พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 580 ช้าก่อน
ท่านชายเฉิงสี่เดินออกมาจากร้านเหล้า ผู้ติดตามของเขาคอย
สอดส่องลาดเลามองซ้ายมองขวาพลางโบกมือ ส่วนผู้ติดตามอีกคน
ที่กำลังรออยู่เมื่อได้เห็นสัญญาณโบกมือก็รีบจูงม้าเข้าไปใกล้
“กลับดีๆ ล่ะ เหวินอวี๋” กลุ่มเพื่อนฝูงเอ่ยขึ้น พลางทำท่าส่งลา
“ไว้จะออกเดินทางเมื่อไหร่ พวกข้าจะไปส่ง”
ท่านชายเฉิงสี่รีบโค้งตัว
“แสดงความเสียใจเรื่องท่านฮูหยินด้วยนะ” พวกเขาเอ่ยด้วย
ความเป็นห่วง
ไม่มีใครมีข้อกังขาอันใดในการลากลับบ้านเกิดของท่านชายสี่
ก่อนหน้านี้เองนายใหญ่รองเฉิงก็ขอลาด้วยเรื่องอาการป่วยหนักของ
มารดา ครั้งนี้ดูๆ แล้วฮูหยินเฉิงคงจะอาการทรุดหนักไม่น้อยเลย
ท่านชายเฉิงสี่เอ่ยขอบคุณก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
“ท่านชายสี่ กลับกันเถิด” ผู้ติดตามเอ่ยท่านชายเฉิงสี่พยักหน้า ขณะที่กำลังจะก้าวเท้านั้น ก็มีใคร
บางคนวิ่งโผล่เข้ามาจากด้านข้าง ยังไม่ทันจะได้เข้ามาใกล้ๆ ก็ถูก
เหล่าผู้ติดตามดักไว้ก่อน
ใครบางคนที่วิ่งเข้ามานั้นชนเข้าไปที่แขนของผู้ติดตามอย่างจัง
จึงร้องโอดโอยล้มลงไปกับพื้น ในมือที่กำลังถืออะไรบางอย่างมาด้วย
นั้น
ก็หลุดมือไปอยู่ด้านข้าง
“ช้าก่อน ท่านชายสี่” เป็นชุนหลิงที่วิ่งเข้ามา พลางตะโกนเรียก
คนตรงหน้า
พอท่านชายเฉิงสี่รู้ว่าเป็นนาง ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
“ชุนหลิง นั่นเจ้ารึ”
“ท่านชายสี่ ข้า ข้า” ชุนหลิงพูดตะกุกตะกัก ยังไม่ทันจะได้เอ่ย
จบ นางก็คว้าห่อของยัดให้ผู้ติดตามที่ยืนอยู่ข้างตัวนาง
“นี่เป็นของที่พี่สาวข้ามอบคืนให้แก่ท่าน” ชุนหลิงตะโกน
เสียงดัง จากนั้นก็ม้วนตัววิ่งหายลับไป
พี่สาวอย่างนั้นรึ“ชุนหลิง!” ท่านชายเฉิงสี่ตะโกนไล่หลัง แต่เหมือนจะไม่ทัน
เสียแล้ว
ท่านชายเฉิงสี่นึกในใจ ของสิ่งใดกันหรือ พลางยืนมอง
ผู้ติดตามที่กำลังค่อยๆ เปิดห่อของออก
“ท่านชาย มันคือเงินขอรับ” ผู้ติดตามเอ่ยด้วยน้ำเสียง
ตกตะลึง พลางนับเงินจนครบ “จำ นวนห้าหมื่นขอรับ”
ห้าหมื่นเลยรึ!
‘นี่เป็นของที่พี่สาวข้ามอบคืนให้แก่ท่าน…’
เขาเริ่มสังเกตเห็นเงาคนผลุบๆ โผล่ๆ อยู่รอบด้าน จึงรีบเข้าไป
คว้าเงินนั้น
คิดจะทำอะไรกันแน่นะ!
