พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 547 ดีไหม
‘เฉิงฝั่ง เจ้าแต่งงานกับข้าดีไหม’
ทั้ง
ลานพลันตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ จิ้นอันจวิ้นอ๋องที่
สังเกตเห็นสีหน้าตกใจของเหล่าสาวใช้ ก็รีบก้าวเท้าเข้ามาใกล้นาง
อีกหนึ่งก้าว
“เฉิงฝั่ง เจ้าแต่งงานกับข้าดีไหม” เขาเอ่ยอย่างความ
มั่นอกมั่นใจ
เขาแค่อยากจะย้ำประโยคนั้นอีกสักครั้งจริงๆ
จิ้นอันจวิ้นอ๋องรู้ดีว่าทางฝั่งตระกูลเกาใช้อุบายเรื่องไทเฮา
มากดดันให้นางรับปากแต่งงาน
ปั้น
ฉินรีบเบนสายตาจากพวกเขาด้วยความสับสน
ปั้น
ฉินไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของจวิ้นอ๋องแต่อย่างใด
เพราะวันนี้มีชายหนุ่มถึงสามคนเข้ามาถามนางด้วยคำถามเดียวกัน
แน่นอนว่า ไม่ว่าจะเป็นท่านชายฉินสิบสามก็ตาม หรือจะเป็น
ท่านชายโจวก็ตาม พวกเขาเอ่ยออกมาอย่างอ้อมๆว่าไปแล้ว นี่ก็ถือเป็นเรื่องน่าดีใจไม่น้อย เพราะไม่ว่าใครต่างก็
เป็นห่วงนายหญิง อยากจะช่วยนางแก้ปัญหา
เฉิงเจียวเหนียงยิ้มอ่อนให้เขา จากนั้นจึงคำนับขอบคุณ
“เปลืองแรงเปล่าๆ ฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กนิดเดียว
…”แม่นางเฉิงเอ่ยตอบ
“เจ้าคิดอันใดอยู่รึ” จิ้นอันจวิ้นอ๋องรีบตัดบท พลางหัวเราะ “นี่
มันเรื่องเล็กเสียที่ไหนกัน”
นี่มันเรื่องเล็กที่ไหนกัน
ปั้น
ฉินบ่นในใจ
“เจ้าลืมที่ข้าเคยบอกไปแล้วรึ ว่าถ้าเจ้าจะแต่งงาน ข้าจะช่วย
เจ้าเลือกคู่ครองให้”
ณ ห้องโถง จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยขึ้น ขณะที่ปั้นฉินกำลังยกถ้วย
น้ำชาให้
ประโยคที่เขาเคยเอ่ยกับนางนั้น ก็ผ่านมาเป็นเวลาสามปีแล้ว
นะปั้น
ฉินเมื่อได้ฟังเข้าก็เกิดอาการมึนงง ตอนนั้นนางเพิ่งกลับมา
อยู่กับนายหญิงได้ไม่นาน ตอนที่ตระกูลเฉิงกับตระกูลโจว
จะวางแผนเรื่องงานแต่งให้นายหญิง ตอนนั้นเองนายหญิงก็ได้ให้
คำตอบออกมาอย่างชัดเจนแล้ว แต่กระนั้น ก็มีชายหนุ่มรูปงามผู้
หนึ่งโผล่มาปีนกำแพงแล้วลั่นวาจาออกมาว่า
‘ถ้าเจ้ายังตัดสินใจไม่ได้ หรือยังไม่เข้าใจตรงไหน ก็มาถามข้า
ได้เสมอนะ ข้าจะคอยกรองข่าวให้เอง รับรองว่าเจ้าจะไม่ถูกพวกแม่
สื่อหลอกอย่างแน่นอน’
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้าพลางหัวเราะ
“ข้าจำ ได้สิ”นางตอบ
“ข้าลองคิดทบทวนดูแล้ว นั่งคิดนอนคิด เลือกแล้วเลือกอีก
เลยได้คำตอบมาว่า…” จิ้นอันจวิ้นออกหัวเราะ “ข้าแหละเป็น
