พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 578 เตรียมพร้อม
“ข้าไม่กล้าโกหกท่านชายเกาหรอก”
ชุนหลิงเดินเข้ามาในห้องน้ำชาขนาดเล็ก นางคุกเข่าลงกับพื้น
พลางหันไปคำนับเอ่ยกับท่านชายเกาที่เพิ่งนั่งลงเช่นกัน
“เคยเห็นนางเรียกสายฟ้าฆ่าคนอย่างนั้นรึ” ท่านชายเกา
แบะปากเอ่ยถาม
“มิใช่เจ้าค่ะ” ชุนหลิงรีบเงยหน้าขึ้นพร้อมเอ่ยว่า “ท่านชายเกา
ลองฟังสำ เนียงข้าสิเจ้าคะ”
สำ เนียงเหรอ
ท่านชายเกาตกตะลึง แล้วจึงคิดได้ทันที
“เจียงโจว!” เขาเอ่ย
ชุนหลิงพยักหน้า ใช้สำ เนียงเจียงโจวขานรับ
ถึงว่าจะมีสาวใช้ข้างกายนางโลมในเมืองหลวงเคยเห็นแม่นาง
เฉิงเรียกสายฟ้าฆ่าคนได้อย่างไร“หรือว่านางเคยฆ่าคนที่เจียงโจวมาก่อน” ท่านชายเกาเอ่ย
ถามด้วยความตกใจ
แม่นางผู้นี้บัดนี้ก็อายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปี แถมยังเพิ่งจะเริ่ม
พูดมากเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่กลับเคยฆ่าคนมาแล้ว
“เจ้าค่ะ” ชุนหลิงพยักหน้า ตอบกลับด้วยสำ เนียงเมืองหลวง
เนื่องจากเกรงว่าท่านชายเกาจะฟังไม่เข้าใจ “เดิมข้าเคยเป็นสาวใช้
ในวัดเต๋าของตระกูลเฉิงที่เจียงโจว ภายหลังนายหญิงเฉิงถูกส่งตัว
มาที่วัดเต๋า ไม่รู้ทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับเจ้าอาวาส ในค่ำคืนที่ฝน
พรำคืนหนึ่ง นางกับสาวใช้ของนางจึงเรียกสายฟ้ามาผ่าใส่
เจ้าอาวาสจนสิ้น แถมยังจับพวกเราพี่น้องไปขังที่วัดเต๋าอันไกลโพ้น
แห่งหนึ่งเพื่อจะฆ่าปิดปาก โชคดีที่ข้ากับน้องสาวหนีออกมาได้ แต่
น่าเสียดายที่น้องสาวข้าจับไข้เพราะอากาศหนาวเย็นและมิได้รับ
การรักษาจึงตายอยู่ในวัดเก่าคร่ำครึนั่น”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ชุนหลิงก็ก้มหน้าร้องไห้โฮ
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ท่านชายเกายื่นมือมาเคาะโต๊ะขณะครุ่นคิด“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า หรี่ตามองสาวใช้ผู้
นี้ “แต่ว่าต่อให้มีเจ้าเป็นพยานก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”
ชุนหลิงท่าทางตกใจ เงยหน้าขึ้นสีหน้างุนงงและโกรธเคือง
“ท่านชาย กระทั่งท่านชายก็ทำไม่ได้หรือ ข้าไม่กล้าเอ่ยเรื่องนี้
กับใครมาก่อน ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง อยู่กับความหวาดกลัวทุกวัน
บัดนี้นางฆ่าผิงอ๋องตายไปอีกคน ข้าหวาดกลัวเหลือเกิน แต่ก็ไม่กล้า
