พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 583 ไม่จบไม่สิ้น
ฉินหูกระโดดลงจากม้าแล้วเข้าไปในร้าน ก็พบว่าหอเต๋อเซิ่ง
กำลังตกอยู่ในความโกลาหล มีแต่คนตะโกนโหวกเหวกวิ่งไปมา
“ฆ่ากันแล้ว ฆ่ากันแล้ว”
ร่างของฉินหูถูกดันออกจากกลุ่มคนอลหม่าน พอเหล่า
ผู้ติดตามสกัดคนไว้ได้ ฉินหูก็รีบพุ่งตัวขึ้นไปยังชั้นสอง
แม่นางม่อที่รูปลักษณ์กิริยางามคนเดิมบัดนี้กลับทรุดตัวลงไป
กองกับพื้นแล้วร้องโหยหวนด้วยเสียงแหบแห้ง
“ฆ่ากันแล้ว ฆ่ากันแล้ว”
คนอย่างโจวฝูที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวจากสนามรบมาก่อน
คงไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อะไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า ไหนจะเฉิงเจียว
เหนียงอีก ใช่ว่านางจะไม่เคยพบเจอภาพนองเลือดมาก่อน อีกทั้ง
เหยื่อในครั้งนี้คือท่านชายเฉิงสี่คนกันเองอีกด้วย
เดี๋ยวก่อน แต่นั่นท่านชายเฉิงสี่เชียวนะคราวก่อนเกาหลิงปอโยกย้ายนายรองเฉิงเข้ามายังเมืองหลวง
เพื่อจะสกัดดาวรุ่งนาง เพียงแต่สำ หรับเฉิงเจียวเหนียงแล้วนั่นมัน
เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย การที่ต้องมาแสดงความเคารพต่อ
ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ได้มีผลอะไรกับนางเลยสักนิด อย่างดีก็แค่เอา
มาบังหน้าในเรื่องพิธีแต่งงานก็เท่านั้น
พูดถึงความเคารพ อย่าว่าแต่ผู้ใหญ่ในบ้านเลย สำ หรับเจียว
เหนียงแล้วต่อให้เป็นคนแปลกหน้านางก็ยึดมั่นในเรื่องนี้
ส่วนเรื่องงานแต่ง…สำ หรับนางก็เป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว อย่างไร
เสียก็เหมือนกันหมดนั่นแล
ทว่าหากเป็นเรื่องของท่ายชายเฉิงสี่ล่ะก็ อาจไม่เป็นเช่นนั้น
สำ หรับนาง ท่านชายเฉิงสี่คือคนที่ไม่เหมือนใคร คนที่ดูเฉิ่มเชย
ไม่ประสาอย่างเขาต่างหากคือคนที่นางจะใจอ่อน
แม้ว่าตัวฉินหูเองก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอันใดถึงต้องเป็นเขา
ถ้าพูดถึงด้านความช่วยเหลือ ก็ดูเหมือนโจวหกทำในส่วนนี้
ได้ดีและเยอะกว่าเสียด้วยซ้ำ กลับกัน อย่างท่านชายเฉิงสี่น่าจะเรียก
ว่าตัวป่วนสร้างงเรื่องเสียมากกว่าแต่เป็นเพราะเหตุใดกัน นางถึงได้เอาแต่ปฏิบัติต่อเขาด้วย
อย่างอ่อนโยนเหลือเกิน
ความอ่อนโยนอย่างนั้นรึ
บุคคลหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น คงมีเพียงเท่านั้น
กระมัง
มีคนมากมายเคารพนาง เชิดชูนาง ไว้วางใจนาง แถมยังมี
คนรักคนชอบนางตั้งมากมาย ทั้งใสซื่อทั้งแฝงผลประโยชน์ปะปนกัน
ไป แต่หารู้ไม่ว่ายังมีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ขาดไป นั่นคือความอ่อนโยน
ความเห็นอกเห็นใจ
‘น้องสาวของข้า อย่าทำร้ายน้องสาวของข้า นางลำบาก
มามากนักกว่าจะถึงจุดนี้ได้’
บ้าจริง!
ฉินหูเริ่มเดือดดาล กำมือทุบกับระเบียง
พวกมันต้องตาย!
พวกที่บังอาจมาทำร้ายท่านชายสี่ พวกมันต้องตาย!
