งชื่นชมชายหนุ่มว่าเก่งมาก ถือเป็น
รางวัลที่ยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มคนนั้น แต่สำ หรับชายอื่นกลับกลาย
เป็นการดูถูกเหยียดหยามอันใหญ่หลวง
เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นในห้อง
“เก่งมากหรือ” ท่านชายเกาหุบยิ้ม เงยหน้าเอ่ยขึ้น “เอาป้ายชื่อ
ข้าไป บอกท่านชายเฉิงผู้เก่งกาจท่านนี้ว่าวันนี้ข้าขอยืมตัวแม่นาง
จูของเขาหน่อย”
…
“ข้าไม่ได้อยู่กรมขุนนาง แล้วก็ไม่ใช่แม่ยายเจ้า เจ้าเป็นขุนนาง
อะไรมันเกี่ยวกับข้าอย่างไร”
ภายในห้องรับรองอีกฝั่ง หญิงผู้คุมหญิงงามแห่งสำ นัก
โคมเขียวกำลังโกรธเคืองบ่าวผู้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง จึงเลิกคิ้วตะคอกใส่“หอเติ๋อเชิ่งของข้าดูแลขุนนางก็จริง แต่ไม่กลัวถูกขุนนางข่มข ขู่
หรอก”
พูดจบพลันยื่นมือออกมา
“ขุนนางอย่างเจ้า หอเต๋อเชิ่งของข้าคงดูแลไม่ไหว เชิญไปที่อื่น
เถิด”
กลับกลายเป็นว่าถูกแม่เล้าไล่ออกไป ผู้คนในห้องรับรองพากัน
หน้าแดงด้วยความอับอาย
“ชายสี่ ชายสี่ รีบไปกันเถอะ” หลายคนพากันลุกขึ้นยืน พลาง
กระซิบบอก “ที่แบบนี้ไม่ควรมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ฮูหยินได้ยินประโยคนี้ จึงหันไปมองหน้าอันหมองโทรมของ
เหล่าบัณฑิตอย่างเหยียดหยาม
“ใช่แล้ว หอเต๋อเชิ่งนี้ ใช่ว่าใครอยากมาก็มาได้” นางแค่น
หัวเราะ เอ่ยต่อว่า “จะว่าไป ข้ายังมิได้ถามเลย เจ้าเพียงบอกว่าจะ
เชิญอาเหิงของข้า ไม่ทราบว่าจ่ายไหวหรือ”
ท่านชายเฉิงสี่ใบหน้าแดงก่ำ นั่งอยู่กับที่อย่างกระวนกระวายใจเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านนอก ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออกอย่าง
รุนแรง
แววตาผู้คนภายในห้องเป็นประกายขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูใบหน้างดงามราวดอกโบตั๋น สวม
ใสชุดกระโปรงสวยหรู ผมเผ้าประดับประดาด้วยเครื่องประดับ
แวววาว งดงามราวนางฟ้านางสวรรค์
“อาเหิงขอบคุณท่านชายเฉิงที่เอ็นดู เพียงแต่วันนี้อาเหิงมีนัด
แล้ว ไว้โอกาสหน้าจะชดใช้ให้ท่านชายแทน” แม่นางจูเอ่ยขึ้นพลาง
คำนับ
ท่านชายเฉิงสี่สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ รีบลุกขึ้นคำนับกลับ
