พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 525 เพียงแค่นึกคิด
ถ้าท่านอยากจะขอโทษ คนที่ควรเอ่ยต้องเป็นท่าน มิใช่บ่าว
ของท่าน
สิ้นประโยคของแม่นางเฉิง คนทั้งห้องต่างพากันตกตะลึง
อีกครั้ง
แม่นางเฉิง แม่นางเฉิง เจ้าหมายความเช่นใดกัน ให้ข้าหักมือ
ของข้าอย่างนั้นรึ
แต่พอสิ้นเสียงของท่านชายเกา ทั้งห้องกลับสีหน้าหวาดผวา
กว่าเดิม
แม่นางม่อยื่นมือมากุมที่อกตัวเอง
แม่เจ้าโว้ย ค่ำคืนนี้มีแต่เรื่องให้นางตกใจ
เดี๋ยวนั่นเดี๋ยวโน่นเดี๋ยวนี่ เกรงว่าเงินที่ได้มาจะไม่คุ้มแล้วสิ
ขณะเดียวกัน เหล่าผู้ติดติดตามของทั้งคู่ต่างก็รีบคว้าอาวุธใน
มือของตนไว้แน่นถ้าจะฆ่านางตอนนี้ ใช่ว่าจะทำไม่ได้
แต่นางก็เป็นแค่หญิงนางหนึ่ง แถมเป็นบุคคลมีคุณต่อแผ่นดิน
แต่ก็มิได้มีฐานอะไร ต่อให้ฮ่องเต้โกรธจนโยนเขาเข้าคุก เขาก็ยังมี
ท่านพ่อ ยังมีไทเฮา ยังมีกุ้ยเฟย แถมยังมีผิงอ๋อง ยังไงเสียเขาก็
ไม่ตายง่ายๆ
ไม่มีทางที่เขาจะตายง่ายๆ อยู่แล้ว ยังไงก็ต้องถูกปล่อยตัว
ออกมาสักวัน
อีกทั้งถูกฆ่าตายเพราะเรื่องแย่งนางโลมในหอเต๋อเซิ่ง คง
เป็นเรื่องที่น่าอับอายใช่เล่น แต่ว่าคงระงับข่าวลือได้ง่ายกว่า
พอมาคิดๆ ดูแล้ว นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีเลย
อย่างไรเสียพ่อของนางก็คิดกำจัดนางอยู่แล้ว ช่วยให้เร็วขึ้น
หน่อยจะเป็นไรไป
ท่านชายเกาเริ่มหายใจถี่ขึ้น หมัดที่กำอยู่นั้นมีแต่เหงื่อไหล
ออกมา
“ท่านฟังผิดแล้ว” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่า ท่าน
มิต้องขอโทษ พี่ชายของข้าถูกทำร้าย ก็เป็นเรื่องของเขา ในเมื่อเขาเอาตัวเข้าไปเอี่ยวแล้ว ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา ถ้าเขาแพ้แล้ว เขา
ย่อมต้องยอมรับความพ่ายแพ้นั้น”
ท่านชายเกาเริ่มท้องไส้ปั่นป่วน อีกนิดก็จะทรุดลงไปแล้ว
บัดซบ!
เหตุใดไม่ทำตัวจองหองแล้วละ
เอาแบบตอนที่จะยกสินทรัพย์ทั้งบ้านมาค้ำอีกสิ!
จะมาไม้อ่อนอีกทำไมกัน เอาอีกสิ มาหักมือเขาทิ้งสิ ลงไม้
ลงมือสิ!
บ้าจริง!
