พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 543 เล็กน้อย (2)
ภูเขาลูกใหญ่เสียจริง
จิ้นอันจวิ้นอ๋องมองดูภูเขาตรงหน้า
“ป้องกันง่าย โจมตียากจริงด้วย” เขาเอ่ยขึ้น ลมภูเขากรรโชก
แรงจนเสื้อคลุมปลิวไหวขึ้นพันตัวเขา
“ฝ่าบาท” ขุนนางด้านหลังตามเข้ามา สีหน้าเต็มไปด้วย
ความกังวล พลางเอ่ยขึ้นว่า “อย่าไปเลยดีกว่า มันอันตรายเกินไป”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องเผยยิ้มขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกพวกสือถังกล้าขอ ก็แสดงว่าพวกเขาจริงใจพอ
ข้าเชื่อในความจริงใจของพวกเขา” เขาเอ่ยขึ้น พลางยื่นมือไปลูบ
ถุงหอมที่ผูกอยู่ตรงเอว แล้วเฆี่ยนม้าให้วิ่งไปด้านหน้า
“รีบตามไป!”
เหล่าขุนนางเอ่ยเร่งรัด เหล่าทหารอารักษ์ขาสิบกว่านายจึงรีบ
ขี่ม้าตามเขาไป จนฝุ่นตลบขึ้นกลางภูเขาผู้คนรอคอยอย่างเป็นกังวล ผ่านไปไม่นาน พลันเห็นคนและ
ม้าย้อนกลับมา
“ใต้เท้า ท่านอ๋องพาคนเข้าไปในหมู่บ้านเพียงสี่คนเท่านั้น
รับสั่งให้พวกเรากลับมา” คนที่เป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้าทุกคนพลันเปลี่ยนไปในทันใด
“ก่อเรื่องเกินไปแล้ว!”
“ทำแบบนี้ได้อย่างไร!”
“หากเกิดเรื่องขึ้น จะทำอย่างไร!”
ขณะที่ผู้คนพากันถกเถียง ขุนนางคนหนึ่งพลันส่งเสียงหึขึ้น
อย่างเย็นชา
“จะทำอย่างไรหรือ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาน้ำเสียงเรียบ
เฉย “จิ้นอ๋องไม่ฟังคำห้ามปรามของพวกเรา ออกเดินทางลำพังเพื่อ
สร้างผลงาน หากเกิดอะไรขึ้นจริง ทั้งเจ้าและข้าจะทำอะไรได้!”
ก็จริง…
เหล่าขุนนางหันมองหน้ากันพวกเขาไม่ได้บังคับให้เขาไปเสียหน่อย หากเกิดอะไรขึ้น เขาก็
เป็นคนก่อเรื่องเอง คิดจะลากพวกเขาไปลงหลุมศพด้วย ไม่ง่าย
อย่างนั้นหรอก
“พาทหารอารักขาไปล้อมรอบหมู่บ้านสือถัง และรอคำสั่ง”
ราตรีมืดครึ้ม คบไฟสว่างไสว กระโจมที่กางอยู่ที่ตีนเขาไม่
มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว จิ้นอันจวิ้นอ๋องยังคงไม่กลับมา แถมยังได้
ส่งข่าวว่าเขาจะอยู่พักที่หมู่บ้านคืนหนึ่งด้วย
“เขาถูกบังคับให้อยู่ หรือเป็นเหมือนที่ส่งข่าวมาว่าคุยกับพวก
สือถังถูกคอจึงอยากอยู่พักคืนหนึ่ง”
“เขาคิดว่าตัวเองเป็นจูกัดเหลียงและอีกฝ่ายเป็นสุมาอี้หรือไง
จงใจทำให้สับสน นี่เราไม่ได้แสดงละครอยู่นะ!”
“ก่อเรื่องวุ่นวายเสียจริง!”
