พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 572 ไหนเลยจะกล้า
“เช่นนี้ก็ดีไม่ใช่หรือ”
เกาหลิงปอโยนหนังสือในมือลง
“มีขุนนางคนสำ คัญนี้ ฝ่าบาทจะต้องวางใจแน่”
“ท่านพ่อ” ท่านชายเกาเอ่ยอย่างร้อนรน “ไทเฮาไม่ร่วมประชุม
ในราชสำ นักอีก นึกไม่ถึงว่าตาเฒ่าเฉินเซ่านั่นจะวิ่งโร่ไปถึงประตู
ตำหนัก นี่มันบีบบังคับไทเฮาให้หมดทางเดินชัดๆ”
“กระทั่งเรื่องเช่นนี้ยังทำได้ เฉินเซ่านี่ทุ่มสุดตัวจริงๆ” เกาหลิง
ปอเอ่ยขึ้น
“แล้วตอนนี้ควรจะทำเช่นไรดีขอรับ” ท่านชายเกาเอ่ยอย่าง
ร้อนรน
เจ้าบ้าเฉินเซ่านั่นเอ่ยเรื่องหยางเจียนขึ้นมา บีบบังคับให้ตระกูล
เกาของพวกเขาไร้หนทางเดินต่อ
เกาหลิงปอหัวเราะ“แบบนี้จัดการง่ายจะตาย” เขาเอ่ยพลางหยิบฎีกาฉบับหนึ่งขึ้น
มาแล้วโยนให้ท่านชายเกา “เอาไปถวายแทนพ่อที”
ว่าอย่างไรนะ
ท่านชายเกาเปิดฎีกาออกอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ทันใดนั้นสีหน้าก็
ตกตะลึง
“ลาออกอย่างนั้นรึ!”
ไทเฮามองฎีการที่ส่งมาด้วยความตกใจไม่น้อย
“เจ้ากำลังทำอะไรกัน เพราะคำพูดของเฉินเซ่านั่น ก็จะโยน
แม่หม้ายกับเด็กกำพร้าอย่างพวกข้าทิ้งแล้วหรือ”
เอ่ยถึงเพียงเท่านั้นไทเฮาก็เดือดดาลยกใหญ่
“นี่เป็นราชบัลลังก์ของตระกูลเรา มีตระกูลเราเป็นคนตัดสิน
ไม่มีทางยอมให้ขุนนางอกตัญญูนี่มายกมือยกไม้สั่งการหรอก! เขา
ด่าข้าว่าเป็นคนถืออำนาจทำลายบ้านเมือง ข้าก็จะตัดหัวเขาให้
สมดังความภักดีที่เขาปรารถนา!”
“ไทเฮา”
เกาหลิงปออมยิ้มคำนับ“สิ่งที่ไทเฮาจะต้องช่วยทำให้สมหวังไม่ใช่ความภักดีของเขา
แต่คือแผ่นดินของฝ่าบาท”
“เฉินเซ่าพูดถูก ชิ่งอ๋องขึ้นครองราชย์ คนทั้งแผ่นดินจะต้อง
เย้ยหยัน ราชสำ นักก็จะต้องหวั่นวิตกเช่นกัน เพื่อปลอบขวัญผู้คน ก็
ต้องทำเช่นนี้”
“ไทเฮา เพื่อไทเฮากับชิ่งอ๋อง ไทเฮาต้องทำเช่นนี้ ไทเฮาทำ
เช่นนี้ไม่ใช่เพราะถูกเฉินเซ่าบังคับ แต่เพื่อแผ่นดินของตระกูลเรา”
ไทเฮามองเกาหลิงปอ ในแววตารื้นน้ำคลอเบ้า
“เจ้าไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไร ยามนี้เขาก็กล้ามารังแกข้าเช่นนี้
แล้ว ทั้งยังจะให้ข้าออกว่าราชการอีก” นางเอ่ยขึ้น
“ไทเฮา หากอยากจะได้มาครอง ก็ย่อมต้องสละไปเสียก่อน”
เกาหลิงปอเอ่ย เงยหน้าแย้มยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อเขาต้องการ
พวกเราก็ให้เขา ส่วนหลังจากที่เขาเอาไปแล้วจะสามารถรักษาเอาไว้
ได้หรือไม่นั้น นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเราแล้ว”
…เฉินเซ่าคุกเข่าได้ไม่นาน ในสองวันต่อมาตำหนักฉินเจิ้งก็เปิด
การประชุมราชสำ นักขึ้นอีกครั้ง
เมื่อฟังประโยคสุดท้ายของจดหมายลาออกของเกาหลิงปอจบ