“อา ไม่ ไม่ใช่” เขาเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอกอีก ผู้คน
ภายในห้องชะโงกหัวออกไปมองอย่างอดไม่ได้ เห็นบ่าวหน้าตา
หยิ่งผยองคนหนึ่งเดินมา โดยมีชุนหลิงยืนทำสีหน้าหวาดกลัวอยู่
ข้างๆเมื่อเห็นเขา ฮูหยินที่เดิมทำสีหน้าเหยียดหยามอยู่พลันรีบฉีก
ยิ้มขึ้น และเดินไปต้อนรับทันที
ส่วนบ่าวผู้นั้นเมื่อเห็นคนในห้อง โดยเฉพาะแม่นางจูที่ยืนอยู่
หน้าห้องนั้น ก็เปลี่ยนจากท่าทีหยิ่งผยองเป็นโกรธเคือง
“ท่านพี่” ชุนหลิงวิ่งเข้ามา น้ำตาไหลริน
“แม่นางจูอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย” บ่าวผู้นั้นตะโกนเสียงดัง
แม่นางจูสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแต่หันหลังทำ
ท่าจะเดินจากไป
“ส่วนท่านนั้นคือท่านชายเฉิงหรือ” บ่าวผู้นั้นเชิดหน้าขึ้นเอ่ย
โดยไม่มองหน้าคนตรงหน้าแม้แต่น้อย
“ใช่” ท่านชายเฉิงสี่เอ่ย
“ท่านชายเฉิง ท่านชายเกาของข้าบอกว่าต้องการขอยืมตัว
แม่นางจู ขอให้ท่านชายเฉิงตัดใจยอมด้วย” บ่าวผู้นั้นเอ่ยขึ้นกึ่ง
หัวเราะ
“ไม่จำ เป็นต้องบอกเขาหรอก ข้าจูเหิงก็เป็นแค่จูเหิง ไม่ใช่ของ
ของใคร” แม่นางจูรีบเอ่ยขึ้นแม่นางจูผู้นี้ช่าง…
ท่านชายเฉิงสี่หันมองนางอย่างอดไม่ได้
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ไม่จำ เป็นต้องบอกคนอื่น อาเหิงรีบไปสิ
วันหลังห้ามไปหาหมาแมวพวกนั้นอีกนะ” แม่ใหญ่รีบเอ่ยขึ้นพลาง
หัวเราะ
“ช้าก่อน” ท่านชายเฉิงสี่อ้าปากตะโกนขึ้น “ข้าเป็นคนเชิญ…”
ยังไม่ทันพูดจบ บ่าวผู้นั้นก็ก้าวขึ้นมายื่นนามบัตรในมือให้
“ข้าลืมไปเลย นี่คือนามบัตรของท่านชายเกาของข้า” เขาเอ่ย
บนนามบัตรมีคำว่าเกาเพียงคำเดียว ทำให้มันดูโดดเด่น
ภายใต้แสงไฟ
เกาหรือ
พวกท่านชายเฉิงสี่ต่างตะลึง
“เกาไหนกัน” เพื่อนท่านชายเฉิงสี่เอ่ยพึมพำขึ้น
คงไม่ใช่ตระกูลเกานั้นหรอกมั้ง…
ตระกูลเกาของท่านแม่ไทเฮากุ้ยเฟย ที่ผู้คนพูดกันว่าเป็น
ตระกูลเกาที่สูงส่งที่สุด….“ใช่แล้ว ตระกูลเกาจางเซียงโจวนั่นแหละ”
บ่าวผู้นั้นราวกับอ่านใจพวกเขาออก จึงเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ
อย่างภูมิใจ
จริงด้วย!
ให้ตายเถอะ!
