พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 549 ตามคาด
คำรับปากจากไทเฮายิ่งทำให้มั่นใจได้ว่างานแต่งของทั้งคู่
จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่าทุกอย่างเพิ่งจะอยู่ในขั้นตอน
เริ่มต้นก็ตาม ยังไม่ถึงขั้นที่เจรจากันอย่างเป็นทางการ แต่คนที่ควร
รับรู้ก็ได้ทราบเรื่องกันหมดแล้ว
“เดาไม่ออกตั้งแต่ต้นจนจบกันเลยทีเดียว”
เสียงเอ่ยพึมพำของเฉินเซ่าขณะก้มหน้าก้มตาถือถ้วยชา
ฮูหยินเฉินที่กำลังเดินเข้ามาก็ได้ยินเข้าพอดี
“ข้าได้ยินมาว่า แม่นางเฉิงกำลังจะอภิเษกกับจิ้นอันจวิ้นอ๋อง
อย่างนั้นรึ” ฮูหยินเอ่ยถาม
เฉินเซ่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าในห้องไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียว
หลังจากนิ่งอยู่สักพักก็รีบพยักหน้าตอบรับ
“ใช่นะสิ นางกับ…” เขาเอ่ย จากนั้นก็รีบเลิกคิ้ว “เจ้ารู้เรื่องได้
อย่างไรกัน”หลังจากที่จิ้นอันจวิ้นอ๋องเข้าไปทูลเรื่องกับฝ่าบาทและไทเฮา
มา ก็เพิ่งจะผ่านไปได้แค่เพียงครึ่งวันเท่านั้น เฉินเซ่าทราบเรื่องจากที่
พวกราชสำ นักส่งสารมาให้ ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องนี้ก่อนคนอื่น แต่
สำ หรับแม่บ้านเฝ้าเรือนอย่างฮูหยินเฉินแล้ว คงเร็วเกินไปหน่อย
กระมังที่จะทราบข่าวเรื่องนี้
“เมื่อครู่ข้าไปที่เรือนของฮูหยินฉินมา” ฮูหยินเฉินอธิบาย สีหน้า
ดูเป็นกังวล “กลับกลายเป็นว่า ยังเล่าไม่ทันจะจบ ฮูหยินฉินก็หน้าซีด
ทันควัน แล้วก็รีบไปตามหาท่านชายสิบสามยกใหญ่…”
ไม่แปลกที่ตระกูลฉินจะทราบข่าวก่อนใคร
เฉินเซ่าพยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้น เรื่องนี้ก็ลงตัวแล้วสินะ” ฮูหยินเฉินเอ่ยถาม
“คราวก่อนนู้นท่านชายเกาเองก็ลงตัวแล้วเหมือนกันมิใช่หรือ
อย่างไร” เฉินเซ่าเอ่ย พลันยกถ้วยชาร้อนที่ถือไว้จนเย็นชืดซดหมด
ถ้วย “ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ
แม่นางเฉิงแล้วนั้น ยิ่งคาดเดาไม่ได้เข้าไปใหญ่”
ก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ“จะว่าไปแล้ว ที่จริงพอมาเปรียบเทียบกัน ท่านจวิ้นอ๋องดีกว่า
ท่านชายเกาอีกนะ” ฮูหยินเฉินเอ่ย
“ดีกว่ายังไง” เฉินเซ่าเอ่ย “คนนึงก็ทำเพื่อเปลือกนอก ส่วนอีก
คนก็ทำเพื่อภายใน แล้วดีกว่ายังไงกัน”
ท่านชายเกากัดฟันยอมแต่งกับนางเพื่อเอาคืนและทวงชื่อเสียง
หน้าตาของเขา แต่จิ้นอันจวิ้นอ๋องแต่งกับนางก็เพื่อชิ่งอ๋อง…
ทั้ง
คู่ต่างก็อยากได้ผลประโยชน์ เพียงแต่ผลประโยชน์ของทั้งคู่
ต่างกันออกไปก็เท่านั้นเอง
“ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก” ฮูหยินเฉินเอ่ย “อย่าลืมสิว่าแม่นาง
เฉิงก็เป็นหญิงงาม เรื่องหน้าตาความสวยก็จัดว่าไม่เป็นรองใครเลย
เชียว”
หญิงงามงั้นรึ
เฉินเซ่าถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ พอมาลองนึกๆ ดูแล้ว เขาแทบจะนึก