ไปบอกใคร แต่ก็เสี่ยงชีวิตออกมาขอพบท่านชายเกา…” นางเอ่ยขึ้น
ขณะน้ำตาไหลรินนองหน้า “แม้กระทั่งท่านชายเกาก็จัดการนาง
ไม่ได้หรือ”
“ไม่ใช่ว่าข้าจัดการไม่ได้” ท่านชายเกาเอ่ย “เรื่องนี้จบสิ้นไป
แล้ว จะหยิบยกขึ้นมาพูดอีกไม่ได้ พูดไปก็เท่านั้น”
“ข้าพิสูจน์ได้ ข้ายินดีที่จะเป็นพยาน” ชุนหลิงเบิกตากว้างรีบ
เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
“เจ้าคนเดียว พิสูจน์อะไรกับคนทั่วหล้ามิได้หรอก” ท่านชาย
เกาเอ่ยชุนหลิงห่อเหี่ยวใจ นั่งกลับไปอย่างไร้สติ มุดหน้าร้องไห้ขึ้น
อีกครั้ง
“เจ้าคงลำบากน่าดูที่ต้องเก็บเรื่องไว้นานเพียงนี้” ท่านชายเกา
เอ่ยขึ้น “เรื่องคราวก่อน ที่จริงเป็นแผนของเจ้าใช่หรือไม่”
ชุนหลิงขนลุกเกลียว เสียงร้องไห้เบาบางลง จากนั้นจึงเงยหน้า
ขึ้น
“ท่านชายเกาโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าเพียง
เพียง…” นางโค้งหัวคำนับเอ่ยขึ้น
“เจ้าคิดว่าข้าเก่งพอที่จะรับมือแม่นางเฉิงได้ใช่หรือไม่”
ท่านชายเกาเอ่ยถาม
ชุนหลิงโค้งตัวลง เนื้อตัวสั่นระริกไม่กล้าเอ่ยอะไร
“แต่ว่าเรื่องนี้ เจ้าคงจะประเมินข้าสูงไป ตอนนี้ข้าช่วยอะไรเจ้า
ไม่ได้ เพราะข้าเองก็แทบจะถูกแม่นางเฉิงไล่ออกจากเมืองหลวงไป
แล้ว” ท่านชายเกายืดแขนออก ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยขึ้น
ชุนหลิงรีบคลานเข่าไปตรงหน้าเขา รวบรวมความกล้าคว้าชาย
เสื้อท่านชายเกาเอาไว้“ท่านชายเกาได้โปรดช่วยข้าด้วย” นางร่ำไห้เอ่ยขึ้น
ท่านชายเกาหัวเราะร่ายื่นมือออกมากงัดคางน้อยๆ ของชุนห
ลิงขึ้นมา
“ได้ ก่อนข้าออกเดินทางจะพาเจ้าไปด้วย มาหนีตายด้วยกัน”
เขาหัวเราะเอ่ยขึ้น พลางก้าวเท้าเดินจากไป
“ท่านชาย นางคนนี้มันเลวยิ่งนัก ในเมื่อการพิสูจน์เรื่องของ
นางไม่มีประโยชน์แล้ว ท่านจะปล่อยนางไปแบบนี้หรือ” ผู้ติดตาม
กระซิบถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ พลางหันกลับไปมองด้านในห้องชา
ท่านชายเกาหัวเราะ
“ข้าว่านางไม่ได้ตั้งใจมาเป็นพยานอะไรหรอก” เขาเอ่ยพลาง
หัวเราะ “นางตัวดีผู้นี้เคยวางแผนล่อข้ากับแม่นางเฉิงแล้วคราวหนึ่ง
จะรับประกันได้อย่างไรว่านางจะไม่ทำเป็นครั้งที่สอง เก็บนางไว้
น่าจะมีประโยชน์เสียกว่า”
ภายในห้องน้ำชา ชุนหลิงลุกขึ้นนั่งตัวตรง ยกมือขึ้นปาดน้ำตา
บนใบหน้า พลางใช้มือโบกแทนพัดอย่างสบายอกสบายใจที่นางมาหาเขาไม่ใช่เพื่อมาเป็นพยานเรื่องที่แม่นางเฉิงเรียก
สายฟ้าได้หรอก แต่เพียงต้องการให้ท่านชายเการู้ว่ามีคนอย่างนาง
