พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 561 สนใจ (1)
บรรยากาศภายในห้องบรรทมของฮ่องเต้แปลกประหลาดไป
เดิมทีตอนเฉิงเจียวเหนียงเรียกร้องขอคุณงามความดีให้เหล่า
พี่ชายบุญธรรม นางได้กล่าวคำสาบานเดิมพันให้ฟ้าผ่าตายต่อหน้า
ฮ่องเต้ไปแล้ว
ถึงแม้ตอนนั้นจะมีคนอยู่ในเหตุการณ์ไม่มาก แต่เมื่อชื่อแม่นาง
เฉิงเริ่มแพร่กระจายออกไป เรื่องเล่าลือเกี่ยวกับนางจึงแพร่ออกไป
ไกลด้วย ดังนั้นทุกคนจึงรู้เรื่องนี้กันหมด
ความสำ เร็จและพังพินาศต่างเกิดจากเหตุเดียวกัน ในเมื่อนาง
ใช้คำเล่าลืออันหลอกลวงทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง คำเล่าลืออัน
หลอกลวงพวกนี้ก็จะกลับมาดึงดูดให้คนฆ่าฟันนาง
เกาหลิงปอหันมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ฝั่งนี้ด้วยแววตา
เป็นประกาย
อยากได้กลอุบายก็มีกลอุบายมาให้ เป็นกลอุบายที่นางยอมรับ
จากปากเองอยากได้เหตุผลก็มีเหตุผลมาให้ เหล่าขุนนางได้ยินกับหูว่า
ฮ่องเต้เรียกให้นางเข้าเฝ้าเพื่อจะซักไซ้ไต่ถาม
นางมีชนักติดหลัง ฆ่าปิดปากคนอื่น
ใช่แล้ว นางนั่นแหละ! เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดวันนี้ เป็นฝีมือของ
นางทั้งสิ้น!
มันคือนางมารร้าย นางมารร้าย!
สีหน้าผู้คนรอบด้านพากันตกตะลึง สะพรึงกลัว หวาดผวา…
พวกเขาเชื่อแล้วว่านางคือนางมารร้าย
ฆ่านางมารร้ายคนนี้ทิ้งเสีย! ฆ่านางมารร้ายคนนี้ทิ้งเสีย!
ไม่ ไม่เพียงนางมารร้ายคนนี้เท่านั้น
ยังมีฮองเฮาอีก ฮองเฮาที่รับสารภาพจากปากเองว่าเป็นคน
เรียกนางมารร้ายคนนี้เข้าเฝ้า
แล้วก็จิ้นอันจวิ้นอ๋องด้วย พวกเขาทั้งสามสมรู้ร่วมคิดกัน!
ทำให้ผิงอ๋องสิ้นชีพ! ทำให้ฮ่องเต้ประชวรเจียนตาย!
เกาหลิงปอคำรามขึ้นในใจ ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้“ใต้เท้าเกาพูดเรื่องอะไร” ฮองเฮาขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น “เชื่อคำพูด
พาลของเด็กได้ด้วยหรือ”
“คำพูดพาลหรือ” เกาหลิงปอแค่นหัวเราะ “นี่ก็เป็นเพียงคำพูด
ตัดสินง่ายๆ ที่ฮองเฮาคิดไปเองเท่านั้น”
“บังอาจ!” ฮองเฮาเลิกคิ้วตะคอกใส่
“เกาหลิงปอบังอาจไร้มารยาท!” เฉินเซ่าตำหนิด้วยเช่นกัน
เกาหลิงปอไม่หวาดกลัวคำตำหนิของทั้งสองแม้แต่น้อย รอดู
คนอื่นก่อนเถิด รอดูสายตาหวาดระแวงที่คอยหลบไม่กล้ามองของ
พวกเขาแต่ละคนก่อน
เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยหวาดระแวงเริ่มแตกหน่อขึ้นมาแล้ว
นางมารร้ายเช่นนี้ไม่มีใครกล้าเก็บไว้หรอก คราวนี้นางฆ่าผิง