มืดค่ำขนาดนี้แล้ว ต่อให้อยากบุกเข้าหมู่บ้านไปก็โจมตีไม่ได้
อยู่ดี
“จวิ้นอ๋องนี่ไม่รู้จักแยกแยะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่เสียจริง…”
ทุกคนพากันขมวดคิ้วถกเถียงกันแต่ก็ไม่มีทางออกใดๆ“รอฟ้าสางก่อนแล้วกัน เมื่อฟ้าสางแล้ว ไม่ว่าอย่างไร…”
ขุนนางสีหน้าเคร่งครึมคนหนึ่งพูดขัดทุกคนขึ้นมา “ก็ต้องโจมตีหมู่
บ้าน…”
ทุกคนพากันพยักหน้า
หากจวิ้นอ๋องเจอกับเรื่องที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ ก็ต้องบุกโจมตี
หากไม่มีเรื่องผิดคาด พวกเขาก็ต้องบุกโจมตีอยู่ดี ไม่ว่าสุดท้าย
จะเป็นอย่างไร พวกเขาก็จะแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ของตน
ขุนนางยืนลูบเคราอยู่ด้านนอกกระโจม พลางจ้องมองภูเขา
ภายใต้ความมืดของค่ำคืน มุมปากเผยรอยยิ้มเย็นชาขึ้น
เรื่องที่พวกเขาควรทำตอนนั้นก็ทำเสร็จหมดแล้ว
เสียง ‘ตุ้บ’ ดังก้องขึ้น คนตรงหน้าล้มลงไปอีกหนึ่งคน
ถึงแม้บัดนี้ท้องฟ้าจะมืดครึ้มแล้ว แต่จิ้นอันจวิ้นอ๋องก็รู้ว่า
ทหารอารักขาที่เขาพามาได้ล้มลงไปแล้ว
เสียงฝีเท้าช้าๆ ดังใกล้เข้ามา
“ท่านอ๋อง มีอะไรจะพูดอีกหรือไม่” เสียงขรึมของชายคนหนึ่ง
ดังขึ้น“ที่แท้พวกสือถังก็ขี้ขลาดเพียงนี้” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยขึ้นด้วย
น้ำเสียงสงบนิ่ง ใบหน้าเผยรอยยิ้มจาง ราวกับยังนั่งอยู่ในงานเลี้ยง
เมื่อครู่ไม่ได้ถูกล้อมอยู่ภายในห้อง ทหารอารักขาเสียชีวิตหมดแล้ว
ด้านนอกประตูและหน้าต่างมีธนูเล็งมาที่ตัวเขา วินาทีถัดไปก็อาจ
ตายได้
“ท่านอ๋องคิดผิดแล้ว” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเนิบเฉย “หาก
ขี้ขลาดจริง ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นตอนนี้ ครั้งนี้ถือเป็นการสั่งสอน
ท่านอ๋อง ว่าคราวหน้าควรจะขี้ขลาดกว่านี้”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องหัวเราะขึ้น
“ขอบคุณที่ตักเตือน” เขาเอ่ย “แต่ว่า ในเมื่อเจ้าไม่ขี้ขลาด ก็
ช่วยจุดไฟให้สว่างกว่านี้มิได้หรือ ก่อนข้าตายอย่างน้อยก็ควรให้ข้า
ได้เห็นหน้าผู้ร้าย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นถึงจวิ้นอ๋อง มิเช่นนั้นคงตาย
ด้วยความคับอกคับใจ”
ชายคนนั้นหัวเราะร่าขึ้น
“ท่านอ๋อง หากได้เห็นว่าข้าเป็นใคร ก็จะตายอย่าง
ไม่คับอกคับใจหรือ” เขาเอ่ยพลางหัวเราะเยาะเสียงกระซิบดังขึ้นที่หู
“…ก่อนเข้ามาในหมู่บ้านค้นตัวหมดแล้ว เหล่าทหารอารักขา
มีอาวุธซ่อนอยู่ แต่ตอนนี้ก็ตายไปหมดแล้ว บัดนี้จวิ้นอ๋องไม่มีอาวุธ
อะไรติดตัว”
เมื่อได้ยินดังนี้ ชายคนนั้นจึงหัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม
“ดี ข้าจะให้เจ้าได้เห็นหน้า และให้เจ้าได้พูดอะไรก่อนตายด้วย
…” เขาเอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณมาก” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยขึ้น พลางใช้มือ
ลูบชายเสื้อ และลุกขึ้นยืน อีกฝ่ายสายตาคุ้นชินกับความมืดแล้ว เมื่อ
เขายืนขึ้นจึงสามารถเห็นเค้าโครงร่างกายเขาได้อย่างชัดเจน
“จวิ้นอ๋องอย่างเจ้านี่ก็น่าสงสารเหมือนกันนะ…” ชายคนนั้น
เอ่ยพลางหัวเราะ
ยังไม่ทันพูดจบ แสงไฟก็สว่างวาบขึ้น คบไฟแท่งหนึ่งเขย่า