อยู่บนโลกใบนี้ ต้องมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากนางเป็นแน่
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็มิต้องกลัวว่าตระกูลเกากับแม่นางเฉิง
จะจับมือกันสงบศึกและให้นางเป็นแพะรับบาปพร้อมจัดการนางทิ้ง
ไป
ในขณะเดียวกันนี้ ภายในตำหนักในของไทเฮา เกาหลิงปอก็
กำลังกราบทูลลาไทเฮา
แน่นอนว่าไทเฉายังคงร่ำไห้ไม่หยุด
“เพื่อไม่ให้อำนาจการปกครองอยู่ในน้ำมือของผู้อื่น แค่ข้า
ไม่ได้เข้าพบไทเฮาแล้วจะเป็นไรไป” เกาหลิงปอเอ่ยขึ้น “เมื่อไทเฮา
ไม่พบตระกูลเกา ฮองเฮาก็จะพบตระกูลซ่งไม่ได้ แถมไทเฮายังได้
ชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรม ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
“ชื่อเสียงนี้ช่างได้มาอย่างยากลำบากเสียจริง” ไทเฮาเอ่ย
สะอื้น“คราวนี้ไทเฮาคงทราบถึงความลำบากที่ฝ่าบาทต้องเผชิญ
แล้ว” เกาปลิงปอเอ่ยพลางหัวเราะ ก่อนจะหันไปดื่มเหล้าแก้วหนึ่ง
วันนี้เกาหลิงปอมาทูลลาไทเฮา ไทเฮาจึงได้จัดงานเลี้ยงให้
เหล่าขุนนางก็ไม่อาจขัดค้านอะไรได้
ไทเฮาถอนหายใจ เมื่อนึกถึงฮ่องเต้ใบหน้าก็กลัดกลุ้มขึ้น
มาอีกครั้ง
“ปล่อยให้ชิ่งอ๋องอยู่ในการดูแลของเหล่าขุนนาง ข้าเองก็
ไม่ค่อยวางใจเสียเท่าไหร่” นางเอ่ย
เกาหลิงปอวางถ้วยเหล้าลง
“ราชสำ นักยังมีเฉินเซ่า และมีคนของข้าอยู่ ไม่มีใครกล้า
คิดร้ายอะไรกับชิ่งอ๋องเป็นแน่” เขาเอ่ย จากนั้นจึงหยุดไปครู่หนึ่ง
“หากจะไม่วางใจ ก็คงมีคนหนึ่งที่ไทเฮาไม่ควรวางใจ”
ไทเฮาตกใจยืดตัวขึ้นนั่งตัวตรง
“ผู้ใดกัน” นางเอ่ยถาม
“จิ้นอันจวิ้นอ๋อง” เกาหลิงปอเอ่ย“เขาไม่ทำหรอก” ไทเฮาส่ายหน้า “เรื่องพวกนั้นฮองเฮาเป็นคน
ก่อขึ้นทั้งนั้น เหว่ยหลังเขาไม่ทำหรอก เขายอมทำทุกอย่างเพื่อ
ชิ่งอ๋องขนาดนั้น ไม่มีทางคิดเนรคุณเยี่ยงนั้นได้หรอก”
“ไทเฮาคนเราเปลี่ยนแปลงกันได้” เกาหลิงปอหันมองไทเฮา
เอ่ยขึ้น “ไทเฮาขึ้นว่าการในราชสำ นักสามครั้งแล้ว งานราชการ
ทั้ง
หมดช่วงนี้ก็ถูกส่งมาให้ไทเฮาทั้งหมด ไทเฮาคิดว่า… เป็น
อย่างไรบ้าง”
ไทเฮาตกตะลึง
“จะเป็นอย่างไรไปได้ ไม่สบายสักนิด ทั้งเหนื่อยทั้งรำคาญ”
นางเอ่ย
“แต่ว่าความรู้สึกที่ได้กุมทุกสิ่งทั่วหล้าไว้ก็ดีมิใช่หรือ” เกาหลิง
ปอหัวเราะเอ่ยถาม
ไทเฮาสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด
“นั่นเป็นเพียงความคิดของพวกผู้ชายอย่างเจ้า” นางเอ่ย “ดี
อะไรกัน!”
