พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 546 ถามนาง (1)
ต้นเดือนห้า อากาศในเมืองหลวงเริ่มร้อนอบอ้าวขึ้น
ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลาที่ร้อนสุดของฤดูกาลก็ตาม แต่
ภายในห้องหนังสือของเรือนตระกูลเกาก็มีอ่างน้ำแข็งวางไว้รอบๆ
เพื่อเพิ่มความเย็นให้กับห้อง เกาหลิงปอที่เพิ่งจะล้างตัวมาหมาดๆ
นั้น
รู้สึกสบายตัวมากขึ้น
เย็นกายก็จริง แต่ใจกลับร้อนรุ่มยิ่งนัก
“เหลวไหล! ปล่อยนายรองเฉิงไปได้อย่างไร!” เขาเลิกคิ้วตะโกน
ถาม
“นายท่าน จะไม่ปล่อยก็ไม่ได้นะขอรับ” ลูกน้องเอ่ยด้วย
ความหวาดกลัว
“เป็นฝีมือของเฉินเซ่าแน่เลย เขาเป็นคู่อริของท่านพ่อ
มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เดิมทีเขามิได้ยินยอมให้เจ้าเฉิงต้งนั่นเข้า
มายังเมืองหลวงหรอก เขาอยากจะไล่เฉิงต้งออกไปอยู่แล้ว”
ท่านชายเกายืนบ่นอยู่ด้านข้าง“เฉินเซ่าอยากไล่คนออกตั้งหลายคน แล้วอย่างไร เขาจะไล่
ใครตามอำเภอใจก็ได้อย่างนั้นรึ แล้วข้าจะมีพวกเจ้าไว้เพื่อ!” เกาห
ลิงปอย่นคิ้ว
“ตอนนั้นพวกเรารั้งไว้ไม่อยู่จริงๆ ขอรับ ประจวบเหมาะว่าเขา
รายงานเรื่องอาการป่วยของมารดา…” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“หากคิดหาวิธีห้ามเขาไว้ได้ ก็เกรงว่าเฉินเซ่าจะรู้จุดอ่อนนายท่าน
จะเป็นการสร้างความลำบากให้นายท่านเอาน่ะขอรับ”
“สร้างความลำบากให้ข้างั้นรึ ถ้าข้าลำบากเดี๋ยวข้าจัดการเอง
ได้ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางไงล่ะ” เกาหลิงปอหัวเราะอย่าง
เยือกเย็น “ก็มัวแต่พะวงหน้าพะวงหลังเช่นนี้ ข้าไม่เห็นว่าพวกเจ้า
จะรับผิดชอบเรื่องเจ้าเฉิงต้งนี่ได้เลย”
“ท่านพ่อ ในเมื่อเขาออกไปแล้ว พวกเราเดินทางไปยังเจียงโจว
เสียก็หมดเรื่อง เผลอๆ เจ้านั่นอาจจะหนีออกไปไม่สำ เร็จก็เป็นได้”
ท่านชายเกาเอ่ย
นายรองเฉิงคงไม่ได้มีจุดประสงค์จะทำตัวเป็นลูกกตัญญูอย่าง
เดียวหรอก“พวกเจ้ามองว่าเรื่องครอบครัวสำ คัญที่สุดอย่างเดียวรึ ใช่
เรื่องครอบครัวสำ คัญก็จริง แต่รู้หรือไม่ ว่ามีเรื่องอื่นสำ คัญกว่าอีก
น่ะ!” เกาหลิงปอส่ายหัว เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
หญิงผู้นั้นมิได้เหมือนกับหญิงทั่วไปที่มักจะให้ความสำ คัญ
เรื่องแต่งงาน มิเช่นนั้นนางคงไม่ตั้งกฎอะไรแบบนั้นออกมาหรอก