หน้าตาของนางไม่ออก ถึงขนาดที่ว่าไม่ได้มองนางเป็นหญิงสาวคน
หนึ่งเลยด้วยซ้ำ ไป“ก็นางเป็นเสียอย่างนั้น ใครจะมาสังเกตรูปร่างหน้าตาของนาง
กันล่ะ” เขาส่ายหัวพลางหัวเราะอย่างขมขื่น
“ก็ตันเหนียงของพวกเราไงที่สังเกตน่ะ” ฮูหยินเฉินเอ่ยอย่าง
ไม่สบอารมณ์
เฉินเซ่าหลุดหัวเราะ
“ล้อกันเล่นหรือไง” เขาเอ่ย “เจ้าเห็นจิ้นอันจวิ้นอ๋องเป็น
เด็กน้อยอย่างนั้นรึ”
เด็กน้อยที่ไหนจะโตมาดีขนาดนั้นอีกทั้งยังเป็นถึงราชนิกุลกัน
ล่ะ
ฮูหยินเฉินมองเฉินเซ่าตาขวาง พลางถอนหายใจ
“ข้าก็แค่อยากให้นางได้แน่สิ่งดีๆ ไป” นางเอ่ย “อย่างน้อย…”
พอนางเอ่ยถึงตรงนี้ ก็หัวเราะยกใหญ่
“อย่างน้อยจิ้นอันจวิ้นอ๋องรูปงามกว่าท่านชายเกานะ”
เฉินเซ่าเองก็อดหัวเราะไม่ได้ พลางพยักหน้าเห็นชอบ
“อย่างน้อยก็ดีกว่าบ้างล่ะนะ” เขาเอ่ยอย่างน้อย ให้นางแต่งกับจวิ้นอ๋องก็ยังดีกว่าแต่งกับตระกูลเกา
ฮ่องเต้ถึงได้ตกลงยังไงล่ะ
“พูดกันตามตรงนะ หวังว่าพวกตระกูลเกาจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวาย
อีกนะ” ฮูหยินเฉินเอ่ยถาม
เฉินเซ่ายกถ้วยชาที่ดื่มหมดแล้วขึ้นมา แล้วหัวเราะ
“ถ้าเกิดจะอาละวาดกันจริง คนๆ นั้นคงมิใช่เกาหลิงปอหรอก”
เขาเอ่ย
… “ท
่านพ่อ จะให้เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้อย่างนั้นรึ” ท่านชายเกา
ตะโกนถามด้วยความร้อนรน
หลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าจิ้นอันจวิ้นอ๋องทูลฝ่าบาทเรื่องขอ
แม่นางเฉิงแต่งงาน ท่าทีของเกาหลิงปอดูเงียบสงบ ราวกับว่าเขาแค่
อยากจะไปหาแม่นางเฉิงเฉยๆ ราวกับว่าเขาได้ลืมเรื่องที่เคยจะขอให้
นางแต่งเข้าเรือนตระกูลเกาไปเสียแล้ว
“นี่มันแกล้งกันชัดๆ! เจ้าจิ้นอันจวิ้นอ๋องนั่นมันเป็นใครมาจาก
ไหนกัน ถึงได้บังอาจมาหักหน้าข้าเช่นนี้” ท่านชายเกาตะโกนเกาหลิงปอยังคงนิ่งเงียบและนั่งอ่านหนังสืออย่างสงบๆ
“ฮ่องเต้ไงล่ะ” เกาหลิงปอเอ่ย
ท่านชายเกาถึงกับตะลึงเมื่อได้ยิน
“หะ”
เกาหลิงปอชำ เลืองไปที่เขา
“ก็ใหญ่มาจากฮ่องเต้ยังไงเล่า”เกาหลิงปอเอ่ย
ท่านชายเการ้องอ๋อ จากนั้นก็เอนตัวนั่งลงอย่าง
กระฟัดกระเฟียด
“งั้นฮ่องเต้ก็ให้ท้ายเขามากเกินไปแล้วนะ! ต่อให้เป็น
ลูกท่านหลานเธอก็เถอะ แต่อย่างน้องก็ควรรู้จักเรื่องลำดับมาก่อน
มาหลังหน่อยสิ”เขาบ่น
“ก็ดีแล้วนี่นาที่ฮ่องเต้เอาใจเขา” เกาหลิงปอเอ่ยนาบเนิบ
พลางอ่านหนังสืออย่างสบายใจต่อ
“ท่านพ่อ!” ท่านชายเกาเอ่ยอย่างร้อนรน “พวกเราจะยอมให้
เป็นแบบนั้นรึ”“ก็ยอมๆ ไปเถอะ” เกาหลิงปอเอ่ย “ข้าเคยบอกแต่ทีแรกแล้ว
ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีเสมอไป ดูสิ ทุกวันนี้ก็ดี
อยู่แล้วมิใช่รึ”
ดีตรงไหนกัน ท่านชายเกาคิด
เขาเริ่มหัวร้อน
เกาหลิงปอวางหนังสือ จากนั้นก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มให้เขา
“ก็เป็นเรื่องดีมิใช่หรือ ในเมื่อฮ่องเต้อนุญาตให้นางได้คู่กับท่าน