ไปมา
แสงสว่างในชั่วพริบตาทำให้ชายผู้นั้นต้องหยีตา แต่ในพริบตา
ถัดมาดวงไฟนั้นกลับดับลงแล้ว เหลือเพียงประกายไฟระยิบระยับในขณะที่ประกายไฟส่องระยิบระยับ ก็มีเสียงซ่าดังขึ้น ราวกับ
อะไรบางอย่างกำลังถูกเผา
“นี่ จวิ้นอ๋อง คบไฟท่านนี่มันอะไรกัน ยังมิทันจุดติดก็ดับ
เสียแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ เจ้าก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นแล้วล่ะ จากไป
แบบนี้เลยแล้วกัน…” ชายคนนั้นแค่นหัวเราะ พลันหยิบคันธนูขึ้นเล็ง
ไปที่เงาในความมืด
ในขณะที่เขากำลังพูดคำว่า ‘จากไป’ ก็มีเสียง ‘ตูม’ ดังก้องขึ้น
พร้อมแสงไฟก้อนหนึ่ง
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นเช่นกัน
แรงสะเทือนทำให้ทั้งห้องสั่นไหว และทำให้คนรอบด้านพากัน
ตกใจ
เกิดเรื่องอะไรขึ้น
คนอื่นๆ ที่ยืนถือคันธนูอยู่หน้าประตูหันมองชายที่ล้มลงบนพื้น
กลิ่นเลือดและกลิ่นควันอบอวลไปทั่วบริเวณ
ประกายไฟตรงหน้าสว่างขึ้นอีกครั้ง ส่งเสียงซ่าๆ ออกมา
ดังสนั่นนั่นมันอะไรกัน
“…มันคือรัง ด้านในมีดินปืน… ใส่มันไว้ตรงกลางก้าน… ใช้มือ
ขยี้แบบนี้…ก็จะจุดติด…”
“แบบนี้เวลาอยู่ต่อหน้าคนร้าย ก็ยังมีโอกาสชนะบ้าง”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องหันก้านคบไฟไปทางคนตรงหน้าประตูที่ยื่น
ตกใจไม่รู้เกิดอะไรขึ้นอยู่
“จากไปเสียเถิด” เขาเอ่ย
เสียง ‘ตูม’ ดังก้องขึ้นอีกครั้ง
ทั้ง
หมู่บ้านสั่นสะเทือน ทุกคนพากันวิ่งเข้ามาด้วย
ความหวาดกลัว
“ท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้า”
ชายสองคนที่วิ่งเข้ามาท่ามกลางความโกลาหลหยุดฝีเท้าลง
พลันจ้องมองลูกไฟที่ลุกโชนอยู่ตรงหน้า ภายใต้ลูกไฟมีคนร้อง
โหยหวนล้มลงบนพื้น ด้านนอกชายหนุ่มคนหนึ่งยืนสง่าพร้อมสอง
แขนนาบลงข้างลำตัว เงาแกว่งไหวไปมาภายใต้แสงไฟราวกับเป็น
เทวดา“นั่นมันอะไร”
“ทำไมมีลูกไฟพ่นออกมาพร้อมเสียงระเบิดตูม”
“เขามามือเปล่าแท้ๆ ”
“นั่นมันอะไร”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่ขาดสาย เสียงระเบิดที่ดังกังวาลขึ้น
พร้อมลูกไฟที่ลอยมาจากไหนไม่รู้ และคนตรงหน้าที่ล้มลง กับร่าง
ของชายหนุ่มที่ค่อยๆ เดินจากไปช้าๆ ทำให้ผู้คนที่อยู่ในความมืด
รู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย
“นั่นมัน… ลำแสงคุ้มครองเทพเซียนไม่ใช่หรือ!”
หัวหน้าหมู่บ้านสองคนเอ่ยพึมพำขึ้น พลันคุกเข่าลงบนพื้น
คำนับไม่หยุด
“นั่นมันลำแสงคุ้มครองเทพเซียนไม่ใช่หรือ! ลำแสงคุ้มครอง
เทพเซียน!”
เสียงระเบิดด้านบนภูเขาสั่นสะเทือนถึงด้านล่าง ผู้คนตื่นตกใจ
พากันวิ่งออกมามองไปด้านบนภูเขา เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นกลาง
ค่ำคืน“เกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนตกใจจนไม่กล้าลังเลอีกต่อไป
“ขึ้นเขาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อคำสั่งนี้ดังขึ้น คบไฟมากมายสว่างคดเคี้ยวต่อกันเป็นทาง
ขึ้นไปบนภูเขา
ขุนนางคนนั้นยืนอยู่หน้ากระโจม แสงไฟจากคบเพลิงส่องให้
เห็นแววตาตกตะลึงบนใบหน้าของเขา
ให้ตายเถอะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น