ท่านชายเกาก่นด่าในใจ
ถ้านางไม่บ้า เขาจะบ้าเอง
จะทำเช่นไรดี
จะมาบ้าเวลานี้ ก็ดูจะเป็นการเผยช่องโหว่ให้ถูกโจมตีเอาได้
คุ้มเสี่ยงหรือไม่นะ
ขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้น บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้น เวลานี้เอง
เขาถึงระลึกได้ว่า เขาพลาดโอกาสนั้นไปเสียแล้วพอเจอเรื่องแบบนี้เข้าให้ ท่านชายเกาไม่มีแรงจะโกรธใครหรือ
รักษาหน้าตัวเองแล้ว
“แม่นางก็พูดเกินไป” เขาเอ่ย พลางทำมือคารวะแบบขอไปที
“ถ้าเช้นนั้นข้าไม่รบกวนช่วงเวลาเสพสุขของพวกท่าน ขอตัวลาก่อน”
เฉิงเจียวเหนียงโค้งคำนับตอบ สีหน้ายังคงเหมือนเดิม
ราวกับว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน
ท่านชายโจวหกสีหน้าเปลี่ยนทันควัน เมื่อได้เห็นท่านชายเกาที่
ดูเหมือนจะเอ่ยอะไร แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา
จะเอ่ยตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว
ที่จริงแล้วตั้งแต่แม่นางเฉิงอ้าปากเอ่ยจะต่อราคานางโลม เขา
ก็ควรรู้แล้วว่านางต้องการฉีกหน้าตระกูลเกา
ท่านชายเกาเหนื่อยใจ เขาก้าวเท้าออกไป แล้วเปิดประตูออก
ขณะนั้นเอง ก็ทีจะหยุดฝีก้าวแล้วมองรอบกายอย่างอดไม่ได้
เสียงเซ็งแซ่รอบตัว สายตาทุกดวงจับจ้องไปที่เดียวกัน
หอเต๋อเซิ่งปิดชั้นสอง แต่ก็มิอาจจะไล่แขกผู้อื่นออกไปได้ ช่วง
ค่ำคืนเป็นช่วงที่ในร้านเต็มไปด้วยความคึกคัก แล้วเหตุการณ์เมื่อครู่ก็คงจะเก็บเป็นความลับเอาไว้ไม่อยู่
“นายท่าน ออกทางประตูหลังเถอะขอรับ” ผู้ติดตามเอ่ยเสียง
เบา
น่าอับอายสิ้นดี คนอย่างเขานี่นะจะเข้ามาเสพสุขกับหญิง
งามแล้วต้องออกทางประตูหลังน่ะ!
ใบหน้าของท่านชายเกาไร้รอยยิ้ม แต่เต็มไปด้วยความเย็นชา
พลางคิดรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า ข่าวคราวเรื่องของเขาคงได้
แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง
“ก็แค่แย่งนางโลมมิใช่หรือไง ไม่เห็นน่าอายเลย” เขาเอ่ยกับ
ตัวเองพลางแสยะยิ้ม “ในเมื่อข้าเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย ตอนออกก็
ต้องเป็นงั้นเช่นกัน!”
เขาย่างเท้าเดินต่อ
ผู้ติดตามคนอื่นจำ ต้องเดินตามเขา
พอพวกเขาเดินเข้ามา ก็ใช่ว่าผู้คนจะจ้องเขาเสมอไป
เพียงแต่ว่า ผู้คนกำลังมองตาราวกับกำลังส่งสัญญาณลับอะไร
บางอย่างอยู่ นั่นทำให้เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเขาไม่ได้คิดอะไรกับการถูกจ้องถูกมองจากสายตาผู้คน แต่
ความรู้สึกของการถูกจ้องและพูดลับหลังนั้นเขาเองก็เพิ่งได้ลิ้มรส
เป็นครั้งแรก
เพราะครั้งนี้เขาเป็นผู้แพ้ เขาจึงถูกมองอย่างหยามเหยียด
ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาที่ ถูกมองด้วยสายตาเกรงกลัวและอิจฉา
เด็กบ้าแห่งเจียงโจว!
เขาหยุดฝีเท้าที่หน้าประตู พลางพันไปมองยังระเบียงชั้นสอง
พลันรีบหันตัวกลับแล้วเดินออกไป
พอเขาเดินออกไปเท่านั้น บรรยากาศในหอเต๋อเซิ่งก็ครึกครื้น
อีกครั้ง
“เห็นไหมล่ะ!”
“ว่าแล้วว่าต้องเป็นท่านชายเกาสิบสี่!”
