พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 543 เล็กน้อย (1)
กลางเดือนสี่ ความคึกคักวุ่นวายบนท้องถนนเมืองหลวงอัน
เกิดจากข่าวนายหญิงตระกูลเฉิงและท่านชายเกา และข่าวญาติมิตร
ยังไม่ทันจางหาย วันนี้ก็มีเรื่องให้คึกคักขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว
ผู้คนเต็มท้องถนนวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน สีหน้าพวกเขาดู
ตื่นตระหนกสับสน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
ทุกคนพากันถามไถ่
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร”
ที่น่าแปลกคือคนที่ถูกถามกลับไม่ได้แบ่งปันเรื่องราวที่ตนเองรู้
อย่างเป็นมิตรและตื่นเต้นเหมือนครั้งอื่น แต่กลับเอ่ยเป็นเสียง
เดียวกันพลันส่ายหัวว่าไม่มีอะไร
ทำท่าทางแบบนี้แล้วมันจะไม่มีอะไรได้อย่างไร!
พวกเขายังคงวิ่งต่อไปด้วยความเร็วสูง ไม่สิ วิ่งเร็วกว่าตอน
ก่อนที่จะถูกถามเสียอีก ราวกับกลัวว่าจะถูกคนแย่งอะไรที่น่าแปลกกว่านั้นคือยังมีคนถือกาน้ำชาใบเล็กใบใหญ่ในมือ
เมื่อเห็นกาน้ำชา และเห็นทิศทางที่ผู้คนพากันวิ่งไป ในที่สุด
บางคนจึงได้สติขึ้นมา
“วันนี้เป็นวันเซ่นไหว้พี่น้องเขาเม่าหยวนซาน!”
เสียงตะโกนนี้ทำให้ผู้คนที่ตกตะลึงอยู่พากันได้สติขึ้นมา จึงพา
กันตะโกนเสียงดังและวิ่งตามทุกคนไปในทันใด
แต่แน่นอนว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่เข้าใจ
“วันเซ่นไหว้พี่น้องเขาเม่าหยวนซานแล้วทำไมหรือ” พวกเขา
เอ่ยถามอย่างตกตะลึง “เขาก็แค่เซ่นไหว้ จะไปดูทำไม”
“แบ่งเหล้าไง มีเพียงวันนี้เท่านั้นที่จะได้ดื่มเหล้าเขาเม่าหยวน
ซาน” ในที่สุดก็มีคนตะโกนขึ้นอย่างอดไม่ได้
เสียงตะโกนของเขาทำให้ผู้คนรอบด้านไม่พอใจ พากัน
ประณามสาปแช่ง
“เหล้าเขาเม่าหยวนซานก็มีอยู่แค่นั้น คนยิ่งเยอะก็จะยิ่งแบ่งได้
น้อย เจ้านี่มันช่างโง่เสียจริง!”
เหล้าเขาเม่าหยวนซานเหล้าอันดับหนึ่งในโลกหล้า เหล้าเขาเม่าหยวนซาน!
แต่คำสาปแช่งนี้ก็มาช้าไป เพราะทุกคนเข้าใจกันหมดแล้ว
แต่ละปีจะมีโอกาสดื่มเหล้าเขาเม่าหยวนซานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ไม่แปลกใจที่ทุกคนพากันวิ่งกรูออกไป ไม่แปลกใจที่พากันถือชามไห
ติดตัวไปด้วย
ผู้คนมากขึ้นมารวมตัวกันบนถนน วิ่งกรูไปทางนอกเมือง
เหล่าทหารที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองมองจากด้านบนสามารถ
เห็นมวลชนมากมายอันน่ากลัวนี้
“คึกคักยิ่งกว่าตอนรับศพกลับมาเสียอีก” ทหารนายหนึ่ง
ถอนหายใจเอ่ยขึ้น
“นึกไม่ถึงเลยว่าคนตายไปตั้งนานแล้ว แต่ยังมีผู้คนมากันเต็ม
ท้องถนนขนาดนี้” ทหารอีกนายหนึ่งพิงกำแพงมองดูอย่างอดไม่ได้
“แบบนี้ถือว่าตายคุ้มแล้ว”
แน่นอนว่ามีคนไม่เห็นด้วย
“นั่นเป็นเพียงเพราะเหล้าเขาเม่าหยวนซานเท่านั้นแหละ”
แต่ประโยคนี้ไม่ได้รับการยอมรับ“เป็นเพราะเหล้าแล้วจะทำไม ต่อไปเหล้านี้จะได้อยู่ในบันทึก
ประวัติศาสตร์ เมื่อใดก็ตามที่พูดถึงเหล้า ก็ต้องพูดถึงเรื่องราวของ
พี่น้องเขาเม่าหยวนซานอยู่ดี”
“ก็คือ ถ้าข้าเป็นแบบนั้นได้ ข้าก็ไม่สนใจหรอกว่าคนจะเยอะ
เพราะเหล้าหรือเป็นเพราะน้ำธรรมดา”
“เจ้างั้นหรือ ไปคิดให้ดีก่อนว่าจะหาน้องสาวแบบนี้ได้อย่างไร
ดีกว่า”
เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นบนกำแพงเมือง
“ทำอะไรกัน!”
