พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 574 ใสสะอาด
บ้านตระกูลเฉิงยามราตรีมืดมิดเกิดเสียงเคลื่อนไหวขึ้นเบาๆ
ภายในห้องจุดไฟไว้เพียงสลัว สะท้อนเงาบนม่านให้ส่ายไหว
ไปมามากยิ่งขึ้น
แม่นางหวงนั่งอยู่หลังม่าน กอดเด็กน้อยที่กำลังหลับในอ้อมอก
ไว้แน่น เงี่ยหูฟังด้านนอกด้วยความตึงเครียด เพียงไม่นานเสียงเล็กๆ
นั้น
ก็เงียบลง
แม่นางหวงแทบจะหยุดหายใจ อุ้มเด็กในอ้อมอกแน่นขึ้นกว่า
เดิม จู่ๆ ประตูก็ถูกคนเปิดออก แม่นางหวงตกใจจนแทบจะกรีดร้อง
ออกมา
“ข้าเอง” ฟ่านเจียงหลินบอก
แม่นางหวงพรูลมออกมา
“ท่านพี่ ใครมาหรือ” นางเอ่ยถามเสียงสั่น
ฟ่านเจียงหลินวางหน้าไม้ในมือลงข้างหมอนอีกครั้ง“มาหาน้องสาวน่ะ” เขาเอ่ยบอก เว้นหยุดไปแล้วเอ่ยอีกว่า
“คนกันเองนี่ล่ะ”
สาวใช้เกาหัวเปิดประตูออก มองจิ้นอันจวิ้นอ๋องบนระเบียง
ทางเดิน
“ฝ่าบาท เดี๋ยวนี้ไม่ปีนกำแพงแล้วแต่เคาะประตูเลยหรือ” นาง
เอ่ยแซวอย่างอดไม่ได้
จิ้นอันจวิ้นอ๋องหัวเราะไม่ได้พูดอะไร มองเฉิงเจียวเหนียงที่เดิน
ออกมาจากห้องด้านในภายในเรือน
“รบกวนแล้ว” เขาเอ่ย
เฉิงเจียวเหนียงคำนับ
สาวใช้จำ ต้องหลบให้ แล้วมองจิ้นอันจวิ้นอ๋องเดินเข้าไป
“ท่านพี่ ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ ไม่ให้ท่านชายใหญ่อยู่เป็นเพื่อน
ด้วยจะดีหรือ” ปั้นฉินกระซิบถามอย่างอดไม่ได้
“มีอะไรให้ต้องกังวลกัน” สาวใช้เอ่ย “พวกเขาเป็นคู่หมั้นกันนะ
พบหน้ากันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”
คู่หมั้น!ปั้น
ฉินกระจ่างแจ้งทันที จริงด้วย นางเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
เชียว
“แต่ว่า ยังไม่ได้หมั้นกันนี่นา” นางพึมพำ
“ฝ่าบาททรงเอ่ยปากออกมาแล้ว รอแค่หมั้นกันเท่านั้น”
สาวใช้เอ่ยพลางเร่งปั้นฉินให้ไปต้มชา
ทว่าฮ่องเต้กำลังสลบล้มป่วยอยู่ วาจาของพระองค์ยังจะ
เชื่อถือได้อีกหรือ
ปั้น
ฉินพึมพำในใจพลางเดินจากไป
“แขกมาฉุกละหุกจึงต้อนรับได้ไม่ดี เสียมารยาทด้วยเพคะ”
เฉิงเจียวเหนียงคำนับพลางเอ่ยบอก
จิ้นอันจวิ้นอ๋องแย้มยิ้ม มองเฉิงเจียวเหนียงในชุดสีขาวภายใต้
แสงไฟ ผมที่เกล้ามัดไม่ทันสยายอยู่ด้านหลัง
“เป็นข้าต่างหากที่เสียมารยาท” เขาเอ่ย
ภายในห้องเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง
“เจ้ารู้เรื่องที่ฮองเฮาเสนอโอรสบุญธรรมหรือไม่” จิ้นอันจวิ้น
อ๋องเอ่ยถามเข้าประเด็นเฉิงเจียวเหนียงส่ายหน้า
จิ้นอันจวิ้นอ๋องสีหน้าพลันดูไม่ค่อยดีทันใด