ภายในตำหนักก็เงียบกริบ
“ตอนนี้คงพอใจแล้วกระมัง”
เสียงของไทเฮาดังขึ้นหลังม่าน
“ไทเฮาปรีดายิ่ง” เฉินเซ่าเอ่ยขึ้น ไม่สนใจคำพูดประชดประชัน
ของไทเฮาเลยสักนิด เขาโน้มกายลง “กระหม่อมเฉินเซ่าขอโปรด
แต่งตั้งชิ่งอ๋องเป็นองค์รัชทายาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ทันใดนั้นก็มีคนออกมาคุกเข่าลงตาม
“กระหม่อมขอไทเฮาโปรดแต่งตั้งชิ่งอ๋องเป็นองค์รัชทายาท
ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
คนมากมายต่างพากันทยอยออกจากแถวมา
ไทเฮาฟังเสียงขอให้แต่งตั้งที่ดังขึ้นไม่ขาดสาย ก็ถอนหายใจ
ออกมา
“ได้” นางเอ่ยปากขึ้นเพิ่งจะเอ่ยขึ้นมา ด้านนอกก็มีขันทีสาวเท้าเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“ฮองเฮาเสด็จ”
ฮองเฮาอย่างนั้นรึ
คนภายในตำหนักต่างตกใจ ไทเฮาที่อยู่หลังม่านก็ยิ่งขมวดคิ้ว
มุ่น
“การประชุมในราชสำ นัก ฮองเฮาเข้ามาในตำหนักได้อย่างไร!”
ขุนนางคนหนึ่งออกจากแถวเอ่ยขึ้น
“แม้ฮ่องเต้ประชวรหนัก ฮองเฮาก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเป็น
ผู้แทนพระองค์จัดการเรื่องราวในราชสำ นักได้เสียหน่อย” มีคนแย้ง
ขึ้น
ตัวอย่างในอดีตก็มีอยู่จริง คำพูดของขุนนางผู้นั้นจึงชะงักไป
ในขณะที่กำลังลังเล ฮองเฮาก็เดินเข้ามาแล้ว ขันทีด้านนอกที่
เข้าเวรอยู่กลับไม่กล้าขวางไว้ ฮองเฮาในชุดราชสำ นักครบองค์จัดอยู่
ลำดับที่สามในวังหลวงแห่งนี้ ยามนี้อันดับอยู่ที่สองแล้ว เพราะ
อันดับหนึ่งผู้นั้นล้มหมอนนอนเสื่อไม่อาจมาจัดการได้“ฮองเฮามีเรื่องใดหรือจึงเข้ามาทั้งๆ ที่ไร้ราชโองการรับสั่งเข้า
เฝ้า” ไทเฮาเอ่ยถาม
ฮองเฮาเดินตรงมาเบื้องหน้าบัลลังก์ ก่อนจะถวายบังคมไทเฮา
อย่างนอบน้อม ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยกับบรรดาขุนนางว่า
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้ากำลังประชุมเรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ได้
ผลสรุปออกมาหรือยัง” นางเอ่ยถาม
พร้อมกันกับคำถามที่ฮองเฮาถามออกมา ขุนนางในที่นั้นสีหน้า
ก็พลันเปลี่ยนทันที
คำถามนี้ไม่ได้เพียงต้องการจะรู้ผลสรุปเท่านั้น หากอยากจะรู้
ผลสรุปว่าออกมาหรือยังเหตุใดจะต้องเข้าท้องพระโรงมาด้วย รออยู่
ด้านนอกก็รู้ได้เช่นกัน
“ฮองเฮา!” ไทเฮาตวาด “การแต่งตั้งรัชทายาทได้ผลสรุป
ออกมาแล้ว เจ้าไปรอหนังสือเรียกตัวที่ตำหนักจะดีกว่า”
สีหน้าฮองเฮายังคงสวยเพียบพร้อม
“ไม่ทราบว่าจะแต่งตั้งผู้ใดหรือเพคะ” นางเอ่ยถาม“แน่นอนว่าเป็นชิ่งอ๋อง” สุรเสียงของไทเฮายากจะปกปิดโทสะ
ไว้ได้
สตรีนางนี้ ยังไม่ได้คิดบัญชีกับนางเลย นึกไม่ถึงว่านางยัง
จะกล้าออกมาหาเรื่องถึงที่!