“ชุนหลิง ช้าก่อนสิ” เขาถอนหายใจ พลางตะโกนเรียก จน
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจขี่ม้าตามไป
เหล่าผู้ติดตามต่างรีบตามเขาไปเช่นกัน
ตัดภาพมาที่หน้าเรือนของตระกูลเฉิง ฉินหูกำลังยืนเคาะประตู
เรือนเพื่อรอคนมาเปิดให้“ท่านชายฉิน”
สาวใช้ที่เดินมาเจอะชายหนุ่มเข้าก็มีท่าทีตกใจเล็กน้อย จึงรีบ
ยิ้มให้แล้วโค้งคำนับ
“กินข้าวแล้วหรือยัง” ฉินหูเอ่ยทักทายอย่างยิ้มแย้ม แต่สายตา
ของเขากลับจดจ่ออยู่ที่ทางเดิน
หญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงก่ำพร้อมเครื่องหัวและ
ปิ่นปักผมที่ประดับบนทรงผมเกล้ามัดสูงกำลังมองมาทางเขาด้วยใบ
หน้ายิ้มสรวล
“เจ้ามาช้าไปนะ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
ฉินหูเมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะยกใหญ่
“แต่คงไม่สายเกินไปสำ หรับการเลี้ยงน้ำชาเจ้าหรอกใช่ไหม”
เขาทำท่ายกมือพลางเอ่ย
เฉิงเจียวเหนียงหันไปตะโกนเรียกปั้นฉิน
“เจ้าไม่ต้องไปลำบากปั้นฉินหรอก” ฉินหูเอ่ย จากนั้นทำท่าที
เชื้อเชิญ “ข้าขอพาเจ้าไปดื่มชานอกเรือนได้หรือไม่”
“จะไปดูดอกไม้อย่างนั้นรึ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถามครั้งก่อนที่ไปข้างนอกด้วยกันคือออกไปชมดอกไม้ ฉินหูเมื่อ
ได้ยินคำถามของนางก็แทบจะเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่
“เดือกหกแล้ว แน่นอนว่าต้องไปชมดอกบัวสิ” เขาเสนอ
“โปรดรอประเดี๋ยว ข้าขอไปเปลี่ยนชุดก่อน” เฉิงเจียวเหนียง
อมยิ้มตอบเขา
ปั้น
ฉินพอเห็นนายหญิงเข้าไปเปลี่ยนชุด ก็รีบกวักมือเรียก
สาวใช้
“ท่านพี่ วันนี้ไปที่ร้านหรือไม่เจ้าคะ” ปั้นฉินเอ่ยถามด้วยเสียง
เบา
สาวใช้หันมายิ้มมีเลศนัย
“ยังไงกันล่ะ หรือว่า เจ้าอยากอู้งานงั้นรึ”สาวใช้เอ่ยถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย ชุดแต่งงานของนายหญิง ถ้าเร่งทำ
อีกนิด ก็คงจะเสร็จสมบูรณ์” ปั้นฉินเอ่ย นัยน์ตาเริ่มแดงก่ำ
สาวใช้พอเห็นเข้าก็อดสงสารมิได้ พลางเอามือลูบไปที่
หน้าผากสาวน้อยตรงหน้า“ข้าก็เคยบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่ต้องรีบร้อนอันใด” สาวใช้เอ่ย
“ช่วงนี้คงยังไม่มีงานมงคลอันใดเกิดขึ้นหรอก”
“ท่านพี่” ปั้นฉินย่ำเท้าด้วยความไม่พอใจที่ได้ยินคำพูดของ
สาวใช้เมื่อครู่ “อย่างไรเสีย ข้าก็จะทำชุดของนายหญิงให้สำ เร็จจงได้
”
สาวใช้หัวเราะพลางทำมือโบกปัด
“ไปเถอะ ไปเถอะ เดี๋ยวข้าอยู่เป็นเพื่อนนายหญิงเอง”
ขณะที่เฉิงเจียวเหนียงเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินออก
ไปข้างนอกกับฉินหูนั้น ปั้นฉินเองก็เดินตามหลังมาติดๆ
“ของว่างพวกนี้เพิ่งทำสดๆ ใหม่ๆ เอาไปทานด้วยสิเจ้าคะ” ปั้น
ฉินเอ่ย
ฉินหูเมื่อได้เห็นดังนั้นก็หัวเราะ
“จุดที่ชมดอกไม้ตรงนั้นมีทุกอย่างพร้อมอยู่” เขาเอ่ย
“แล้วที่นั่นมีของว่างฝีมือนายหญิงด้วยหรือเจ้าคะ” ปั้นฉินเอ่ย
ย้อน “หรือว่าท่านชายฉินไม่อยากทานเจ้าคะ”
“ไว้โอกาสหน้าก็ได้” ฉินหูเอ่ยพลางยิ้มให้“บางที อาจไม่มีโอกาสหน้าแล้วก็เป็นได้นะเจ้าคะ” ปั้นฉิน
หัวเราะ จากนั้นก็ยื่นกล่องของว่างให้สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
‘อาจไม่มีโอกาสหน้าแล้วก็เป็นได้นะเจ้าคะ’
ประโยคที่ฟังดูน่าขันเมื่อครู่ ทำเอาฉินหูยืนอึ้งไปสักพัก
“เอาละ เอาละ รีบไปเถิด” สาวใช้เอ่ยเร่ง
ขณะที่ปั้นฉินกำลังจะก้าวเท้าออกไป กลับเห็นว่าท่านชายฉิน
กำลังคว้ากล่องของว่างนั้นมาจากสาวใช้ จากนั้นเขาก็รีบยื่นกล่อง
นั้น
ให้ตนเสียอย่างนั้น
“เอ๋” ปั้นฉินร้องตะโกน
“ไว้ข้าค่อยทานตอนเข้ามาส่งแม่นางเฉิงแล้วกัน” ฉินหูหัวเราะ
“เหลือให้ข้าด้วยล่ะ”
ฉินหูพอเอ่ยจบก็เดินออกไป
“ท่านชายฉินเปลี่ยนเป็นคนหัวรั้นแบบท่านชายโจวหกตั้งแต่
เมื่อใดกันเนี่ย” ปั้นฉินบ่นอุบอิบ
“เอาละ เอาละ เรื่องเล็กนิดเดียวอย่าพูดให้มากความ เขา
อยากจะออกไปซื้อของกินข้างนอกก็เรื่องของเขา เงินของเขา”สาวใช้หัวเราะ “ไว้ข้าจะซื้อของฝากมาให้เจ้าเยอะๆ ก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำตอบของสาวใช้ ปั้นฉินก็ยิ้มร่าพลางขานรับ
จากนั้นมองดูพวกเขาที่กำลังเดินออกไปข้างนอกจนลับสายตา
… ข
ณะเดียวกันนั้นเอง จิ้นอันจวิ้นอ๋องที่กำลังนอนบิดโอดโอยอยู่
ข้างเตียงก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด จากนั้นตามมาด้วยเสียง
อาเจียน
น้ำเลือดในกระโถนกระเด็นไปบนร่างของนางกำนัล
นางกำนัลเมื่อเห็นเข้าจึงร้องเสียงหลง
“หมอหลวง หมอหลวง”นางกำนัลร้องเรียกหมอหลวงทั้งน้ำตา
คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอก พอได้ยินเสียงก็รีบพุ่งตัวเข้ามา เมื่อได้
เห็นสภาพของจิ้นอันจวิ้นอ๋องที่นอนหมดแรงจากการอาเจียน ขันที
นายหนึ่งรีบเข้าไปพยุงตัวเขาแล้วรีบพลิกตัวขึ้น ส่วนคนอื่นที่
เห็นภาพเหตุการณ์ก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้อง
บัดนี้ใบหน้าของจิ้นอันจวิ้นอ๋องเปลี่ยนเป็นสีเขียวช้ำ“ไหนเจ้าบอกว่าแก้ได้นี่ ไหนบอกว่าพระองค์จะไม่เป็นอะไร”
ขันทีหันไปถลึงตาใส่หมอหลวง “เหตุใดพระองค์ยังทรงอาเจียนเป็น
เลือดอยู่ เหตุใดใบหน้าถึงได้หมองเช่นนี้!”