เป็นฮองเฮาจริงๆ…
“ทำให้เจ้าโดนเข้ามาพัวพันด้วยแล้ว” เขาเอ่ย
เฉิงเจียวเหนียงยิ้ม
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นเจ้าค่ะ” นางเอ่ย “ข้าหมายถึงไม่ใช่
ฮองเฮาที่เสนอ แต่เป็นข้าเจ้าค่ะ”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องสีหน้านิ่งอึ้ง
สาวใช้ที่นั่งอยู่ตรงประตูก็เงยหน้าขึ้นอย่างนิ่งอึ้งเช่นกัน นึกไม่
ถึงว่าทั้งหมดนี้จะเป็นนายหญิง…
ปั้น
ฉินที่ยกชามาตกใจกับสีหน้าของสาวใช้ นางหยุดฝีเท้าลง
อย่างห้ามไม่ได้
จิ้นอันจวิ้นอ๋องมองเฉิงเจียวเหนียงคล้ายกำลังครุ่นคิดอยู่ครู
หนึ่ง แล้วแย้มยิ้มบางออกมา
“เพราะอะไร” เขาเอ่ยถาม
“เพราะข้าไม่อยากตาย” เฉิงเจียวเหนียงตอบที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ชิ่งอ๋องขึ้นครองราชย์ เป็นโอกาสใหญ่ที่
ไทเฮากับตระกูลเกาจะครองอำนาจไว้ ไทเฮากลับยังพอทำเนา แต่
ตระกูลเกาจะต้องกำจัดนางแน่ นอกจากนางแล้ว ตัวเขาเองก็อยู่ใน
รายชื่อของตระกูลเกาแล้วเช่นกัน
“อันที่จริงเรื่องภายหน้าก็ไม่จำ เป็นหรอก” จิ้นอันจวิ้นอ๋องเอ่ย
“อำมาตย์เฉินและคนอื่นๆ ได้หยุดยั้งตระกูลเกาแล้ว หากตระกูลเกา
อยากจะลงมือกับเจ้า อย่างน้อยๆ ยามนี้คงจะทำไม่ได้ ชิ่งอ๋อง
ครองราชย์แล้วก็ยังทำไม่ได้ไปอีกนาน ดังนั้นพวกเรามีเวลา
หลบเลี่ยง กระทั่งชิงลงมือฆ่าเขาก่อนยังได้”
เฉิงเจียวเหนียงส่ายหน้า
“ข้าไม่มีเวลา” นางเอ่ยบอก
แม้ไม่รู้ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวหลังจากนี้อีก
สามร้อยปีได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยๆ ยามนี้ก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว ฮ่องเต้
พระองค์ใหม่ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ประวัติศาสตร์หน้าใหม่กำลังจะเริ่ม
ขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะสามารถยืดยาวไปจนถึงสามร้อยปีให้หลังได้หรือไม่
นางล้วนไม่อาจปล่อยไปได้ทั้งนั้นบิดาของนางทุ่มเทแรงกายแรงใจมากมายเพียงนั้นเพื่อเลี้ยงดู
นาง ตระกูลของนางกำลังรอนางอยู่ นางจะตายไม่ได้ และจะฝาก
ความหวังไว้กับคนอื่นไม่ได้เช่นกัน และยิ่งไม่อาจฝากไว้กับอนาคต
ได้ด้วย
สำ หรับนางแล้ว มีเพียงปัจจุบัน ไม่มีอนาคต ปัจจุบันเกิด
อนาคตก็เกิด ปัจจุบันตาย อนาคตก็ตาย
“แต่โอรสบุญธรรมไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น” จิ้นอันจวิ้นอ๋องมอง
