พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 142
* * *
“ท่านไอซิส…! ตอนนี้ไม่มีเงินจ้างเหล่าองครักษ์แล้วนะครับ! เพราะตอนแรกใช้เงินสำหรับเตรียมทหารไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ จนตอนนี้เงินร่อยหรอแทบจะล้มละลายแล้วครับ!”
“ดิฉันก็รับทหารเข้ามาเพิ่มในคฤหาสน์ไม่ได้แล้วเหมือนกัน จะซื้อที่พักใหม่ก็ไม่มีเงินเหลือพอขนาดนั้นค่ะ…! ทหารพวกนั้นโหดร้ายจนอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นทหารจริงๆ หรือเปล่า!”
ไอซิสได้ยินคำบ่นของบรรดาชนชั้นสูงทั้งหลายจึงเตรียมคำพูดแก้ตัว
“…ไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่ยาวนานจึงพยายามเอาชนะความกลัวอยู่ล่ะมั้งคะ เป็นเรื่องที่ต้องเดิมพันชีวิตเลยด้วยซ้ำน่ะค่ะ หลังจากนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฝ่าบาทท่านบอกว่าจะทรงรับผิดชอบเอง ดิฉันรบกวนทุกท่านสนับสนุนเหล่าทหารอีกไม่กี่วันก่อนจะถึงวันนั้นด้วยนะคะ และได้โปรดเตรียมเอกสารจำนวนเงินที่ท่านได้ใช้ไปด้วยนะคะ”
“ท่านบอกว่าจะรับผิดชอบจำนวนเงินทั้งหมดที่พวกเราได้ใช้ไปแล้วจริงๆ เหรอครับ จำนวนเงินไม่น้อยเลยนะ…”
ด้วยจำนวนเงินที่มากจนแทบจะทำให้เหล่าขุนนางล้มละลาย ปัญหานี้คงไม่จบที่เงินก้อนเล็กๆ แน่
ไอซิสดื่มชาอย่างสบายใจพลางอธิบายอีกครั้งว่าไม่ต้องกังวล
“แน่อยู่แล้วล่ะค่ะ อย่างไรเสีย ราชอาณาจักรก็จะอยู่ในกำมือของฝ่าบาทอยู่ดี เงินเท่านั้นเล็กน้อยค่ะ แน่นอนว่าเพราะท่านเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรหนึ่งเลย เงินจำนวนนั้นไม่ทำให้ฝ่าบาทหนักใจหรอกค่ะ อีกไม่นานท่านก็จะเดินทางมาราชอาณาจักรแล้ว พวกท่านสามารถรับเงินที่ท่านกันได้เลยนะคะ หากท่านใจร้อนดิฉันจะมอบให้แทนเองค่ะ ได้โปรดเบาใจได้เลยค่ะ”
เมื่อไอซิสอธิบายจนถึงจุดนั้น ในที่สุดบรรดาชนชั้นสูงก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งเครียดกลายเป็นเบาใจลงและกลับคฤหาสน์ของแต่ละคนไป ไอซิสจึงคลายไหล่ที่เกร็งของเธอพร้อมกับทิ้งตัวพิงบนโซฟา
แม้จะบอกแบบนั้นเพื่อให้พวกเขาใจเย็นลง แต่ที่จริงแล้วสถานการณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เมื่อกลับมายังราชอาณาจักรจึงไปตรวจสอบเอกสาร ก็พบว่าเขาได้ลงนามไว้ก่อนจะทำการก่อกบฏแล้ว
เมื่อคัดค้านอย่างรุนแรง โรฮันจึงบอกว่าเขาเข้าใจอะไรผิดไปพลางส่งของขวัญและเงินจำนวนมากพร้อมกับจดหมายขอโทษที่ว่า ‘หลังจากครองราชอาณาจักรได้ จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตระกูล’ เพราะอย่างนั้นจึงไม่สามารถดุด่าอะไรเขาได้
ท่านดยุกและดัชเชสที่วางแผนจะเดินทางไปราชวังในตอนที่จบงานอภิเษก ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ถามสาเหตุไอซิสที่รีบกลับมายังอาณาจักร เธอได้แต่พูดอ้อมแอ้มกำกวมจนหมดเรี่ยวหมดแรง
โชคดีที่ระหว่างนั้นจดหมาย ของขวัญและเงินของโรฮัน ทำให้เธอรู้สึกถึงความจริงใจจนสามารถปล่อยผ่านไปได้
ไม่สิ เพราะย้อนกลับไปอีกไม่ได้แล้วต่างหากจึงทำได้แค่ปล่อยผ่านไป
“…พี่ครับ ผมว่ามันดูแปลกๆ นะครับ”
เว้นแต่ออสการ์ที่คอยดูแลธุรกิจของตระกูลมาอย่างเงียบๆ เสมอมา
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องรับแขกออสการ์ก็เข้ามาคุยกับไอซิสที่นั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง
“ทั้งพวกทหารที่ออกนอกหน้าก็ด้วย และกษัตริย์แห่งโครอาที่เปลี่ยนคำพูดอยู่เรื่อยนั่นก็แปลกทั้งหมดเลยครับ!”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก แค่ทำตามที่สั่งก็พอ ออสการ์”
“แต่ว่า…!”