หมอหลวงหลี่เริ่มตัวงอและสั่น พลางย่อตัวลงมาแล้วจับเข้าไป
ที่ชีพจร
“ไม่ควรเป็นเช่นนี้ ไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย” หมอหลวงเอ่ยเสียงสั่น
“เป็นไปได้อย่างไรกัน”
ยังไม่ทันขาดคำ จิ้นอันจวิ้นอ๋องก็พรวดอาเจียนออกมาอีกครั้ง
เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด ทำเอาพวกนางกำนัลที่ยืนดูอยู่ต่างพา
กันร้องห่มร้องไห้
“สรุปว่าได้หรือไม่ได้! ได้หรือไม่ได้กันแน่!” ขันทีคว้าตัวหมอ
หลวงแล้วเขย่า “รีบช่วยพระองค์ รักษาพระองค์เดี๋ยวนี้!”
หมอหลวงหลี่คว้ากล่องยา แล้วหยิบเข็มขึ้นมาด้วยมือที่สั่น
พลางมองไปยังชายหนุ่มที่ดูเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจ
ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม ใช้ยาก็แล้ว ใช้เข็มก็แล้ว เหตุใด
จึงยังไม่ดีขึ้นกันล่ะ“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลี่ขว้างเข็มในมือทิ้งแล้วตะโกนร้อง
พลางคว้าเข้าไปที่ลำแขนของชายหนุ่ม “ฤทธิ์ของยาพิษช่างรุนแรง
ยิ่งนัก แม้ว่าพระองค์จะเสวยไปแค่เพียงครึ่งแก้ว แต่ฤทธิ์ของมัน
ช่างรุนแรงเหลือเกิน! กระหม่อมหมดปัญญารักษาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
สิ้นประโยคคร่ำครวญของหมอหลวง ขันทีรีบผลักตัวเขาออก
พลางตะโกน
“รีบไปเชิญแม่นางเฉิงมาเดี๋ยวนี้!”
แม่นางเฉิงอย่างนั้นรึ…
จิ้นอันจวิ้นอ๋องเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ที่เอ่ยถึงแม่นางเฉิง ก็
เด้งตัวขึ้นมาแล้วคว้าแขนขันทีเอาไว้
“ฝ่าบาท!” ขันทีเอ่ยพลางมองเขาทั้งน้ำตา “ฝ่าบาท”
จิ้นอันจวิ้นอ๋องค่อยๆ ขยับปาก
“หลี่…” เขายกมือขึ้นอย่างเชื่องช้า
หมอหลวงหลี่เมื่อได้ยินก็รีบเข้าไปหาเขาแล้วกุมมือ
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท” หมอหลวงเอ่ยเสียงสั่น “กระหม่อมเชิญ
แม่นางเฉิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”“ไม่ต้องเชิญนาง…” จิ้นอันจวิ้นอ๋องพยายามเค้นเสียงออกมา
“เจ้า…เจ้าช่วยข้ามิได้รึ…นาง…นางมีกฎของนาง…”
กฎของนางอย่างนั้นรึ
หมอหลวงหลี่ทำหน้าตกใจ
“…นางจะไม่…แต่งงาน” เสียงของจิ้นอันจวิ้นอ๋องค่อยๆ หาย
ไป
หมอหลวงหลี่เริ่มกระวนกระวาย พลางตะโกน
“ฝ่าบาทอาการหนักถึงขั้นนี้แล้วนะขอรับ!” หมอหลวงรีบลุกขึ้น
ยืน “ไม่ต้องเชิญนางแล้ว ไม่ทันแล้ว รีบมาช่วยพยุงตัวฝ่าบาทเร็ว”
… ปั้น
ฉินที่กำลังเย็บเสื้ออยู่ก็หยุดมือแล้วปาดน้ำตา
“ท่านพี่ปั้นฉิน ดื่มน้ำสักหน่อยสิ” สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น
ปั้น
ฉินพยักหน้าแล้วรับน้ำมาดื่ม แต่จู่ๆ กลับมีเสียงอึกทึกดัง
ขึ้นจากด้านนอก
“เกิดอันใดขึ้น” ปั้นฉินขมวดคิ้วพลางมองไปทางด้านนอก พบ
ว่ามีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่เดินบุกเข้ามา สีหน้าของพวกเขาแลดูดุดันขึงขัง
“แม่นางเฉิง แม่นางเฉิง ได้โปรดช่วยด้วย!”
