พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 521 โกรธเคือง
นางคณิกาเช่นเจ้า จะผิดคำสัญญางั้นหรือ หรือเมื่ออยู่ในหอ
นางโลมแล้ว ขุนนางผู้มีอำนาจคิดจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบงั้นหรือ
เมื่อท่านชายเฉิงสี่ตะโกนประโยคนี้ออกมา บรรยากาศก็
เงียบสงัดในทันใด
ทุกคนต่างมองเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ที่แท้ก็เป็นคนบ้านี่เอง!” แม่ใหญ่ผู้ดูแลพึมพำขึ้น นางเลิกคิ้ว
มือหนึ่งเท้าเอว อีกมือหนึ่งยกขึ้นชี้นิ้ว “ไล่มันออกไป!”
เหล่าลูกสมุนที่กรูกันเข้ามาอยู่รอบด้านอยู่แล้วขานรับอย่าง
พร้อมเพรียงทันที
“ทำอะไร! พวกเจ้าทำอะไร!”
บ่าวตระกูลเฉิงตะโกนขึ้นขณะกีดขวางพวกเขาไว้
“พวกเจ้ารู้ไหมว่านายท่านของข้าเป็นใคร”“ข้าไม่รู้ว่านายท่านของเจ้าเป็นใคร!” แม่ใหญ่ผู้ดูแลก้าวเท้า
เข้ามา กัดฟันเอ่ยต่อว่า “เจ้ารู้ไหมว่าขุนนางที่เจ้าหาเรื่องอยู่คือใคร”
บ่าวดูไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ไม่รู้” เขาตะโกนตอบ
“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าพ่อของขุนนางคนนี้เป็นใคร” แม่ใหญ่ผู้ดูแล
กัดฟันแค่นหัวเราะ
บ่าวเองก็กัดฟันแค่นหัวเราะเช่นกัน
“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าน้องสาวของนายท่านข้าเป็นใคร” เขาเอ่ย
เมื่อเอ่ยประโยคนี้ สีหน้าผู้คนรอบด้านก็ตกตะลึงอีกครั้ง
“อะไรนะ” แม่ใหญ่ผู้ดูแลนึกว่าตนเองฟังผิด จึงถามอีกครั้ง
“รู้ไหมว่าน้องสาวของนายท่านข้า แม่นางใหญ่ของข้าเป็นใคร”
บ่าวตะโกนขึ้น
แปลกเสียจริง เคยได้ยินแต่คนอวดยศถาบรรดาศักดิ์ท่านพ่อ
เพิ่งจะได้ยินคนอวดน้องสาวเป็นครั้งแรก…
“ที่แท้ก็เป็นคนบ้าจริงๆ คนบ้ากล้ามาก่อเรื่องที่หอเต๋อเชิ่งของ
ข้าด้วยหรือ” แม่ใหญ่ผู้ดูแลก่นด่า พลันยกมือขึ้นตบหน้าบ่าวผู้นั้นบ่าวกรีดร้องและล้มลงบนพื้น
“เหตุใดทำร้ายร่างกายกันแบบนี้” ท่านชายเฉิงสี่ก้าวเข้ามา
ตะโกนใส่
“ทำร้ายหรือ” แม่ใหญ่ผู้ดูแลหันมองเขา “กล้ามาก่อกวนในถิ่น
ของข้า ถ้าไม่ทำแบบนี้พวกเจ้าก็คงไม่หลาบจำ ”
เมื่อพูดจบ นางก็ยกมือขึ้นเหวี่ยงไปทางท่านชายเฉิงสี่
ท่านชายเฉิงสี่เงยหน้าหลบ แต่ก็ยังถูกตบเข้าอย่างจังที่บริเวณ
คาง จนเลือดไหลซิบออกมา
เหล่าชายหนุ่มในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้อง
“ข้าจะจัดการเจ้า!” บ่าวตะโกนขึ้น พลันกระโดดเข้าไปหา
แม่ใหญ่ผู้ดูแล
แม่ใหญ่ผู้ดูแลยามสาวมีความสามารถในการร่ายรำ จึงเอี้ยว
หลบไปได้
“ข้าว่าน่าจะกลับกันเสียมากกว่า!” นางตะโกนขึ้น ในเมื่อ
มีตระกูลเกาหนุนหลังอยู่ และที่ทำไปก็เพื่อเอาใจท่านชายเกาสิบสี่นางจึงกัดฟันหลบพลันตะโกนต่อว่า “ต่อยพวกมันออกไป! ทำให้
พวกมันรู้ว่าจะก่อเรื่องไปทั่วไม่ได้!”