จิ้นอันจวิ้นอ๋องแล้ว”
“พอทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน เวลาจะกล่าวถึงพวกเขาก็
กล่าวถึงมันพร้อมกันทีเดียวเลย ไม่ดีรึ”
“ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง”
… “นี่
เรื่องจริงใช่ไหม เป็นข่าวดีจริงๆ ”
เสียงคุยกันเจี๊ยวจ๊าวของเหล่าสาวใช้ดังสนั่นไปทั่วเรือนของ
ตระกูลจาง
นายใหญ่จางแทบจะยกมือขึ้นมาเช็ดหูตัวเอง“ท่านนายใหญ่ ท่านนายใหญ่เจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยเรียกเขาด้วย
อาการตื่นเต้น “ข้าเริ่มตัดชุดแต่งงานให้แม่นางเฉิงเลยดีไหมเจ้าคะ”
“ไม่ได้” นายใหญ่จางเอ่ย
สาวใช้ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็เอ่ยอย่างลนลาน
“โถ นายใหญ่”
“เจ้าจะรีบร้อนไปไหน นี่นางก็เพิ่งตัดสินใจได้ไม่นาน…”
นายใหญ่จางชี้นิ้ว “เพิ่งจะเลือกไปสองคนเองมิใช่รึ…”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ก็พลันหัวเราะออกมา พลางเหลือบมองไปยัง
บ่าวชราที่กำลังต้มใบชาอยู่
“มาทายกันดีกว่าว่าคนต่อไปจะเป็นใคร”
บ่าวชราหัวเราะ ส่วนสาวใช้กลับเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้น
“นายใหญ่” สาวใช้ก้าวเท้ามาด้านหน้า “ท่านหมายความว่า
จวิ้นอ๋องจะไม่ได้แต่งงานกับนายหญิงหรือเจ้าคะ”
“จะได้แต่งหรือไม่นั้น ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าท่านจวิ้นอ๋องผู้นี้
จะดวงดีแค่ไหนกันเชียว”บ่าวชราหัวเราะยกใหญ่จนเสียงดังตีคู่กับเสียงจากส้นรองเท้า
กระแทกพื้นของสาวใช้
“นายใหญ่ หยุดหยอกปั้นฉินเล่นได้แล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้ตะโกน
จากนั้นก็ม้วนตัวเดินออกไป “ปั้นฉินไม่คุยกับนายใหญ่แล้ว ปั้นฉิน
จะไปคุยกับนายท่านแทนแล้ว”
นายใหญ่จางพลันส่ายหัว เมื่อได้เห็นสาวใช้เดินหนีเขาไป
“ข้ามิได้หยอกนางสักหน่อย” นายใหญ่จางเอ่ย “ก็นางขี้ตุกติก
จะตาย ขืนแต่งไปมีหวังได้ถูกนางโขกสับเป็นแน่ โชคร้ายชัดๆ ให้หนี
ไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะ ไหนยังจะมีคนเรียงแถวกันมาขอนางอีก
ช่างโง่จนข้าอยากจะขำน้ำตาเล็ด”
บ่าวชราที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่ายหัว
“นายใหญ่ เรื่องราวอาจไม่เป็นเช่นที่ท่านคิดก็ได้ ดูอย่างท่าน
สิทุกวันนี้ชีวิตดีแค่ไหน มีสาวรับใช้แสนดีคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ
ด้านนอกนั่นก็มีสาวใช้คอยห่วงคอยคิดถึงท่าน แถมยังคอยส่งน้ำ
ส่งข้าวมาให้ท่านไม่เคยขาด ส่งสาวใช้ออกไปหนึ่งแต่ได้กลับมาถึง
สองเชียวนะขอรับ” บ่าวชราเอ่ยนายใหญ่จางหันไปหาเขา
“เอ๋ นี่เจ้ากำลังบอกว่าข้าเป็นคนโง่อย่างนั้นรึ” เขาเอ่ย
คนที่ควรจะรู้เรื่องนี้ก็รู้อยู่แล้ว แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้คนส่วนใหญ่
ยังไม่รู้ทั่วถึงกันนึก เพราะเรื่องก็เพิ่งจะเกิดเมื่อครึ่งวันที่ผ่านมา