“ชิ่งอ๋องไม่มีคุณสมบัติของผู้เป็นฮ่องเต้เลย ข้าไม่เห็นด้วย”
ฮองเฮาเอ่ยขึ้น
คำนี้เอ่ยออกไป ทั่วทั้งราชสำ นักก็เสียงดังขึ้นมา
เป็นดังคาด เป็นอย่างที่คาด
ขุนนางในที่นั้นต่างเอ่ยกันขึ้นมาในใจ และไม่มีเวลาสนใจว่า
เสียกิริยาหรือไม่ ต่างพากันมองสตรีทั้งสองคนในราชสำ นัก ไทเฮา
เลิกม่านขึ้นเดินออกมา สตรีออกเรือนในฉลองพระองค์ครบเครื่อง
เหมือนกันสองคนจ้องตากันอยู่บนบันไดสูง
“ฮองเฮา เจ้าพูดอะไรน่ะ” ไทเฮาตวาดอย่างเดือดดาล
ฮองเฮายังคงสีหน้าเรียบนิ่ง
“ชิ่งอ๋องไม่มีคุณสมบัติของผู้เป็นฮ่องเต้เลย สติปัญญา
ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่อาจเป็นรัชทายาทได้” นางเอ่ยบอกบรรดาขุนนางสีหน้าตื่นตกใจ แต่ในขณะเดียวกันก็กระจ่างแจ้ง
ลึกอยู่ภายในใจ
ดูท่าแล้วรอยร้าวระหว่างฮองเฮากับไทเฮาคงไม่น้อยทีเดียว
นึกไม่ถึงว่าจะบีบให้ฮองเฮาเสี่ยงต้องโทษไม่จงรักภักดีและอกตัญญู
เพื่อออกมาคัดค้านการแต่งตั้งชิ่งอ๋องเป็นรัชทายาท
“แล้ว ไม่ทราบว่าในใจฮองเฮาคิดเห็นเช่นไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ในขณะที่ฮองเฮากับไทเฮาหยั่งเชิงกันอยู่ ส่วนขุนนางใน
ราชสำ นักก็ไม่กล้าเอ่ยขัดเช่นกัน จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
สายตาทุกคู่พลันมองไปยังที่มาของเสียงนั้นทันที
ยามนี้เสียงที่เอ่ยขึ้นนี้มีความต้องการอย่างไร ไม่เบาไปกว่า
ประโยคทูลขอให้แต่งตั้งรัชทายาทของเฉินเซ่าต่อหน้าพระพักตร์
ไทเฮาประโยคนั้นเลยสักนิด
ผู้ใดกัน
สายตาของทุกคนตกอยู่บนร่างบุรุษรูปร่างสูงใหญ่
จางฉุน!
นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นจางฉุน!มือของฮองเฮาที่กุมอยู่ด้านหน้าสั่นเล็กน้อย
หญิงนางนี้ เก่งกาจเสียจริง! นึกไม่ถึงว่านางจะโน้มน้าวจางฉุน
ได้ นางไปโน้มน้าวจางฉุนตั้งแต่เมื่อใดกัน นางโน้มน้าวจางฉุนได้
อย่างไร จางฉุนยืดมั่นในลัทธิขงจื้อ เคร่งครัดเรื่องสายเลือดและ
วัยวุฒิเป็นที่สุด! นึกไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยเห็นด้วยเรื่องบุตรบุญธรรมขึ้น
มาเอง!
ภายใต้สายตาของคนทั่วทั้งราชสำ นัก สีหน้าจางฉุนยังเรียบนิ่ง
มือถือฮู่ป่านคำนับอีกครั้ง
“ไม่รู้ว่าในใจฮองเฮาคิดเห็นเช่นไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” เขาเอ่ย
ถามขึ้นอีกครั้ง
คำถามนี้ทำให้ฮองเฮาที่เกือบจะเสียกิริยาได้สติขึ้นมา
“เลือกบุตรบุญธรรมในราชวงศ์” นางปรับสีหน้าพลางเอ่ยขึ้น
เลือกบุตรบุญธรรมในราชวงศ์!
ฮองเฮาทิ้งประโยคนี้ไว้ในราชสำ นัก ก็เหมือนสายฟ้าที่ทำให้
เมืองหลวงเบ่งบานไปทั่วทุกแห่งทันที
“ฮองเฮาเอ่ยว่าชิ่งอ๋องไม่มีคุณสมบัติของผู้เป็นฮ่องเต้”“คุณสมบัติของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นเช่นไร”
“คือการที่ชิ่งอ๋องหน้าตาอัปลักษณ์”
“หน้าตาอัปลักษณ์ก็ไม่สามารถเป็นฮ่องเต้ได้แล้วหรือ”
“เจ้าโง่เขลาเสียจริง เหตุใดชิ่งอ๋องจึงหน้าตาอัปลักษณ์น่ะหรือ
เพราะว่าเป็นคนบ้าน่ะสิ! ฮองเฮาหมายความว่าคนบ้าไม่อาจเป็น
ฮ่องเต้ได้”
“เดิมทีคนบ้าก็ไม่อาจเป็นฮ่องเต้ได้อยู่แล้ว! ฮองเฮาเอ่ยได้
ถูกต้อง”
“แต่นั่นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้ จะไม่เลือกลูกแท้ๆ แต่
ไปเลือกลูกบุญธรรมได้อย่างไร”
ทันใดนั้นคำวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชาวเมืองก็แตกเป็นหลาย
เสียง
“ในราชสำ นักเป็นอย่างไรบ้าง”
นายใหญ่เฉินเอ่ยถาม
“ในราชสำ นักก็วุ่นวายเช่นกันขอรับ” บ่าวชราตอบ
นายใหญ่เฉินขมวดคิ้ว“วุ่นวายรึ นี่มันน่าแปลกใจนัก” เขาเอ่ย หมุนถ้วยชาในมือเล่น
“นึกไม่ถึงว่าจะมีคนอยากให้แต่งตั้งราชนิกุล”
“นั่นสิขอรับ คิดไม่ถึงเลยว่าจางเจียงโจวจะเห็นด้วยกับ
ความเห็นของฮองเฮา” บ่าวชราเอ่ยขึ้น “มีเขายืนขึ้น ก็มีคนอื่นลังเล
ขึ้นเช่นกัน”
นั่นนะสิ อย่างไรเสียก็ขาดแค่คนนำเท่านั้น ขอแค่มีคนกล้า
เอ่ยปากขึ้นมาคนแรก พวกที่เหลือก็จะต้องอาศัยโอกาสนี้ชั่งน้ำหนัก
ผลดีผลเสียกัน ที่เฉินเซ่าลุกขึ้นมา ก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือไร
นายใหญ่เฉินไตร่ตรองไม่พูดไม่จา
“แล้วต่อจากนั้นเล่า” เขาถาม
บ่าวชราหัวเราะเสียงขื่น
“ไทเฮาชี้หน้าด่าฮองเฮา ราชสำ นักก็วุ่นวายขึ้นมาแล้ว ผู้ช่วย
ราชเลขาจึงจำ ต้องหยุดการประชุมราชสำ นักเอาไว้ชั่วคราว” เขา
บอก
เรื่องในราชสำ นักไม่ใช่เล่นขายของ และไม่ใช่เรื่องทะเลาะกัน
ภายในเรือนด้วย เหตุใดอยู่ๆ ก็เลิกม่านขึ้นมาด่ากราดเสียแล้วเล่ามีไทเฮาที่หงุดหงิดเอาแน่เอานอนไม่ได้ทั้งยังควบคุมอารมณ์
ไม่ได้เช่นนี้อยู่ หากโอรสสวรรค์เป็นคนที่ไม่อาจจัดการกับตัวเองได้
ก็จินตนาการได้เลยว่าในภายภาคหน้าราชสำ นักจะเป็นอย่างไร
“ไทเฮาเป็นเช่นนี้ จะทำให้คนส่วนหนึ่งลังเลหรือไม่” นายใหญ่
เฉินส่ายหน้า “ไทเฮาแพ้อีกแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ก็เอ่ยถามหาเฉินเซ่าอีกครั้ง
“นายท่านยังไม่กลับมา ตอนนี้ราชสำ นักวุ่นวาย คงจะกำลัง
ปรึกษาหารือกันอยู่ขอรับ” บ่าวชราเอ่ยขึ้น
ไม่ใช่วุ่นวาย เดิมทีก็แค่ปิดม่านฟังการประชุมก็แบ่งออกเป็น
สองฝักสองฝ่ายแล้ว ยามนี้กลับมีเรื่องจะแต่งตั้งโอรสแท้ๆ หรือโอรส
บุญธรรมเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง นี่มัน…
“นี่มันโกลาหลแล้ว” นายใหญ่เฉินพึมพำ พลางขมวดคิ้ว
ครุ่นคิด “จู่ๆ ฮองเฮาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างไร”
ตามหลักการแล้วฮ่องเต้มีโอรสแท้ๆ อยู่ แม้ว่าจะสติไม่
สมประกอบ แต่อย่างไรเสียก็คือโอรสแท้ๆ ในฐานะฮองเฮาจะเสนอ
โอรสบุญธรรมขึ้นมาได้อย่างไรฮองเฮาเอาความกล้านี้มาจากไหน
ฮองเฮา…ความกล้า…จางฉุน…
เฉิงเจียวเหนียง…เฉิงเจียวเหนียง!