เฉิงเจียวเหนียงพลางเอ่ยอย่างจริงจัง “ดังนั้นแล้ว ตระกูลเกาและ
ไทเฮาจะต้องไม่ล่าถอยไปแน่”
“มันก็ไม่แน่” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
จิ้นอันจวิ้นอ๋องนิ่งอึ้งอีกครั้ง
“เพราะอะไรรึ”
“เพราะตอนนี้การบริหารบ้านเมืองใสสะอาด” เฉิงเจียวเหนียง
เอ่ย
การบริหารบ้านเมืองใสสะอาดอย่างนั้นรึ
จิ้นอันจวิ้นอ๋องขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไม่ใช่ความลับหรือ” เขายิ้มอีกครั้งแล้วเอ่ยถามทีเล่นทีจริง
ความลับหรือ บางครั้งก็ไม่อาจบอกได้
นางเป็นคนไม่พูดโกหก แต่สามารถไม่บอกได้เช่นกัน
เฉิงเจียวเหนียงมุมปากหยักโค้งเป็นรอยยิ้มบาง
ประตูในมุมมืดมุมหนึ่งของจวนชิ่งอ๋องเปิดออกอย่างไร้เสียง
และปิดลงอย่างเงียบงัน
“ฝ่าบาท”
ชิงเค่อที่รออยู่ภายในห้องมานานไม่เห็นจิ้นอันจวิ้นอ๋องเข้ามา
เสียทีจึงได้มาหา เห็นเป็นอย่างที่ผู้ติดตามบอกจริงๆ จิ้นอันจวิ้นอ๋อง
ยืนอยู่ท้ายเรือน
พอเห็นจิ้นอันจวิ้นอ๋องเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ใจของชิงเค่อก็
กระตุกอย่างอดไม่ได้
“หรือแม่นางเฉิงนางจะ…”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องแย้มยิ้ม
“ฮองเฮาไม่ใช่คนที่ฟังคนอื่นพูดไม่กี่คำก็จะถูกโน้มน้าวได้
เสียหน่อย” เขาเอ่ย “เรียกได้ว่าแต่ละคนทำเพื่อปกป้องตัวเอง”นั่นนะสิ ผิงอ๋องสิ้นพระชนม์ไปแล้ว กุ้ยเฟยก็เสียสติ สำ หรับ
ไทเฮาและเกาหลิงปอ ฮองเฮาและแม่นางเฉิงสองคนนี้ล้วนเป็นศัตรู
ทั้ง
สิ้น
“แบบนี้ ก็คือพวกนางทั้งสองทำเรื่องนี้ขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง
อย่างนั้นหรือ” ชิงเค่อเอ่ยแฝงไว้ด้วยการหยั่งเชิง “หรือว่าแม่นางเฉิ
งมีอะไร…”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องหัวเราะพลางดึงสายตาไปมองชิงเค่อ
“ไม่ใช่ นางบอกแค่ว่าตอนนี้การบริหารบ้านเมืองใสสะอาด”
เขาบอก
ไม่ใช่เป็นลิขิตสวรรค์กำหนดไว้แล้วอะไรทำนองนั้นหรอกหรือ
ชิงเค่อแอบผิดหวังอยู่เล็กน้อย
จิ้นอันจวิ้นอ๋องสาวเท้าเดินไปกลางห้อง ชิงเค่อรีบตามไป
“ฝ่าบาท” เขาไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วโพล่งขึ้น “นางพูดถูก
ตอนนี้การบริหารบ้านเมืองใสสะอาด เรื่องโอรสบุญธรรมอาจจะ
สำ เร็จก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาคล้ายว่าไม่ได้ยินชิงเค่อกัดฟันเดินไปยืนตรงหน้าเขา
“ฝ่าบาท หากเรื่องโอรสบุญธรรมสำ เร็จได้จริงๆ จะทำเช่นไร
พ่ะย่ะค่ะ” เขากระซิบถาม