เท่านั้นเอง
โจวฝูที่ยืนอยู่หน้าประตูเรือนตระกูลเฉิง ครั้นกำลังจะถีบประตู
เข้าไป ก็มีเสียงเกือกมาดังมาจากด้านหลัง เมื่อขันหันไปมอง ก็พบ
ฉินหูกำลังกระโดดลงจากอานม้า แล้วรีบวิ่งเข้ามาหาเขา
“สิบสาม นี่เจ้า…” โจวฝูเอ่ยก่อน
โจวฝูยังไม่ทันจะเอ่ยต่อ ฉินหูก็รีบพุ่งตัวเข้าไปผลักบานประตู
แม้เขาจะเป็นคนอ่อนแอตั้งแต่เด็ก แต่เรื่องทักษะการขี่ม้ายิง
ธนู เขาก็เหมือนกับราชนิกุลคนอื่นๆ ที่ถูกฝึกฝนจนช่ำ ชอง
พละกำลังแขนของฉินหูไม่น้อยหน้าไปกว่าแรงถีบของโจวฝู
เพราะแขนคู่นี้เคยใช้ยิงธนูมาก่อน พอสิ้นเสียงดังปึง บานประตูถูก
เปิดออกจนร่างแทบจะไปสีกับขอบประตู
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตกอกตกใจ“ท่านชายหก” พวกทหารเฝ้าประตูเมื่อได้เห็นเขาก็รีบก้ม
คำนับ
โจวฝูคิด ข้าไม่ได้เป็นคนทำนะ!
เขาได้แต่คิด แต่ก็ขี้คร้านจะอธิบายให้ฟัง
“ขออภัยที่เสียมารยาท”
ฉินหูเองก็ดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยกับการกระทำของตนเมื่อครู่
จึงรีบเก็บมือเก็บเท้า พลางยิ้มเจื่อนๆ ให้
“ประตูที่นี่ ใช้ไม่ได้เลยนะ ดูไม่แข็งแรงเอาเสียเลย”
เหล่าทหารเฝ้ายามต่างมองหน้าสบตากัน เพราะไม่รู้ว่าจะเอ่ย
อะไรออกมาดี
“แม่นางเฉิงอยู่หรือไม่ ข้า…” ฉินหูพยายามค่อยพูกค่อยจา
แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ ก็ถูกโจวฝูเอ่ยแทรกทันควัน
“พังประตูมาขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเล่นละครอยู่อีก ไม่มีใครเขา
สนใจภาพลักษณ์ผู้ดีของเจ้าหรอก!” โจวฝูเอ่ยขัด จากนั้นจึงก้าวเท้า
ไปด้านใน
ฉินหูหัวเราะพลางส่ายหน้า แล้วรีบเดินตามเข้าไปบ่าวรับใช้รีบเข้าไปแจ้งถึงการมาของพวกเขาให้ด้านในได้
ทราบอยู่ก่อนหน้าแล้ว
เฉิงเจียวเหนียงออกมาต้อนรับพวกเขา มีสาวใช้อีกสองคนคอย
จัดแจงน้ำชาให้
“ปั้นฉินไปไหนแล้วล่ะ” ฉินหูสังเกตสาวใช้สองคนนั้นที่ยืนอยู่
ด้านหลังเฉิงเจียวเหนียง เพราะปกติแล้วตำแหน่งตรงนั้นจะเป็นของ
ปั้น
ฉินเล็ก ส่วนปั้นฉินใหญ่เขาไม่ค่อยมีโอกาสจะได้เจอเท่าไหร่นัก
เขาพลันนึกได้เลยเอ่ยถามถึงปั้นฉินพลางยิ้มเยาะ
“ปั้นฉินมีเรื่องยุ่งน่ะ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
ยุ่งกันทั้งคู่เลยรึ
ฉินหูหัวเราะ
“ถ้าอย่างนั้น แม่นางเฉิงสนใจปั้นฉินคนใหม่ไหมล่ะ” เขาเอ่ย
หยอก “เดี๋ยวข้าจัดการให้”
เฉิงเจียวเหนียงยังไม่ทันจะตอบ โจวฝูก็รีบกระแอมขัดจังหวะ
“เจ้ามีปั้นฉินคนใหม่รึ” ฉินหูหันไปถามโจวฝู “แต่ข้าเสนอให้
นางก่อนนะ ใครพูดก่อนได้ก่อนสิ”“มัวแต่พูดไร้สาระอยู่ได้!” โจวฝูจ้องเขม็งพลางเอ็ดเขา
“เข้าเรื่องได้แล้ว”
ฉินหูหัวเราะพลางพยักหน้าให้เขา จากนั้นก็หันไปทางแม่นาง
เฉิง
“เรื่องนี้ต้องหาวิธีจัดการแล้วล่ะ ต่อให้เจ้ามองว่าเป็นเรื่องเล็ก
ก็ตาม” ฉินหูทำหน้าจริงจัง
เอาละ! จะพูดออกไปแล้วนะ! จะพูดล่ะนะ!