หวังว่าจะยังไม่สายเกินไป…ฉินหูมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู พอเห็นสภาพด้านใน ก็แทบจะ
ล้มทั้งยืน
ไม่…
ไม่!
ไม่!
“นายท่าน นี่เป็นยาสลบขอรับ!” หนึ่งในผู้ติดตามเอ่ยขึ้น พลาง
ลุกขึ้นยืนจากจุดที่แม่นางจูกับบ่าวรับใช้ของท่านชายเฉิงสี่นอนสลบ
อยู่
“รีบปลุกพวกเขาเร็ว” โจวฝูเอ่ย
ผู้ติดตามเข้าไปยกกะละมังน้ำแข็งตรงมุมห้องที่ตอนนี้ละลาย
เป็นน้ำ จากนั้นก็สาดลงไปตรงศีรษะของทั้งสอง
“หนาว หนาว” บ่าวฟื้นขึ้นก่อนพลางร้องตะโกนด้วยความ
หนาว ก่อนจะตบเข้าที่ใบหน้าตัวเอง พอเห็นสภาพที่เปียกปอนทั้งตัว
ก็เกิดอาการตระหนกตกใจ “เกิดอันใดขึ้นขอรับ”
ผู้ติดตามเมื่อเห็นเข้าจึงง้างมือตบเข้าให้หนึ่งฉาด“ยังมีหน้ามาถามอีก!” พลางคว้าตัวบ่าวรับใช้ขึ้นมา กัดฟัน
ถาม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
บ่าวรับใช้ถูกตบเสียจนรู้สึกเวียนหัวตาลาย พยายามมองไป
รอบกาย ไม่ช้าก็ต้องพบกับภาพที่ทำให้ตกตะลึง
ตรงนั้น!
“นะ นะ นายท่าน…” บ่าวรับใช้เอ่ยตะกุกตะกัก
และตอนนั้นเอง เสียงกรีดร้องโหยหวนของแม่นางจูก็ดังซ้อน
ขึ้น
“นี่มัน เกิดอันใดขึ้น มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น นี่มันอะไรกัน” นาง
หวีดร้อง พลางจ้องเข้าไปที่ชุดกระโปรงของตนที่มีแต่คราบเลือด
ก่อนจะหันไปทางท่านชายเฉิงสี่และชุนหลิงที่นอนแน่นิ่ง…แล้วยังมี
เฉิงเจียวเหนียงอีกคนที่อยู่ตรงนั้น
เหตุใดมีแต่เลือดเต็มไปหมด บนมือของสตรีผู้นั้นก็
มีคราบเลือดเช่นกัน!
ไม่นะ ไม่นะ“ข้าสิต้องถามเจ้า!” โจวฝูดึงตัวนางขึ้นมา พลางตะคอกเสียง
“ใครเป็นคนบงการ! ใครใช้ให้เจ้าฆ่าท่านชายสี่!”
ฆ่าท่านชายสี่งั้นรึ
แม่นางจูดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัว พลางส่ายหน้า
ไม่นะ ไม่ ไม่มีใครวานให้นางทำร้ายท่านชายสี่
‘…เจ้ารับเงินนี่ไว้’
‘ไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าน้อยมิอาจรับเงินจากท่านชายได้เจ้าค่ะ’
แม่นางจูย่อตัวคำนับ
‘เอาเงินนี้ไปคืนท่านชายเฉิงสี่ แล้วบอกทำนองว่า ไม่มีเรื่องค้าง
คาใจแล้ว’
มีเพียงเท่านี้งั้นรึ แม่นางจูอดคิดสงสัยไม่ได้ เงยหน้ามอง
ชายหนุ่มตรงหน้า
‘เจ้าทำให้ท่านชายของตระกูลเราต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้น
เพื่อที่จะกู้หน้าคืน เขาจำ ต้องสะสางกับตระกูลเฉิง ในเดือนเจ็ดวันที่
เจ็ด เจ้าต้องมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงของตระกูลข้า ให้มันรู้ตัว ว่า
ตัวเองเป็นแค่หมากตัวเล็กๆ ตัวนึง’จะเป็นเช่นนั้นรึ
แม่นางจูมองไปยังกองเงินที่อยู่ตรงหน้า
พลางคิด ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงดีแล้วกระมัง เพราะนางเองก็