เสียงแม่ทัพดังขึ้นจากด้านหลัง
ทุกคนรีบหุบยิ้ม และตั้งแถวยืนคุมกำแพงเมืองต่อไป แต่สาย
ตากลับยังเหลือบมองหลุมศพพี่น้องเขาเม่าหยวนซานที่อยู่ไกลออก
ไป บัดนี้บริเวณนั้นเต็มไปด้วยฝูงชน คาดว่าคงเริ่มแบ่งเหล้ากันแล้ว
จึงมีเสียงดังเอะอะโวยวายขึ้น
เสียงดังโวยวายจากฝั่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเซ่นไหว้
แต่อย่างใดเฉิงเจียวเหนียงและแม่นางหวงโค้งคำนับตามฟ่านเจียงหลิน
พลางพยุงเสี่ยวเป่าเทเหล้าให้พวกสวีปั้งฉุย แล้วจึงคำนับอีกครั้ง
เสี่ยวเป่าถูกบังคับจนรำคาญ จึงหยิบป้ายหลุ่มศพมาเล่น พลัน
ถูกแม่นางหวงตะคอกดุให้หยุด
“ปล่อยเขาเล่นไปเถิด” ฟ่านเจียงหลินเอ่ยขึ้น “ถือว่ามาอยู่
เป็นเพื่อนท่านพ่อ”
แม่นางหวงทนคำพูดแบบนี้ไม่ได้ หันหน้าไปเช็ดน้ำตา
ฟ่านเจียงหลินหยิบกระดาษเซ่นไหว้ขึ้นยื่นให้เฉิงเจียวเหนียง
กองหนึ่ง แล้วมองดูเฉิงเจียวเหนียงโยนเข้ากองไฟ
“เจียวเหนียง เรื่องงานแต่งของเจ้า เจ้าคิดอย่างไร” เขาเอ่ย
ถามขึ้น
ไทเฮาพระราชทานงานสมรสตามที่ตระกูลเกาขอ ท่านชายโจว
หกสาบานว่าจะล้างแค้นที่ถูกแย่งภรรยา สุดท้ายแล้วนายหญิงเฉิง
จะแต่งงานกับตระกูลเกาเพราะเกรงกลัวอำนาจ หรือผูกสัมพันธ์กับ
พี่ชายที่รักกันมาแต่เด็ก บัดนี้บ่อนพนันในเมืองหลวงต่างพากัน
จับตามองพูดเรื่องส่วนตัวต่อหน้าโรงศพไปเลย ให้พวกพี่ที่รักน้องคนนี้ได้
ฟังด้วย
“รักกันแต่เด็กอะไรกัน” เฉิงเจียวเหนียงหัวเราะ
ตอนที่เธอยังเด็ก มีตะเกียงน้ำมันในวัดเป็นเพื่อนเท่านั้นแหละ
ฟ่านเจียงหลินหัวเราะขึ้นเช่นกัน
“ข่าวลือก็ต้องพูดให้ฟังดูน่าสนใจแบบนี้แหละ” เขาหัวเราะ
“ท่านชายใหญ่ล้อเล่นเป็นแล้วหรือ” ปั้นฉินหัวเราะขึ้นจาก
ด้านหลัง
บรรยากาศด้านหน้าโรงศพครื้นเครงขึ้นมา กระทั่งความ
เย็นชาของป้ายโรงศพก็ดูจะอ่อนโยนลง
“แล้วเจ้าคิดอย่างไร” ฟ่านเจียงหลินเอ่ยถาม
“ข้าไม่ได้คิดอะไร” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยตอบ
ว่าแล้วเชียว…
ปั้น
ฉินก้มหน้าหัวเราะ พลันโยนกระดาษเซ่นไหว้ลงในกองไฟ
“แล้ว…จะแต่งกับใคร” ฟ่านเจียงหลินถามต่อ
“ใครก็ได้” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยตอบ “ข้ายังไม่เคยคิดเลย”ใครก็ได้อย่างนั้นหรือ!