โจวฝูตัวแข็งทื่อ เขากำมือที่กำลังวางอยู่บนตักแน่น
“เจ้ารู้หรือเปล่า ว่ายังมี…” ฉินหูยังไม่ทันพูดจบ โจวฝูก็
พูดแทรกขึ้นอีกครั้ง
“พวกเราหนีไปตะวันตกเฉียงเหนือกันเถอะ” โจวฝูเอ่ยกับเฉิง
เจียวเหนียง “ไม่จำ เป็นต้องอยู่แต่ในเมืองหลวงอย่างเดียวหรอก ที่
ตรงฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือก็ไม่เลวเลย พวกเราไปตั้งต้นใหม่ที่นั่น
ก็ได้ หรือทำอะไรก็ได้ที่เจ้าอยากทำ”
ประโยคเมื่อครู่ทำเอาทั้งเฉิงเจียวเหนียงและฉินหูมองเขา
ตาค้าง“เรื่องแบบนี้ ใช่ว่าหลบๆ ซ่อนๆ แล้วจะแก้ปัญหาได้นะ” ฉินหู
เอ่ยเตือน
“เหตุใดจะไม่ได้ล่ะ” โจวฝูเอ่ยเสียงแข็ง “พวกนั้นคงไม่ถึงขั้น
ลงทัณฑ์ตระกูลข้าหรอก”
“ก็แน่ล่ะสิ เดี๋ยวนี้การลงทัณฑ์จำ เป็นต้องมีความผิดก่อนด้วยรึ
ไง” ฉินหูเอ่ยย้อน “ท่านชายหก อย่างี่เง่าน่า นี่ไม่ใช่เรื่องเด็กเล่นนะ”
“ข้าก็ไม่ได้มองว่านี่เป็นเรื่องเด็กเล่นเสียหน่อย” ท่านชายโจว
หกเอ่ย “ที่ข้าบอกว่าข้าจะแต่งกับเจ้า ข้าหมายความว่าอย่างนั้น
จริงๆ ข้าไม่กลัวใครทั้งนั้น”
พูดออกไปแล้ว!
แถมไม่ต้องให้เจ้าสิบสามมาพูดแทนให้ด้วย!
“อย่างเจ้าน่ะ ไม่ได้หรอก” ฉินหูขมวดคิ้ว
ไม่ได้งั้นรึ
เจ้าบ้านี่คิดอะไรของมันอยู่!
บัดนี้ใบหน้าของโจวฝูเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ“…เทียบกับท่านชายเกาแล้ว เจ้าน่ะไม่ได้เลย พอตอนนี้ เทียบ
กับท่านจิ้นอันจวิ้นอ๋องแล้ว ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่” ฉินหูเอ่ย
โจวฝูตกใจ
จิ้นอันจวิ้นอ๋องงั้นรึ
เขาหันไปทางแม่นางเฉิงด้วยสีหน้าเซื่องซึม
“แม่นางเฉิง เมื่อช่วงเช้า จิ้นอันจวิ้นอ๋องทูลเรื่องขอแต่งงานกับ
เจ้าแก่ฝ่าบาทแล้วนะ” ฉินหูบอกนาง
พอเขาเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกไป บรรยากาศในห้องกลับ
ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
แม่นางเฉิงยังคงสีหน้าท่าทางราบเรียบไร้อาการตามเดิม นาง
เป็นเช่นนี้แต่ไหนแต่ไร ต่อให้เขาจะเอ่ยออกไปว่าต่อไปนางต้อง
เข้าไปเป็นพระชายาในวัง นางก็คงมีท่าทีไม่ต่างจากตอนนี้หรอก
ในขณะที่ฝั่งของโจวฝูสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขา
ไม่ได้มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนคนล้มทั้งยืนยังไงยังงั้น
ล้มทั้งยืนเลยหรือ“ที่จิ้นอันจวิ้นอ๋องมาหาเจ้าเมื่อวาน เพราะเรื่องนี้สินะ” โจว
ฝูตะโกนถาม
เมื่อวาน จิ้นอันจวิ้นอ๋องมาหานางอย่างงั้นรึ!
ฉินหูรีบหันหน้าไปทางเฉิงเจียวเหนียง ราวกับว่าเข้าใจอะไร
บางอย่างได้แล้ว
ไม่จริง เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!