พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 550 เป็นเขา
เป็นไปไม่ได้!
เสียงของฮูหยินฉินลอยเข้ามาในโสตประสาท
“สิบสาม สิบสาม จิ้นอันจวิ้นอ๋องทูลขอฝ่าบาทเรื่องแต่งงานกับ
แม่นางเฉิงแล้วนะ!”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องงั้นรึ
เมื่อได้ยินดังนั้น เขารีบหันหน้าไปทางต้นเสียง แล้ววางพู่กันใน
มือลง
ฮูหยินฉินที่ปกติจะเป็นคนร่าเริงมีอารมณ์ขัน บัดนี้ใบหน้าของ
นางไร้รอยยิ้มใดๆ กลับมีแต่ความกังวลล
“เมื่อวานเจ้าถามแม่นางเฉิงแล้วหรือยัง” ฮูหยินเอ่ยถาม
เมื่อวานงั้นหรือ…
“ก็ตอนนั้นนางบอกว่าเรื่องเล็กนิดเดียว ยังไม่ต้องรีบมัดมือชก
” ฉินหูเอ่ยพลางหัวเราะ“เรื่องนิดเดียวอะไรกัน!” ฮูหยินยื่นมือไปตีเขาทีสองที ย่นคิ้ว
ตะโกน “ตระกูลสองตระกูลต้องมาเกี่ยวดองกันนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
เลยนะ”
“เอาละ เอาละ ท่านแม่ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่อง
ใหญ่หลวงเลยล่ะ” ฉินหูรีบเอ่ย จากนั้นลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปพูดกับนาง
เดี๋ยวนี้ละ”
ฮูหยินฉินรีบดันมือผลักตัวเขายกใหญ่
“รีบไปเร็วเข้า จวิ้นอ๋องก็จวิ้นอ๋องเถอะ หรือต่อให้เป็นฮ่องเต้
ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนมาขวาง ตระกูลฉินของเราสู้ได้
อยู่แล้ว”
ฮูหยินฉินแทบจะไปขอด้วยตัวเองแล้ว หากฉินหูไม่รีบไปตอนนี้
“นี่ถ้าข้าเป็นผู้ชายนะ ป่านนี้ข้าถกแขนเสื้อรีบไปขอนางแต่ง
แล้วพาเข้าบ้านแล้ว” ฮูหยินฉินสบถ
“ทำท่าถกแขนเสื้อก็แปลว่าไปแย่งเขามาอย่างนั้นละสิ” ฉินหู
เอ่ยแกมตลก“ก็คนอย่างนาง คู่ควรแก่การแย่งชิงมาไหมละ” ฮูหยินฉิน
ถลึงตาใส่เขา
แน่นอนสิว่านางคู่ควร แต่ก็ด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน ที่ทำให้เขา
เกิดไม่กล้าขึ้นมา เกรงว่าจะทำให้นางลำบากใจ กลัวว่านางจะรู้สึก
ว่าเขากำลังสบประมาท กลัวว่านางจะไม่พอใจเขา รังเกียจเขา
เอือมระอาเขา…
“รีบไปเถอะน่า” ฮูหยินฉินดันตัวเขา “เรื่องนี้หากปล่อยไว้นาน
จะไม่ได้การ ขนาดจิ้นอันจวิ้นอ๋องเองยังออกตัวขนาดนี้”
จิ้นอันจวิ้นอ๋อง!
กะแล้วว่าต้องเป็นเขาอีกแล้ว!