“แล้วตกลงใครชนะ”
“อย่าโง่น่า ก็เมื่อกี้ท่านเกาเพิ่งเดินย่องๆ ออกไป ก็ต้องเป็น
แม่นางผู้นั้นสิที่ชนะ”
“แค่หญิงคนเดียว ก็ชิงนางโลมมาได้แล้วรึ”“ไม่ใช่อย่างนั้น คือหญิงนางนั้นเป็นตัวแทนของพี่ชายของนาง
…”
“แค่นี้ก็น่าประหลาดใจพอแล้ว ว่าแต่ นางเป็นใครกัน”
เสียงปิดประตูดังขึ้น ปรากฏเป็นใบหน้ายิ้มแย้มของแม่นางม่อ
“…แม่นางเฉิง ท่านต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่ หอเต๋อเซิ่งยังมี
เหล้าดีและอาหารเลิศรสอีกมากมาย… หรือท่านต้องการรับ
ชมบรรเลงเพลงระบำไปก่อน เพราะเดี๋ยวกว่าอาเหิงจะมาก็คงอีก
สักพัก…”
แม่นางม่อยังคงพูดอยู่อย่างนั้นจนจบประโยค
เสียงที่ตอบรับกลับมาจากด้านในประตู เป็นเสียงของท่านชาย
ผู้หนึ่ง ที่เอ่ยไล่นาง
เสียงนั้นเอ่ยก่นด่าอย่างไม่เกรงใจ แต่อย่างไรเสีย ก็ไม่ได้
มีผลต่อแม่นางม่อแต่อย่างใด แต่นางกลับยิ้มแย้มอย่างดีอกดีใจ
ห้าหมื่นเชียวนะ!
ซื้อนางโลมหนึ่งเดือนราคาห้าหมื่น!แม่นางม่อยื่นมือหยิกข้อมือตัวเอง พอนึกถึงเงินก็อดมิได้ที่จะ
ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
มีเงินตั้งห้าหมื่น โดนว่านิดๆ หน่อยๆ ไม่สะทกสะท้านอะไร
หรอก ต่อให้ถูกตบหน้า ก็คงจะต้องมีเอ่ยขอบคุณบ้าง
“แต่ว่า แม่ใหญ่ นี่เรากำลังทำผิดต่อนายท่านเกาหรือเปล่า”
บ่าวที่ยืนอยู่ด้านข้างเตือนนาง
“เจ้าผิดแล้วล่ะ” แม่นางม่อหัวเราะ พลางเอานิ้วหยิกที่ข้อมือ
ตนเอง “ไม่ใช่พวกเราพลการ แต่เป็น…”
นางเอ่ย พลางเอานิ้วชี้ไปทางด้านหลัง
“เหตุการณ์ทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องของหอเต๋อเซิ่ง ไม่ใช่เรื่องของ
นางโลมอย่างอาเหิง แต่เป็นเรื่องระหว่างตระกูลเฉิงและตระกูลเกา
ส่วนเรื่องที่พวกเราต้องสนใจก็คือ ใครให้เงินเยอะกว่าคนนั้นก็จะเป็น
นายใหญ่ของพวกเรา ยังจะมีอะไรอีกล่ะ ใครให้พวกเขามาข่มกัน
ด้วยเงินล่ะ พวกเราเปิดร้านทำมาค้าขาย กลัวก็กลัว แต่ก็ทำอะไร
ไม่ได้อยู่ดี พวกเราเองก็น่าสงสารเหมือนกันแหละ”แม่นางม่อพอเอ่ยถึงตรงนี้ก็ทำสีหน้าน่าตาสงสาร สบตากับ
บ่าว จากนั้นก็หัวเราะกันยกใหญ่ ยิ้มไปพลางป้องปากไปพลาง ต่าง
คนต่างแยกย้ายไป
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่”
ในห้องรับรอง ท่านชายโจวหกตะโกนจนหน้าแดง
เขามองไปที่มือของตนเอง จนกระทั่งท่านชายเกาเดินออกไป
จนลับสายตา เขาถึงได้ปล่อยมือลง เพราะว่ากำมือไว้แน่นเกิน จน
มือเขาเริ่มแข็งทื่อ
ท่านชายเฉิงสี่ถูกส่งกลับบ้านไปแล้ว เฉิงเจียวเหนียงเองก็
เตรียมตัวจะกลับเช่นกัน แต่ถูกท่านชายโจวหกดักคอเสียก่อน
“ก็แย่งนางโลมมาอย่างไรเล่า” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
แย่งนางโลมงั้นรึ
แย่งนางโลมมาจริงๆ งั้นรึ
เงินห้าหมื่นกับการซื้อนางโลมหนึ่งเดือน! นี่คงเป็นเงินก้อน
สุดท้ายของนางแล้วสินะแถมยังบอกว่าจะเอาเรือนไท่ผิงกับเรือนนางฟ้ามาค้ำด้วย เพื่อ
นางโลมเนี่ยนะ
แถมยังให้ท่านชายเกาหักมือตนเองเพื่อเป็นการไถ่โทษอีกงั้นรึ!