เอาเถอะ ยังไงเสียเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้ามิได้ออกโรงเอง คงต้อง
เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอยู่แล้ว มาถึงตอนนี้ ในเมื่อทุกอย่างมันไม่ได้
เป็นไปตามคาด คงต้องรับมือเฉพาะหน้าไปก่อน
“ตามคนมา เอาจดหมายนี้ไปมอบให้แม่นางเฉิง ข้าจะเข้าไป
เยี่ยมนาง” เกาหลิงปอมีคำสั่ง
“ท่านพ่อ ท่านจะไปหานางอย่างนั้นรึ” ท่านชายเกาเอ่ย
ถามด้วยความไม่พอใจ “อย่างนางไม่เหมาะที่จะ…”
“อย่างน้อยไปหานาง ข้ายังได้เรื่องอะไรมากกว่าไปหา
เจ้าก็แล้วกัน” เกาหลิงปอเอ่ยด้วยความหงุดหงิด แล้วรีบสะบัดมือ
ยื่นจดหมายท่านชายเกาทำตัวงอ ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เขามองดูบ่าวที่รับ
จดหมายมาแล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอก
คนวงในบางส่วนได้ทราบข่าวแล้วว่าเกาหลิงปอเดินทางมายัง
เมืองหลวง ส่วนผู้คนบางส่วนก็ทราบข่าวจากการที่เห็นบ่าวรับใช้
ของเกาหลิงปอนั้นกำลังวิ่งมุ่งหน้าไปยังเรือนของเฉิงเจียวเหนียง
“ดูเหมือนว่านายใหญ่เกาจะพูดจาพาทีรู้เรื่องกว่าท่านชายเกา
เสียอีก” นายใหญ่เฉินเอ่ยพลางหัวเราะ
“แล้วยังไงเล่า นางก็มิได้จะแต่งกับเขาเสียหน่อย!” เฉินเซ่าเอ่ย
นายใหญ่เฉินเมื่อได้เห็นท่าทีเมื่อครู่ของลูกชายก็อดหัวเราะ
มิได้
“เลิกพูดจาเหลวไหล” นายใหญ่เฉินรีบเก็บอาการพลางต่อว่า
เขา
เฉินเซ่ารีบโน้มตัวขออภัยจากผู้เป็นบิดา จากนั้นก็เอ่ยพลางลูบ
หนวดของตนไปมา
“ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าท่านชายเกาอะไร
นั่นจงใจจะล้างแค้นชัดๆ เล่นขอแต่งงานกันอุกอาจเช่นนี้ ต่อให้เรื่องนี้มีเกาหลิงปอคอยดูอยู่ก็จริง แต่เขาจะทนได้อีกสักกี่น้ำกัน แต่งไป
แล้วยังไง วันข้างหน้าจะยังไงต่อ แม่นางเฉิงเองก็มิใช่คนเขลา คงจะ
ไม่ถูกชักนำด้วยคำพูดของเกาหลิงปอไม่กี่คำแล้วตกลงปลงใจ
แต่งงานเลยหรอก” เขาเอ่ย
นายใหญ่เฉินโบกพัดไม้ไผ่ในมือพลางหัวเราะ
“หากเป็นหญิงอื่นคงไม่เป็นเช่นนั้น” เขาเอ่ย “แต่นี่เป็นแม่นาง
เฉิง คนอย่างนางนะหรือจะเป็นกังวลกับอนาคตของตนเอง…”
ก็เพราะนางเป็นคนที่คาดเดาได้ยากอย่างไรเล่า
“ข้าละคิดไม่ออกจริงๆ” นายใหญ่เฉินโบกพัดแล้วเอ่ย
ขณะเดียวกัน ณ เรือนตระกูลฉิน ท่านชายฉินหูกำลังวางถ้วย
น้ำชาที่อยู่ในมือลง พลางเอ่ยขึ้น
“ถูกแล้ว หญิงผู้นี้ไม่เคยมีใครคาดเดาการกระทำของนางได้”