ไล่ออกไป กับต่อยออกไป ความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของนาง เหล่าสมุนจึงเปลี่ยนจากท่า
เตรียมจับตัวคนเป็นกำหมัดในทันใด แล้วจึงกรูเข้าไปอย่างดุเดือด
ท่านชายเฉิงสี่ยังไม่ทันตั้งตัวจึงถูกต่อยเข้าอย่างจัง
ท่านชายเฉิงสี่โค้งตัวกอดท้องตัวเองและโอดครวญอย่าง
เจ็บปวด แต่ยังไม่จบ มีหมัดลอยเข้ามาอีกมากมาย
เสียงกรีดร้อง ตะโกน ร้องไห้ ดังขึ้นทั่วบริเวณ ผองเพื่อนของ
ท่านเฉิงสี่เองก็กระจัดกระจาย มีสองคนลุกขึ้นมาขวางด้านหน้า ส่วน
อีกสองคนยกมือกุมหัววิ่งออกไปด้านนอก
เหตุการณ์โกลาหลขึ้น
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้คนรอบด้านสังเกตเห็น
บางคนจึงวิ่งจากห้องโถงด้านล่างขึ้นมาดูเหตุการณ์ คนมียศซึ่งนั่ง
อยู่ในห้องรับรองข้างๆ ไม่สะดวกออกมาดูเหตุการณ์ แต่ก็ได้ส่งบ่าว
ยื่นหัวออกมาดูเหตุการณ์แย่งชิงนางโลมไม่ใช่เรื่องแปลกในหอเต๋อเชิ่ง การ
ทะเลาะเบาะแว้งมีให้ชมแทบทุกวัน แต่วันนี้คนที่ยืนอยู่นอกประตูคือ
แม่นางจู ซึ่งเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เหตุผลหนึ่งเพราะแม่นางจู
ไม่ใช่นางโลมที่เรียกก็มาไล่ก็ไปได้ อีกเหตุผลหนึ่งเพราะช่วงนี้ทุกคน
ต่างรู้ดีว่าท่านชายเกาสิบสี่หมายปองแม่นางจูอยู่ ใครจะไปกล้าแย่ง
เหยื่อของเสือที่หน้าถ้ำ
นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าทำแบบนี้จริงๆ
สุดท้ายจึงถูกต่อยแบบนี้ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
“อย่าต่อยกัน อย่าต่อยกัน!” แม่นางจูเองก็ทำตัวไม่ถูก รีบ
ตะโกนขึ้น
แต่คำพูดของนางมีประโยชน์เสียที่ไหน กลับเป็นชุนหลิงที่พุ่ง
เข้าไปดึงตัวบ่าวท่านชายเฉิงที่ถูกต่อยจนล้มลงไปคนแรกขึ้นมา
“เจ้าโง่หรือไง รีบไปหาคนมาช่วยสิ!” นางตะโกนขึ้น
“เจ้าคนเดียวจะทำอะไรได้!”
