พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 570 สถาปนา (1)
สถาปนางั้นรึ
แม้จะเตรียมใจมาแล้วก็ตาม แต่เอาเข้าจริงไทเฮาเองก็รู้สึก
หวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย
ถึงเวลาแล้วสินะ
อยู่มาตั้งนานไม่ยอมแต่งตั้ง มาอีกทีก็ตอนที่มกุฎราชกุมาร
แทบจะไม่เหลือแล้ว
“ตามนั้น” ไทเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
สิ้นเสียงไทเฮา ขันทีก็รีบน้อมรับคำสั่งแล้วนำส่งต่อ
ฮ่องเต้ที่กำลังประชวรหนัก ราชกิจต่างๆ ในวังเป็นอันต้อง
หยุดนิ่ง เหล่าข้าราชสำ นักทั้งหลายต่างก็สลับกะทำหน้าที่วนกันไป
เช่นเดียวกันกับข้าราชบริพารคนอื่นๆ ที่ก็ต้องคอยประจำ อยู่ที่
ราชสำ นัก พอเรื่องสถาปนาถูกแพร่กระจายออกไป ทุกคนต่างก็เนื้อ
เต้นกันใหญ่
พวกเขาคิดในใจ องค์จักรพรรดิสวรรคตแล้วรึเสียงฝีเท้าคนกลุ่มใหญ่เดินว่อนดังขึ้น เดิมทีนึกว่าจะต้องไปยัง
ตำหนักองค์จักรพรรดิ แต่ผิดคาด เมื่อพวกเขารู้ว่าที่ๆ ต้องไป
กลับเป็นตำหนักใหญ่ ก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะ
ราชรถของไทเฮามุ่งหน้าไปยังตำหนักใหญ่ ส่วนจิ้นอันจวิ้นอ๋อง
ที่เดินเท้ามุ่งหน้าไปยังทางเดียวกันกลับหยุดฝีเท้าลง
“กระหม่อมเห็นว่าไทเฮามีราชกิจมากมาย เลยอยากจะขอตัว
ก่อนพ่ะย่ะค่ะ” เขาเอ่ย พลางหันกลับไปอีกทาง “กระหม่อมจะไปดู
ชิ่งอ๋องเสียหน่อย”
ตั้ง
แต่กลับเข้ามาในวัง ชิ่งอ๋องก็ได้พำนักในตำหนักของไทเฮา
จิ้นอันจวิ้นอ๋องได้ยินเสียงร้องของชิ่งอ๋องมาแต่ไกล
“ไม่พอใจอะไรอีกแล้วเล่าชิ่งอ๋อง” เขาเอ่ยพลางเร่งฝีเท้า
“ฝ่าบาท”
ขันทีนายหนึ่งโผล่เรียกเขาจากด้านข้าง โค้งคำนับให้จวิ้นอ๋อง
จวิ้นอ๋องตกใจเล็กน้อย
“ฝ่าบาท ชิ่งอ๋องกำลังจะเข้านอนแล้วขอรับ ฝ่าบาทเข้ามา
เยี่ยมวันหลังจะดีกว่าขอรับ”เข้านอนงั้นรึ
“เวลานี้ไม่ใช่เวลาเข้านอนของชิ่งอ๋องนี่” เขาท้วง
ขันทีก้มหน้านิ่ง
“เมื่อก่อนอาจเป็นเช่นนั้นขอรับ แต่พอตั้งแต่มาอยู่ในตำหนัก
ของไทเฮา เวลาเข้านอนของชิ่งอ๋องเลยเปลี่ยนไปขอรับ” ขันทีเอ่ย
ตอบ
จิ้นอันจวิ้นอ๋องมองขันทีพลางหัวเราะ
“อย่างนี้เองหรอกหรือ” เขาเอ่ย พยักหน้า “เอาล่ะ เข้าใจแล้ว”
พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
“ฝ่าบาท” ขันทีเฒ่าที่เดินออกมาส่งจิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ยเรียก
เขา “ฝ่าบาทวางใจเถิดขอรับ ชิ่งอ๋องสบายดีขอรับ”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องมองขันทีพลางหัวเราะ