นี่มันไม่ใช่เรื่องของนางโลมแล้ว นี่มันเรื่องความเป็นความตาย
ชัดๆ
“ข้ามิได้ให้เขาหักมือตนเอง” เฉิงเจียวเหนียงแก้ไข “นั่นเป็น
เพียงคำพูดของเขาเองคนเดียว”
เรื่องสลักสำ คัญที่นางสนใจช่างต่างจากคนทั่วไปเสียจริง!
ท่านชายโจวหกโกรธจนถลึงตาใส่
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้านั่นมันคิดจะปลิดชีวิตเจ้านะ!” เขาเอ่ย
กัดฟันกรอด
เฉิงเจียวเหนียงหัวเราะ
“ก็แค่แย่งนางโล่มกันเอง ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลยเชียวรึ ใช้ไม่
ได้เลยจริงๆ” นางเอ่ย
“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก!” ท่านชายโจวหกถลึงตาใส่“เหตุใดข้าจะพูดมิได้ล่ะ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยต่อ “ก็มิใช่เรื่องที่
ต้องหลบๆ ซ่อนๆ นี่นา”
“แล้วเรื่องนี้มันเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจหรือยินดีเสียที่ไหนกัน”
ท่านชายโจวหกเอ่ย
“ทำตัวกล้าหาญออกตัวเพื่อนางโลม วิถีของคนหนุ่มสาว
เลือดร้อน ก็ยังดีกว่าพวกเลือดเย็น หลบหนีปัญหาใช่ไหม” เฉิงเจียว
เหนียงเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นก็ต้องดูกันหน่อยแล้วสิว่าเขาจะออกตัวหรือไม่!”
ท่านชายโจวหกหัวเราะอย่างเยือกเย็น
เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ท่านชายเฉิงยังอยู่ตรงนี้ ก็โกรธ
เป็นฟืนเป็นไฟ!
พวกตระกูลเฉิงนี่ใช้ไม่ได้เลยนะ!
“อย่างเขาน่ะได้อยู่แล้ว” เฉิงเจียวเหนียงตอบ
“เขาเนี่ยนะ” ท่านชายโจวหกหัวเราะ “ได้ที่ไหนกัน ถ้าเป็น
เช่นนั้นล่ะก็คงไม่โดนทำร้ายกลับมาเหมือนหมาหรอก!”
“ก็เพราะว่าเขามีข้าอย่างไรเล่า” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยต่อท่านชายโจวหกตะลึง จนเริ่มรู้สึกตะขิดตะขวงใจ
“เขาเป็นพี่เจ้า ไม่ได้เป็นลูกชายเจ้า! ต่อให้เขาเป็นลูกเจ้าก็ตาม
แต่เขาไม่ได้มีเกียรติถึงเพียงนั้น แย่งนางโลม ยังต้องให้เจ้าออก
ตัวแทนเลย…”เขาเอ่ยพลางขึงตาใส่นาง
“ทำไมต้องวางมาดด้วย” เฉิงเจียวเหนียงมองหน้าเขา มือ
พลางคว้าถ้วยน้ำชา “ขอแค่ท่านพี่มีความสุข ข้าก็มีความสุข ชีวิตนี้
อยู่ไปเพื่อความสุขมิใช่หรือ”
ท่านชายโจวหกพ่นลม
“นอกจากนี้แล้ว ที่พี่ข้าเป็นเช่นนี้ก็เพราะข้าเองด้วย” เฉิงเจียว
เหนียงอธิบาย
ที่พี่นางเป็นเช่นนี้ก็เพราะนางงั้นรึ
เขาตกตะลึง แต่ก็นึกอะไรขึ้นได้
จริงสิ ว่าไปแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นนี้นั้นก็ช่างบังเอิญเสียจริง…
เจ้าพวกคนชั่วในหอเต๋อเซิ่งทั้งหลาย!