นายใหญ่เฉินนั่งตัวตรงผึงโดยพลัน
ไม่หรอกกระมัง นี่มันเกี่ยวกับเรื่องรัชทายาทและตำแหน่ง
ฮ่องเต้เชียวนะ!
กล้ารึ! ไหนเลยจะกล้า!
… “ท
่านชาย!”
บรรดาสาวใช้ที่เห็นฉินหูสาวเท้าออกไปก็ตกใจจนรีบร้อง
ตะโกนเรียกขึ้น
ฉินหูเดินออกไปไกลแล้ว
มีเพียงนางที่ได้พูดคุยกันกับฮองเฮา หลังจากที่นางไป ฮองเฮา
ก็ไปพูดเรื่องโอรสบุญธรรมที่ท้องพระโรง
นางกับจางฉุนแม้ว่าจะไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน แต่พวก
นางกลับรู้จักกัน พวกนางทั้งสองแลกเปลี่ยนสาวใช้กันจางฉุนไม่ใช่แค่พูดแก้ต่างแทนนางในยามสำ คัญเพียงครั้ง
เดียวเท่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ทุกครั้งล้วนลุกออกมาใน
ยามคับขันที่สุดตลอด คำพูดเดียวก็พลิกสถานการณ์ได้
ก้าวก่ายเรื่องรัชทายาทและตำแหน่งฮ่องเต้เชียวหรือ!
นางจะทำได้อย่างไร!
ฉินหูเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น วิ่งออกจากประตูบ้านไป
ราชนิกุล ราชนิกุลยังมีใครเหมาะสมไปกว่านี้อีก ตัวเลือกที่
ฮองเฮาเลือก คนที่เลี้ยงดูอยู่ในวังตั้งแต่เด็กเปรียบดั่งองค์ชายจะเป็น
ใครไปได้อีก!
นางจะแต่งงานกับเขาแล้ว!
รัชทายาท! ตำแหน่งฮ่องเต้!
และความแค้นที่ยังไม่สะสางกับไทเฮา…
นางมิได้ทำผิดอันใด เหตุใดนางจะต้องหลบเลี่ยง
นางไม่หลบเลี่ยง นางไม่หลบเลี่ยง ไม่หลบเลี่ยงแล้วควรทำ
อย่างไร
ไม่หลบเลี่ยงก็ต้องเผชิญหน้า ก้าวผ่านไปให้ได้…เป็นนาง…นี่คือนาง…
ไม่!
ฉินหูหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน
ไม่มีทางเป็นนางได้ เหตุใดเขาจึงสงสัยนางอีกแล้วเล่า เหตุใด
เขาจึงคิดต่อนางเช่นนี้
เสียงจอแจข้างถนนดังลอยมา ฉินหูมองไปรอบกาย เห็นตัวเอง
เดินไปถึงข้างแม่น้ำแล้ว เดินเตร่อยู่ใต้เพิงร้านค้า
เด็กหนุ่มรูปงามสะอาดหมดจดเช่นนี้น้อยนักจะมาร้านเล็กๆ
ริมทางของพวกเขา เจ้าของร้านน้ำชาเข้าไปต้อนรับด้วย
ความประหลาดใจ รีบใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่นั่งซ้ำ ไปซ้ำ มา
“ใต้เท้าน้อยจะรับอะไรดีขอรับ”
ฉินหูโบกมือ ดึงกระเป๋าคว้าเงินมากำหนึ่งแล้วโยนให้ผู้ดูแล
ร้านน้ำชา
“ไม่เอาอะไรทั้งนั้น แค่จะนั่งเฉยๆ” เขาบอก “อย่ากวนข้า”
เด็กหนุ่มคนนี้รูปร่างหน้าตาสง่างามอ่อนโยน เหตุใดคิ้วจึงได้
มีกลิ่นอายชั่วร้ายอย่างนั้นเล่าคุณชายตระกูลร่ำรวยพวกนี้อารมณ์แปลกประหลาดกันทั้งนั้น
ผู้ดูแลนับเงินพลางรีบหลีกทางให้อย่าง
เปรมปรีดิ์
ฉินหูอยากจะคิดตามหลักเหตุผลเสียหน่อยว่าเรื่องนี้มันเป็นมา
อย่างไร เขายื่นมือไปลูบโต๊ะ
เรื่องราวราบรื่นมากแท้ๆ เฉินเซ่าเสนอให้เชิญชิ่งอ๋องขึ้น
ครองราชย์ ในขณะเดียวกันก็ยังต้องการขับไล่ตระกูลเจีย ยับยั้ง
ไทเฮามิให้นั่งฟังการประชุมหลังม่าน
ตำแหน่งของรัชทายาทได้รับการรับประกัน เชื้อสายราชวงศ์
ยังคงดำเนินสืบทอดต่อไป อีกทั้งราชสำ นักได้รับการคานอำนาจ
ไม่กลัวว่าจะมีใครถืออำนาจไว้เพียงผู้เดียว
สำ หรับแผ่นดินต้าโจวที่จู่ๆ ผิงอ๋องก็สิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้ก็ทรง
ประชวรหนักแล้ว นี่คือการจัดการที่ไม่อาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
แต่ก็โชคดีอย่างยิ่ง
ทว่ายามนี้เพราะจู่ๆ ฮองเฮาก็เสนอเรื่องให้โอรสบุญธรรม
สืบราชบัลลังก์ต่อทำให้ทุกอย่างวุ่นวายโอรสบุญธรรม โอรสบุญธรรม ฮองเฮานี่กล้าคิดจริงๆ!
เสียงตบโต๊ะดังขึ้นทำให้ผู้ดูแลร้านที่รินชาให้คนอื่นๆ อยู่ด้าน
ข้างตกใจยกใหญ่ หันหน้ามามองแวบหนึ่งแล้วรีบโบกมือให้ทุกคน
บ่งบอกว่าอย่าดูเลย
ฉินหูพรูลมหายใจออกมา ฝ่ามือที่ลูบโต๊ะเก่าโทรมฝีมือ
ไม่ประณีตตัวนั้นเกิดเอ็นปูดโปน
ฮ่องเต้มีโอรสแท้ๆ อยู่ กลับต้องการโอรสบุญธรรม เหตุใดนาง
ต้องทำเช่นนี้ด้วย นางกลัวอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่านางกลัวไทเฮาหรือไร
เพื่อแย่งชิงวังหลัง นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เชื้อสายฮ่องเต้วุ่นวาย!
ราชนิกุล
ฉินหูหัวเราะเย้ยหยันออกมา
ราชนิกุลที่ว่า คือจิ้นอันจวิ้นอ๋องกระมัง คนที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในวัง
เหมือนดั่งองค์ชาย ที่บัดนี้เติบใหญ่กลายเป็นผู้มีความสามารถ
ยอดเยี่ยม
เมื่อเทียบกับชิ่งอ๋องแล้ว จิ้นอันวิ้นอ๋องที่สูงเจ็ดฉื่อสามชุ่น
จมูกโด่งตามังกรต่างหากจึงจะมีลักษณะของกษัตริย์ที่จิ้นอันจวิ้นอ๋องยังคงอยู่ในเมืองหลวง วนเวียนอยู่รอบ
วังหลวงไม่ไปเสียที ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อวันนี้สินะ