อ๋องจนสิ้นชีพ ทำฮ่องเต้กริ้วจนล้มป่วยใครจะกล้ารับประกันว่า
ตนเองไม่ใช่คนต่อไป
“ทูลถามฮองเฮา บัดนี้ไทเฮาอยู่ที่ใด” เกาหลิงปอไม่ได้
ยอมรับผิดหรือโต้เถียงอะไร แต่กลับเอ่ยถามขึ้นการโต้เถียงไม่ใช่เจตนาของเขาแต่แรก เจตนาเขาคือซักไซ้
ไต่ถาม ยิงนัดเดียวถึงตาย ไม่ต้องสู้รบปรบมือกัน
“ไทเฮายังคงประชวรอยู่ ฝ่าบาทและผิงอ๋องต่างเป็นคนใกล้ชิด
ที่สุดของนาง และก่อนหน้านี้องค์ชายน้อยก็เพิ่งเกิดเรื่อง ไทเฮา
โศกเศร้ามากพอแล้ว ข้าจึงไม่กล้าทูลนางเรื่องนี้” ฮองเฮาเอ่ยตอบ
ไม่กล้าบอกหรือ เรียกว่าไม่อยากบอกเสียมากกว่า
พูดได้เต็มปากเต็มคำเช่นนี้ ฮองเฮานะฮองเฮา ข้าประเมินท่าน
ต่ำไปจริงๆ
เกาหลิงปอแค่นหัวเราะในใจ
“ฝ่าบาทและผิงอ๋องต่างเป็นคนใกล้ชิดที่สุด ไทเฮาเป็นมารดา
และเป็นท่านย่า ความทุกข์จากการเสียคนในครอบครัวไปไม่อาจ
จินตนาการได้ แต่ไทเฮามิได้เป็นเพียงมารดาและเป็นท่านย่าเท่านั้น
ท่านยังเป็นไทเฮา เป็นไทเฮาของแผ่นดิน เมื่อฮ่องเต้ประสบเคราะห์
ไทเฮาก็ต้องเข้าควบคุมจัดการชั่วคราว ไม่อาจอ้างความทุกข์
ระทมใจได้” เขาเลิกคิ้วเอ่ยขึ้น สายตาจับจ้องไปที่ฮองเฮา “และ
ไม่อาจถูกคนขัดขวางได้!”คำว่าขัดขวางทำให้สายตาทุกคนในเหตุการณ์จับจ้องไปที่
ฮองเฮา
ไม่เลวนี่ คนแบบนี้แหละที่ขู่เข็ญฮ่องเต้ให้ถอยไปหลบอยู่ที่
ตำหนักหลังได้
เพียงเดินเข้ามาพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถทำให้อุบัติเหตุใน
ครั้งนี้กลายเป็นแผนการประทุษร้ายไปได้ ทำให้นาง ทำให้ฮองเฮา
กลายเป็นเป้าของประชาชน
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า
มีคนสะกิดแขนนางจากด้านหลัง
เฉิงเจียวเหนียงเอียงหน้าไปมอง เห็นจิ้นอันจวิ้นอ๋องมองนาง
ด้วยสายตาสงสัย
เจ้าหัวเราะอะไร
ไม่มีอะไร
เฉิงเจียวเหนียงเม้มปาก
เสียงตะคอกของเกาหลิงปอยังคงลอยมา“ใครกล้าขัดขวาง!” เขาเลิกคิ้วตะโกนขึ้น สายตาหันไปหาเหล่า
ขุนนางที่อยู่ในเหตุการณ์ “เฉินเซ่า เจ้าจะขัดขวางหรือ”
หากมีรัชทายาท รัชทายาทก็จะเป็นผู้กุมอำนาจ แต่ตอนนี้เรา
ไม่มีรัชทายาทแล้ว เขาได้สิ้นชีพไปแล้ว
ไม่มีรัชทายาท ฮ่องเต้ประชวรหนัก ตามธรรมเนียมแล้วต้อง
เป็นไทเฮาออกมากุมอำนาจจัดการ
เมื่อเห็นเฉินเซ่าไม่พูดอะไร สายตาของเกาหลิงปอจึงหันไปที่
คนอื่น
“พวกเจ้าที่เหลือจะขัดขวางหรือ” เขาเลิกคิ้วตะโกนอย่าง
โกรธเคือง
ภายในห้องโถงเงียบสงัด
“ไทเฮาเสด็จ”
ประตูเปิดออกพร้อมเสียงตะโกน ผ้าม่านเปิดออก ไทเฮาที่ถูก