เขาพึมพำกับตนเอง “ดังนั้นการที่เกาหลิงปอจะพูดกล่อมนางได้ก็คง
มิใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด”
ก็ในเมื่อเขาพูดกล่อมสำ เร็จ ก็แปลว่าจะมีการแต่งงานเกิดขึ้น
จริงเกิดขึ้นจริงอย่างนั้นหรือ…
ฉินหูกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน คว้าเสื้อคลุม แล้วรีบวิ่งออกไปนอก
ประตู
“สิบสาม”
ฮูหยินฉินตะโกนเรียกเขา
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนตามหลังของท่านแม่ เขาจึงรีบตะโกน
ตอบกลับ
“ข้ามีเรื่องด่วนต้องออกไปข้างนอก” เขาเอ่ย
“เดี๋ยวก่อนสิ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า” ฮูหยินฉินกวักมือเรียกเขา
พลางทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม
เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากหันกลับมา
“ท่านแม่มีคำถามอันใดรึ”
“ข้าจะถามว่า เจ้าจะไปที่ใด” ฮูหยินหรี่ตามองเขาพลางหัวเราะ
ฉินหูรีบตอบกลับพลางทำหน้าเหนื่อยหน่าย
“ข้าก็ไปที่ที่ข้าอยากไป” จากนั้นเขาหันหลังให้แล้วรีบเดินออก
ไป“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากไปเจอคนที่เจ้าอยากเจองั้นรึ” ฮูหยินฉิน
หัวเราะคิกคัก พลางเดินตามเขา “สิบสาม แค่คิดในใจอย่างเดียวมัน
ไม่พอหรอกนะ เจ้าต้องเอ่ยออกไปด้วย นี่เป็นโอกาสอันดีของเจ้านะ”
ฉินหูรีบขึ้นม้าแล้วออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเขาจะได้ที่
นางพูดไหม
“เจ้าพูดอะไรเรื่อยเปื่อยออกมาอีกแล้วเนี่ย” อาลักษณ์หลวง
ฉินเดินออกมาจากข้างในเรือน “สิบสามของพวกเราโตเป็นหนุ่มแล้ว
นะ จะเป็นข้าราชสำ นักแล้วนะนั่น เจ้าอย่าได้พูดจาหยอกล้อเขาให้
มาก”
ฮูหยินฉินโบกพัดในมือพลางหัวเราะ
“โตแต่ตัวนะสิ แค่คนที่ตัวเองชอบยังคว้ามาไม่ได้เลย” ฮูหยิน
หัวเราะ เอาพัดมาปิดหน้าแล้วปรายตามองอาลักษณ์หลวงฉิน “ดู
พ่อเจ้าเป็นตัวอย่างนี่สิ”
อาลักษณ์หลวงฉินที่กำลังถูกภรรยาแซวอยู่นั้นแทบจะ
เก็บอาการไว้ไม่อยู่แต่ก็พยายามตีหน้าเคร่งขรึมแล้วขานตอบแกมดุบ่าวที่ยืนอยู่รอบกายเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็รีบก้มหน้าแอบ
หัวเราะ
คู่สามีภรรยาที่กำลังพูดจาหยอกล้อกันก็กำลังย่างเท้าออกไป
ข้างนอก ประจวบเหมาะกับที่มีคนเดินเข้ามาแจ้งให้พวกเขาทราบว่า
ท่านชายโจวฝูนั้นได้มาเยือนที่เรือน
“ท่านชายหก เจ้าสิบสามเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง” ฮูหยิน