เกาหลิงปอหัวเราะ“ไทเฮา จิ้นอันจวิ้นอ๋องเป็นผู้ชาย” เขาเอ่ย “ฝ่าบาทเคยให้เขา
รับใช้งานสำ คัญ และเขาก็เคยจัดการงานในราชสำ นักเคียงคู่กับผิง
อ๋อง…”
ไทเฮาแววตาเป็นประกาย
“หากเป็นเมื่อก่อนที่ผิงอ๋องยังอยู่ เขาก็คงไม่คิดอะไร แต่บัดนี้
มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ฮองเฮาเคยเสนอมาหลายครั้งหลายคราว
และในหมู่ขุนนางก็ยังมีคนสนับสนุนด้วย” เกาหลิงปอจ้องมองไทเฮา
เอ่ยขึ้น “ไทเฮา ในอดีตก็เคยมีชินอ๋องที่ทำลายราชสำ นัก
วางแผนการลับมาแล้วไม่น้อย”
ไทเฮาคิดไตร่ตรองไม่เอ่ยคำใด
เกาหลิงปอเองก็ไม่เอ่ยอะไรต่อ เขาหยิบห่อกระดาษเล็กๆ ออก
มาจากแขนเสื้อยื่นให้ไทเฮา
ไทเฮาเห็นของสิ่งนั้น พลันตัวสั่น ถอยหลบไปด้านหลัง
“เจ้า เจ้าทำอะไร!” นางตะคอกเสียงเบา สีหน้าหวาดผวาตกใจ
เกาหลิงปอมองไทเฮาด้วยสีหน้านิ่งเฉย ผลักห่อกระดาษออก
ไปไม่เก็บกลับมา“ไทเฮา หากไม่เด็ดขาดก็จะต้องพบกับความพังพินาศ” เขา
เอ่ย “ไทเฮาค่อยๆ แก่ชราลง จวิ้นอ๋องค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น จำ ต้อง
ป้องกันไว้”
…
เมื่อเกาหลิงปอกลับถึงบ้าน ท่านชายเกาก็ออกมาต้อนรับด้วย
หนีหน้ากังวลใจ
“ว่าอย่างไรท่านพ่อ” เขาถามอย่างกระวนกระวาย
เกาหลิงปอพยักหน้า
“เก็บของเรียบร้อยแล้วหรือยัง” เขาเอ่ยถามอย่างผ่อนคลาย
“พวกท่านแม่เจ้าออกเดินทางไปก่อนแล้ว”
ท่านชายเกาขานรับด้วยความยินดี เดินตามเกาหลิงปอเข้าไป
ในห้องหนังสือ
เหล่าชิงเค่อภายในห้องหนังสือต่างรอคอยกันมานานแล้ว
“ไทเฮาทรงรู้ว่าต้องยึดการใหญ่เป็นสำ คัญ และรู้ว่าใครคือ
ญาติคือมิตรของนาง” เกาหลิงปอเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างพากันถอนหายใจ สีหน้าดีใจขึ้นมา“และนี่คือจังหวะเวลาที่ดี” ชิงเค่อคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ฝั่งนั้น
มีเหล่าขุนนางยื่นฎีกาให้จิ้นอันจวิ้นอ๋องไปรับตำแหน่ง ฝั่งนี้ไทเฮา
ทรงเรียกจิ้นอันจวิ้นอ๋องเข้าเฝ้าเพื่อโน้มน้าว จากนั้นจิ้นอันจวิ้นอ๋องก็
กลับตำหนักไปดื่มเหล้าพิษจบชีวิตตนเอง”
“เหมือนองค์ชายอี้แห่งแคว้นเยียน[1]ผู้ซื่อตรงเลยขอรับ”
ชิงเค่ออีกคนหนึ่งถอนหายใจเอ่ยขึ้น