จิ้นอันจวิ้นอ๋องหยุดฝีเท้าลง
หากเรื่องโอรสบุญธรรมสำ เร็จได้จริงๆ เช่นนั้นชิ่งอ๋องก็นั่งปก
ครองแผ่นดินไม่ได้แล้ว
“นี่เป็นแผ่นดินของลิ่วเกอร์” เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ฝ่าบาท” ชิงเค่อเงยหน้าขึ้นมองเขา “หากชิ่งอ๋องปก
ครองแผ่นดินไม่ได้จริงๆ ท่านจะทำอย่างไร จะมองดูคนอื่นไปนั่ง
แทน หรือว่า…”
หรือว่าจะนั่งเอง
ในราตรีคล้ายว่าลมโชยพัดผ่านพื้นราบไป
… “พี่
หยวนเฉา มาทางนี้”
หันหยวนเฉาได้ยินเสียงเรียกก็เงยหน้าขึ้น ตะวันยามเที่ยงตรง
เจิดจ้าแยงตาไม่น้อย ทำให้เขามองเพื่อนร่วมงานที่เยี่ยมหน้าเอ่ยเรียกจากหน้าต่างชั้นสองไม่ชัด
“เชิญลูกค้าทางนี้ขอรับ” เด็กในร้านเอ่ยต้อนรับ
หันหยวนเฉาดึงสายตากลับมา มองหอสุราตรงหน้า สายตา
ตกอยู่บนคำว่าเรือนไท่ผิงด้านบนประตู
“ใต้เท้าก็ชอบตัวอักษรนี้เช่นกันกระมัง แม้จะไม่ประณีตงดงาม
เท่าตัวอักษรสิงซูที่สุสานเขาเม่าหยวน แต่ก็มีเสน่ห์เป็นพิเศษ”
เด็กรับใช้ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น
หันหยวนเฉายิ้มพลางพยักหน้าไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วสาวเท้า
เดินเข้าไป
“พี่หยวนเฉา เลี้ยงอาหารที่นี่เป็นอย่างไร คงไถ่โทษที่ข้าเขียน
กลอนแพ้คราก่อนได้กระมัง”
เพื่อนร่วมงานสองคนหัวเราะพลางเอ่ยขึ้นภายในห้องส่วนตัว
“เจ้าอย่าเห็นแต่ว่าที่นี่ห่างไกล เรือนไท่ผิงแห่งนี้ก็พอๆ กันกับ
ร้านดังๆ ในเมืองหลวงพวกนั้นเลยนะ”
“อีกทั้ง ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ เลยด้วย”
มีคนเอ่ยเสริมขึ้นหันหยวนเฉาทำเพียงแค่แย้มยิ้มไม่พูดอะไร นั่งลงแล้วมองไป
รอบๆ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะฮาครืนดังมาจากห้องข้างๆ
“…ถูกคนแอบมอมเหล้าจนเมาแล้วจะเกลี้ยกล่อมให้เขาไปตี
บัลลังก์มังกรในราชสำ นักหรือ…”
“…ดีที่ข้าไม่ไป หากไปแล้วละก็ คงไม่มีฮ่องเต้มาแกล้งเมาแล้ว
ตรัสว่าดื่มมากเกินไปหรอก เกรงว่าได้โดนไทเฮาด่า…”
“…ด่ารึ คงกลัวแค่จะโดนตีกระมัง”
“…ดึงผมไว้แล้วตีประเภทนั้นน่ะรึ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับประโยคนี้
ทางด้านหันหยวนเฉาและเพื่อนร่วมงานสบตากัน สีหน้าทั้ง
กระอักกระอ่วนและตกใจ
“ดูเหมือนว่าข้างห้องจะเป็นกลุ่มบัณฑิต” เพื่อนร่วมงานคน
หนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงเบา
“บ้าบอกันจริงๆ” อีกคนส่ายหน้าพลางเอ่ย
นึกไม่ถึงว่าจะเอาราชสำ นักและไทเฮามาพูดเล่น!