ตัวเลือกที่เหมาะที่สุดแล้ว”
เฉิงเจียวเหนียงพ่นหัวเราะ
“ไม่ว่าใครก็เหมาะสมหมดแหละ” นางเอ่ย “เรื่องเล็กนิดเดียว
ขอท่านอย่าได้คิดเยอะนักเลย”“เฉิงฝั่ง ข้าไม่ได้จะมาช่วยเจ้า” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยต่อ
ปั้น
ฉินเงยหน้ามองเขา
แล้วกัน เขาไม่ได้มาช่วยนายหญิงงั้นหรือ
“เรื่องที่เจ้าเจรจางานแต่งนั้น ข้ารู้มาอยู่ก่อนแล้ว” เขาอธิบาย
ต่อ “ทั้งยังรู้อีกว่า มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาหมายปองเจ้า ดังนั้น
ข้าเลยลองกลับไปคิดทบทวนดู จะให้กล่าวว่าใครเหมาะสมคู่ควรกับ
เจ้านั้น ข้าคงตัดสินใจแทนเจ้าไม่ได้ คงมีเพียงแค่ตัวเจ้าเท่านั้นที่รู้ดี
อยู่แก่ใจ เพราะนั่นก็ชีวิตของเจ้า”
เฉิงเจียงเหนียงยิ้มให้เขา ไม่เอ่ยต่อ
“นี่เป็นเรื่องของเจ้าเพียงผู้เดียว เป็นการตัดสินใจของเจ้า จะให้
ข้าเข้าไปแทรกได้อย่างไร” เขาเอ่ยพลางหัวเราะ
เฉิงเจียวเหนียงคำนับให้เขา
“เพราะฉะนั้น ที่ข้ามาก็เพื่อจะขอแต่งงานกับเจ้า” จิ้นอันจวิ้น
อ๋องเอ่ย
ปั้น
ฉินถึงกับตะลึงจนพูดไม่ออก พลางนึกสงสัยตัวเองว่าหรือ
สมองจะเสื่อมกันหรือนางเองที่ยังคงฟังไม่ได้ศัพท์กันแน่นะ
“หลังจากข้าได้รู้ข่าว ข้าคิดแล้วคิดอีก ก็ได้คำตอบว่าต้องเป็น
ข้าเองนี่แหละ” เขาเอ่ยพลางจ้องตานาง
ยามบ่ายในช่วงหน้าร้อน หญิงสาวที่ยืนอยู่ภายใต้แสงอบอุ่น
ของดวงตะวัน ยิ่งทำให้แสงนั้นแลดูสว่างไสวและนุ่มนวลขึ้นไปอีก
อาภรณ์ของนางยังคงความเรียบง่ายดังเดิม ไม่ว่าจะคืนวันนั้น
ที่เขาได้เจอกับนางครั้งแรก หรือจะเป็นในตอนนี้ นางมักจะแต่งกาย
ด้วยชุดกระโปรงยาวเอวสูงขึ้นมาถึงใต้อก ในช่วงเข้าฤดูหนาวก็
จะแต่งกายเช่นนี้จากนั้นคลุมด้วยเสื้อกันหนาวแขนยาวสีเข้ม พอ
ฤดูร้อนก็คลุมด้วยผ้าคลุมตัวบางแขนสั้น
นางไม่ใส่เครื่องประดับ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ผมสีดำขลับที่
รวบขึ้นแล้วปักด้วยปิ่นปักผมไม้โบราณพร้อมหวีสีเงิน การแต่งกาย
ของนางนั้นเรียบง่ายเสียยิ่งกว่าสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างนางเสียด้วยซ้ำ
ท่วงท่าอันสง่างามของนางช่างดูสมบูรณ์แบบจนถึงขั้นหญิงที่
กิริยางามที่สุดของวังแทบจะหาข้อบกพร่องของนางไม่เจอนางรักษาท่าทีของตนได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้กระทั่ง
ตอนที่นางยืนอยู่ข้างกองไฟขณะที่เหล่าหมาป่ากำลังล้อมตัวนางอยู่