“คงเป็นเช่นนั้นสินะ เขาต้องสบายดีอยู่แล้ว ข้าว่าอยู่ที่นี่คงไม่
มีใครคิดไม่ดีกับเขาหรอก” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ย พลางหันไปทาง
ตำหนักไทเฮา พบว่าเสียงร้องของชิ่งอ๋องเงียบลงไปแล้ว“พวกเจ้าก็ตามใจเขาหน่อยแล้วกัน เด็กคนนี้ไม่รู้จักคำว่า
เหนื่อย ชอบวิ่งเล่นไปทั่ว ถ้าเขาอยากทำอะไรก็ให้เขาทำ อย่าไปห้าม
เขา”
ขันทีชราน้อมรับ
“ฝ่าบาทรีบไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีเอ่ย พลางกดเสียงให้ต่ำลง
“งานใหญ่กำลังจะเริ่มแล้วขอรับ”
…
ฉินหูที่กำลังออกมาเดินเล่น ก็เดินตามที่ถนนพาไปเรื่อยๆ
สักพักก็ได้เจอกับโจวฝู
“เจ้าออกมารับลมเย็นถึงนี่เลยรึ” ฉินหูฉีกยิ้ม พลางทักทาย
จากนั้นก็เข้าไปนั่งข้างๆ โจวฝู
แต่โจวฝูไม่ได้หันมามองเขาแต่อย่างใด
“ดีแล้วที่เจ้าไม่มาหาข้า” ฉินหูเอ่ย “ข้าเองก็รู้เรื่องราวพอๆ กับ
ที่เจ้ารู้ ไม่ได้มีข่าวคราวใหม่ๆ มาเล่าสู่กันฟัง หากมีใครสักคนคอยช่วยเหลือแล้ว เรื่องก็คงจะเบาลงไปบ้าง เจ้าเองก็อย่าได้เป็นกังวลให้
มากนัก”
โจวฝูหันมามองเขา
“แต่คนผู้นั้นดันไม่ใช่ข้านะสิ” ฉินหูหัวเราะ “กลับเป็น จิ้นอัน
จวิ้นอ๋อง”
“เขาน่ะหรือ” โจวฝูขมวดคิ้วถาม “พอมาเกิดเรื่องแบบนี้เข้า
ไทเฮาคงไม่มีวันยอมให้เขาแต่งงานกับนางแน่ๆ”
“เดี๋ยวเขาก็คงหาทางได้เอง” ฉินหูเอ่ย “ขอเพียงแค่เขา
ต้องการจริงๆ จากนั้นก็คงจะหาพื้นที่ไกลๆ จากเมืองหลวงแล้วหนี
ออกไป ข้าว่าไทเฮาอาจจะยินยอมก็เป็นได้”
“ให้ออกไปงั้นรึ” โจวฝูเอ่ยถาม “อยู่ดีๆ เหตุใดต้องทำเช่นนั้น
ล่ะ”
“อยู่ดีๆ งั้นเรอะ” ฉินหูมองเขา “ถ้าอยู่ดีจริงๆ เขาคงไม่ทำ
เช่นนั้นหรอก เขาเองก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องปักหลักที่เมืองหลวง
แห่งนี้ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ถูกฮ่องเต้กับไทเฮาตามใจมาตลอด เขาเองก็ไม่อยากให้ฮ่องเต้กับไทเฮามาคอยฟังเสียงคัดค้านจากใครต่อ
มิใครๆ หรอก”
ราชนิกุลอย่างจิ้นอันจวิ้นอ๋องนี่ก็ถือว่ามีความผยองอยู่พอตัว
เพราะตั้งแต่เด็กก็เอาแต่ถูกใครต่อใครวิพากษ์กันต่างๆ นานา พอ
เติบใหญ่ขึ้น เขาเองก็แทบจะไม่เคยได้ออกจากเมืองหลวงแห่งนี้
มิหนำซ้ำ ยังอยู่จนสร้างชื่อจนเป็นที่ประจักษ์
“ไหนจะช่วงนี้ที่ฝ่าบาททรงประชวรหนัก ไหนจะเรื่องผิงอ๋อง
แถมยังมีชิ่งอ๋องที่สภาพเป็นแบบนั้น เขายังต้องเข้าๆ ออกๆ วังอยู่
อย่างนั้น สรุปแล้วเข้าต้องการอะไรกันแน่” ฉินหูเอ่ยขึ้นพลางยิ้ม
อย่างเยือกเย็น
“เขาจะทำอะไร ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว” โจวฝูเอ่ยขัด “ข้าแค่