มือของปั้นฉินเริ่มสั่นจนน้ำชาที่อยู่ในถ้วยหกใส่ชุด
“ได้โปรดรีบพานางออกมาด้วยเถิด!” องค์รักษ์นายหนึ่งเอ่ยขึ้น
พลางคว้าเข้าไปที่แขนเสื้อของแม่นางหวง
“น้องข้าไม่อยู่ที่นี่จริงๆ เจ้าค่ะ” แม่นางหวงเอ่ยเสียงสั่น “นาง
ไม่อยู่ที่นี่จริงๆ นะเจ้าคะ”
เหล่าสาวใช้เองก็ตะโกนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
ปั้น
ฉินเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งออกมา แล้วตะโกนบอก
“นายหญิงออกไปด้านนอกแล้วเจ้าค่ะ”
“แม่นางปั้นฉิน” ขันทีนายหนึ่งเอ่ยเรียกปั้นฉิน
สีหน้าท่าทางของขันทีแลดูไม่สู้ดีนัก จู่ๆ ปั้นฉินเหลือบไปเห็น
รถเกี้ยวที่มีเหล่าองครักษ์คอยแบกไว้อยู่
ในนั้น…เป็นผู้ใด…กันนะ…
ขันทีเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบเปิดม่านพระเกี้ยวออกปั้น
ฉินเมื่อได้เห็นด้านในเกี้ยว ก็เป็นต้องเอามือป้องปาก
กรีดร้อง นี่มัน นี่มัน เกิดอันใดขึ้นกันแน่ นี่น่ะหรือ จิ้นอันจวิ้นอ๋องคน
เดิมที่รูปงามและมีรอยยิ้มพิมพ์ใจเปล่งประกายดังแสงตะวันผู้นั้นน่ะ
หรือ
ปั้น
ฉินน้ำตาไหลพราก
สวรรค์เจ้าขา นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่นะ
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท” ปั้นฉินทรุดตัวลงแล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม “นี่
มัน เกิดเรื่องอันใดขึ้นเพคะ”
“นี่ไม่ใช่เวลามาถาม รีบไปตามแม่นางเฉิงมาเดี๋ยวนี้” หมอ
หลวงหลี่เอ่ยด้วยท่าทีร้อนรน
ปั้น
ฉินน้ำตาไหลไม่ขาดสาย พลางเอ่ยตอบ
“นายหญิงออกไปข้างนอกแล้วเจ้าค่ะ”
“ไปที่ใดกัน” เสียงถามไถ่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“นายหญิงออกไปชมดอกบัวเจ้าค่ะ” ปั้นฉินตอบ
“ในเมืองหลวงมีจุดชมดอกบัวตั้งเจ็ดแปดแห่ง! แล้วมันคือที่ใด
กันเล่า” องครักษ์เอ่ยถามปั้น
ฉินกับแม่นางหวงเริ่มหน้าถอดสี
ในเมืองหลวงแห่งนี้ ไม่ได้มีสวนดอกบัวแค่ที่เดียวหรอกหรือ
ปกติแล้วนายหญิงจะบอกก่อนทุกครั้งเวลาออกไปไหน แต่
ครั้งนี้นายหญิงออกไปกับท่านชายฉิน แล้วเขาก็ไม่ได้มาบอกเสีย
ด้วยสิว่าไปที่แห่งใดกัน
“ท่านชายฉินไม่ได้บอกเจ้าค่ะ…” ปั้นฉินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียง
สั่นเครือ
“ปกติเวลาน้องข้าออกไปข้างนอก ข้าก็ไม่เคยได้ถามไถ่หรอก
เจ้าค่ะ” แม่นางหวงเองก็ตอบเสียงสั่นเช่นกัน
ใครจะไปคาดถึงกัน!