ทายาทตระกูลที่เป็นแค่เปลือกได้แต่ทำตามคำสั่ง มาตอนนี้จะให้ทำอะไรกันแน่ ความสามารถตนเองก็ไม่มี ถ้าไม่มีเธอคอยช่วยทุกอย่างก็ไม่มาถึงจุดนี้ แล้วจะให้ทำอย่างไรกันแน่ ไอซิสแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“เพราะผมรู้สึกไม่สบายใจ… คิดว่าตอนนี้จัดการงานให้เรียบร้อย แล้วรายงานตามจริงไปน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ”
“ออสการ์ ถึงแกจะไร้เดียงสาต่อโลกแค่ไหนก็ต้องวิเคราะห์บ้างสิ แกคิดว่าที่พูดมามันทำได้จริงหรือ”
หรือเขาจะให้เธอไปคุกเข่าขอร้องมกุฎราชกุมารให้ยกโทษอย่างนั้นเหรอ
พูดราวกับมกุฎราชกุมารจะยกโทษให้เธอเสียอย่างนั้น เธอได้แต่ยิ้มเยาะด้วยความสมเพชกับคำพูดที่โง่เขลาของน้องชายตัวเอง
“ถึงแม้ฝ่าบาทจะยกโทษให้และทำเหมือนกับทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ตาม หลังจากนั้นเราก็จะไม่ได้ใช้ชีวิตในฐานะของชนชั้นสูงแต่กลับต้องไปเป็นทาสที่น่าสมเพชล่ะสิ หรือถ้าแกอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแบบนั้นล่ะก็ ออกจากตระกูลของเราไปซะ”
ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะมีปัญหาเล็กน้อยแต่ตอนนี้ก็กำลังไปได้ดี กลับมาขวางเช่นนี้ทำให้เธอไม่พอใจเท่าไหร่นัก
หลงลูกนางโสเภณีจนทำทุกอย่างพังพินาศไปหมด พอดุด่าว่าเข้าหน่อยก็เริ่มพูดเรื่องไม่เข้าท่าทำให้เธอไม่สบายใจอีก
‘ไม่เป็นไร มันจะไม่เป็นไร มันจะต้องเป็นแบบนั้น’
ไม่สิ ต้องไม่เป็นไรแน่
สิ่งที่ทำให้เธอกังวลไม่ใช่ออสการ์กลับเป็นโรฮัน มีการรับส่งเอกสารเพื่อทำการก่อกบฏกับเธออยู่ด้วยทำไมจะไม่มีทางแก้ล่ะ
แน่นอนว่าเขาเป็นแค่กษัตริย์ที่คิดไปเองว่ามีทุกอย่างในกำมือตัวเองเท่านั้น
* * *
ไม่กี่วันถัดมา โรฮันมาเยือนที่ราชอาณาจักรราวกับเป็นเรื่องโกหก หลังจากที่แจ้งว่าจะมาเยือนก่อนขึ้นปีใหม่ ตอนนั้นเธอกลับรู้สึกว่ามันอาจจะช้าไป
ทว่าเมื่อได้ตรวจสอบเงินทองที่เขานำมาเข้าร่วมก็ทำให้ความคิดพวกนั้นหายไปทันที คิดว่าเพราะเขาเป็นกษัตริย์จึงน่าจะไม่มีเวลา
“ขอบพระคุณสำหรับก้าวย่างที่ยากลำบากของพระองค์นะคะ ฝ่าบาท”
ท่านดยุกและดัชเชส ออสการ์ ไอซิสยืนรอต้อนรับโรฮันที่กำลังลงจากรถม้า และคนที่อยู่ข้างเขาก็คือมิเอล
ดูเหมือนเขาจะบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง หล่อนที่ทำหน้าบึ้งกลับเปลี่ยนไปมองโรฮันพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อใจ
สีหน้าราวกับได้รับความโปรดปรานจากผู้ยิ่งใหญ่แล้วทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แม้ออสการ์จะอยู่ตรงหน้าแต่หล่อนกลับไม่หันไปมองด้วยซ้ำ
“ไม่สิ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษเรื่องที่ทหารทำให้วุ่นวายเช่นนี้ ดูเหมือนว่ามาร์ควิสเปียสต์จะใจร้อน จึงรวมกำลังจากด้านนอกแล้ว”
“อย่างนั้นหรือครับ ไม่ว่าที่ไหนก็เกิดปัญหาเล็กๆ อยู่แล้วล่ะครับ อย่างไรเสีย มาถึงจุดนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาใหญ่อะไรก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วครับ”
“ก็คงจะเป็นเช่นนั้น”
โรฮันตอบด้วยสีหน้าที่ล้ำลึกต่างกับท่านดยุกที่ยิ้มรับอย่างเต็มที่ แม้จะยิ้มตาแทบจะปิดอยู่ก็ตามแต่ไม่มีใครมองว่าแปลกเลย
“ทรงเดินทางมาไกลต้องเหนื่อยมากแน่ เชิญเข้ามาด้านในขอรับ”
“ได้สิ”
ในขณะที่ท่านดยุกกำลังต้อนรับโรฮันอย่างดีและกำลังจะเชิญเข้าในคฤหาสน์ บุคคลที่มาถึงทีหลังลงมาจากรถม้าและก้มคำนับสุดตัวพลางถาม
“ฝ่าบาท ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตออกไปสักครู่นะครับ”
“อืม เอาสิ ตอนนี้ดูเหมือนจะมีแค่ท่านที่เร่งรีบที่สุดแล้ว”
“ขอบพระคุณครับ”
เขาที่ขออนุญาตเนื่องจากมีหน้าที่ที่ต้องทำ ก่อนที่จะออกจากตรงนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาราวกับตรวจสอบให้แน่ใจ พร้อมกับมองปราดตั้งแต่ไอซิสไปจนถึงคนในตระกูลท่านดยุก
แม้จะเห็นแค่ผ่านๆ แต่ไอซิสกลับสังเกตได้ถึงรูปลักษณ์ที่งดงามจนเธอเผลอหยุดหายใจ
‘ทำไมถึงได้คล้ายกับลูกนางโสเภณีได้ขนาดนั้น…!’
เมื่อเทียบกับผู้ชายด้วยกันถือว่างดงามมาก และใบหน้าคล้ายกับอาเรียจริงๆ แม้เพศจะต่างกันก็ตาม แต่สายตาที่ดูมีเสน่ห์ยั่วยวนรวมไปถึงสีนัยน์ตานั้นทำให้เธอนึกถึงอาเรีย
ไอซิสกังวลเนื่องจากไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นจนแทบจะลืมหายใจ จึงมองไล่หลังเขาไป และออสการ์ที่ยืนอยู่ข้างเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ไอซิสรีบจับข้อมือมิเอลที่อมยิ้มเล็กน้อยพลางเดินตามโรฮันเข้าด้านในคฤหาสน์
“เอ่อ ต้องรบกวนขอเวลาคุยด้วยกันสักครู่แล้วเพคะ”
“มีอะไรหรือคะ”
ท่าทางของมิเอลดูไม่สนใจและเย็นชาขึ้นต่างจากตอนที่เดินทางไปยังโครอา
ไอซิสพามิเอลไปยังบริเวณที่ลับตาคน พร้อมกับถามเกี่ยวกับชายที่เพิ่มหายตัวไปก่อนหน้านี้ ด้วยน้ำเสียงที่ดูเร่งรีบ
“คนที่เพิ่งกลับไปเมื่อกี้ใครเหรอคะ”
“พูดถึงใครเหรอคะ”
“คนที่ขออนุญาตฝ่าบาทก่อนจะออกไปจากคฤหาสน์น่ะ!”
ไอซิสขึ้นเสียงใส่มิเอลที่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
มิเอลที่เพิ่งรู้ทันจึงตอบอย่างนิ่งเฉย
“ดิฉันเองก็ไม่ทราบค่ะ เพิ่งมาร่วมมือกันในช่วงกลางๆ ดิฉันยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยค่ะ เห็นว่าคงเป็นทายาทตระกูลไหนสักตระกูล… คงเป็นคนที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่มั้งคะ ช่วงที่เขาเข้ามาในเมืองก็แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันด้วยซ้ำ ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ค่ะ”
นังโง่นี่! ไอซิสกัดฟันพร้อมกับถามอีกครั้ง
“…ไม่ได้เห็นหน้าเขาจริงๆ เหรอ ไม่นึกถึงใครเลยเหรอ!”
“พูดถึงอะไรกันแน่คะ ดิฉันไม่เข้าใจ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ที่ท่านไอซิสจะถามมีเท่านี้ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ฝ่าบาทอาจจะตามหาดิฉันอยู่”
“เฮอะ…!”
ถึงจะเป็นเด็กอ่อนต่อโลก อย่างไรเสียก็เป็นถึงเลดี้ที่ได้รับการศึกษามากกว่าในบรรดาชนชั้นสูงคนอื่นๆ ทำไมถึงได้โง่เขลาเพียงนี้กัน!
น่าสงสัยตั้งแต่ที่มาร่วมมือด้วยช่วงกลางแล้ว! แต่ยังไม่ได้มองหน้าจริงๆเลยนี่
ไอซิสรีบตามหลังมิเอลไป ออสการ์ที่สังเกตเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ จึงรีบตามเธอพร้อมกับถาม
“…ท่านพี่ ท่านหมายถึงใครเหรอครับ”
“ไม่รู้จริงๆ สินะ”
คำตอบนั้นทำให้ออสการ์คิ้วขมวดแน่น บางทีเธอถามโรฮันอาจจะเร็วกว่า ไอซิสจึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
ทว่าก่อนที่เธอจะถามคำพูดของโรฮันกลับทำให้ไอซิสที่กำลังเข้าไปในห้องรับแขกตัวแข็งทื่อ
“ผมก็ไม่มีเวลานัก ถ้าอย่างนั้นเรื่องยึดราชวังเปลี่ยนไปพรุ่งนี้แล้วกัน”
“…หมายถึงพรุ่งนี้เหรอคะ”
“ใช่ แค่กลของทหารก็เพียงพอแล้วนี่ ที่ผ่านมาได้พวกท่านช่วยเหลือไว้เยอะ ไม่ต้องจ่ายเยอะและก็ไม่เสียเวลาอีกต่างหาก เตรียมพร้อมได้สมบูรณ์ดีนี่”
เนื่องจากเป็นจำนวนเงินที่ลงทุนไปเยอะมากจริงๆ ท่านดยุกและดัชเชสจึงไม่คัดค้านอะไรต่อ ไอซิสที่กำลังจะถามว่าไม่เร่งรีบไปเหรอก็รีบปิดปากทันที
“เพราะฉะนั้นวันนี้รับประทานมื้อเย็นข้างนอกน่าจะดีกว่า เพราะพรุ่งนี้ก็จะไม่มีเวลากันแล้ว คิดเสียว่านี่เป็นมื้อเย็นครั้งสุดท้ายดีไหมล่ะ ดัชเชสไอซิส”
ลูกศรที่จู่ๆ เลี้ยวกลับมาที่ตัวเองทำให้ไอซิสเผยสีหน้าตกใจ
“…หรือว่า กันดิฉันไว้สองต่อสองเหรอคะ”
“ใช่ครับ ผมอยากจะทานอาหารกับดัชเชส อีกไม่นานก็จะเป็นสามีภรรยากันในนามแล้ว แต่ยังไม่เคยได้ใช้เวลาด้วยกันสองคนเลยนี่”
เพราะเป็นข้อเสนอที่เธอไม่เคยได้รับแม้กระทั่งจากผู้ที่เคยสู่ขออย่างมกุฎราชกุมาร ไอซิสจึงรู้สึกไม่คุ้นชินพลางพยักหน้าตอบรับ
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำงานถึงเย็นเพื่อวันพรุ่งนี้ล่ะมั้ง ต้องรบกวนขอรายชื่อที่อยู่ของเหล่าทหารจากท่านเคานต์คิสต์ เพราะเขาเป็นผู้วางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ทั้งหมด”
“ได้ครับ จะสั่งการเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
“แล้วก็สำหรับดัชเชส ที่ผ่านมาได้มีการนัดหมายไว้ว่าจะตามจ่ายเงิน รบกวนรวบรวมเอกสารต่างๆ มาให้ด้วยนะ รวมไปถึงเอกสารค่าใช้จ่ายที่ใช้สั่งการด้วย เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ต้องชำระได้เสียที”
“คะ เอ่อ ค่ะ…!”
ในที่สุด ในที่สุด…!
ไอซิสตอบรับคำพูดของโรฮันที่บอกว่าจะแก้ไขปัญหาที่ทำให้เธอปวดหัวมาตลอดอย่างซาบซึ้งใจ
ในเวลาเพียงแค่ชั่วโมงกว่า เธอรวบรวมเอกสารและจดหมายที่กลุ่มชนชั้นสูงที่ส่งมายังคฤหาสน์ได้ครบอย่างไม่ตกหล่นสักฉบับ พลางเช็กให้แน่ใจอีกครั้งก่อนจะส่งให้กับโรฮัน
แน่นอนว่าเพื่อป้องกันสถานการณ์ที่โรฮันทำเป็นไม่รู้เรื่องเหมือนครั้งที่ไปเยือนโครอา เธอได้เตรียมเอกสารที่เขียนรายละเอียดสัญญาต่างๆไปจนถึงลายเซ็นอย่างเรียบร้อย
โรฮันมองเอกสารพวกนั้นพลางยกยิ้มขึ้น
“ดี สมบูรณ์แบบมาก ไม่มีจุดด่างพร้อยใดๆ ดัชเชสช่างเฉลียวฉลาดจริงๆ”
“ขอบพระคุณค่ะ ฝ่าบาท”
โรฮันกล่าวชมอย่างพอใจพร้อมกับยกยิ้มไอซิสจึงพูดตอบพร้อมกับหน้าแดงก่ำ
ไม่นานมานี้เธอได้ยินแต่คำดุด่า ไม่ได้ยินคำชมและได้รับการยอมรับแบบนี้มานานทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
โรฮันมองไอซิสทั้งที่ยกยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง พลางลุกขึ้นพร้อมกับบอกว่าได้เวลารับประทานอาหารเย็นแล้ว
“กำลังจะสั่งการข้ารับใช้ให้จองร้านอยู่พอดี พอดีรู้จักร้านอาหารฝีมือดีอยู่ที่หนึ่ง”
“…ฝ่าบาทเหรอคะ ท่านเคยมาเยือนที่ราชอาณาจักรเหรอคะ”
“แน่นอนสิ ก่อนที่ท่านพ่อจะสิ้นพระชนม์ไปก็เคยมาบ่อยเลยล่ะ พอดีมีคนรู้จักอยู่ที่นี่ และเป็นที่ที่เขามาบ่อยด้วย”
มีคนรู้จักที่ราชอาณาจักรนี่เหรอ แม้จะแปลกใจอยู่บ้าง แต่เขาไม่ได้สนิทสนมกับฝ่าบาทจนสามารถถามได้ว่าเป็นใคร จึงทำได้เพียงฟังอย่างเงียบๆ พลางพยักหน้าตอบรับ
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกเดินทางกันเลยสิ อาหารมื้อสุดท้ายของเราเพื่อวันพรุ่งนี้อย่างไรล่ะ”
“เพคะ ฝ่าบาทโรฮัน”
มือของโรฮันที่ยื่นไปหาไอซิส ถูกซ้อนทับด้วยมือของเธอพร้อมกับยิ้มตอบรับเขาอย่างนุ่มนวล
ย่างก้าวที่เดินไปยังอาหารมื้อสุดท้ายช่างรู้สึกเบาหวิวเสียจริง
……………………….