“นั่นก็เหลือข้อบกพร่องให้คนเอาไปพูดได้” หันหยวนเฉาเอ่ยประโยคนี้เอ่ยออกมาเพื่อนร่วมงานทั้งสองก็รีบโบกไม้โบกมือ
“พี่หยวนเฉา ตอนนี้พวกเราไม่ใช่คนบ้าบอแล้ว” พวกเขาเอ่ย
“ระวังปากระวังคำ”
“ต้องระวังกิริยาก่อน จึงจะเกิดการระวังวาจาขึ้น” หันหยวน
เฉาเอ่ย “ในราชสำ นักมีการกระทำที่ไม่สำ รวม เจ้ากับข้าย่อมมีวาจา
ที่ไม่ระวัง”
เพื่อนร่วมงานทั้งสองสบตากัน
“แล้วพี่หยวนเฉาเป็นฝ่ายท่านอาจารย์เจียงโจวหรือ” พวกเขา
กระซิบถาม
“ข้าก็แค่ฝั่งที่มีคุณธรรม” หันหยวนเฉาบอก
บรรดาเพื่อนร่วมงานหัวเราะ
“รัชทายาทได้แต่งตั้งจากคุณธรรมนะ” พวกเขายิ้มบอก
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเพียง…”
คำพูดของพวกเขาเพิ่งจะเอ่ยขึ้น เสียงข้างห้องก็ดังขึ้นลอย
มาอีกครั้ง“…เหตุใดจึงไม่อาจให้โอรสบุญธรรมมาครองราชย์ได้ เหตุใด
จะต้องเอาชิ่งอ๋องมาให้ได้ด้วย ล้วนเป็นลูกหลานของพระเจ้าไท่จู่กัน
ทั้ง
นั้น
เหตุใดจึงเป็นราชนิกุลคนอื่นๆ ไม่ได้ล่ะ”
“…หากอิงตามสายเลือดจริงๆ ซิ่วอ๋องผู้นั้นต่างหากที่เป็นโอรส
แท้ๆ ของพระเจ้าไท่จู่…”
ฟังถึงตรงนี้ บรรดาเพื่อนร่วมงานทั้งสองก็ตกใจจนหน้าซีด
พรวดพราดลุกขึ้น
บรรดาบัณฑิตซื่อหลินชอบวิพากษ์วิจารณ์การ
บริหารบ้านเมือง ให้ความเห็นเหล่าขุนนางในราชสำ นัก ไม่ใช่เรื่องที่
พบเจอได้ยากอะไร และไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้เช่นกัน อย่างไรเสียก็แค่
ลมปาก ไม่ได้ถึงขั้นลงมือกระทำให้ราชสำ นักวุ่นวายไปจริงๆ หาก
ถือสาไปเสียหมด จะไม่กลายเป็นเส้นทางของทรราชไปหรือ
ไม่มีฮ่องเต้พระองค์ใดและขุนนางคนไหนแบกคำครหานี้ไว้ได้
หรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮ่องเต้ยามนี้ที่ยังเผชิญหน้าด้วยได้
ทว่าฟังพวกบ้าบอเหล่านี้พูดไปพูดมาก็ยิ่งไม่เข้าท่า กระทั่ง
สายเลือดของฮ่องเต้ก็ยังเอามาวิจารณ์ ไม่อาจฟังต่อไปได้อีกแล้ว“ไปกันเถอะ” พวกเขาเอ่ย “อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”
หันหยวนเฉายิ้มพลางลุกขึ้นตาม
เดินออกมาจากเรือนไท่ผิง สองคนนั้นก็เกิดหมดสนุกขึ้น
“รู้แบบนี้สู้ไปนั่งกินสุขใจไร้กังวลใต้ต้นคงดีกว่า” คนหนึ่งเอ่ย
ขึ้น ชี้ไปข้างทาง