อยากรู้ว่าต่อไปเจียวเหนียงจะเป็นอย่างไร จะเป็นอย่างที่เจ้าว่าไว้
หรือไม่ ว่าจะออกจากเมืองหลวงไปพร้อมกับจิ้นอันจวิ้นอ๋อง”
“จะให้นางอยู่ต่อก็ได้ เพียงแต่ นางไม่ยอมแต่งงานกับข้าเนี่ย
สิ” ฉินหูบ่น
โจวฝูถลึงตาใส่ พลางเอ่ย“ที่จริงข้าเองก็มีเรื่องคาใจเหมือนกัน”
ฉินหูหันไปรอฟัง
“นางทำผิดจริงหรือไม่” โจวฝูเอ่ยถาม
คำถามเมื่อครู่ทำเอาฉินหูตะลึงไปชั่วขณะ
“นางเคยหรือไม่” โจวฝูเอ่ยอีกครั้ง จากนั้นลุกขึ้นยืน
ฉินหูเงยหน้ามองตาม
“ขอตัวก่อน ข้านั่งตากลมจนพอใจแล้ว” โจวฝูยิ้มให้แล้วทำท่า
คำนับ “ขอบใจเจ้ามากที่มาหาข้า”
ฉินหูมองดูชายตรงหน้าที่กำลังขึ้นหลังม้าแล้วควบม้าวิ่งจากไป
นางไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น แต่ไหนแต่ไรมักจะมีแต่คนมาคอย
แกล้งนาง ใส่ร้ายป้ายสีนาง จงเกลียดจงชังนาง เจ้าคิดเจ้าแค้นกับ
นางอยู่ตลอด…
ในเมื่อนางไม่เคยทำผิด ไม่เลยสักครั้ง เหตุใดนางต้องหลบหนี
ด้วยล่ะ
เพียงแค่เพราะผิงอ๋องเป็นบุคคลสำ คัญของราชวงศ์งั้นรึ
แต่ว่า หากไม่ให้นางหนีไป แล้วจะมีวิธีไหนอีกล่ะ“ท่านชาย!”
เสียงเรียกนั้นดังจนขัดขวางการนั่งครุ่นคิดของเขา พอหันไป ก็
ปรากฏผู้ติดตามคนสนิทของท่านพ่อกำลังวิ่งมาทางนี้
บัดนี้ท่านพ่อต้องอยู่ในวังนี่นา หรือว่าจะ…
ฉินหูรีบลุกขึ้นยืน
“จะมีการแต่งตั้งรัชทายาทขึ้นแล้วขอรับ”
…
บรรยากาศในตำหนักฉินเจิ้งเต็มไปด้วยความอึดอัด
“นี่เรายังพูดไม่ชัดเจนอีกรึ”
ไทเฮารับไม่ได้กับความอึดอัดที่เผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ จึงต้องรีบ
เข้าเรื่อง
“เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ”
ก็ไหนว่าจะพูดถึงวาระการสถาปราองค์มกุฎราชกุมารไง แล้ว
ไฉนพอคนพวกนี้มาถึงก็เอาแต่นั่งพูดคุยแต่เรื่องอาการประชวรของ
ฝ่าบาทและเรื่องผิงอ๋อง ไหนจะเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องอีกก็ว่าเหตุใดผิงอ๋องถึงไม่ยอมขึ้นแทนสักที ก็เพราะว่าน่าเบื่อ
แบบนี้ยังไงล่ะ
ไทเฮาชักเริ่มจะหมดความอดทนกับคนพวกนี้
จึงลั่นวาจาอีกครั้ง
“ไทเฮาประสงค์จะแต่งตั้งผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ” เฉินเซ่าเอ่ยถาม
ไทเฮาสังเกตท่าทีของเฉินเซ่าที่ดูแปลกๆ ไป
พลางคิดในใจ ยังจะมีหน้ามาถามอีก มันจะเหลือใครอีกล่ะใน
นี้
“แน่นอนว่าต้องเป็นชิ่งอ๋อง” ไทเฮาเอ่ย
สิ้นคำของไทเฮา ทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
…