เขาเดือดดาลยิ่งนัก ก่อนจะหันหลังกลับแล้วรีบเปิดประตู
…อาภรณ์แต่ละชิ้นค่อยๆ ถูกโยนทิ้งลงบนพื้น เรือนร่างแม่นาง
จูที่เหลือเพียงแค่ชุดตัวในสีขาวแค่ชิ้นเดียวกำลังยืนอยู่หน้ากระจก
พู่กันที่ดีที่สุดในเมืองหลวงกำลังถูกจุ่มน้ำหมึกแล้ววาด
ลายเส้นคิ้วโก่ง คิ้วที่เขียนจนได้รูปบนใบหน้าที่ประแป้งเรียบร้อยแล้ว
นั้น
ช่างแลดูงามหยดย้อยไร้ที่ติ
แม่นางจูบรรจงวาดคิ้วอย่างตั้งใจ วิชาพื้นฐานของนางโลม
ทุกคนหนีไม่พ้นเรื่องการแต่งองค์ทรงเครื่อง ในฐานะนางโลม ฝีมือ
การแต่งหน้าของนางนับว่าไม่เป็นรองใคร
ไม่ว่าจะช่วงเวลาใดก็ตาม นางจะต้องแต่งหน้าออกมาให้
งามที่สุดเพื่อพบปะกับผู้คน
จะเป็นเหมือนเมื่อครู่ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด…
กล่องแป้งร่ำถูกเปิดออก แป้งสีชมพูนวลถูกตบแต่งบนพวง
แก้ม ให้ความรู้สึกอ่อนโยนชวนหลงใหล
สาวงามในกระจกคลี่ยิ้ม ราวกับว่าตนกำลังเปล่งประกาย
จากนั้น ก็มีเสียงร้องไห้ดังมาจากด้านหลัง
“ท่านพี่ ท่านพี่ เป็นความผิดข้าเอง”เสียงร้องไห้โฮของชุนหลิง
แม่นางจูยังคงรักษาสีหน้าดังเดิม พลางหยิบชาดทาปากขึ้น
มาแล้วค่อยๆ เม้มริมฝีปาก จากนั้นค่อยๆ ยิ้มอ่อนๆ จากนั้นจึงดึง
ออก ใบหน้าของนางพลันแลดูสดใสขึ้นมาทันตา
“จะร้องห่มร้องไห้ไปทำไมกัน ทั้งตระกูลเกาและตระกูลหมอ
เทวดาต่างก็แย่งข้า แถมยังเสนอราคาห้าหมื่นเพื่อแลกกับการให้ข้า
ไปปรนนิบัติหนึ่งเดือน นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น และคงจะไม่มีทาง
เกิดขึ้นอีก และจากนี้ไป ข้าจะได้เป็นนางโลมเลื่องชื่อในแผ่นดินแล้ว
เจ้าควรจะมีความสุขกับเรื่องนี้สิ” นางเอ่ย
ชุนหลิงร้องพลางคุกเข่า แล้วขยับเข่าไปด้านหน้า
“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง ที่ให้ท่านพี่ไปอยู่ในเหตุการณ์
น่ากลัวเช่นนั้น จู่ๆ ก็ต้องไปพัวพันกับเรื่องขัดแย้งของทั้งสองตระกูล”
ชุนหลิงเอ่ยไปร้องไห้ไป พลางทุบหัวตัวเอง “ข้ามิควรไป
เชิญท่านชายเฉิงให้เข้ามา ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยสมควรตาย”
ชุนหลิงทุบหัวตัวเองจนเริ่มมีรอยฟกช้ำ บางจุดก็เริ่มมีเลือด
ซึมออกมา