จากนั้นทุกคนจึงหันมองตากันหัวเราะเสียงดัง
“ถึงตอนนั้นพวกเราคงต้องร่วมมือกับเหล่าขุนนางมอบ
สมัญญานามดีๆ ให้จิ้นอันจวิ้นอ๋อง”
“ท่านอ๋อง ต้องให้เป็นท่านอ๋อง”
“มีจิ้นอันจวิ้นอ๋องเป็นตัวอย่างสละชีพพิสูจน์ความบริสุทธิ์
เช่นนี้แล้ว มาดูกันว่าจะมีราชนิกูลหน้าไหนกล้าคิดในสิ่งที่ไม่ควรอีก”
“ถึงตอนนั้น หากพวกเจียงโจวพูดถึงเรื่องโอรสบุญธรรมอีก
คนที่จะต่อสู้กับพวกเขาเป็นคนแรกก็คือเหล่าราชนิกูล นี่พวกเขา
บีบบังคับให้เหล่าราชนิกูลไม่มีทางออกอื่นนี่”เสียงพูดคุยหัวเราะดังโหวกเหวกขึ้นภายในห้อง บรรยากาศ
ผ่อนคลายที่สุดในช่วงที่ผ่านมา
“ช้าก่อน” อยู่ดีๆ ท่านชายเกาก็หยุดหัวเราะ เขานึกอะไรขึ้นได้
เอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ เรื่องนี้ มันไม่แน่นะ”
ทุกคนพากันหยุดพูดคุยหัวเราะ หันมองท่านชายเกา
“ท่านชายเกาวางใจได้ ยานั่นไม่มีทางพลาดได้” ชิงเค่อคนหนึ่ง
เอ่ยขึ้น
“ต่อให้ไทเฮาลังเลเกินไป เราก็กำชับกับคนในตำหนักไทเฮาไว้
แล้ว” ชิงเค่ออีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
ท่านชายเกาส่ายหน้า
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่เรื่องนี้” เขาเอ่ยพลางหันมองเกาหลิงปอ “ท่านพ่อ
ท่านลืมไปว่าบัดนี้อาจมีคนถูกชุบชีวิตขึ้นมาได้”
ผู้คนภายในห้องพากันตกตะลึง
แม่นางเฉิงผู้นั้น! แต่ทุกคนพากันส่ายหน้า
“นางคงไม่มีความสามารถเช่นนั้นหรอกกระมัง มีเพียงวิชาที่
ได้รับถ่ายทอดมาจากคนธรรมดา เท่าที่พวกเราได้เห็นตอนนี้จะเป็นการเรียกสายฟ้าก็ดี รักษาโรคภัยก็ดี ก็ยากเพียงพอแล้ว ”
ชิงเค่อคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
เกาหลิงปอยกมือขึ้นหยุดพวกเขา
“ถูกต้อง แต่เราต้องคิดให้รอบคอบ จะให้เรื่องไม่คาดคิด
เกิดขึ้นไม่ได้” เขาเอ่ย “เราเสียเปรียบจากเรื่องไม่คาดคิด
มามากเกินไปแล้ว”
“เช่นนั้น ก็ต้องจัดการหญิงผู้นั้นก่อน” ท่านชายเกาเอ่ย สีหน้า
โกรธเคือง “ข้าน่าจะฆ่านางไปตั้งนานแล้ว เดิมทีที่หอเต๋อเชิ่งก็
ไม่ควรลังเลใจ”
เกาหลิงปอส่ายหน้า
“หญิงผู้นี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนข้างกาย นางยังรอบคอบเสมอมา
พวกสายสืบบอกว่านางแทบจะไม่ออกไปไหน ต่อให้ออกไปไหน