นางก็ยังคงยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านอันใด ไม่ว่าโลกนี้จะเปลี่ยนไปใน
ทางร้ายหรือดีอย่างไร น่ารังเกียจหรือสวยงามเพียงใด ได้มาหรือเสีย
ไปอย่างไร…
ฟางป๋อฉง อย่าเศร้าใจไปเลย
ไม่รู้ว่าเหตุใด พอนึกถึงประโยคนี้ ภายในใจของเขารับรู้ได้
ถึงพื้นที่อันปลอดภัย
ในโลกนี้ มีเพียงแค่คนสองคนที่ไม่อยากให้เขาเศร้า คนแรกได้
จากเขาไปแล้ว จากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียด้วย ส่วนอีกคนก็
กำลังจะไปเป็นภรรยาของชายอื่น และเขาคงไม่มีวันจะได้ยืนเคียงคู่
กับนางอีก…
แค่คิดก็แทบไม่อยากจะนึกถึงเลยสักนิด
คราวนี้จิ้นอันจวิ้นอ๋องก้าวเท้าเข้าใกล้นางมากขึ้น
“ข้าไตร่ตรองถี่ถ้วนดีแล้ว ข้าเองนี่แหละ เป็นผู้ที่จะแต่งงานกับ
แม่นางเฉิงฝั่ง มิใช่ชายอื่น” เขาเอ่ยพลางยื่นมือมากุมที่หน้าอกของตน “ข้า ฟางป๋อฉง ต้องการจะแต่งงานกับเจ้า เฉิงฝั่ง”
ข้า ฟางป๋อฉง ต้องการจะแต่งงานกับเจ้า เฉิงฝั่ง
ปั้น
ฉินที่อยู่ด้านข้างทั้งตกตะลึงจนชะงักงัน
นางจินตนาการไม่ออกเลยว่าเวลายามหญิงถูกขอแต่งงาน
จะออกมาเป็นภาพแบบนี้
ช่วงเวลาทองของหญิงสาว ได้แต่งหน้าสะสวยเข้าพิธีแต่งงาน
คงเป็นหนึ่งในความฝันของหญิงสาวหลายๆ คน ว่าไปแล้ว หาก
พูดถึงการขอแต่งงาน หญิงสาวหลายคนคงจะรู้สึกเขินอายตัวม้วน
ไม่มากก็น้อย ความรู้สึกที่ได้ตั้งหน้าตั้งตารอวันของพวกเขา
ความคาดหวังจากผู้หลักผู้ใหญ่เอย หรือทั้งความรู้สึกเสียดายที่
บุตรสาวจะต้องออกเรือนเอย อีกทั้งยังมีเรื่องการมีทายาทไว้สืบทอด
อีกด้วย
ถึงกระนั้น ภาพฝันที่วาดไว้มาทั้งหมด มิได้เกิดขึ้นกับนายหญิง
เลยแม้แต่ภาพเดียว
ไม่ว่าจะเรื่องแต่งงาน เรื่องค้าขาย ดูแลกิจการ เรื่อง
การตัดสินใจ การถูกบังคับ ถูกกดดันให้อยู่ในสถานการณ์ลำบากหรือแม้กระทั่งเรื่องที่มีคนเข้ามาหมายปองนาง ก็ต้องคอยครุ่นคิดว่า
ควรจะรับมืออย่างไรทั้งในตอนนี้และวันหน้า
ไม่มีความรื่นเริง ไม่มีการชื่นชม ไม่มีการเสียดายอะไรทั้งนั้น
จะมีก็แต่ความวิตก ความกังวล ความพะว้าพะวงในจิตใจ การ
คาดเดา และความไม่แน่นอน
ที่เขาเอ่ยมาว่า ‘ต้องการจะแต่งงานกับเจ้า เฉิงฝั่ง’
ก็มีแค่‘เขา’ที่’ต้องการ’เท่านั้น
ช่างแปลกคนเสียจริง ปั้นฉินคิด ขณะเดียวกันก็รู้สึกแสบๆ ที่
จมูก
“เฉิงฝั่ง เจ้าตัดสินใจอย่างไรเรื่องแต่งงานของเจ้า ”
เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้ง ปั้นฉินเมื่อได้ยินก็ได้สติแล้วรีบ
หันไปทางนายหญิง
เฉิงเจียวเหนียงส่ายหัว
“เรื่องเล็กขนาดนี้ ข้ายังไม่ตัดสินใจหรอก” นางตอบ
“สำ หรับเจ้าแล้ว นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กอย่างนั้นรึ” จิ้นอันจวิ้น
อ๋องดวงตาเปล่งประกายเฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า
“ก็ดีเลยสิ” เขาหัวเราะ
ดีเลยงั้นรึ
เขาช่างตลกเสียจริง ปั้นฉินคิด แล้วมองไปที่เขา
นายหญิงเองก็เคยบอกกับเขาเป็นล้านครั้งแล้วว่าเรื่องนี้นาง
ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก คนที่ได้ฟังคำตอบของนาง บ้างก็ไม่เชื่อ บ้างก็เชื่อ
บ้างก็เห็นด้วย บ้างก็ไม่เห็นด้วย บ้างก็ทำท่าเหนื่อยหน่าย บ้างก็
แสดงความสงสาร แต่คนที่ฟังแล้วกลับหัวเราะยินดีให้นาง ปั้นฉินก็
เพิ่งจะเคยพบเคยเจอเป็นครั้งแรกนี่ล่ะ
ไม่เพียงแต่คำพูดของเขาเท่านั้น แต่ทั้งสีหน้าและท่าทางของ
เขาแสดงออกมาด้วยความดีเนื้อดีใจ ซึ่งนั่นแสดงให้เห็น
ถึงความรู้สึกจากใจของเขาจริงๆ
แม้แต่เฉิงเจียวเหนียงเองก็รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของเขา
“ดีอย่างไรล่ะ”นางถาม
เขาหัวเราะ“สำ หรับข้าแล้ว เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวง ข้าเองก็
รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการที่ไม่ได้ทำตามใจตนเองมาตลอดเวลา
แต่กระนั้น มีเพียงแค่เรื่องเลือกคู่ครองนี่แหละ ที่ข้าจะได้มีอำนาจ
ตัดสินใจด้วยตนเอง ดังนั้นแล้ว เฉิงฝั่ง ข้าอยากเป็นคู่ครองของเจ้า”
เขาเอ่ย ดวงตาเป็นประกาย “ในเมื่อเจ้าไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ ถ้างั้น
เจ้าก็อย่าได้คิดมากที่จะยอมตกลงปลงใจกับข้าเลย”
‘เจ้าก็อย่าได้คิดมากที่จะยอมตกลงปลงใจกับข้าเลย’
ปั้น
ฉินยืนนิ่งอึ้งมองเขา
แบบนี้ก็ได้ด้วยรึ
เฉิงเจียวเหนียงมองเขา
“ได้สิ” นางพยักหน้าเอ่ย
เมื่อครู่นางตอบว่า ‘ได้สิ’ ใช่ไหม…
ปั้น
ฉินที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ หันหน้าไปทางนายหญิงของตน
แบบนี้ ก็ได้อีกเหมือนกันรึ
นี่ นี่มัน นี่มันเรื่องอะไรกัน
“เรื่องนี้ เขาเรียกว่า มีสัญญาใจกับชายหนุ่มยังไงล่ะ”แสงไฟในห้องพลันสว่างขึ้น เหล่าสาวใช้เอ่ยพึมพำ
“ท่านพี่” ปั้นฉินที่แลดูตื่นตกใจรีบก้าวเท้าเข้าไปหานาง “ถ้า
เช่นนั้น เรื่องนี้ ก็ลงเอยแบบนี้หรือ”