นางกำนัลในวังประคองอยู่สวมชุดเต็มยศเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เกาหลิงปอเข้าวังมาเพียงครู่เดียว วังหลังก็หลุดจาก
การควบคุมของนางไปแล้วฮองเฮาสีหน้าไม่สู้ดี ก้มหน้าคำนับต้อนรับ
เกาหลิงปอหันกลับไปโค้งคำนับ
“ไทเฮา” เขาตะโกนเสียงสั่นเครือ
เหล่าขุนนางพากันโค้งคำนับตามเขา
ไทเฮาไม่สนใจพวกเขา เดินตรงไปยังเตียงฮ่องเต้
ฮองเฮาซึ่งกำลังโค้งคำนับถูกคนของไทเฮาเบียดออกไป
“ฮ่องเต้!”
ไทเฮาตะโกนเสียงสั่น นั่งลงร้องไห้ฟูมฟายเสียงดัง
เหล่านางสนมในห้องที่ตกใจจนปิดปากเงียบกริบกันไปครู่ใหญ่
พากันร้องไห้ตาม
“ฮองเฮา!” ไทเฮาร้องไห้ครู่หนึ่ง แล้วจึงเลิกคิ้วหันมองฮองเฮา
“เหตุใดจึงไม่บอกข้า! เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่บอกข้า!”
ฮองเฮาสีหน้าตื่นตระหนก โค้งตัวคำนับอีกครั้ง
“หม่อมฉันไม่รู้ว่าจะบอกท่านเช่นไร” นางเอ่ยพลางร้องไห้
พูดได้เต็มปากเต็มคำ ไร้ยางอายสิ้นดี
ไทเฮาถลึงตา แต่ไม่รู้จะซักไซ้คำพูดไร้ยางอายนี้ต่ออย่างไร“หม่อมฉันเกรงว่าไทเฮาจะรับไม่ได้ ฝ่าบาททรงกริ้วจนเป็น
เช่นนี้แล้ว กุ้ยเฟยก็ควบคุมตัวเองไม่ได้” ฮองเฮาร้องไห้เอ่ยขึ้น
แล้วจึงโค้งตัวเอ่ยต่อว่า “หม่อมฉันไม่รู้จะบอกอย่างไร และไม่กล้า
ที่จะไปบอกไทเฮา หม่อมฉันไม่กล้า”
เรื่องที่กุ้ยเฟยคลุ้มคลั่งแถมยังถูกเกาหลิงปอทุบตีจนสลบก็เพิ่ง
เกิดขึ้นไปไม่นาน ฮองเฮาไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อยแต่ก็ยังทราบ
เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าวังหลังอยู่ในกำมือของฮองเฮาทั้งหมด
เกาหลิงปอหันมองฮองเฮา แค่นหัวเราะขึ้นในใจ
ไทเฮามองนางด้วยสายตาเคียดแค้น เงยหน้าตะโกนเรียกหมอ
หลวง
“สรุปว่าฮ่องเต้เป็นอะไร” นางถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หมอหลวงก้าวเข้ามาอธิบายอาการป่วยอย่างละเอียด เมื่อ
ได้ยินว่าไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะฟื้นได้เมื่อไหร่ และต่อให้ฟื้นมาจะรู้สึกตัว
หรือไม่ก็ไม่รู้ ไทเฮาจึงร้องไห้ฟูมฟายอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ อยู่ดีๆ กลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร
นี่คือความฝันใช่ไหม“ไทเฮา ไทเฮา อย่าได้เศร้าโศกไปเลยพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเกาหลิง
ปอดังขึ้น ทำให้ความคิดของไทเฮาที่อยากจะเป็นลมไปให้สิ้นเรื่องสิ้น
ราวสลายหายไป
ไม่ได้ คนที่เกาหลิงปอส่งมาพูดถูก มีคนรอให้นางสลบไม่ได้สติ
อยู่มากมาย จะปล่อยให้พวกเขาสมหวังได้อย่างไร!