ไม่อยากให้ท่านชายเฉิงสี่ต้องมาพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย
อีกทั้งนางเองก็ไม่รู้ชะตากรรมว่าท่านชายเกาจะจัดการนาง
อย่างไร อย่างน้อยให้นางได้สะสางปัญหากับท่านชายสี่ไปก่อนก็ยังดี
ทว่า ภาพตรงหน้านี้ มันอะไรกัน…
“ท่านชายสี่ ท่านชายสี่” แม่นางจูสะบัดโจวฝูออก รีบพุ่งเข้า
ไปหาร่างไร้วิญญาณของท่านชายเฉิงสี่ พลางหันไปมองอีกร่าง
ที่นอนแน่นิ่งตายตาไม่หลับ
แม่นางจูทำใจรับไม่ไหว ร้องเสียงหลงออกมาอีกครั้ง นาง
นั่งคุกเข่าบนพื้น เนื้อตัวสั่นเทา
สวรรค์เจ้าขา นี่มันเรื่องอะไรกัน
“ข้า แค่ดื่มชาไปแก้วเดียวเท่านั้น พอหลังจากนั้นข้าก็ไม่รู้อะไร
อีกเลย! นายท่าน! นายท่าน! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันขอรับ”
บ่าวรับใช้ร้องไห้ฟูมฟาย โขกหัวลงกับพื้นผู้ติดตามยกกาน้ำชาขึ้นมา พลางรายงานโจวฝู
“ชานี้ถูกวางยาขอรับ”
“ใช่แล้วขอรับ ข้าน้อยจำ ได้ว่ามีช่วงนึงที่เสียงเงียบไป แต่ก็ยัง
ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ พูดทำนองว่าอยากดื่มน้ำชา จากนั้นไม่นาน
เสียงบรรเลงก็ดังขึ้น…จากนั้น…” เหล่าผู้ติดตามที่คุกเข่าอ้อนวอน
อยู่กัดฟันเล่าเหตุการณ์
พอพวกเขาเอ่ยถึงตรงนี้ ก็นิ่งเงียบไป
หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงบรรเลงดังขึ้นเป็นระยะระยะ… ก็
ไม่มีใครสนใจเหตุการณ์ในห้องนั้นอีก…
เหล่าผู้ติดตามของท่านชายเฉิงต่างรีบก้มหัวร้องเสียงครำ
ครวญ
ช่างน่าโมโหยิ่งนัก
“ใครใช้ให้พวกเจ้าทำเช่นนี้!” โจวฝูคว้าตัวแม่นางจูมาสอบสวน
อีกครั้ง
“ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น” แม่นางจูน้ำตาร่วง เอามือกุมหัว
ตัวเอง “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้!”โจวฝูง้างมือตบหน้านาง
“พูดออกมาเดี๋ยวนี้!” เขาตะเบ็งเสียง พลางหันไปอีกทาง “พวก
คนในหอเต๋อเซิ่ง อย่าให้ใครเล็ดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
ขณะที่กำลังออกคำสั่ง โจวฝูก็เหลือบไปเห็นฉินหูที่ยืนอยู่หน้า
ประตู
ฉินหูงั้นเรอะ!
เขาไม่รอช้า เขวี้ยงตัวแม่นางจูออก แล้วพุ่งเข้าไปที่ฉินหู
“เจ้า! เป็นเพราะเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ฉินหูไม่ได้สนใจลูกหมัดของโจวฝูที่พุ่งพรวดเข้ามาแต่อย่างใด
สายตาของเขาเอาแต่จับจ้องไปที่เฉิงเจียวเหนียง ไม่ว่าในเหตุการณ์
ในห้องจะวุ่นวายมากแค่ไหน แต่นางยังคงไม่พูดไม่จาและไม่ขยับไป
ไหน
เจ้าพวกนั้น ทำร้ายจิตใจของนาง แถมยังสังหารคนที่นางรัก…
เจียวเหนียง…
เจียวเหนียง…“นายท่าน” จู่ๆ ก็มีคนดึงตัวเขาไปทางด้านหลัง อีกทั้งมีคน
เข้าไปยืนเป็นกระบังหน้าให้เขา
เสียงถอนหายใจ เสียงกำหมัด เสียงลมพัด ดังขึ้นพร้อมกัน
“นายท่านโจว! ท่านชายฉินไม่ได้เป็นคนทำขอรับ!”