แต่ก็นะ จะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่เขา
“นับวันยิ่งใจกล้ามากขึ้นแล้วสินะ ลืมกำพืดตัวเองไปแล้ว
อย่างไร” ฉินหูเอ่ยพึมพำ
เขาไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่นิดที่จิ้นอันจวิ้นอ๋องจะเข้ามา
เอี่ยวด้วยแล้วอย่างไรเล่า คิดหรือว่าคนอื่นจะเกรงกลัว คิดหรือว่าคนอื่น
จะหาทางไม่ได้แล้วงั้นรึ
คนอย่างฉินหูไม่กลัวอยู่แล้ว เฉิงเจียวเหนียงเองก็เช่นกัน ขอแค่
พวกเขาทั้งสองร่วมแรงร่วมใจกัน ก็จะไม่มีใครมารังควานได้
เหมือนกับวันเก่าๆ
“ข้าอยากให้เจ้าช่วยอะไรข้าหน่อย”
“ว่ามาสิ ครั้งนี้จะให้ข้ากำจัดใครอีกล่ะ”
เขาอยากให้นางเอ่ยออกมา แค่นางเอ่ยปาก เขาก็พร้อมจะช่วย
นางเสมอ
เอ่ยออกมาสิ ขอร้องล่ะ เอ่ยออกมา เขาคิดในใจ
ฉินหูจ้องเข้าไปที่ดวงตาของสตรีเบื้องหน้าอย่างไม่กระพริบตา
“…เมื่อวานนี้ เขามาหาเจ้าเพราะเรื่องแต่งงานใช่ไหม”
เสียงของโจวฝูดังขึ้น แต่ละถ้อยแต่ละคำนั้นถูกเน้นย้ำจน
ราวกับว่ามันกำลังกระแทกอยู่ในโสตประสาท
“…เรื่องที่เขาทูลขออนุญาตฝ่าบาท แล้วเจ้า… เจ้าเอ่ยตกลง
กับเขาหรือยัง…”เสียงของโจวฝูเริ่มสั่นเครือ เหตุใดแค่ประโยคง่ายๆ แต่กลับ
พูดไม่ออกนะ
“ข้าเอ่ยตกลงไปแล้ว” เฉิงเจียวเหนียงตอบ
นางเอ่ยตกลงไปแล้วงั้นรึ…
นางเอ่ยตกลงแล้ว
โจวฝูมองนางด้วยสายตาอันว่างเปล่า ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไร
ต่อ
“จะเป็นเขาไม่ได้เด็ดขาด!” ฉินหูโพล่งขึ้น ทำท่ากึ่งลุกกึ่งนั่ง
“เขาไม่เหมาะกับเจ้า”
เฉิงเจียวเหนียงหัวเราะพลางมองไปที่เขา
“ก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ” นางเอ่ย
บ้าจริง!
“ไม่ ไม่เหมือนเสียหน่อย” ฉินหูแย้ง พลางสูดหายใจลึกเพื่อให้
ตัวเองใจเย็นลง
ใช่แล้ว ใจเย็นเข้าไว้ เรื่องแค่นี้เอง ก็เหมือนกับตอนที่เขาเพิ่งรู้
ข่าวเรื่องท่านชายเกากับนางนั่นแหละ เรื่องเล็กแค่นี้เอง“เจ้าอย่าไปเชื่อเขามาก เรื่องนี้ใช่ว่าจะใช้ยศใช้ตำแหน่งใน
การแก้ปัญหาได้นะ”
“ยังมีปัจจัยอื่นนอกเหนือจากเรื่องยศตำแหน่งนะ”
“เขาเป็นจวิ้นอ๋องก็จริง ตำแหน่งสูงกว่าท่านชายเกาก็จริง
แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นคนมีอำนาจมากขนาดนั้น”
“เขามิได้เป็นคนที่มีรากฐานอะไรเลยนะ อีกทั้งสำ หรับฮ่องเต้
แล้ว จวิ้นอ๋องมิได้น่าพึ่งพาและน่าวางใจไปมากกว่าท่านชายเกาเลย
นะ”
“เจ้าอย่ามัวแต่ถูกหลอกด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ของเขาสิ อย่า
ไปฟังที่เขาว่าแต่งงานไปแล้วจะไม่ลำบาก จะมีชีวิตที่ดีขึ้น”
“คำพูดเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคำลวงทั้งสิ้น! ที่เขาต้องการแต่ง
กับเจ้าก็เพื่อจะเอาชนะพวกตระกูลเกาต่างหาก เพื่อที่เขาจะได้
มีหน้ามีตาในวัง หากเขาได้เจ้าไปอยู่เคียงข้างแล้ว ก็จะเป็นการถ่วง
ดุลอำนาจของตระกูลเกา แถมฮ่องเต้ก็จะให้ความสำ คัญเขามากขึ้น
ด้วย”“ที่ข้าบอกว่าฮ่องเต้จะให้ความสำ คัญเขามากขึ้นนั้นก็ไม่ใช่
เรื่องดีเท่าไหร่นัก เพราะการถ่วงดุลอำนาจ แปลว่าทั้งสองฝั่งนั้น
จะต้องเป็นคนที่มีอำนาจและยศเท่ากัน ดังนั้น หากฮ่องเต้ตอบรับ