บ่าวได้สติขึ้นมาจึงรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปด้านนอก“เร็วหน่อย วิ่งให้เร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นท่านชายของเจ้าต้องถูก
ทำร้ายจนตายแน่” ชุนหลิงตะโกนขึ้นขณะวิ่งตามอยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นบ่าวผู้นั้นเกือบจะกลิ้งลงไปด้านล่าง นางก็หัวเราะร่า
ขึ้นอย่างอดไม่ได้
เร็วหน่อย วิ่งให้เร็วกว่านี้ รีบไปบอกนายหญิงเทวดาของเจ้า
รีบพาคนมาจัดการ
นางยืนมองบ่าววิ่งออกไป แล้วจึงหันกลับมามองแม่นางจู
ซึ่งกำลังฉุดกระชากห้ามปรามอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย ดวงตา
เป็นประกายจากน้ำตา
“พอได้แล้ว พอได้แล้ว” นางตะโกนขึ้นพลางร้องไห้ โผตัว
เข้าไปโดยไม่สนใจ “ท่านชายสี่ ท่านชายสี่ รีบไปเถิด รีบหนีไป
ยอมรับผิดแล้วหนีไป ถ้ายังไม่ไปอีกท่านชายเกาบอกว่าจะตีท่านจน
มือหัก…”
ตีจนมือหักหรือ
บัณฑิตที่ไม่มีมือ จะไม่กลายเป็นคนไร้ประโยชน์หรือท่านชายเกาสิบสี่นั้นมีชื่อเสียงในการทำร้ายร่างกายคน ได้ยิน
มาว่าเหล่านางโลมที่เคยรับใช้ต่างพากันแอบร้องไห้กันทุกคน
ครั้งนี้มาหักหน้าเขาแบบนี้ จะมีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้หรือ
เป็นแบบนี้ได้อย่างไร เป็นแบบนี้ได้อย่างไร
แม่นางจูมองดูความโกลาหลตรงหน้า พลันรู้สึกสับสน
กระวนกระวาย
ในขณะที่สถานการณ์ทางนี้โกลาหลขึ้น ภายในห้องรับรองของ
ท่านชายเกายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ในฐานะหญิงนางโลม จะผิดคำสัญญางั้นหรือ หรือเมื่ออยู่ใน
ซ่องแล้ว ขุนนางผู้มีอำนาจคิดจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบงั้นหรือ
เมื่อผู้ติดตามรายงานประโยคนี้ให้ฟัง ภายในห้องรับรองหรู
กลับเงียบสงัด
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ตกใจหวาดกลัว
“ให้ตายเถอะ นี่มันคนบ้าจากไหนกัน” ท่านชายเกาไม่รู้จะพูด
อย่างไร เขาโยนถ้วยเหล้าตรงหน้าลงบนโต๊ะ พลันยื่นมือไปเสยคางโสเภณีที่นั่งอยู่ข้างๆ “พูดเรื่องการรักษาคำพูดกับโสเภณี งั้นหรือ
ไม่รู้หรือไงว่าโสเภณีเป็นหญิงไร้รัก ไม่ควรคบค้าสมาคมด้วย”
โสเภณีผู้นั้นโปรยยิ้มอย่างมีสเน่ห์ พลันยื่นมือไปโอบแขนเขา
“ท่านชายสิบสี่ ข้าน่ะมีใจให้ท่านอยู่แล้ว” นางเอ่ยอย่างพราว
เสน่ห์พลางฉีกยิ้ม
ท่านชายเกาหัวเราะร่า พลันหยิกแก้มอันอวบอ้วนของนาง
และโอบกอดนางไว้
“ยังจะมีคนพูดถึงกฎเกณฑ์ประเพณีแบบนี้ในซ่องอีกหรือ
นึกว่าที่นี่คือโรงเรียนหรือไงถึงต้องมีกฎมีเกณฑ์ แบบนั้นจะมีใคร
มาที่นี่อีก ถ้าคนมีอำนาจไม่สามารถทำได้ตามใจชอบได้ แล้วจะบอ