เสียงสะอื้นดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงตะโกนเมื่อครู่
ฉินหูคิดในใจ ยืนบังอยู่ได้! ข้ามองไม่เห็นนางแล้ว!
“เจียวเหนียง!” เขาตะโกนเรียกนาง “เจียวเหนียง เจ้าฟังข้า”
เขาดันตัวคนข้างหน้าออกแล้วรีบพุ่งตัวเข้าไปหานาง
เจียวเหนียง ฟังข้าก่อนนะ
“ไปตายซะ!” โจวฝูตะโกนพลางยกเท้าขึ้น
ถึงแม้จะมีเหล่าผู้ติดตามคอยรั้งตัวโจวฝูไว้ แต่ไม่วายร่างของ
ฉินหูกระเด็นออกนอกห้องอยู่ดี
เหล่าผู้ติดตามเมื่อได้เห็นดวงตาแดงก่ำของโจวฝู ก็รีบคว้าตัว
ฉินหูไว้
“นายท่าน รีบไปก่อนเถิดขอรับ”
ไปงั้นรึนี่มันใช่เวลาที่เขาต้องหนีงั้นรึ ดูสภาพนางก่อนสิ! จะให้ข้าไปได้
อย่างไร!
ฉินหูยังคงดื้อรั้น แต่กลับถูกเหล่าผู้ติดตามล็อคตัวไว้แน่น
จากนั้นจึงถูกลากตัวออกไปด้านนอก
“ฉินสิบสาม!”
เสียงตะโกนนั่นเรียกความสนใจจากฉินหูได้ เขาจึงสังเกตเห็น
ท่าทางกระฟัดกระเฟียดกำหมัดราวกับอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ
ของโจวฝู ที่กำลังถูกเหล่าผู้ติดตามรั้งตัวไว้แทบจะไม่อยู่
“ฉินสิบสาม!”
ฉินสิบสามงั้นรึ
“นายท่าน ตอนนี้คนของตระกูลเฉิงเสียสติไปแล้วนะขอรับ คง
เจรจากันไม่ไหวหรอกขอรับ พวกเขาไม่ฟังเราแน่ กลับกันก่อนเถิด
ขอรับ วันหลังค่อยว่ากันใหม่”
ใบหน้าของนางค่อยๆ ห่างไกลออกไป
เกรงว่า จะไม่มีวันหลังแล้วน่ะสิ
ไม่เหลือแล้ว…เฉิงเจียวเหนียงยื่นมือออกไปกุมที่ตำแหน่งหัวใจของท่านชาย
เฉิงสี่ บัดนี้เลือดหยุดไหลแล้ว ร่างของเขาเริ่มเย็นเฉียบ
“นายหญิง นายหญิง”
“ท่านชายสี่ ท่านชายสี่”
เสียงแห่งความเศร้าโศกดังระงมทั่วห้อง
มีแต่เสียงคร่ำครวญสะอื้น
นี่ข้ามาช้าไปสินะ
ท่านพี่ตงซาน ข้ามาช้าเกิน
“อาฝั่ง หยุดมองได้แล้ว ไม่ต้องเก็บกวาดแล้ว”
เขาเป็นพี่ชายของข้านะ เขาเป็นท่านพี่ตงซานนะ
“อาฝั่ง! ไม่มีประโยชน์หรอก! รีบไปกันเถอะ! วางมือได้แล้ว!”
ไม่มีประโยชน์งั้นรึ ท่านพี่ตงซาน ท่านให้ความรู้แก่ข้ามากมาย
นัก แต่สุดท้าย ก็ไร้ประโยชน์สินะ
นางค่อยๆ ฉีกเสื้อตรงบริเวณที่ถูกแทงออก
“ไปหยิบเข็มกับด้ายมา ข้าจะเย็บ” เฉิงเจียวเหนียงตะโกนสั่งทั้ง
น้ำตา“เจียวเหนียง! เจียวเหนียง!” โจวฝูคว้ามือของนางที่กำลัง
สั่นเทา “หยุดเถอะ หยุดเถอะ ไม่มีประโยชน์อันใด เขาตายแล้ว
เจ้าหยุดเถอะ มือของเจ้าบาดเจ็บอยู่”
“ไม่มีประโยชน์แล้วอย่างนั้นรึ” เฉิงเจียวเหนียงเงยหน้ามองเขา
ใบหน้าซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง นัยน์ตารื้นเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหล
พราก สภาพเช่นนี้ โจวฝูไม่เคยได้พบเจอมาก่อน ทำให้เขารู้สึก
สะเทือนใจและเจ็บปวดในใจยิ่งนัก
“เจียวเหนียง” เขาพยายามไม่ร้องไห้ตาม พลางคว้าเข้าไปที่
หัวไหล่นาง แล้วเอ่ย “อย่า…”
จะบอกให้นางอย่าเสียใจไปเลยอย่างนั้นรึ
หยุดพูดพล่อยๆ เสียที! เวลาแบบนี้จะไม่ให้เศร้าได้อย่างไร!