อีกคนก็ไม่มีกระจิตกระใจจะกินอะไรแล้วเช่นกัน
“นึกไม่ถึงว่าจะวิจารณ์กันถึงขั้นนี้แล้ว” เพื่อนร่วมงานคนนั้น
ไม่สบอารมณ์ “ดูท่าแล้วเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาทจะไม่ใช่เรื่องที่
สามารถตัดสินใจได้ในเร็ววันนี้หรอก”
เพื่อนร่วมงานที่เดิมทีไม่อยากพูดคนนั้นก็อดใจไม่ไหว
“ได้ยินมาว่าอำมาตย์เฉินก็ไม่เอาแน่เอานอนแล้ว” เขากระซิบ
เสียงเบาแบ่งปันข่าวลับที่ตนได้รู้มา
“ว่าอย่างไรนะ”
“อำมาตย์เฉินสนับสนุนชิ่งอ๋องไม่ใช่หรือไร” หันหยวนเฉา
ถามด้วยความตกใจอย่างห้ามไม่อยู่
เพื่อนร่วมงานคนนั้นท่าทางภูมิอกภูมิใจ“เดิมทีน่ะใช่” เขาเอ่ย “แต่ว่า ท่านอาจารย์เจียงโจวพูด
มาประโยคหนึ่ง”
“ว่าอย่างไร” หันหยวนเฉาถาม
“เปรียบชิ่งอ๋องเหมือนสุมาอี้ ไม่รู้ว่าเหตุใดทุกท่านจึงเอา
ฝ่าบาทมาเปรียบ และทุกท่านคิดเช่นไร วิจารณ์เหตุการณ์ตอนนี้
อย่างไร” เพื่อนร่วมงานคนนั้นยิ้มพลางเอ่ยอย่างลึกซึ้งจนคาดเดาไม่
ถูก
ชิ่งอ๋องสติไม่ดีต้องกลายเป็นรัชทายาทครองบัลลังก์ ในอดีตก็
มีคนที่สติไม่สมประกอบเช่นนี้เป็นฮ่องเต้มาก่อนเหมือนกัน แต่ว่า
ฮ่องเต้สองพระองค์ที่สติไม่สมประกอบนั้นสามารถขึ้นครองราชย์ได้
แต่เพราะอำนาจกษัตริย์เสื่อมลง จึงเป็นเหตุให้ขุนนางใหญ่
ยึดอำนาจ หลังจากที่ฮ่องเต้สองพระองค์นี้ขึ้นครองราชย์
การปกครองบ้านเมืองก็ผันผวนไม่แน่นอน ก่อกบฏกันขึ้น
ไม่หยุดหย่อน บ้านเมืองแตกแยก
“ท่านอาจารย์เจียงโจวนั่นบอกว่าใครสนับสนุนชิ่งอ๋อง คนนั้นก็
จะมองฝ่าบาทเป็นจิ้นเซี่ยวอู่ตี้”ฮ่องเต้ที่โดนสนมฆ่าตายเพราะเมาสุราจึงพูดจาหยอกล้อ…
ฮ่องเต้คนไหนบ้างจะอยากโดนเปรียบเทียบกับฮ่องเต้ที่เป็น
ตัวตลกนับพันปีพระองค์นั้น!
“ใครสนับสนุนชิ่งอ๋อง คนนั้นคือขุนนางที่มีความคิด
จะรวบอำนาจ ใครสนับสนุนชิ่งอ๋อง คนนั้นก็คือขุนนางที่สาปแช่งต้า
โจวให้ล่มสลาย”
“โธ่ ใครมันจะไปกล้ากันล่ะ! ท่านอาจารย์เจียงโจวด่าคนได้
เจ็บแสบจริงๆ!”
เพื่อนร่วมงานคนนั้นนิ่งเหม่อ แต่หันหยวนเฉากลับหัวเราะ
ออกมายกใหญ่
“หากการบริหารบ้านเมืองในราชสำ นักของเราใสสะอาด
จะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้อย่างไร” เขาเอ่ย “ขุนนางในราชสำ นัก
จะเอาหน้าที่ไหนไปพบฮ่องเต้ พบชาวเมือง!”