เรื่องที่เขาจะแต่งงานกับเจ้า นั่นก็แปลว่า ฮ่องเต้มองว่าจิ้นอันจวิ้น
อ๋องนั้นเป็นบุคคลที่เขาพึงระวัง ซึ่งก็แปลว่าทั้งตระกูลเกาและจิ้นอัน
จวิ้นอ๋องก็ต้องคอยถ่วงดุลอำนาจกันนั่นเอง”
“ดังนั้น ฮ่องเต้ก็จะไม่คอยปกป้องและเข้าข้างจวิ้นอ๋องอีก หาก
มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทั้งเขาและตระกูลเกาถือว่าต้องรับมืออย่าง
เท่าเทียมกัน นั่นอาจทำให้เป็นช่องโหว่ที่ทำให้ตระกูลเกาเข้ามา
เล่นงานเจ้าได้ ตีกันไปตีกันมา จนอาจมีสักฝ่ายต้องเสียเปรียบ
จากนั้น พอองค์รัชทายาทได้ครองตำแหน่งแล้ว จนมีจักรพรรดิองค์
ใหม่เกิดขึ้น พวกเจ้ารวมถึงตระกูลเกาก็จะถูกกำจัดไปพร้อมๆ กัน”
ชุดคำพูดไหลพรั่งพรูออกมาจากปากของฉินหูราวกับพายุฝน
เขาเอ่ยเสียจนแทบจะหยุดหายใจ ทำเอาคนที่ได้ฟังเองก็รู้สึกกระ
อักอ่วนไม่น้อย
“เฉิงเจียวเหนียง เจ้าไม่เชื่อคำของเขาหรอก ใช่ไหม”เฉิงเจียวเหนียงมองเขา พลางส่ายหัว
“เจ้าเชื่อเขาไปได้อย่างไรกัน!” ฉินหูลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยด้วยน้ำ
เสียงสูงแหลม “เจ้าเป็นคนฉลาด แต่เจ้ากลับไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้
อย่างไร”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย “เขาไม่ได้เอาเรื่องพวกนั้น
มาพูดกับข้าเสียหน่อย”
ไม่ได้พูดงั้นรึ…
ฉินหูยืนตะลึงไปพักใหญ่
“แล้วเขาพูดอะไรกับเจ้าล่ะ” พอได้สติ เขาก็รีบเอ่ยปากถาม
“เขาบอกว่า ในเมื่อข้าคิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องเล็ก แต่
สำ หรับเขา เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ เขาเลยอยากขอ
ความยินยอมจากข้าน่ะ” แม่นางเฉิงเอ่ย พลางยิ้มเล็กยิ้มน้อย
เรื่องแต่งงาน สำ หรับนางเป็นเรื่องเล็ก แต่สำ หรับเขาเป็น
เรื่องใหญ่ เลยอยากขอความยินยอมจากนางงั้นรึ
ฉินหูอ้ำอึ้ง
เจ้าบ้านั่น หน้าไม่อายจริงๆ !“แน่นอนสิว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่สำ หรับเขาน่ะ” ฉินหูตีหน้า
เคร่งขรึม เอ่ยฟันธงราวกับว่าเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว “เจ้าดูสิ ดู
ความตั้งใจของเขาสิ ในเมื่อเขามาขอเจ้าได้ ก็แปลว่าเขามองว่าเรื่อง
นี้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ นั่นแหละ”
“อย่างนั้นรึ”เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถาม พลางหัวเราะคิกคัก
“ก็ใช่น่ะสิ” เขาพยักหน้าตอบรับ แต่จู่ๆ ก็กลับลำส่ายหัวเสีย
อย่างนั้น “ไม่สิ ไม่ ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
บ้าจริง เขาไม่ได้จงใจจะอวยเจ้านั่นหรอกนะ
เฉิงเจียวเหนียงหัวเราะ จากนั้นโค้งคำนับให้เขา
“ไม่ว่าเจ้าจะหมายความเช่นไร แต่ก็ต้องขอบใจที่อุตส่าห์นึกถึง
ข้า” นางเอ่ย
ฉินหูทนตีหน้าเฉยชาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว
“ข้าไม่ต้องการคำขอบใจของเจ้า แล้วนั่นก็ไม่ได้เรียกว่า
ความอุตสาหะแต่อย่างใด” เขารีบแย้ง แล้วลุกยืนขึ้นอีกครั้ง “นี่เจ้า