หัวเราะ พลางเอ่ยกับชายหนุ่มที่กำลังคำนับให้นางอยู่ตรงหน้า “ไม่รู้
เหมือนกันว่ารีบออกไปไหน ตั้งแต่ได้ยศได้ตำแหน่งมา ก็ออกไป
ข้างนอกประจำ เลย”
โจวฝูขานรับ
“จะให้เหมือนแต่ก่อนก็คงมิได้แล้วนะขอรับ ข้าเองตอนประจำ
อยู่ที่กองทัพก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน” เขาเอ่ย พลางทำท่าจะขอลา
อาลักษณ์หลวงฉินมองดูท่านชายโจวหกที่กำลังควบม้าออกไป
จากนั้นก็หันมาขมวดคิ้วใส่ฮูหยิน
“เจ้าจะหลอกเขาไปเพื่ออะไร”“ท่านจะไปรู้อะไร” ฮูหยินตอบ “ลูกชายของตระกูลโจวเองก็
ชอบพอแม่นางเฉิงอยู่เหมือนกัน แล้วสิบสามของพวกเราจะเป็น
อย่างไรล่ะ”
อาลักษณ์หลวงฉินส่ายหน้าแสดงความไม่เห็นด้วย
“มัวแต่คิดเล็กคิดน้อย” เขาเอ่ย
“ก็ถ้าต้องแต่งแบบนั้น สิบสามก็เป็นสามีไม่ได้นะสิ ไม่ยุติธรรม
เอาเสียเลย” ฮูหยินฉินเอ่ยพลางหัวเราะ “ให้ชะตาฟ้าลิขิตเอา
ก็แล้วกัน”
อาลักษณ์หลวงฉินหัวเราะอย่างอดไม่ได้
“นี่นะหรือชะตาฟ้าลิขิตของเจ้า” เขาเอ่ยถาม
ฟ้าลิขิตที่ไหนกัน นี่มันคนลิขิตชัดๆ
ฮูหยินฉินหันมาทำหน้าทะเล้นแล้วหัวเราะ
“ก็ในเมื่อเขามาแล้วเจอข้าเอง นั่นก็เท่ากับว่าชะตาฟ้าลิขิต
แล้วล่ะ” นางเอ่ย
…โจวฝูกลับเรือนด้วยความขุ่นเคืองใจ คราวนี้ที่นายใหญ่
เฉิงและนายรองเฉิงจู่ๆ ก็รีบหนีออกจากเมืองหลวงไปทันควัน
ไม่เพียงแต่คนที่หนี แต่ดูเหมือนยังพาความบันเทิงหนีออกตามไป
ด้วย เดี๋ยวนี้ผู้คนตามถนนใหญ่ก็เอาแต่พูดถึงเจ้าจิ้นอันจวิ้นอ๋องนั่น
กลับไม่มีใครพูดถึงงานแต่งของท่านชายเกากับลูกสาวตระกูลเฉิง
เสียอย่างนั้น
แต่ก็นะ ที่นี่ก็คือเมืองหลวง มีเรื่องแปลกใหม่เกิดขึ้นอยู่
ตลอดเวลา หากมีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น อีกเรื่องหนึ่งต้องดับลง
เป็นธรรมดาของเมืองหลวงแห่งนี้
“ท่านพ่อ” โจวฝูตะโกนเรียกบิดาของตนที่กำลังนั่งกินของว่าง
และฟังสาวใช้บรรเลงเพลงอย่างสบายอกสบายใจ “เรื่องนั้นเราควร
ทำเช่นไรดี”
“เรื่องไหนกัน” นายใหญ่โจวเอ่ยถามอย่างขี้เกียจ
“ก็เรื่องการแต่งงานของเจียวเหนียงไงขอรับ” โจวฝูตอบด้วย
น้ำเสียงขุ่นเคือง“อ๋อ มิต้องร้อนรนไป เจียวเจียวมีแผนเตรียมไว้อยู่แล้ว
พวกเราก็แค่ตามน้ำไปตามที่นางอยากให้เป็นก็เท่านั้น” นายใหญ่
โจวหัวเราะ จากนั้นจึงหันไปสนใจเพลงบรรเลงต่อพลางตบมือตาม
จังหวะด้วยความครื้นเครง