เขายังต้องเอ่ยคำพูดอันใดออกมาอีก! โจวฝูเงยหน้าตะโกน
ร้องคำรามอย่างอัดอั้น พลางคว้าตัวนางเข้ามากอด
เฉิงเจียวเหนียงปล่อยโฮในอ้อมอกของเขา ไม่มีประโยชน์อันใด
ในเมื่อท่านชายสี่ตายไปแล้ว ไม่ว่าจะทำเช่นไร ก็ไม่มีประโยชน์อันใด
อีกแล้ว“นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดต้องมาทำร้ายท่านชายเฉิงสี่ด้วย”
สาวใช้พร้อมทั้งปั้นฉินตัดพ้อร้องไห้ฟูมฟาย
เหตุใดกัน เป็นเพราะนางงั้นรึ เพราะพวกนั้นต้องการห้ามนาง
งั้นรึ..
โจวฝูรับรู้ถึงแรงต้านจากคนในอ้อมกอด เฉิงเจียวเหนียงจู่ๆ
ลุกขึ้นพรวดแล้วรีบวิ่งออกไป
“เจียวเหนียง!” เขารีบตามไป พลางคิด หรือนางคิดจะ
ฆ่าตัวตายงั้นรึ
“นายหญิง” สาวใช้กับปั้นฉินเองก็ค่อยๆ คลานลุกขึ้นแล้วตาม
ไป
หญิงสาวในชุดเรียบง่ายเต็มไปด้วยรอยคราบเลือดบน
กระโปรงวิ่งออกจากหอเต๋อเซิ่งไป เป็นภาพที่ดูงดงามแต่ก็แฝงไป
ด้วยความน่าขนหัวลุกเช่นกัน
นายตรวจจากทางการพอทราบข่าวก็รีบมายังจุดเกิดเหตุ เมื่อ
เห็นภาพหญิงสาวที่วิ่งผ่านไปเมื่อครู่ ถึงกับยืนนิ่งตาเหลือกโจวฝูที่วิ่งตามออกมา ก็ได้เห็นหญิงสาวกำลังควบม้าออกไป
ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง
“นายท่าน ตรงนี้จะทำอย่างไรต่อดีขอรับ” เหล่าผู้ติดตามรีบ
ถาม ขณะที่โจวฝูกำลังกระโดดขึ้นหลังม้า
คนจากทางการมาแล้ว คงต้องมีการสอบสวนเกิดขึ้น หาก
ระหว่างนั้นมีคนเอ่ยความเท็จออกไปละก็…
โจวฝูกวาดสายตามองพวกนายตรวจที่เพิ่งมาถึง
“ก็ดีเลยสิ ข้าเองก็กำลังข้องใจอยู่เชียวว่าเป็นฝีมือใคร” เขาเอ่ย
อย่างเยือกเย็น
พอเอ่ยจบ โจวฝูก็ควบม้าออกไป ท่ามกลางถนนและท้องฟ้าที่
กำลังมืดลง เขามองไม่เห็นเงาของนางแล้ว
ในเมื่อพวกนั้นต้องการขัดขวางข้า
คงไม่ปล่อยให้สมหวังดังใจหมายกันง่ายๆ หรอก
‘หากไม่พอใจนัก ก็รู้จักทำตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นสิ นี่มัน
ไม่ใช่หนทางสุดท้ายของชีวิตเสียหน่อย ไม่ถึงกับตายหรอกน่า’‘ข้ายังมีโอกาสอยู่อีกหรือ มันจะมีประโยชน์อันใดกัน ในเมื่อ
พวกเขาไม่อยู่แล้ว…’
‘แต่ตัวเจ้ายังอยู่มิใช่หรือ’
ใช่แล้ว ข้ายังอยู่นี่ เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ หรอก!