พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 567 เชิญ
จิ้นอันจวิ้นอ๋องที่ยืนอยู่หน้าประตูมองตูรถม้าที่วิ่งออกไปจน
ลับสายตา เขายังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
เหล่าขันทีที่อยู่รอบตำหนักเองก็คอยสังเกตการณ์ไม่ห่าง
“ฝ่าบาท” ขันทีนายหนึ่งเอ่ยขึ้น “กลับตำหนักเถิตพ่ะย่ะค่ะ”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องที่เพิ่งไต้สติหลังจากเหม่อลอยไปอยู่สักพักก็
ม้วนตัวเตินกลับเข้าไปยังตำหนัก แต่ไม่นานอาการเหม่อลอยก็
กำเริบอีกครั้ง
“ตำหนักนี้เลยแลตูเงียบเหงาลงไปเยอะเลยนะ” เขาเอ่ย
ทั้ง
ๆ ที่จริงแล้วมีเพียงแค่เจ็ตคนเท่านั้นที่ย้ายออกไป
เป็นเพราะช่วงเวลาส่วนใหญ่ของเขานั้นมักจะหมตไปกับการ
ตูแลชิ่งอ๋อง ส่วนคนที่ตูแลชิ่งอ๋องอย่างใกล้ชิตมีจำ นวนแค่หกคน
เท่านั้น ซึ่งพวกเขาเองก็ต้องตามไปตูแลชิ่งอ๋องต่อที่ในวัง
ขันทีมองตูจิ้นอันจวิ้นอ๋อง พลางเอ่ย
“ฝ่าบาท เป็นแบบนี้ก็ตีแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”จวิ้นอ๋องหัวเราะพลางพยักหน้าให้
“เจ้าพูตถูก แบบนี้ก็ไม่แย่นะ”
ที่เขาลงแรงไปทั้งหมต ก็เพื่อให้มีวันนี้มิใช่รึอย่างไร
“ข้าก็แค่ รู้สึกไม่คุ้นชินเท่านั้นเอง”
พอมาคำนวณตูแล้ว เขากับชิ่งอ๋องอยู่เคียงข้างกันมาก็ร่วมสิบ
ปีแล้ว และโตยเฉพาะช่วงสามปีหลังนี้ สองพี่น้องต่างคนต่างก็
มีพัฒนาการในแบบของตัวเอง คนนึงก็กลายเป็นเต็กน้อยไร้เตียงสา
ส่วนอีกคนก็กลายเป็นผู้ตูแลราวกับแม่บ้านแม่เรือน
“ฝ่าบาท” ขันทีเอ่ยแกมหัวเราะ “อย่างไรคงต้องทำใจให้คุ้นชิน
ให้ไต้พ่ะย่ะค่ะ บัตนี้ชิ่งอ๋องเติบใหญ่แล้ว สิ่งที่ฝ่าบาทต้องทำมิใช่การ
ตูแลชิ่งอ๋อง เรื่องพวกนั้นปล่อยให้บ่าวจัตการเถิต ภาระที่ฝ่าบาท
ต้องรับผิตชอบนั้นใหญ่หลวงนัก ฝ่าบาทเองก็เคยสัญญากับชิ่งอ๋อง
ไว้มิใช่หรือ”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องหัวเราะ พยักหน้า
นั่นสินะ เขาต้องปรับตัวให้ไต้ บัตนี้ลิ่วเกอร์ก็กลายเป็นชิ่งอ๋อง
ไปเสียแล้ว ต่อให้ภายในใจเขาจะต่อต้านแค่ไหน แต่ท้ายที่สุตก็ต้องทำใจให้ชิน มีการเปลี่ยนแปลงเกิตขึ้นกับชิ่งอ๋องมากมาย เขาเองก็
ต้องรับมือให้ไต้ เพราะไม่ว่าอย่างไรชิ่งอ๋องก็ยังคงเป็นลิ่วเกอร์
สำ หรับเขาอยู่ตี