ท่านชายเฉิงสี่และพรรคพวกสีหน้าเปลี่ยนในทันใด
ชุนหลิงเพียงบอกว่ามีขุนนางผู้น่าเกรงกลัวท่านหนึ่งบีบบังคับ
แม่นาง แต่แม่นางไม่ยินยอม เดิมทีแม่นางต้องมาอยู่ที่สำ นัก
โคมเขียวแห่งนี้เพราะท่านพ่อของนางถูกใส่ร้ายจน
บ้านแตกสาแหรกขาด จากลูกสาวตระกูลขุนนางผู้บริสุทธิ์กลับต้อง
มาใช้ชีวิตอยู่ในสถานเริงรมย์ บัดนี้ ในที่สุดท่านพ่อของนางก็
ชำ ระล้างความผิดที่ถูกใส่ร้ายได้ แต่ถึงอย่างไรชื่อเสียงของนางก็
เสื่อมเสียไปแล้ว ต่อให้ถอนตัวออกไปตอนนี้ก็ไม่มีหน้าจะกลับเข้า
ตระกูลจูอีก จึงทำได้เพียงอยู่ที่สถานเริงรมย์นี้ต่อไป นางไม่เรียก
ร้องขออะไร เพียงแต่ต้องการรักษาพรหมจรรย์ของนาง แต่นึกไม่ถึง
ว่าเรื่องนี้คงเป็นไปได้ยาก“หากต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไป ท่านพี่คงยอมตาย”
ชุนหลิงร้องไห้เอ่ยขึ้น
“ขุนนางท่านนั้นน่าเกรงกลัวมาก กระทั่งแม่ใหญ่ผู้ฝึกหัดยัง
ไม่กล้าหาเรื่อง ขุนนางท่านนั้นจะขอพักค้างแรมเท่านั้น แต่ถูกนาย
หญิงปฏิเสธไปหลายครั้งคราว เขาจึงหงุดหงิดขึ้น พูดจาโหดเหี้ยมใส่
แม่นาง ทำให้แม่นางโกรธเคืองมาก แอบซ่อนมีดสั้นไว้ในตัว เกรงว่า
จะวางแผนปลิดชีพตัวเอง…”
“ชุนหลิงถูกคนลักพาตัวไปขาย แต่โชคดีที่ได้แม่นางดูแล จึงใช้
ชีวิตได้อย่างสุขสบาย หากเป็นไปได้ชุนหลิงก็ยินดีตายแทน…”
“ชุนหลิงก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี คิดออกเพียงหากมีคนทำให้
แม่นางใจเย็นลง หาที่หลบครู่หนึ่งก็คงดี”
“ท่านชายสี่ ชุนหลิงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแล้ว ท่านชายช่วยชุน
หลิง ช่วยแม่นางได้ไหมเจ้าคะ”
ท่านชายเฉิงสี่นึกถึงคำพูดที่ได้ยินก่อนหน้านี้ พลันหันมอง
นามบัตรตรงหน้า ในใจสับสนกระวนกระวายนางเพียงบอกว่าเป็นขุนนางผู้น่าเกรงกลัว นึกไม่ถึงว่าจะน่า
เกรงกลัวเพียงนี้
ตระกูลเกาเลยนะ
ท่านชายเฉิงสี่ตกตะลึง ส่วนพวกพ้องเขาก็สะดุ้งตกใจ
ให้ตายเถอะ วันนี้มันช่างเร้าใจเสียจริง จากที่เข้ามาในหอ
เต๋อเชิ่ง เชิญนางโลมอันดับหนึ่งมาได้ แถมยังได้รู้ว่าคนที่เชิญมาคือ
แม่นางจู และรู้ว่าแม่นางจูกับท่านชายเฉิงสี่เคยรู้จักกัน จากนั้นใน
พริบตาเดียว ก็กลายเป็นศึกชิงนางเสียแล้ว แถมคู่แข่งในศึกชิงนางนี้
ยังเป็นท่านชายตระกูลเกาเสียด้วย!