กว่าคนต่ำต้อยควรได้เสวยสุขกับสาวงามงั้นหรือ” เขาเอ่ย “เดิมทีข้า
ยังนึกโกรธเคือง ตอนนี้ดูท่าเขาจะเป็นแค่คนบ้า! ข้าคงจะโกรธคนบ้า
ไม่ลง”
คนอื่นภายในห้องพากันหัวเราะร่า
“แถมเห็นว่าเป็นจิ้นซื่อที่เพิ่งสอบติดใหม่ด้วย” มีคนเอ่ยขึ้น
จิ้นซื่อหรือท่านชายเกาหัวเราะร่า
“จิ้นซื่อที่เลอะเลือนแบบนี้ หากทำงานราชการจริง ไม่รู้จะสร้าง
ความเสียหายให้ราชสำ นักแค่ไหนกัน!” เขาเอ่ยพลางหัวเราะ แล้วจึง
หยุดหัวเราะในทันใด หันมาถุยปาก
“ไปบอกมันว่าให้ไสหัวไป มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ หอ
เต๋อเชิ่งกลายเป็นอะไรไปแล้วถึงได้มีคนที่ไหนไม่รู้มาก่อกวนแบบนี้”
“ท่านชายสิบสี่ไม่ต้องห่วง แม่นางม่อได้จับเขามัดเตรียมโยน
ออกไปแล้ว” ผู้ติดตามรีบเอ่ยขึ้น
“แม่นางม่อคงเริ่มแก่แล้ว บัดนี้ถึงได้สติไม่ดี กระทั่งเรื่องเล็กๆ
แบบนี้ก็ยัง…” ท่านชายเกาเอ่ยพลางหัวเราะ
แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินเสียงคนวิ่งจากด้านนอก ประตูเปิด
ออกในทันใด หญิงสาวคนหนึ่งถลาเข้ามา
ภายในห้องเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หญิง
สาวคนนี้
หญิงสาวใบหน้าสวยสด แต่งองค์งดงาม แต่สีหน้าบัดนี้
ช่างกระวนกระวาย หน้าอกที่นูนออกมาขยับขึ้นลงรุนแรง แต่ก็ดูงดงามไปอีกแบบ
ท่านชายเกาหยีตาหัวเราะขึ้น
“โธ่ แม่นางจูมาช้าเหลือเกิน ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” เขา
เอ่ยขึ้นช้าๆ
แม่นางจูหันมองเขา สีหน้าตื่นตระหนก
“ท่านชายเกา ข้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน ขอให้ท่านรีบบอกคน
พวกนั้นให้ปล่อยท่านชายเฉิงสี่ไป” นางเอ่ยขึ้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านชายเกาแข็งทื่อในทันใด
“ว่าไงนะ” เขาเอ่ยถาม
“รีบบอกให้คนพวกนั้นปล่อยท่านชายเฉิงสี่ไป ข้าจะมาอยู่
เป็นเพื่อนท่านเอง แต่อย่าทำร้ายเขาอีก!” แม่นางจูก้าวเข้ามา เอ่ย
ขึ้นอย่างร้อนใจ
“ข้าทำร้ายเขาตอนไหนกัน” ท่านชายเกาฉีกยิ้มขึ้นอีกครั้ง แต่
เมื่อเทียบกับรอยยิ้มเมื่อครู่ รอยยิ้มคราวนี้ช่างดูเย็นชา “แม่นางจู
เจ้าเป็นห่วงคนรักของเจ้า แต่จะมาร้องขอมั่วซั่วแบบนี้ไม่ได้”
เขาเอ่ยคำว่าคนรักด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำคำพูดล้อเล่นนี้ทำให้แม่นางจูตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม พลันรีบ
คุกเข่าลง
“ทั้งหมดเป็นความผิดของจูเหิงเอง จูเหิงไม่ควรเกียจคร้าน
ที่จะรับแขก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านชายเฉิงสี่ เป็นความผิดของจูเหิง