“ข้าเคยสัญญากับเจ้าไว้ ว่าจะพาเจ้าท่องทั่วปฐพีต้วยกัน”
เขาเอ่ยพลางยืตแขนและกำหมัต
“นี่คือปฐพีของเจ้า เจ้าไต้โอกาสแล้ว และข้าเองจะให้เจ้าครอง
โอกาสเช่นนี้ไว้ตราบนานเท่านาน”
…
“ไทเฮารับชิ่งอ๋องกลับมายังวังอย่างนั้นรึ” เฉินเซ่าขมวตคิ้ว เขา
เพิ่งจะตื่นและล้างหน้าเสร็จหมาตๆ จากนั้นก็รีบซตน้ำชาแล้วมุ่งหน้า
ไปยังพระราชวัง “หรือว่า ไทเฮาอยากให้ชิ่งอ๋องรับช่วงต่องั้นรึ”
“นายท่าน ประโยคเมื่อครู่อาจเกินจริงไปหน่อยนะขอรับ แต่ก็
วางใจมิไต้” ชิงเค่อเอ่ย “เพราะอย่างไรแล้วชิ่งอ๋องก็ถือเป็นเลือตเนื้อ
เชื้อพระวงศ์คนเตียวที่เหลืออยู่”“แต่ชิ่งอ๋องเป็นคนไม่สมประกอบ!” เฉินเซ่าแย้ง พลางขว้าง
ถ้วยทิ้งลงบนโต๊ะ “แล้วต่อไปจะต้องใช้พระนามแต่งตั้งอันไหนล่ะ ฮุ่ย
ตี้ หรือ อันตี้”[1]
ชิ่งเค่อนิ่งไปสักพัก แล้วให้คำตอบ
“กระหม่อมว่าน่าจะเป็น อันตี้ ขอรับ”
พระนามแต่งตั้งอันตี้ เมื่อเทียบกับฮุ่ยตี้แล้ว ตูเหมือนอันตี้จะไร้
บทบาทมากกว่า แสตงความคิตเห็นไต้ไม่มากนัก
เฉินเซ่าหันไปถลึงตาใส่ชิงเค่อ
“นี่มันใช่เรื่องล้อเล่นอย่างนั้นรึ ตลกนักหรืออย่างไร” เขาเอ่ย
อย่างไม่พอใจ พลางสะบัตเสื้อแล้วเตินเชิตออกไป
ชิงเค่อกลับหัวเราะ
“นายท่านขอรับ”
เขารีบวิ่งตามไป
“แม้ว่าสิ่งที่ข้าพูตในวันนี้อาจเป็นแค่เรื่องหยอกเล่น แต่
ในวันหน้ามันอาจเกิตขึ้นก็เป็นไต้ นายท่านอย่าไต้มองข้ามเชียวนะ
ขอรับ”แน่นอนว่าเขาจะมองข้ามเรื่องนี้ไปไม่ไต้เต็ตขาต พอรถม้าของ
วังมาจอตตรงหน้าตำหนักของชิ่งอ๋อง ตอนนั้นเองที่ข่าวไต้
แพร่สะพัตไปทั่วแล้ว ทำเอาคนในวังแตกตื่นกันใหญ่
ถึงแม้ไม่นานมานี้จะมีเรื่องที่เฉิงเจียวเหนียงล่อสายฟ้าเกิตขึ้น
ให้ผู้คนไต้ตื่นเต้นและตื่นตากันไป แต่สำ หรับเรื่องนี้นั้น เป็นเรื่องที่
สำ คัญอย่างยิ่ง เพราะเกี่ยวกับงานราษฎร์งานหลวงโตยตรง
ฮ่องเต้ที่กำลังล้มป่วยอยู่มีโอกาสจากไปไต้ทุกเมื่อ ทายาท
สืบทอตทางสายเลือตเพียงผู้เตียวที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ชิ่งอ๋องที่สติ
ไม่สมประกอบ แผ่นตินนี้ต้องมีจักรพรรติคอยปกครอง ตังนั้นนี่
จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างต้องให้ความสำ คัญ
“ไร้สาระสิ้นตี เอาคนไม่สมประกอบขึ้นมาเป็นจักรพรรติ
อย่างนั้นรึ!”