“เหล่าขุนนางราชสำ นักทั้งหลายคงทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้อง
พูดอะไรออกมาเป็นแน่”
เป็นเสียงเอ่ยของฮองเฮา ขณะที่มือกำลังหยิบผ้าแล้วค่อยๆ
เช็ดที่ใบหน้าของฮ่องเต้“หม่อมฉันว่าไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเพคะ พวกเขาน่ะรู้อยู่แล้วว่า
จะพูดอะไร แต่แค่พูดออกมาไม่ได้ก็เท่านั้น” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
ตอบ
ฮองเฮามองหญิงสาวตรงหน้าพลางหัวเราะ
“นั่นสินะ คงไม่มีใครอยากให้คนไม่สมประกอบขึ้นมาเป็น
มกุฎราชกุมารหรอก” ฮองเฮาเอ่ย “ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องน่าขัน แต่
เอาเข้าจริงคงไม่มีใครขำออกหรอก”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นชายตามองบุรุษที่กำลังนอนนิ่งอยู่บน
เตียง
“ข้าเองก็เหมือนกัน คงไม่มีอะไรน่าขันไปมากกว่าเรื่องที่ข้าพบ
เจอแล้ว”
จู่ๆ นางสนมก็วิ่งเข้ามาเอ่ยเรียกฮองเฮา
“ฮองเฮา ฮองเฮาเพคะ ไม่ได้การแล้ว พระสนมอันคิดจะ
ฆ่าตัวตายเจ้าค่ะ”
ฮองเฮาสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
“แล้วไม่ได้เข้าไปห้ามรึ” นางรีบเอ่ยถาม“โชคดีว่าเข้าไปห้ามทันเจ้าค่ะ” นางสนมเอ่ยเสียงเบา
“เพียงแต่ นางไม่ยอมกินข้าวกินยาเลย”
ฮองเฮาถอนหายใจ หันไปชวนคุยกับเฉิงเจียวเหนียง
“พระสนมอันรักฝ่าบาทมาก หลังจากที่นารู้ข่าวเรื่องฝ่าบาทก็
แทบจะล้มทั้งยืนเลย บางที ข้าเองก็น่าจะต้องเรียนรู้จากนางบ้าง
แล้วล่ะ ในวันที่ฝ่าบาทจากไป ข้าเองก็จะจากไปพร้อมกับฝ่าบาท”
“นั่นสิเพคะ ฮองเฮาจะได้ไปเยือนปรโลกอย่างมีเกียรติ
มีศักดิ์ศรีเคียงคู่กับคนที่ตนเองรัก อีกทั้งจะได้ไม่ต้องมาคอยลำบาก
เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยนะเพคะ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
สิ้นประโยคเมื่อครู่ ฮองเฮาถึงกับหน้าหงายด้วยความคาดไม่
ถึง
“แม่นางเฉิง ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกความใจกล้าของเจ้าเกินไป
สินะ”
“หม่อมฉันเพียงแค่ ไม่ชอบการพูดโกหกเพคะ” เฉิงเจียวเหนียง
เอ่ยต่อ“ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่เจ้าพูดออกมามันไม่เกินไปหน่อยรึ” ฮองเฮา
ส่ายหน้า “ข้าเป็นถึงฮองเฮา ต่อให้ฮ่องเต้ไม่อยู่กับข้าแล้ว ข้าก็ยัง
เป็นฮองเฮา”
“ฮองเฮงน่าจะรู้อยู่แก่ใจเพคะ พอชิ่งอ๋องได้ขึ้นครองราชย์
ฮองเฮาก็เตรียมว่าราชการหลังม่านเลยสินะเพคะ” เฉิงเจียวเหนียง
เอ่ยต่อ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะได้เป็นฮองไทเฮาสิ” ฮองเฮาเอ่ย