ตระกูลเกาเชียวนะ! ในเมืองหลวงนี้จะมีใครบ้าไปแย่งชิงกับคน
ตระกูลเกากัน
อ้อ ในราชสำ นักต้องมีคนกล้าแย่งอยู่แล้ว แต่นั่นมันคนใน
ราชสำ นัก ต่อให้เฉินเซ่ามีความกล้าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ก็คงไม่มาแย่งชิง
กับคนตระกูลเกาที่ซ่องแบบนี้หรอก
นี่มันเรื่องอะไรกัน! ทั้งหาเรื่องคนตระกูลเกา ทั้งแย่งชิงสาวงาม
ที่ซ่อง ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น! เคราะห์ร้ายเสียจริง!นี่ท่านชายเฉิงสี่จงใจลากพวกเขามาลงเหวด้วยหรือเปล่า
แต่เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าของท่านชายเฉิงสี่ ก็รู้ว่าท่านชายเฉิง
สี่เองก็เพิ่งรู้ว่าคู่แข่งของตนคือใคร
เดาว่าเขาคงดีใจที่สอบเป็นจิ้นซื่อได้ จึงตื่นเต้นจนมาที่หอ
เต๋อเชิ่งและเชิญนางโลมที่มีชื่อเสียงที่สุดมานั่งเป็นเพื่อน แต่นึกไม่ถึง
ว่านางโลมคนนี้จะมีคนหมายปองอยู่แล้ว ช่างโชคร้ายเสียจริง…
“ชายสี่ ไปกันเถอะ” พวกเขารีบกระซิบบอกพลางผลักท่านชาย
เฉิงสี่
หากไปตอนนี้ ก็นับว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด จะคิดว่าเรื่อง
ทั้ง
หมดไม่เคยเกิดขึ้นก็ได้ ถึงอย่างไรขุนนางตัวเล็กๆ อย่างพวกเขาก็
คงไม่มีโอกาสต้องร่วมงานกับขุนนางชั้นสูงจากตระกูลเกา ส่วน
อีกหน่อยก็ค่อยหลีกเลี่ยงเอาก็ได้ แต่หากจะฝืนสู้ต่อตอนนี้ สำ หรับ
ท่านชายเฉิงสี่ที่เพิ่งได้เป็นขุนนางแล้ว หากพวกขุนนางชั้นสูง
ต้องการทำลายอนาคตเขา ก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนดีดนิ้วเท่านั้น
เมื่อเห็นสีหน้าไร้วิญญาณของผู้คนภายในห้อง บ่าวผู้นั้นก็ฉีก
ยิ้มพลันหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ“ฝึกอะไรไม่ฝึก มาฝึกแย่งชิง ฝึกอิจฉาริษยาคนอื่น” เขาส่ง
เสียงหึ เอ่ยขึ้น พลันหันมองแม่นางจู “แม่นางจู เจ้านี่เลือกคน
ไม่ได้เรื่องเลยนะ”
แม่นางจูฝืนยิ้มอย่างเย็นชา
“จูเหิงไม่รู้จักเขาหรอก จูเหิงเป็นเพียงนางคณิกาที่ถูกเชิญให้
ไปงานเลี้ยงเท่านั้น จะเป็นใครก็เหมือนกัน ขอเพียงมีเงินพอจ่าย ใน
สายตาของจูเหิง ใครจ่ายแพงสุดก็จะได้ข้าไป ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นสูง
หรือต่ำ” นางเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินดังนี้ ท่านชายเฉิงสี่ก็รู้สึกสับสนขึ้นมา
แต่ชุนหลิงกลับดีใจขึ้นในทันใด
นี่ไม่ใช่การดูถูกท่านชายเฉิงสี่ แต่เป็นการปกป้องท่านชายเฉิงสี่
นางต้องการเอ่ยแก้ตัวให้เขา เพื่อไม่ให้เขาถูกท่านชายเกาโกรธ
เกลียด