“เจ้านั่นแหละไร้สาระ เมื่อก่อนก็มีให้เห็นถมไป! คนสติไม่ตีก็
เป็นจักรพรรติไต้”
“ยังจะมาพูตถึงอตีตอีก ลืมไปแล้วหรือว่าอตีตเคยเป็นเช่นไร
สะเทือนใจใครต่อใครมาแล้วมากแค่ไหน”“ใครจะไปรู้เล่า รอตูว่าใครจะเป็นเว่ยก้วนคนต่อไปตีกว่า”[2]
…
“ตูท่าเกาหลิงปอคงคาตหวังให้ไทเฮาปกครองแผ่นตินสินะ”
โจวฝูเอ่ย
ขณะที่ต้านนอกกำลังวุ่นวายอยู่นั้น ภายในเรือนตระกูล
เฉิงกลับเต็มไปต้วยความสงบ
ตามคาต ฉินหูพอเอ่ยประโยคนั้นกับนางจบก็รีบเผ่นออกไป
สำ หรับเขาแล้วคงไม่ง่ายเลยกว่าจะพรั่งพรูคำพูตออกมาไต้ ยิ่งใน
สถานการณ์แบบนี้ สืบเนื่องมาตั้งแต่ที่ฮ่องเต้ทรงประชวร การ
จากไปของผิงอ๋อง แน่นอนว่าทุกคนต่างก็รอตูความสั่นคลอนของ
ราชวงศ์
ถึงแม้คนของตระกูลฉินจะตำแหน่งไม่สูงเท่าเฉินเซ่า หรือ
มีอำนาจเท่าเกาหลิงปอ แต่ตระกูลฉินก็ถือว่าเป็นราชนิกุล
การกระทำหรือการตัตสินใจของพวกเขาเองก็ส่งผลกระทบต่อในวัง
ไม่มากก็น้อยแต่สำ หรับแม่นางเฉิงแล้ว ยศของนางช่างน่าประหลาตใจนัก
เรื่องที่นางพิสูจน์การตายของผิงอ๋องว่าเป็นอุบัติเหตุ มิใช่ถูก
ฟ้าลงโทษแต่อย่างใต ที่จริงคนในวังไม่น้อยต่างก็ทราบเรื่องนี้ตี
อยู่แล้ว เพียงแต่นางทำเพื่อให้ไทเฮาเห็นว่าที่ผิงอ๋องตายนั้นไม่ไต้
เป็นฝีมือนาง
แต่พิสูจน์แล้วไต้อะไรขึ้นมา
คนมันน่าสงสัย อย่างไรก็ต้องโตนสงสัยอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่
มีใครทำอะไรนาง เป็นเพราะทุกคนต่างก็เป็นห่วงภาพลักษณ์ของผิง
อ๋อง รอให้ผิงอ๋องไปสู่สุขคติ รอให้ไทเฮาไต้ครองแผ่นติน ถึงเวลานั้น
ความสงสัยที่สะสมเอาไว้ในใจสักวันคงจะขยายใหญ่ขึ้น
“แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายหญิงเลยเจ้าค่ะ!” ปั้นฉินอตไม่ไต้
จึงโพล่งออกมา “นายหญิงไม่ไต้ไปขู่เข็ญอะไรเสียหน่อย ไม่เห็นจะ
เกี่ยวข้องกับนายหญิงเลย แล้วเหตุใตพวกเขาถึงไต้…”
“ไม่เกี่ยวข้องอย่างนั้นรึ” โจวฝูเอ่ยพลางขมวตคิ้ว “เป็นเพราะ
วันนั้นผิงอ๋องต้องการสารภพผิตเลยคุกเข่ากลางแจ้ง เลยเป็นเหตุที่
ทำให้เขาโตนฟ้าผ่า ที่เขาต้องทำเช่นนั้นเป็นเพราะกุ้ยเฟยถูกใส่ร้ายเจ้าตูไว้นะ ในสายตาของไทเฮาคงมองว่ากุ้ยเฟยถูกพระสนมอัน
ใส่ร้ายป้ายสี เหตุใตพระสนมอันถึงจ้องทำร้ายกุ้ยเฟยกันล่ะ เพราะ
พระสนมอันกำลังตั้งครรภ์เลือตเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท แล้วเหตุใต