“จวิ้นอ๋องขอนายหญิงแล้วรึ” สาวใช้เอ่ยถาม
ปั้น
ฉินพยักหน้า
จิ้นอันจวิ้นอ๋องขอตัวลากลับไปพักใหญ่แล้ว จากช่วงบ่ายก็
ล่วงเลยมาจนถึงช่วงโพล้เพล้ ปั้นฉินกำลังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้
เหล่าสาวใช้ที่เพิ่งกลับมายังเรือนได้ฟัง ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านไป
แล้ว แต่ปั้นฉินยังคงรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
“ขอแล้ว เขาบอกว่าอยากแต่งงานกับนายหญิง” ปั้นฉินเล่า
“แล้วนายหญิงตอบรับหรือไม่”สาวใช้เอ่ยถาม
ปั้น
ฉินพยักหน้า
“นายหญิงบอกว่า ‘ได้สิ’” ปั้นฉินเอ่ย
สาวใช้ทำท่าแบมือด้วยความมึนงง
“ก็ถือว่าแต่งแล้ว เจ้ายังจะถามอะไรอีก” สาวใช้เอ่ยอย่าง
คับข้องใจ“แล้วนายหญิงก็จะได้แต่งกับจิ้นอันจวิ้นอ๋องจริงๆ แล้วสินะ”
ปั้น
ฉินยังไม่อยากจะปักใจเชื่อ
“นายหญิงเคยคืนคำเสียที่ไหนกันล่ะ” สาวใช้หัวเราะ
นั่นสินะ นายหญิงเป็นคนไม่คืนคำ แถมไม่เคยโกหกด้วย
ปั้น
ฉินกุมมือตัวเองด้วยความจังงัง
“จวิ้นอ๋องเชียวนะ” นางเอ่ย “เหนือกว่าท่านชายเกาอะไรนั่นอี
กสินะ”
สาวใช้ยื่นมืออังที่หน้าผากปั้นฉิน
“ไม่ว่าเป็นท่านจวิ้นอ๋องหรือท่านชายเกา ท่านชายฉินหรือ
ท่านชายโจวหก” สาวใช้เอ่ยต่อ “ล้วนไม่สำ คัญ ที่สำ คัญสุดคือนาย
หญิงรับปากแล้ว”
ปั้น
ฉินรีบเอนตัวหลบหลังมือสาวใช้ พลันเอามือกุมหน้าผาก
ตนเองแล้วตะโกนร้อง
“เลิกฝันหวานได้แล้ว รีบไปเตรียมชุดอภิเษกให้นายหญิงเร็ว
เข้า” สาวใช้เอ่ยเร่ง
ชุดอภิเษกงั้นเหรอ…นายหญิงของพวกเราจะได้ออกเรือนแล้วสินะ…
นายหญิงของพวกเราจะออกเรือนกับเขาแล้วสินะ…
ปั้น
ฉินยกมือปิดหน้าร้องไห้ยกใหญ่
สาวใช้ทั้งรู้สึกอยากเอ็ดนางแต่ก็รู้สึกขำขันในเวลเดียวกัน
พอได้เห็นภาพปั้นฉินที่กำลังร้องไห้ ตนก็อดเห็นใจไม่ได้
“อะไรของเจ้าเนี่ย พอได้แล้วน่า นี่เป็นเรื่องน่ายินดีนะ ”สาวใช้
พยายามปลอบ
ปั้น
ฉินไม่สนสาวใช้ พลันย่อลงไปที่พื้นแล้วปิดหน้าตน
เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งลาน
แสงอรุณเบิกยามเช้า เสียงฝีเท้าตึงตังดังลอดเข้ามายังตำหนัก
ของเกาหลิงปอ
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ ไม่ได้การแล้ว”
เป็นท่านชายเกานี่เองที่รีบเข้ามาหาเขาแต่เช้า
เกาหลิงปอที่กำลังสวมใส่อาภรณ์โดยสาวใช้รูปงามสองนาง
เมื่อได้ยินเข้าก็ขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้เงยหน้าขึ้นไปมองแต่อย่างใด