รถม้าของนางก็จำ ได้ยาก” เขาเอ่ย “อีกอย่าง นางสามารถสร้าง
อาวุธวิเศษอย่างธนูเสินปี้ออกมาได้ ใครจะรู้ว่านางมีอาวุธลับอะไรไว้
ป้องกันตัวอีก หากลงมืออย่างโจ่งแจ้ง นางจะไหวตัวทัน อาจทำให้
มีผลกระทบมากไป ได้ไม่คุ้มเสีย”ทุกคนพากันพยักหน้า
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี” มีคนเอ่ยถาม
“เป้าหมายของเราคือทำให้นางไม่สามารถรักษาจิ้นอันจวิ้น
อ๋องได้ ฉะนั้นก็อย่าได้คิดเรื่องอื่น อย่าได้คิดถือโอกาสปลิดชีวิตนาง
เราเพียงต้องขัดขวางนางไม่ให้เข้ารักษาได้ก็พอแล้ว” เกาปลิงปอเอ่ย
ขึ้นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “หากคิดเช่นนี้ เรื่องนี้ก็จะง่ายขึ้น และยัง
ช่วยทำให้การตายของจวิ้นอันจิ้นอ๋องเป็นชะตาฟ้าลิชิตได้ด้วย”
ทุกคนสีหน้างงงวยไม่เข้าใจ
“พวกเราไม่เพียงไม่ฆ่านาง แต่ยังจะทำให้นางพูดเองกับปา
กว่านางจะไม่รักษาจิ้นอันจวิ้นอ๋องด้วย” เกาปลิงปอเอ่ยขึ้นปน
หัวเราะ
พูดเองกับปากว่าจะไม่รักษาหรือ
“หญิงผู้นี้เป็นถึงคนที่ร่วมมือกับฮองเฮาและจางเจียงโจว
ผลักดันให้จิ้นอันจวิ้นอ๋องสืบบัลลังก์ นางจะยอมดูจิ้นอันจวิ้นอ๋อง
สิ้นชีพโดยไม่รักษาต่อหน้าต่อตาได้หรือ” ท่านชายเกาถลนตาเอ่ย
ถาม “เป็นไปไม่ได้”เกาหลิงปอหัวเราะร่า
“เป็นไปไม่ได้หรือ โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกอย่าง
ต่างมีได้มีเสียก็เท่านั้น”
[1] องค์ชายอี้แห่งเคว้นเหยียน ชื่อจริง จ้าวเต๋อเจา เป็นลูกชายคน
รองของจักรพรรดิซ่งไท่จู่ผู้เป็นปฐมจักพรรดิของราชวงศ์ซ่ง หลังจาก
จักพรรดิซ่งไท่จู่สิ้นพระชนม์ จ้าวกวงอี้ น้องชายของเขาได้
เข้ายึดครองบัลลังก์ขึ้นเป็นจักรพรรดิซ่งไท่จง ทำให้จ้าวเต๋อเจา
เสียโอกาสขึ้นครองราชย์ไป มีครั้งหนึ่ง จ้าวเต๋อเจาทูลถามถึงการ
ปูนบำเหน็จให้เหล่าทหาร แต่จักพรรดิซ่งไท่จงตอบเขาว่า “รอให้
เจ้าขึ้นเป็นจักรพรรดิก่อนค่อยปูนบำเหน็จให้เองก็ไม่สายไป” จ้าว
เต๋อเจาเข้าใจผิดคิดว่าจักรพรรพ์ซ่งไท่จงไม่ต้องการให้ตนได้ขึ้น
ครองราช์ จึงใช้มีดปลิดชีพตัวเอง จักพรรดิซ่งไท่จงทราบข่าวนี้แล้วก็
เศร้าเสียใจ ได้แต่พระราชทานพระสมัญญานามให้กับศพของจ้าว
เต๋อเจา