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ท่านชายเฉิงสี่ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ว่าตัวเอง
ถูกหลอกใช้หรือไม่ หากทำตามเหตุผล ตอนนี้ก็ควรสะบัดชายเสื้อเดินจากไป แต่แม่นางจูผู้งดงามและแข็งแกร่งกลับเอ่ยคำพูดแบบนี้
ออกมา ทุกอย่างจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หากทำท่าจะตีให้ตาย คนจะหลบหนีไป แต่หากเพียงผลักเบาๆ
คนจะต้านกลับมาอย่างอดไม่ได้
ดังที่สุภาษิตกล่าวไว้ว่า ผลักไม่ไป ต้องตีถึงจะไป คนบางคนก็
ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้
ท่าทางคราวนี้ตนจะกลับมาดวงดีแล้ว โอกาสประจวบเหมาะ
แบบนี้ ตนเพียงใช้ปากจัดฉากละครขึ้นมา ก็มีคนมาร่วมเล่นด้วย
แถมยังเล่นได้ดีกว่าที่คาดไว้เสียอีก
ในเมื่อคนอื่นเล่นละครกันได้อินแบบนี้ ตนเองจะอยู่เฉยๆ ต่อไป
ไม่ได้แล้ว
ชุนหลิงคิดถึงตรงนี้ พลันหันมองท่านชายเฉิงสี่ น้ำตาไหลอาบ
แก้ม นางหันมองเพียงแวบเดียว แล้วจึงรีบวิ่งตามแม่นางจูที่เดิน
ออกจากห้องไปแล้ว
“ท่านพี่” นางร้องไห้พลางเอ่ยขึ้น
แม่นางจูเลิกคิ้ว“ร้องไห้ทำไม ลืมแล้วหรือว่าตัวเองเป็นใคร” นางดุเสียงเบา
ชุนหลิงรีบหยุดร้องไห้ หน้าตาที่พยายามกลั้นน้ำตาดูแย่ยิ่งกว่า
เดิม นางเงยหน้ามองไปทางท่านชายเฉิงสี่ซึ่งยังคงอยู่ในห้อง เห็นเขา
สีหน้าเศร้าสร้อยจนปัญญาไม่น่ามอง
เร็วสิเร็วสิ สาวงามมีใจให้เพียงนี้ ท่านชายเฉิงสี่เป็นถึงบัณฑิต
ผู้ปราดเปรื่อง จะหวาดกลัวอำนาจยอมละทิ้งคุณธรรมจริงหรือ
“ช้าก่อน”
ในขณะที่บ่าวท่านชายเกากำลังจะก้าวตามออกมา เสียง
ตะโกนของท่านชายเฉิงสี่ก็ดังขึ้น
“ท่านชายของข้าไม่ต้องการพบแขก หากเจ้าทำใจไม่ได้จริงๆ ก็
ไปยืนคำนับอยู่ด้านนอกแล้วกัน” บ่าวเอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจ
เขาเจอเรื่องแบบนี้ คนแบบนี้มามากแล้ว
ท่านชายเฉิงสี่ใบหน้าแดงก่ำ พลันก้าวเท้ามาด้านหน้า
“ข้าเป็นคนเชิญแม่นางจูก่อน” เขาตะโกนเสียงดัง
อะไรนะผู้คนที่เดินออกมาแล้วหันกลับไปมองอย่างตกตะลึง ส่วน
พวกพ้องข้างกายท่านชายเฉิงสี่เองก็หันมองเขาอย่างหวาดผวา
ท่านชายเฉิงสี่ยืดออกขึ้นรับสายตาจากผู้คนรอบด้าน
“ข้าเป็นคนเชิญแม่นางจูก่อน นางคณิกาเช่นเจ้า จะผิดคำ
สัญญางั้นหรือ” เขาเอ่ยพลันหันมองบ่าวที่บัดนี้สีหน้าตกตะลึง “หรือ
เมื่ออยู่ในซ่องแล้ว ขุนนางผู้มีอำนาจคิดจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
งั้นหรือ”
พูดจบพลันก้าวเท้ามาด้านหน้าอีกก้าว
ชุนหลิงซุกหน้าร้องไห้โฮ
คราวนี้เป็นการร้องไห้ด้วยความดีใจแทน!
ทำได้ดีมากท่านชายเฉิงสี่ ไม่เสียแรงที่ข้าเสียเวลากับท่าน
มาตั้งหลายปี!