ฟ่านเจียงหลินแทบจะเป็นบ้า พูดแบบนี้ได้อย่างไรกัน รู้แบบนี้
ให้แม่นางหวงมาถามเสียแต่แรกดีกว่า แต่ช่วยไม่ได้ที่แม่นางหวง
ไม่กล้าพอที่จะถาม
“แล้วเจ้าไม่เคยคิดหรือว่าจะแต่งงานกับใคร” เขาเอ่ยถาม
เฉิงเจียวเหนียงส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรต้องคิดหรอก” นางเอ่ย
“ไม่มีอะไรต้องคิดหรือ” ฟ่านเจียงหลินส่งเสียงกระแอม
“ผู้หญิงคนไหนไม่อยากแต่งงาน นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเลยนะ
เจ้าจะไม่คิดสักนิดได้อย่างไร”
เฉิงเจียงเหนียงหัวเราะร่า
“ท่านพี่ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่อย่างไร” นางเอ่ยพลางหัวเราะ
“เจียวเหนียง” แม่นางหวงเองก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว
น้องสาวคนนี้ตอนเด็กเคยเป็นคนบ้าจึงใช้ชีวิตตามลัทธิเต๋า
และไม่มีคนสั่งสอนและพูดคุยเรื่องของหญิงสาวกับเธอ จึงมีความคิดประหลาดเรื่องความรักมาโดยตลอด และคงไม่เข้าใจ
เรื่องพวกนี้กระมัง
“การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตและเกี่ยวโยงกับความสุข
ทั้ง
ชีวิตของผู้หญิงนะ” นางเอ่ย “จะตัดสินใจแต่งงานสุ่มสี่สุ่มห้า
ไม่ได้ แล้วก็จะแต่งงานกับใครก็ได้ไม่ได้ จะต้องตั้งใจเลือกให้ดี”
“เหมือนที่พี่สะใภ้เลือกท่านพี่ใช่ไหม” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยพลาง
หัวเราะ
แม่นางหวงใบหน้าแดงก่ำ พลันหันไปมองฟ่านเจียงหลิน
“ใช่” นางพยักหน้า “เลือกพี่ชายเจ้า ชีวิตนี้ข้าก็จะมีความสุขไป
ตลอด”
ฟ่านเจียงหลินหน้าแดงและรู้สึกเขินอาย
“เจียวเหนียง เจ้าจะพูดเรื่องนี้ทำไม” เขาทำเป็นไม่พอใจ
เฉิงเจียวเหนียงหัวเราะขึ้นเบาๆ
“เป็นเพราะพี่สะใภ้โชคดี” นางเอ่ย
“ไม่ใช่โชคดีหรอก ข้าเลือกได้ดีต่างหาก ดังนั้นเจ้าก็ต้องเลือกดี
ๆ ด้วยเช่นกัน จะบอกว่าแต่งกับใครก็ได้ไม่ได้” แม่นางหวงเอ่ยขึ้นไม่ใช่ว่าแต่งกับใครก็ได้ แต่ไม่ว่าใครก็เหมือนกันหมด
เฉิงเจียวเหนียงส่ายหน้า
กระทั่งคู่อริที่ทำลายครอบครัว ท่านพ่อยังเคยอยากให้นาง
แต่งงานด้วยได้เลย จะมีใครที่แต่งด้วยไม่ได้อีก! การแต่งงานมิใช่
เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย
“ท่านพี่อยากให้ข้าแต่งงานกับใคร” นางเอ่ยถาม
ฟ่านเจียงหลินกับแม่นางหวงหันหน้ามองกัน ถามพวกเขาหรือ
“พวกข้าคิดอย่างไรไม่สำ คัญ ที่สำ คัญคือเจ้าคิดอย่างไร”
แม่นางหวงเอ่ย
“ข้าหรือ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย “ข้าไม่เคยคิดจริงๆ สำ หรับข้า
แล้ว มีเรื่องสำ คัญเรื่องเดียว เรื่องอื่นเป็นเรื่องเล็กจนไม่ต้องคิดถึง”
แสดงว่านายหญิงเฉิงก็มีสิ่งที่ต้องการอยู่เหมือนกัน
ปั้น
ฉินทั้งตื่นเต้นและสงสัย
“เรื่องอะไรหรือ” นางเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“การมีชีวิตอยู่” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
“การมีชีวิตอยู่หรือ”ทั้ง
ฟ่านเจียงหลินและแม่นางหวงต่างพากันตกตะลึง
“นายหญิง การมีชีวิตอยู่มันยากมากหรือเจ้าค่ะ” ปั้นฉินเอ่ย
ถาม
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า
“ยากมาก” นางเอ่ย
การจะทำให้เลือดเนื้อของตระกูลเฉิงคงอยู่ต่อไป มีชีวิตต่อไป
อีกสามร้อยปี เป็นเรื่องยากมาก
นางหันไปทางป้ายหลุมศพ พลันโยนกระดาษเซ่นไหว้ลงใน
กองไฟ มองดูควันลอยโขมงขึ้นมา
ฟ่านเจียงหลินเองก็หันมองป้ายหลุมศพ ไม่เอ่ยอะไรต่อ
ใช่แล้ว การมีชีวิตอยู่นั้นไม่ง่าย วินาทีนี้มีชีวิตอยู่ดีๆ วินาที
ถัดไปอาจต้องอยู่ภายใต้ป้ายหลุ่มศพอันหนาวเย็น ไม่มีคนคนนี้อยู่
บนโลกอีก
ตายแล้วก็ตายไป ไม่มีแล้วก็ไม่มีอีกต่อไป
เขาก้มหน้าลงไม่เอ่ยอะไรอีก พลันโยนกระดาษเข้าไปเพิ่ม
…