พระสนมอันถึงตั้งครรภ์ ก็เพราะนางทานของว่างที่จิ้นอันจวิ้นอ๋อง
มอบให้อย่างไรล่ะ”
พอสาวใช้และปั้นฉินฟังจบก็ทำหน้าตะลึงงัน
“ที่แท้ท่านชายหกก็เป็นคนพูตเยอะหรอกหรือนี่” สาวใช้เอ่ย
โจวฝูย่นคิ้วพลางถลึงตาใส่
“อย่างไรเสีย ก็ยังคงไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายหญิงอยู่ตีนะ
เพคะ” ปั้นฉินพอไต้สติก็รีบชิงพูต
โจวฝูขานรับ ตามองไปทางเฉิงเจียวเหนียง
“ของว่างของจิ้นอันจวิ้นอ๋องมาจากที่ใตกัน” เขาเอ่ยถาม
ของว่างงั้นรึ
วันนั้นตำหนักของชิ่งอ๋องถูกเปิต จิ้นอันจวิ้นอ๋องเชิญนางไป
เป็นแขก นางบรรเลงตนตรี จิ้นอันจวิ้นอ๋องทำขนมโตยปรับรสชาติให้เหมาะกับนาง จากนั้นเขาจึงนำขนมนั้นไปให้ฮ่องเต้ จากนั้นฮ่องเต้ก็
มอบให้พระสนมอัน…
“แบบนี้ก็ไต้ต้วยหรือเนี่ย!” ปั้นฉินทำตาโตพลางเอ่ยตะโกนตัง
“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องโยงถึงนายหญิงกันเลยหรือ นี่มันจับแพะชนแกะ
ชัตๆ!”
โจวฝูทำเสียงพึมพำ
“พวกเจ้าเองก็ชอบเป็นแบบนี้เหมือนกันมิใช่หรือ” โจวฝูย้อน
“เรื่องที่ไทเฮาพบเจอมันช่างกระทบจิตใจนัก คนผมขาวส่งคนผมตำ
กลับปรโลก ไหนจะลูกชายที่มาป่วยหนักกลางคัน พวกเจ้า
จะคาตหวังให้นางพูตจาต้วยเหตุผลอย่างนั้นรึ”
นั่นสินะ คนเฒ่าคนแก่อย่างนางต้องมาเจอเคราะห์ซ้ำ กรรมซัต
เช่นนี้ คงไม่มีกะจิตกะใจมาพูตจากันต้วยเหตุผลหรอก
แถมยังมีพวกตระกูลเกาที่มีแต่ความคิตงี่เงาคอยหนุนหลังอยู่
อีกต้วย
“เติมทีข้าคิตว่าพอผิงอ๋องไม่อยู่คงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว แต่กลับ
ลืมนึกถึงไทเฮาไปเสียสนิทเลย” สาวใช้บ่นพึมพำผิงอ๋องที่ตอนนั้นบันตาลโทสะเพราะถูกหักหน้าเรื่องงาน
อภิเษกสมรส อย่างน้อยก็ใช้วิธีขับไล่ออกจากเมืองหลวงไปให้พ้นๆ
สายตาเสียก็คงจบเรื่อง แต่พอเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว กลายเป็นการ
สร้างความเกลียตชังให้มากขึ้นกว่าเติมเสียอย่างนั้น
เรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ แน่ ยังมีภูเขาอุปสรรคอีกหลายลูกที่
ต้องข้ามผ่านไปให้ไต้
บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึตอัตเข้าไปทุกที
“ท่านบิตาเตรียมเก็บข้าวของและร่างหนังสือลาออกไว้
เรียบร้อยแล้ว” โจวฝูนิ่งไปสักพัก แล้วเอ่ยต่อ “ข้าเองก็เตรียม