เจ้าเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่ ที่ข้าจะบอกก็คือ เจ้าตกลง
แต่งงานกับเขาไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด”พอเขาเอ่ยตรงนี้ก็หัวเราะ
“แต่ว่า เจ้าไม่ต้องกังวลไป ต่อให้จิ้นอันจวิ้นอ๋องไปทูลเรื่องกับ
ฝ่าบาทแล้ว ต่อให้ฝ่าบาทตกลงแล้ว ก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ข้าจัดการได้”
“ไม่ต้องจัดการอะไรทั้งนั้น นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ข้าตกลง
กับเขาเรียบร้อยแล้ว” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
ข้าตกลงกับเขาเรียบร้อยแล้ว
ข้าตกลงกับเขาเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุด นางก็เอ่ยคำนี้ออกมาจนได้…
เป็นคำพูดจากปากของนางโดยตรง
ทั้ง
ห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง สาวใช้สองคนที่นั่งคุกเข่า
อยู่ด้านหลังเฉิงเจียวเหนียงบัดนี้เริ่มเนื้อตัวสั่นขึ้นมาแล้ว
ตั้ง
แต่เข้ามานั่งในห้องแห่งนี้ ตั้งแต่เริ่มบทสนทนานี้ เหตุใด
พวกนางถึงรู้สึกใจเต้นเนื้อเต้นอยู่ตลอดเวลานะ
มิหนำซ้ำ บางประโยคที่ถึงแม้พวกนางจะฟังไม่เข้าใจ แต่กลับ
รู้สึกว่าประโยคเหล่านั้นคอยกระแทกพวกนางอยู่ตลอดเวลา จน
บางครั้งก็รู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยทั่วท้องนักตอนนี้ ยังไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาสักคำก็จริง กระนั้นแล้ว
พวกนางกลับยังคงรู้สึกราวกับกำลังดำดิ่งลงไปในบ่อน้ำลึก ที่ร่าง
ของตัวเองกำลังถูกกดลงไปเรื่อยๆ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัว
สิ้นหวัง อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก เหมือนกำลังจะไขว่คว้าอะไรสัก
อย่าง แต่สุดท้ายก็สูญเปล่า
ไม่น่าเลย…
ไม่น่าเลยจริงๆ…
กลายเป็นว่าผิดคาดไปเสียอย่างนั้น
ก่อนหน้านี้ พวกนางเคยเห็นปั้นฉินที่คอยนั่งอยู่ด้านหลังนาย
หญิงเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องพูดอะไร แถมบางทียังไม่ต้องคอย
รินน้ำชาด้วย พวกนางคิดว่างานของปั้นฉินนั้นช่างสบายเสีย
เหลือเกิน
แต่พวกนางคิดผิดเสียแล้ว
งานนี้ไม่เห็นจะสบายตรงไหน ซ้ำ ยังต้องมาเผชิญกับความรู้สึก
หวาดกลัวเช่นนี้อีกด้วย
“เจ้าต้องการอะไร”ในขณะที่สาวใช้ทั้งสองกำลังจะยกมือขึ้นมานวดลำขอของ
ตนเองนั้น จู่ๆ เสียงของท่านชายฉินหูก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบ
ของห้องนี้
“เจ้าทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร” ฉินหูถาม พลางฉีกยิ้มให้นาง
“หรือว่าเจ้ามีแผนรอรับมือไว้แล้ว”
“ข้าก็ไม่ได้ทำเพื่ออะไรนี่ ก็แค่แต่งงาน” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
มันต้องไม่ใช่แค่นี้แน่ๆ คิดสิคิด
ฉินหูทำท่าคิดพลางใช้นิ้วกดๆ ลงไปที่หน้าผากของตน
“แต่งงานงั้นหรือ ที่จริงใช้วิธีแต่งงานนี่ก็ไม่เลวนะ” เขาเงยหน้า
ขึ้นแล้วยิ้มให้นาง “อย่างน้อยถ้าข่าวถูกแพร่กระจายออกไป…ก็ยัง
จะ…หรือจะ…ก็”
เขาเอ่ยตะกุกตะกัก จากนั้นก็หันไปทำท่าปล่อยหมัด
กลางอากาศ
บ้าจริง ยังจะมีหน้ามาพูดจาอ้อมค้อมอะไรกันอีกล่ะ!