ทั้ง
ขันทีและองครักษ์ต่างหันไปทางนายทหารผู้ช่วย พลาง
ออกคำสั่ง
“รีบส่งคนออกตามหานาง ตามหาทุกซอกทุกมุม!” นายทหาร
ขานรับอย่างขึงขัน
คงไม่มีวิธีอื่นใดที่ดีกว่านี้แล้ว เหล่านายทหารรีบพากันวิ่งออก
ไปตามหาแม่นางเฉิง“พวกเจ้าเองก็เช่นกัน ออกไปตามหานายหญิงเร็ว” แม่นาง
หวงหันไปทางเหล่าสาวใช้
กลุ่มสาวใช้รีบขานรับเป็นเสียงเดียวกัน
“พวกเจ้าต้องสงวนท่าทีเอาไว้” นายทหารกำชับ “อย่าได้
ร้องไห้คร่ำครวญเป็นอันขาด”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นรึ”
เสียงตะโกนถามดังมาจากด้านนอก
พอทุกคนหันไป ก็ปรากฏเป็นท่านชายโจวกำลังรีบวิ่งเข้ามา
ทางนี้ ในมือของเขาถือสลักอยู่
เนื่องจากตอนที่พวกขันทีและองครักษ์บุกเข้ามาอย่างเร่งรีบ
เหล่ายามที่เฝ้าประตูเรือนตระกูลเฉิงต่างก็ถูกสกัดแล้วล้มลงไปบน
พื้น โจวฝูที่มาเห็นสภาพดังกล่าวเข้าก็มีท่าทีอกสั่นขวัญผวาไม่น้อย
เลย
“พวกท่าน…” โจวฝูเอ่ยพลางกวาดตามองรอบๆ
“เป็นฝ่าบาทเจ้าค่ะ” ปั้นฉินตะโกนบอกโจวฝู พลางวิ่งออกไป
“รีบช่วยกันตามหานายหญิงเถิดเจ้าค่ะ”ฝ่าบาทงั้นรึ
สายตาของโจวฝูจับจ้องไปที่ด้านในเกี้ยว และเมื่อเขาได้เห็น
กับตาตัวเอง สีหน้าก็เปลี่ยนทันควัน
เป็นฝ่าบาทจริงๆ สินะ!
ขณะที่องครักษ์กำลังจะเอ่ยอธิบายให้โจวฝูได้เข้าใจ
สถานการณ์ แต่โจวฝูกลับปล่อยสลักที่อยู่ในมือลงพื้นแล้วรีบวิ่ง
พรวดออกไปจนแซงปั้นฉินและเหล่าทหารราวกับลมกรด
“พาข้าไปที่ห้องนาง…” จิ้นอันจวิ้นอ๋องทำมือบอกทางพลาง
ออกสั่ง ถ้อยเสียงของเขาเริ่มอ่อนแรงลงไปทุกที ถึงแม้สายตาของ
เขาจะเริ่มมองไม่ชัด แต่เขาก็ยังคงจำ ตำแหน่งทิศทางในเรือนนี้ได้
เป็นอย่างดี
ขันทีที่อยู่ด้านข้างน้อมรับคำสั่ง แล้วรีบพยักหน้าทั้งน้ำตา
“ช่วยกันพาฝ่าบาทไปยังห้องของแม่นางเฉิง รอแม่นาง
เฉิงกลับมา”
“ฝ่าบาท ประเดี๋ยวแม่นางก็คงกลับมาแล้ว แข็งใจไว้ อดทนรอ
ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”จิ้นอันจวิ้นอ๋องนึกในใจ ข้ายังมีนางอยู่ ข้าจะรอนาง รอนางมา
เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง