พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 84 บังเอิญพบ
วิ่งอ้อมทางเขามาก่อนนั้นเป็นคนขี่ม้าสองคน เห็นได้ชัดว่าก็ตกใจที่จู่ๆ ก็เห็นค่ายค้างแรมอยู่ตรงนี้เช่นกัน
“คนที่มาคือใคร” คนบ้านตระกูลโจวและตระกูลเฉินตะโกนกันอย่างพร้อมเพรียง
“คนผ่านทาง” คนที่อยู่บนม้าสองคนรีบตะโกนตอบ แล้วชูมือสองข้างขึ้นสูง ใต้แสงไฟส่องสว่างนั้น ให้คนทางนี้เห็นได้ชัดเจนว่าตนไม่มีอาวุธใด
มิเช่นนั้น ถูกเข้าใจว่าเป็นโจรป่าหน่วยสอดแนมไม่มีใครฟังคำอธิบายถูกธนูยิงก็จะตายเปล่าไปเสีย
แต่อย่างไรเสีย เมื่อใช้คบไฟส่องจนเห็นชัดเจนแล้วก็เห็นคันธนูที่คาดไว้บนตัวและมีดคาดเอว แน่ชัดว่าไม่ใช่คนผ่านทางธรรมดาเป็นแน่
ข้างหลังพวกเขายังมีเสียงรถม้าลอยมา แต่สังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้หยุดลง
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน สายลมยามค่ำคืนพัดโบกจนได้ยินเสียงคบไฟ บรรยากาศตึงเครียดเป็นอย่างมาก
ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครเชื่อใครทั้งนั้น ต่างก็ระวังตัวกัน
“นายหญิง ขึ้นรถก่อนขอรับ” พ่อบ้านเฉาให้คนบอกกับเฉิงเจียวเหนียง
สาวใช้ก็หน้าซีดเล็กน้อย พยุงเฉิงเจียวเหนียงกำลังจะเดินไป
มีเสียงร้องดังขึ้นในทันใด คล้ายกับเสียงลมพัดหมุนในหุบเขา
ทั้งสองฝั่งเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด กลับไม่มีใครสนใจ เฉิงเจียวเหนียงที่กำลังจะขึ้นรถหยุดกับที่กระทันหัน
“หมาป่า!” นางกล่าว
สาวใช้ชะงักไปชั่วขณะ ไม่ทันได้คิดตาม
“อะไรนะเจ้าคะ” นางเอ่ยถาม
“หมาป่ามา!” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว ยื่นมือไปชี้ทิศทางตำแหน่งที่คนและม้านั้นอยู่
สาวใช้กรีดร้องออกมา
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิดช่างน่ากลัวเสียจริง
“หมาป่ามา!” นางกรีดร้องตะโกนอย่างไม่ลังเล
หมาป่าหรือ
ทั้งสองฝั่งต่างก็ชะงักงันไปสักครู่
“หญิงผู้นี้เข้ามาวุ่นวายอะไร…” ทางพ่อบ้านเฉานี้มีคนพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูหนาว การล่าหาอาหารในเขานั้นง่ายดายนัก และเป็นเวลาที่สัตว์ป่าอ้วนพีที่สุด หมาป่ากินอย่างไรก็กินไม่หมด จะมาจู่โจมคนและม้าได้อย่างไร
เขาพูดไม่ทันขาดคำ ก็เห็นคนและม้าของฝั่งตรงข้ามเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น
“มีหมาป่า!”
“ฝูงหมาป่า!”
ทางนั้นเริ่มวิ่งหนีมาทางนี้แล้ว
มีหมาป่าจริงหรือ
คงไม่ใช่จงใจจะโจมตีหรอกนะ
คนทางพ่อบ้านเฉารีบเตรียมรับมือการโจมตีกัน เสียงร้องเห่าหอนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน จากช่องที่เห็นจากขบวนรถม้าที่วุ่นวายนั้น ทุกคนก็เห็นแสงสีเขียวหลายสิบดวง
หมาป่าจริงด้วย! อีกยังเป็นฝูงหมาป่าอีก!
ขณะที่ทุกคนกำลังรู้ตัว ฝูงหมาป่าก็เริ่มโจมตีแล้ว
เมื่อลูกดอกธนูยิงออกไป จ่าฝูงหมาป่าก็เห่าหอนแล้วล้มลงกับพื้น แต่นี่ก็ไม่ได้หยุดยั้งการโจมตีของหมาป่าตัวอื่นไว้ได้ กลับทำให้ฝูงหมาป่านั้นโมโหยิ่งขึ้น แยกเขี้ยวขาวกระโจนข้ามมา
ไม่มีโจรป่าคนไหนจะใช้กลเจ็บกายอย่างเช่นการให้ฝูงหมาป่าโจมตีตนเองมาทำให้ผู้อื่นสับสนหรอก
ถูกฝูงหมาป่าโจมตีเข้าแล้วจริงๆ
“รีบขวางไว้!” พ่อบ้านเฉานายเฉินสี่ทางนี้รวบรวมสติได้ในที่สุด จึงตะโกนเสียงดัง คบไฟลูกดอกธนูยิงรัวใส่ฝูงหมาป่า
เฉิงเจียวเหนียงและสาวใช้ถูกล้อมอยู่ข้างกองไฟ จินเกอร์กำดาบที่ไม่รู้ว่าผู้ติดตามคนไหนให้มา ถึงแม้จะเนื้อตัวสั่นเทา แต่ก็ดูเอาเรื่องใช้ได้ ยืนปกป้องอยู่ข้างหน้าพวกนาง
สาวใช้แนบกายเฉิงเจียวเหนียงแน่น เนื้อตัวสั่นเทา
“นายหญิง อย่า อย่ากลัวเจ้าค่ะ” นางกล่าวเสียงสั่นเครือ
เฉิงเจียวเหนียงมองดูนาง
“ไม่กลัว” นางกล่าว
ในขณะนี้ คนและม้าของฝั่งนั้นก็คุ้มกันรถม้าคนหนึ่งเลี้ยวมา ใช้คนและม้าเป็นโล่กำบัง ขวางอยู่หน้ารถม้า
เนื่องจากมีกองไฟ รถม้าจึงเคลื่อนมาทางนี้กัน
“หยุด” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว “ให้คนเข้ามา มิเช่นนั้นก็อย่าเข้ามา”
เสียงของนางเบานัก ถูกเสียงโหวกเหวกบดบังไปหมด
สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็พูดย้ำตะโกนเสียงแหลมอีกรอบ
ผู้ติดตามที่ปกป้องอยู่อย่างตึงเครียดทางนี้เพิ่งจะรู้สึกตัว รีบหันดาบคันธนูไปทางรถม้าคันนี้
ผู้ติดตามรอบรถม้าคันนั้นก็ไม่ย่อถอย รีบหันอาวุธในมือมาทางนี้เช่นกัน
“ตะโกน” เฉิงเจียวเหนียงกล่าวอีกครั้ง
สาวใช้ไม่ถามอะไรก็อ้าปากตะโกนอย่างไม่ลังเล
“หยุด ให้คนเข้ามา มิเช่นนั้นก็อย่าเข้ามา” นางตะโกน
เพราะเช่นนี้หรือ การเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่ายอ่อนลง แต่ก็ยังระวังระแวงกันอยู่
“ลงรถ” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว “ม้าจะตกใจเพราะฝูงหมาป่า อันตราย”
สาวใช้รีบใช้เสียงอันสั่นเครือของนางตะโกนซ้ำอีกครั้ง
เป็นเช่นนี้หรือ
ท่ามกลางไฟลุกโชน คนทางนั้นมองตากันไปมา คล้ายว่าจะยังลังเลอยู่บ้าง
รถม้าคันนั้นจู่ๆ ก็เปิดม่านออก แล้วมีคนหนึ่งกระโดดลงมาที่พื้น
“ท่านชาย…” ผู้ติดตามเอ่ยถามยังตื่นตระหนก
สาวใช้มองไป เห็นคนผู้นั้นห่อด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่ หมวกปิดบังใบหน้าเหมือนนายหญิงของตน คบไฟส่องแสงรำไร
เนื่องจากไม่มีเวลาจุดกองไฟ กลุ่มคนด้านนั้นชูคบไฟขึ้นล้อมคนผู้นั้นไว้ข้างใน
สายตาของทุกคนต่างก็มองไปที่การเผชิญหน้าของคนทางนั้นและฝูงหมาป่า
ถึงแม้จะมีคบไฟหน้าไม้ธนู แต่จำนวนหมาป่าในฝูงมีมากมายนัก อีกยังไม่กลัวตาย ไม่นานก็รุดหน้าเข้ามา หน้าไม้ธนูไร้ซึ่งประโยชน์แล้ว ทุกคนโบกดาบและคบไฟไปมา ต่อสู้กับหมาป่าที่กระโจนเข้ามา
แต่ละคนต่างก็สู้จนเสียสติไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว ทั้งสองฝั่งรวมกันกว่าสามสิบคนได้ รบรากับหมาป่าสี่ห้าสิบตัว ไม่ได้เปรียบเลยสักนิด
ม้าร้องโหยหวน แน่ชัดว่าถูกหมาป่ากระโจนเข้าใส่จนล้มไป คนร้องโอดครวญ แน่ชัดว่าถูกหมาป่ากัดเข้าเช่นกัน
สาวใช้เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นเรื่อยๆ กัดริมฝีปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องไห้ออกมา
ความตายใกล้ถึงเพียงนี้…
“พวกเจ้าไปช่วยเร็วเข้า” คนทางนั้นกล่าว
ผู้ติดตามสีหน้าลังเล
“แต่ว่าท่านชาย พวกเราออกไปจะอันตรายเกินไปนะขอรับ” พวกเขากล่าว
“หากรอให้คนทางนั้นรับไม่ไหวแล้ว ข้ายิ่งอันตราย” เขากล่าว พูดจบก็มองมาทางนี้ “ข้าไปทางนั้น ทางนั้นมีไฟและคน”
เขาพูดจบก็ยกเท้าเดินมาทางด้านนี้ ผู้ติดตามรีบขวางเอาไว้
“ท่านชายขอรับ คนพวกนั้นไม่รู้ว่า…”
“ตายด้วยน้ำมือคน ก็ยังดีกว่าตายในปากสัตว์เดรัจฉานแล้วกัน” คนผู้นั้นกล่าว ยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินก้าวใหญ่เข้ามา “พวกเจ้ารีบไปเร็วเข้า”
ผู้ติดตามกัดฟันแบ่งคนมาสองคนเดินตามมา คนที่เหลือรีบเข้าไปฆ่าหมาป่า
เห็นว่าคนผู้นี้เดินเข้ามา ผู้ติดตามข้างกายเฉิงเจียวเหนียงก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ไม่ต้องกลัว” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
“หลีกทางให้เถิด เป็นคนเดินทาง เจอเรื่องลำบากเหมือนกัน” สาวใช้เข้าใจคำสั่งรีบตะโกนกล่าว
ผู้ติดตามจึงได้หลีกทางให้ คนผู้นั้นก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ยืนอยู่อีกฝั่งข้างกองไฟ ใต้แสงไฟส่องสว่าง คางกลมๆ ของเขาที่โผล่ออกมา ผิวขาวเนียนสว่างเกลี้ยงเกลา
“ขอบคุณนายหญิงน้อยมาก” เขากล่าว ยกมือคารวะให้สาวใช้ เสียงใสดังก้อง ฟังแล้วน่าจะอายุยังน้อย
สาวใช้ยังคงเนื้อตัวสั่นเทา มองดูเขาเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร
ทางนี้เพิ่งจะยืนเข้าที่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเห่าหอน เงามืดเงาหนึ่งกระโจนเข้ามา
สาวใช้กรีดร้องออกมา
ผู้ติดตามที่ยืนอยู่ข้างนอกตอบสนองว่องไว พลิกมือฟันดาบ หมาป่าตัวหนึ่งเห่าหอนแล้วกลิ้งตกลงไปกับพื้น แต่ทันใดนั้นหมาป่าอีกตัวก็กระโจนเข้ามาอีก
หมาป่าพวกนี้โผล่มาจากไหนกัน
เหล่าผู้ติดตามมองไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว เห็นหมาป่าสี่ห้าตัวกำลังกระโดดเข้าหาจากทางด้านหลัง ตอนนี้กลิ่นคาวเลือดยิ่งกระตุ้นให้พวกมันบ้าคลั่ง แยกเขี้ยวขาว น้ำลายไหลยืด
กระโจนเข้าใกล้ในชั่วพริบตา
ถึงได้บอก ว่าเมื่ออยู่ในป่านอกเมืองเจอหมาป่าตัวเดียวไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือเจอฝูงหมาป่า
และในขณะเดียวกันนี้ รถม้าที่จอดอยู่ข้างๆ ก็ตกใจ ร้องโหยหวนลากรถวิ่งไปเรื่อย
แต่ว่า ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ เหล่าผู้ติดตามไม่มีเวลามาปกป้องใครแล้ว ขนาดจินเกอร์ยังตะโกนร้องเข้าไปฆ่าฟันมั่วซั่วแล้ว
สาวใช้กรีดร้องจะกอดเฉิงเจียวเหนียงไว้ แต่กลับกอดได้เพียงความว่างเปล่า
เฉิงเจียวเหนียงย่อตัวหยิบฟืนที่ลุกไหม้จากกองไฟ แล้วหันไปทางหมาป่าพวกนั้น
สาวใช้อยากจะทำตาม แต่สุดท้ายกลับควบคุมตนเองไม่ได้นั่งลงกับพื้น
ชายหนุ่มด้านข้างยื่นมือดึงมาสองไม้ แล้วหันไปทางหมาป่าด้วยความอยากลองเช่นกัน
“เผา จมูก พวกมัน” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
เสียงของนางท่ามกลางความโหวกเหวกนี้เบาจนไม่ได้ยิน
“เผาจมูกพวกมัน!” สาวใช้ตะโกนเสียงแหลม
หลังจากเสียงตะโกนของนางดังขึ้น คนผู้นั้นก็ข้ามไปใช้คบไฟจี้หมาป่าที่แยกเขี้ยวกระโจนเข้ามาในทันใด
หมาป่ากลัวไฟเห่าหอนแล้วถอยลาดไป คนผู้นั้นรีบเอาไม้ติดไฟในอีกมือหนี่งตีไปที่หัวและหน้าของหมาป่า
หมาป่าร้องโหยหวนกลิ้งตกลงไปกับพื้น แล้วถูกผู้ติดตามแทงซ้ำอีกที
คนผู้นั้นถอยกลับมา เมื่อขยับตัว หมวกที่คลุมหน้าไว้ก็ตกลงมา เผยใบหน้าของเด็กหนุ่ม ท่ามกลางแสงไฟการฆ่าฟันเสียงร้องเห่าหอนกลิ่นคาวเลือดนี้ เขาหันหน้ามามองสาวใช้แล้วยิ้มเล็กน้อยอวดฟันขาวใส
“สนุกเสียจริง” เขากล่าว
สนุกหรือ
นี่ยังสนุกอีกหรือ
หรือจะเป็นคนบ้าเช่นกันละสิ
สาวใช้เหม่อลอย เห็นหมาป่าตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาใส่ชายหนุ่มที่หันหลังไป แม้แต่จะกรีดร้องก็ลืมไปชั่วพริบตา
…………………………………………………………