ทั้ง
หมด ไม่เกี่ยวกับเขาเลย” นางเอ่ยขึ้น
รอยยิ้มของท่านชายเกาดูเย็นชายิ่งกว่าเดิม โสเภณีที่นั่งอยู่
ข้างๆ เขาถึงกับหลบออกมา คนอื่นภายในห้องต่างพากันเงียบ
ไม่กล้าเอ่ยอะไร
มีเพียงนางโลมคนเก่าแก่ของสถานเริงรมย์ที่บัดนี้จิตใจ
กระวนกระวายเท่านั้น นางยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป
การปกป้องชายอื่นต่อหน้าผู้ที่ชื่นชมและถูกนางปฏิเสธ
มาหลายคราว แถมยังโยนความผิดมาให้เขาอีก เรื่องแบบนี้ คง
มีชายไม่กี่คนที่ทนได้ นับประสาอะไรกับชายคนนี้ซึ่งไม่เคยถูกใครปฏิ
เสธมาก่อน
“แบบนั้นหรือ” ท่านชายเกาเอ่ยขึ้นช้าๆ พลันยกถ้วยเหล้า
ตรงหน้าขึ้นดื่ม “องครักษ์ เข้ามา!”องครักษ์ด้านนอกรีบเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“ไปบอกแม่นางม่อว่า…” ท่านชายเกาเอ่ยขึ้นช้าๆ
เมื่อได้ยินดังนี้ แม่นางจูก็เงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก พลัน
ถอนหายใจครู่หนึ่ง
ท่านชายเกามองดูใบหน้าอันสวยสดงดงามที่ดันไปเศร้าโศก
เสียใจเรื่องชายอื่น พลันฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“…ไปบอกแม่นางม่อว่าไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้แล้ว” เขาเอ่ย “แล้ว
พวกเจ้าก็ตีมันให้มือหักไปข้างหนึ่ง…”
แม่นางจูซึ่งเดิมทีถอนหายใจแล้วกลับมาตื่นตระหนกในทันใด
“ท่านชายเกา ท่านชายเกา” นางตะโกน สีหน้าหวาดกลัว
“อ้อ” ท่านชายเกายกมือขึ้นหยุดองครักษ์ที่ขานรับและกำลังจะ
เดินออกไป พลันเผยยิ้มที่มุมปาก “แม่นางจูจะขอร้องแล้ว”
แม่นางจูหันมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“จะปล่อยให้คำขอร้องของนางสูญเปล่าไม่ได้ ถึงอย่างไรข้าก็
ต้องให้เกียรติสาวงามด้วย” ท่านชายเกาเอ่ยขึ้น “แต่เดิมทีข้าก็ไม่ได้
ทำอะไรผิด”อะไรนะ
แม่นางจูรู้สึกมึนงง
“เช่นนั้นคงต้องทำอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นคงเสียชื่อเสียง”
ท่านชายเกาเอ่ยต่อ พลันยื่นมือขึ้นโบก “ไป ตัดมือมันให้ขาดไปข้าง
หนึ่ง เสร็จแล้วเอามาให้แม่นางจูดูต่อหน้า แล้วค่อยโยนทิ้ง”
“ท่านชายเกา!”
ในที่สุดแม่นางจูก็เข้าใจ จึงลุกขึ้นตะโกน พลันหันหลังวิ่งออก
ไปด้านนอก แต่กลับถูกองครักษ์สองคนจับตัวไว้
“ท่านชายเกา อย่าทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้”
เมื่อเห็นเหล่าองครักษ์หน้าตาโหดเหี้ยมหันหลังวิ่งออกไป
แม่นางจูจึงตะโกนสุดเสียง พลางพยายามดิ้นหนีเพื่อไปขัดขวาง
“อย่านะ!”
ประตูถูกปิดไปต่อหน้าต่อตาในทันใด เสียงฝีเท้าค่อยๆ ไกล
ออกไป
อย่านะ! อย่า!