“แม่นางเฉิง!” ไทเฮาตะคอกอย่างดุดัน
เฉิงเจียวเหนียวก้าวขึ้นมาขานรับพลางโค้งคำนับ
“เจ้ารักษาแต่คนใกล้ตายมิใช่หรือ เหตุใดตอนนี้จึงไม่รักษา”
ไทเฮาตะคอกใส่
“ถ้าหากฝ่าบาทฟื้นกลับมา ก็จะไม่ใช่คนใกล้ตาย หม่อมฉัน
รักษาไม่ได้ แต่หากฝ่าบาทไม่ฟื้นกลับมา อาการป่วยนักเยี่ยงนี้
หม่อมฉันก็รักษาไม่เป็น ยามนั้นอาจารย์ไม่ได้สอนเพคะ” เฉิงเจียว
เหนียงเอ่ย
สรุปว่าไม่ว่าจะฟื้นหรือไม่ นางก็รักษาไม่ได้อยู่ดี
บังเอิญเสียจริงเหตุใดถึงไม่สอนสิ่งนี้
เฉิงเจียวเหนียงหันมองฮ่องเต้ที่นอนหงายอยู่บนเตียงคำตอบง่ายมาก เพราะท่านพ่อไม่อนุญาตให้นางช่วยชีวิต
ฮ่องเต้คนนี้ ฮ่องเต้ที่อีกหนึ่งปีข้างหน้าก็ถูกฟ้าลิขิตให้ต้องสิ้นชีพ
“ไร้สาระ!”
ไทเฮาตบโต๊ะ
“เจ้าก็ต้องรักษาไม่ได้อยู่แล้ว เจ้ามันจิตใจชั่วร้าย ทำร้ายผิง
อ๋อง ทำร้ายฝ่าบาท!”
ได้ยินดังนี้ ทุกคนในห้องพากันตกตะลึง
“ไทเฮา!” จิ้นอันจวิ้นอ๋องก้าวออกมาตะโกนขึ้น
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” ไทเฮาตะคอก สายตาจับจ้องเฉิงเจียว
เหนียงอย่างโหดเหี้ยม ชี้นิ้วออกมา “ใครก็ได้ จับตัวนาง จับตัวนาง”
องครักษ์ด้านนอกวิ่งกรูเข้ามา
เกาหลิงปอหันมองเฉิงเจียวเหนียงอย่างโหดเหี้ยม แววตา
บ้าคลั่งฉายแววออกมา อารมณ์ที่พยายามสะกดไว้บัดนี้ยากที่จะ
ควบคุมต่อไป มือและร่างกายสั่นสะท้าน
จับตัวนาง จับตัวนาง ตัดคอนาง ตัดคอนาง
“ไทเฮา”เฉินเซ่าก็ลุกยืนขึ้นมาตะโกนตาม พลางหันไปตะคอกหยุดยั้ง
เหล่าองครักษ์
“บังอาจ ฮ่องเต้ไม่ได้สติ พวกเจ้าก็ไม่เห็นหัวกันแล้วหรือ”
ไทเฮาตะคอกด้วยความโกรธเคือง “ไม่มีใครฟังคำพูดของข้าแล้ว
หรือ”
“ก็ต้องดูว่าพูดอะไร!”
เสียงนี้ทำให้คนทั้งห้องตะลึงงัน ใครกัน ถึงได้กล้าเอ่ยเช่นนี้
หันตามเสียงไป เห็นชายร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาจากด้านหลัง
จางฉุน
เขาอีกแล้ว!
เกาหลิงปอหัวใจเต้นรัว