“เมื่อวาน จิ้นอันจวิ้นอ๋องไปที่เรือนของนังเฉิง…”“ก่อนอื่น อย่าใช้คำว่าไม่ได้การ นอกจากนี้…” เกาหลิงปอรีบ
ขัดคอก่อนที่เขาจะเล่าต่อ ทำหน้าขมวดคิ้ว “เจ้าจะเอ่ยถึงว่าที่
ภรรยาของเจ้าอย่างเสียๆ หายๆ มิได้เป็นอันขาด”
ท่านชายเกาที่ได้เห็นสายตาพิฆาตจากบิดา ก็รีบก้มหัวหงอ
“ขอรับ ท่านพ่อ ข้าพูดผิดไป” เขาเอ่ย จากนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้น
แล้วเล่าเหตุการณ์ต่อ “เจ้าฉินสิบสามเองก็ได้ไปเยือนที่เรือนของนาง
…ของแม่นางเฉิง เนื่องจากเขาเคยมาขอเจรจากับข้า ข้าเลยไม่ได้
ติดใจอะไรกับฉินสิบสาม แต่จิ้นอันจวิ้นอ๋องที่เข้าไปหานาง ข้าไม่รู้ว่า
เขาพูดอะไรกับนางบ้าง…”
“เขาจะพูดอะไรกัน มันก็เรื่องของเขา เราสนแค่เรื่องของเราก็
พอแล้ว” เกาหลิงปอเอ่ยพลางขยับๆ แขนเสื้อตน “ไปเตรียมรถ”
เตรียมรถงั้นรึ
“ท่านพ่อ ท่านจะไปที่เรือนของแม่นางเฉิงจริงๆ งั้นรึ” ท่านชาย
เกาเอ่ยถาม “ให้นางมาพบท่านไม่ดีกว่าหรือ”
“ตระกูลเราเป็นผู้ไปสู่ขอตระกูลนาง มิใช่นางมาขอพวกเรา
เสียหน่อย ยังจะต้องรอให้นางมาหาพวกเราเองอีกงั้นหรือ” เกาหลิงปอเอ่ยช้าๆ
ใช่พวกเราไปขอนางเสียที่ไหนกันล่ะ
ท่านชายเกาไม่เห็นด้วย กำลังจะเอ่ยปากห้าม ทันใดนั้นเอง ก็มี
เสียงคนรีบวิ่งเข้ามา
“นายท่าน” เขาคนนั้นเอ่ย พลางยื่นจดหมายให้เกาหลิงปอ
“จากวังขอรับ”
เกาหลิงปอยื่นมือรับ พอได้อ่านเนื้อความจดหมาย สีหน้าของ
เขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“มีอะไรหรือท่านพ่อ”ท่านชายเกาเอ่ยถาม
เกาหลิงปอสะบัดเสื้อออกแล้วนั่งลง พลางเก็บจดหมาย
“ไม่ต้องเตรียมรถแล้ว” เขาเอ่ย
“เอ๊ะ” ท่านชายเกายังคงตามเหตุการณ์ไม่ทัน เหตุใดไม่เตรียม
รถแล้วล่ะ ไม่ไปแล้วรึ
“ไม่ต้องไปแล้ว” เกาหลิงปอเอ่ยด้วยเสียงนาบเนิบเฉกเช่นเมื่อ
ครู่ สีหน้าของเขาดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติแล้ว “จิ้นอันจวิ้นอ๋อง
ยื่นเรื่องจะอภิเษกสมรสกับแม่นางเฉิงน่ะสิ”ว่าอย่างไรนะ
ดวงตาของท่านชายเกาเบิกโพลง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อหู
ตัวเอง
นอกจากจะต้องมาพะวงกับพวกตระกูลเกาที่เคยขอนาง
แต่งงานมากว่าสองปีแล้ว ยังจะมีตัวละครอย่างจิ้นอันจวิ้นอ๋องโผล่
มาอีกงั้นรึ แถมยังยื่นเรื่องให้ฝ่าบาทไปแล้วด้วย
ดูแต่ละคนที่โผล่มาเพื่อแย่งชิงกับเขานี่สิ! เวรกรรมอะไรกัน