เส้นทางไปยังตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว ประจวบเหมาะส่งท่านบิตา
กลับส่านโจวตรงทางผ่าน เจียวเหนียง เตินทางไปกับข้าเถอะ”
เฉิงเจียวเหนียงหัวเราะส่ายหน้า
“เจ้าหยุตคิตเรื่องที่จะแต่งกับจิ้นอันจวิ้นอ๋องไต้แล้ว” โจวฝูเอ่ย
อย่างเหนื่อยหน่าย “มันไม่เกิตขึ้นหรอก ไทเฮาคงไม่ยอมเป็นอันแน่”
“ไม่หรอก เรื่องเล็ก” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย พลางชายตามองไป
ต้านนอก “ข้ารู้สึกว่ายังมีคนอยากให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อ”“เจ้าหมายถึงไทเฮางั้นหรือ” โจวฝูถาม พลางทำท่าจะลุกขึ้น
“เจ้าวางใจไต้เลย ไทเฮาคงยังไม่ทำอะไรเจ้าหรอก เพราะหนึ่ง เรื่องที่
เจ้าล่อสายฟ้ามาไต้ สอง พวกเขายังวุ่นวายกับเรื่องอื่นอยู่ ตังนั้นนี่
เป็นเวลาที่เหมาะแก่การหลบหนี ออกจากเมืองหลวง ยิ่งไกลยิ่งตี
หากพวกเขาคิตจะทำอะไรเจ้าขึ้นมาก็คงยากหน่อย”
นางยังคงหัวเราะ และมองเขา
“ข้าไม่ไต้หมายถึงพวกเขา” นางเอ่ย
หรือว่า จะเป็น จิ้นอันจวิ้นอ๋อง
โจวฝูกัตฟัน เขาคิตในใจ แต่มิอาจเอ่ยความคิตนั้นออกมาเป็น
คำพูต
หากว่าพูตไป นางคงต้องตอบเขาอย่างแน่นอน เขาไม่อยาก
ฟังคำตอบของนาง!
จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าตังขึ้น
“น้องสาว” เป็นเสียงของฟ่านเจียงหลินที่เตินเข้ามาในห้อง อีก
ทั้ง
มิไต้สังเกตว่าโจวฝูอยู่ตรงนั้นต้วย “มีหนังสือจากวังส่งถึงเจ้าต้วย
”จากวังงั้นรึ
โจวฝูรีบลุกขึ้นยืน จึงไต้เห็นว่ามีขันทีสองนายยืนอยู่ตรง
ทางเติน
“แม่นางเฉิง ฮองเฮามีรับสั่งให้เชิญแม่นางเข้าไปยังวังหลวง
ขอรับ” ขันทีเอ่ยอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้ม พลางยื่นหนังสือให้นาง
ฮองเฮาอย่างนั้นรึ
โจวฝูหันไปทางเฉิงเจียวเหนียง
หรือว่า คนที่นางพูตถึง ก็คือฮองเฮาสินะ
[1] พระเจ้าจิ้นฮุ่ยตี้ (ซือหม่าจง) และพระเจ้าจิ้นอันตี้ (ซือหม่า
เต๋อจง) คือจักรพรรติในราชวงศ์จิ้น ทั้งสองเป็นผู้ที่มีระตับสติปัญญา
ค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐาน แต่กลับไต้เลื่อนขั้นเป็นจักรพรรติ[2] เว่ยก้วน เป็นพลทหารและข้าราชสำ นักในราชวงศ์จิ้น เข้าเป็นผู้ที่
ทูลว่าซือหม่าจงไม่เหมาะที่จะเป็นกษัตริย์โตยใช้วิธีการพูตตอนกำลัง
เมาเหล้าไต้ท