เราไม่ได้จะมาเล่นละครหรือจะมาเล่นงิ้วอะไรเสียหน่อย ก็
พูดตรงๆ กับนางไปเลยสิ ไม่แน่พรุ่งนี้อาจมีเรื่องราวใหม่ๆ เกิดขึ้นก็เป็นได้!
พอข่าวถูกแพร่ออกไปแล้ว จะกลับลำได้ยังไงกันล่ะ!
การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนตระกูลสองตระกูล
มาเดี่ยวดองกัน มิใช่เรื่องที่คนภายนอกจะมองกันว่าเป็นเรื่อง
ตลกหรอกนะ
ทั้ง
ห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เช่นเคย สาวใช้ทั้งสองยังคง
นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่ที่เดิม
“เหตุใดเจ้าต้องแต่งงานกับเขาล่ะ”
ฉินหูเอ่ยเสียงค่อย มือทั้งสองข้างวางไว้ข้างลำตัว
“ท่านชายฉิน เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น สำ หรับข้าแล้ว
ไม่ว่าจะแต่งกับใครก็ไม่ต่างกัน ข้าเคยพูดไว้ตั้งหลายรอบแล้วนี่นา”
เสียงราบเรียบของเฉิงเจียวเหนียงดังขึ้น
นั่นสินะ นางเคยบอกเขาหลายรอบแล้ว แถมเรื่องทำนองนี้เอง
ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นท่านชายสิบเจ็ด ท่านชายเกา หรือแม้แต่ จิ้นอัน
จวิ้นอ๋องก็ตาม…“แล้วข้าล่ะ” ฉินหูหันตัวกลับมา ก้าวไปข้างหน้า แล้วมองไปยัง
สตรีเบื้องหน้าที่กำลังนั่งอยู่ “เจ้าแต่งกับข้าสิ แต่งกับข้า”
เฉิงเจียวเหนียงส่ายหัว แล้วยิ้มบางให้เขา
“ไม่ใช่กับท่าน ท่านชายฉิน” นางเอ่ย
พอมาเป็นเขา จะไม่ใช่ได้อย่างไร ทำไมเวลาแบบนี้ ถึงเป็นเขา
ไม่ได้กันล่ะ!
ฉินหูมองนาง พลางกำหมัดแน่นแล้วทุบเข้าไปที่ขาตัวเอง
เพราะนางเคยรักษาขาของเขาใช่หรือไม่ เป็นเพราะนางเคย
รักษาขาของเขา ในสายตาของนาง คงมองเขาต่างออกไป ถ้าเทียบ
กับคนพวกนั้น ราวกับว่านางกำลังผลักไสเขาออกไป ให้ห่างออกไป
…
“แล้วข้าล่ะ! มีข้าอยู่ทั้งคน!”
โจวฝูเอ่ยเสียงสั่น หลังจากที่ยื่นเหม่อมานาน ในที่สุดเขาก็
ตะโกนเอ่ยถามนางอีกครั้ง
“เจ้าแต่งกับข้าสิ”
เฉิงเจียวเหนียงมองโจวฝู แล้วหัวเราะ“แต่เมื่อวานข้าตกลงกับเขาไปแล้วน่ะสิ” นางเอ่ย
เมื่อวานงั้นหรือ
โจวฝูชะงัก พลันนึกย้อนไปตอนเมื่อวานที่เขาเห็นชายหนุ่มคน
หนึ่งกำลังลงจากอานม้า…
คลาดกันนิดเดียวเองเนี่ยนะ
ถ้าตอนนั้นเขารีบเข้าไปหานางก่อน แล้วเอ่ยกับนางก่อน เขา
อาจจะ…
จะเป็นไปได้รึ แค่เท่านี้เองงั้นรึ
โจวฝูที่ดูเหมือนจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่กลับพูดไม่ออก
ตั้ง
แต่เขาเดินเข้าประตูเรือนมาแล้วได้ฟังเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกเหมือน
สมองของเขามันหยุดทำงานไปแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไรต่อมิอะไร
มาก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
“เจ้าวัดแค่เรื่องใครมาก่อนมาหลังอย่างนั้นรึ” ฉินหูเอ่ยถาม
มองหน้านาง แล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง “เฉิงฝั่ง ข้า ข้าเจอเจ้าก่อน ข้า
รู้จักกับเจ้าก่อนนะ ไม่ใช่เขา”
เฉิงเจียวเหนียงส่ายหัว“ไม่สิ ข้ารู้จักกับเขาก่อนต่างหาก” นางเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง