พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 149
ให้เมตตาอย่างนั้นหรือ
อาเรียขอร้องเขาให้เมตตากับมิเอล คนที่พยายามจะทำร้ายเธอและพยายามขายชาติทิ้ง ผู้คนที่ดูอยู่ต่างรู้สึกสับสนงงงวยราวกับว่าเธอพูดเรื่องน่าขันไร้สาระ แล้วโรฮันก็ถามพร้อมกับกลืนเสียงหัวเราะเบาๆ ของเขาลงไป
“เลดี้เสียสติไปแล้วใช่ไหมครับ”
มันเป็นวิธีพูดที่ค่อนข้างรุนแรง แต่ก็ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับเขา
และมิเอลที่ได้รับการปกป้องเองก็เช่นกัน ในที่สุดอาเรียก็มีโอกาสที่จะได้ตัดหัวมิเอลแท้ๆ แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอาเรียถึงขอให้เขาเมตตาเธอ
ขณะเดียวกันอาซก็รับรู้ว่าอาเรียไม่ได้แค่สงสารมิเอลและขอให้เขาเมตตาเธอง่ายๆ เขาจึงถามเหตุผลเพื่อหาเจตนาที่แท้จริงของเธอ
“…ทำไมล่ะ”
“มิเอลยังเด็กอยู่เลย และเธอก็ยังตัดสินใจอะไรอย่างถูกต้องไม่ได้น่ะค่ะ อย่างที่ทุกคนรู้ว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นเด็กดี แต่น่าสงสารที่เธอถูกชักจูงไปในทางที่ผิดทั้งที่อายุน้อยแบบนี้ เธอยังเด็กเกินไปที่จะถูกลงโทษนะคะ เธอแค่หลงผิดไปเท่านั้นเองค่ะ ถ้าจะมีใครผิดละก็…”
อาเรียเอ่ยปากพูดราวกับความผิดของมิเอลเป็นความผิดของคนอื่น เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่งและเช็ดน้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกมา ให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นอาซก็ถามสิ่งที่เธอต้องการจะพูดจริงๆ ราวกับกำลังรออยู่
“ถ้ามีใครผิดละก็”
“ก็คงเป็นฉันที่ไม่ดูแลมิเอลให้ดีตลอดช่วงที่ผ่านมาค่ะ น้องสาวของตัวเองเลือกไปเดินทางที่ผิด แต่ฉันผู้เป็นพี่สาวของเธอแท้ๆ ไม่สามารถห้ามเธอเอาไว้ได้น่ะค่ะ… เพราะอย่างนั้นได้โปรดเมตตามิเอลด้วยค่ะ ส่วนโทษที่เหลือขอให้ฉันได้เป็นคนรับไว้เองเถอะค่ะ”
“…!”
นี่เธอพูดเรื่องเพ้อเจ้ออะไรกัน เจ้าชายจะลงโทษอาเรียได้อย่างไร
ทันทีที่อาเรียพูดจบ สายตาทุกคู่ก็มารวมกันที่เดียว ที่นั่นก็คืออาซ
และอย่างที่พวกเขาคาดไว้ อาซขมวดคิ้วและแสดงท่าทีต่อต้านออกมา ต่อให้เธอบอกว่าเรื่องที่จะขอนั้นเป็นอีกเรื่อง เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดีว่าทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นกับเขา
“แล้วมิเอลก็ยังเด็กมาก เธอยังไม่รู้หรอกค่ะว่าอะไรสำคัญไม่สำคัญ เธอลำดับความสำคัญไม่เป็นหรอกค่ะ ถึงเธอจะขายข้อมูล แต่มันก็ไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขนาดนั้นด้วย ใช่ไหมคะ คุณโรฮัน”
คราวนี้ลูกศรนั้นหมุนกลับไปที่โรฮัน
ที่เธอพูดนั้นก็ถูก เพราะความจริงมันก็เป็นข้อมูลที่นอกจากความลับของอาซแล้วก็ไม่มีอะไรสำคัญ
ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจคำพูดของเธอที่ขอให้เมตตามิเอลในสถานการณ์ที่เหล่าขุนนางที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกตั้งข้อหา และทั้งหมดจะถูกแขวนคอ
ยิ่งไปกว่านั้น ก็ใช่ว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันเสียที่ไหน อาเรียกับมิเอลไม่ถูกกันราวกับจะฆ่ากันให้ตายเสียด้วยซ้ำ
โรฮันยกมุมปากของเขาขึ้นข้างหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าอาเรียหมายความว่าอะไร ก่อนจะถามกลับว่าเธอหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า
“ที่พูดมานี่จริงจังหรือครับ”
“แน่นอนสิคะ ยิ่งกว่านั้นอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่ามิเอลประสบกับความโชคร้ายต่างๆ มากมาย แล้วเธอก็ตกอยู่ในสภาวะวิตกกังวลทางจิตใจอย่างรุนแรงนะคะ ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของฉันด้วยค่ะ… ฉะนั้นคงจะต้องแบ่งโทษกันใช่ไหมล่ะคะ ฉันพูดถูกใช่ไหม มิเอล ใช่ไหม เธอแค่ทำในสิ่งที่ถูกสั่งให้ทำ เธอเผยข้อมูลเล็กน้อยเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบไหนอยู่ใช่ไหม”
มิเอลมองอาเรียที่กำลังปกป้องเธออย่างสุดกำลัง เธอกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาตอบกลับไปอย่างไรดี
ในดวงตาของเธอนั้น แม้จะปิดตามองข้างเดียวก็ยังเห็นถึงความรู้สึกสับสนงงงวยอยู่ในนั้น เธอสงสัยว่าอาเรียกำลังวางกับดักสมบูรณ์แบบอะไรเพื่อทำลายเธออีกหรือเปล่า
และท้ายที่สุดอาซก็ยอมถอยไปก้าวหนึ่ง เพราะเห็นแก่ความพยายามนั้นของอาเรีย
อาเรียพยายามขอร้องและโน้มน้าวถึงขนาดนั้นแล้ว เขาจะไม่รับฟังไว้ได้อย่างไรกัน แม้เขาจะสงสัยว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ตั้งใจที่จะรับฟังคำขอเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ
“…ผมเข้าใจสิ่งที่เลดี้พูดดีครับ แต่ได้โปรดอย่ากังวลไปครับ เพราะเดี๋ยวทุกอย่างจะถูกเปิดเผยอย่างละเอียดผ่านการตรวจสอบและเอกสารของโรฮันครับ หากความผิดบาปของเลดี้มิเอลนั้นเล็กน้อยจริงๆ โทษของเธอก็คงจะเบาด้วยเหมือนกันครับ”
ในเมื่อเธอพูดต่อหน้าทุกคนถึงขนาดนี้แล้ว มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะลงโทษมิเอลด้วยโทษอันเหมาะสมต่อความผิดที่เธอกระทำลงไปจริงๆ
อาเรียกอดมิเอลด้วยใบหน้าดีใจ
“ถึงจะยังไม่รู้ว่าการพิพากษาจะเป็นอย่างไร แต่ก็ดีใจจังเลยเนอะ มิเอล ต่อจากนี้พี่สาวคนนี้จะจูงมือเธอ แล้วคอยบอกว่าอันไหนถูกอันไหนผิดเอง เธอจะได้ไปหลงไปเดินในทางอันตรายอีกไงล่ะ”
อาเรียพูดพร้อมกับมอบรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้ ทันใดนั้นมิเอลก็รับรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอ เธอกลืนน้ำลายและเริ่มส่ายหัว
“มะ ไม่! นั่นมันเรื่องอะไร…!”
…จูงมือฉัน แล้วบอกว่าอันไหนผิดอันไหนถูกอย่างนั้นหรือ!
“ถ้าอย่างนั้นโปรดสำนึกผิดในสิ่งที่เธอทำมาจนกว่าจะถึงตอนที่คำพิพากษาออกมาด้วยนะ”
ก่อนที่มิเอลจะได้พูดอะไรออกมา อาเรียรีบมอบหมายมิเอลให้อัศวิน แล้วเฝ้าดูมิเอลที่ถูกลากไปอยู่ตรงบริเวณที่ห่างออกมาเล็กน้อย ด้วยรอยยิ้มของพี่สาวที่รักและเอ็นดูเธอมาก
“ฉะ ฉัน…!”
มิเอลถูกจับอยู่ในรถม้ากับไอซิส เธอพยายามร้องตะโกนอะไรสักอย่าง แต่ก็ได้แต่อ้าปากพะงาบอย่างไม่มีเสียงอะไรออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล เพราะเธอรู้ตัวแล้วว่าตัวเองอยู่ในสภาพและสถานการณ์แบบไหน
เธอจะไปตอบโต้อะไรได้ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ก็เห็นได้ชัดว่ามีแต่จะเสียเปรียบเท่านั้น
เนื่องจากเธอกล้าอยู่ติดกับกษัตริย์ของต่างอาณาจักรมานานและใกล้ชิดที่สุด หากเธอไม่รับความช่วยเหลือจากอาเรียละก็ มีความเป็นไปได้ว่าชีวิตของเธอจะต้องจบลงในลานประหาร
รถม้าที่บรรทุกเหล่านักโทษท่ามกลางความวุ่นวายที่ลานกว้างนั้น หายไปในทิศทางตรงกันข้ามกับราชวัง แล้วอาเรียก็เริ่มคุยกับอาซที่มีสีหน้าไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูกในขณะที่พวกเขาทำให้ผู้คนที่มารวมตัวกันสลายตัว
“คุณจะกลับราชวังไหมคะ ถ้าเป็นไปได้ ฉันขอขึ้นรถม้าไปด้วยได้ไหมคะ”
อาซมีงานที่ต้องทำกองเป็นภูเขา เพราะเขาเพิ่งจับกุมเหล่าขุนนางจำนวนมาก ทำให้เขาต้องไปจัดเตรียมสถานที่แยกต่างหาก แต่เขาอยากคุยกับเธอให้เสร็จในระหว่างกลับราชวังมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นเราไปดื่มชาตรงแถวนี้กันดีกว่าไหมครับ ผมมีเวลาพอสำหรับดื่มชากับเลดี้ครับ”
ทว่าอาซอ่านความคิดของอาเรียและกลับเจียดเวลาที่ไม่ค่อยจะมีของเขาชวนเธอให้ไปดื่มชาด้วยกัน
“ฉันขอไปนั่งด้วยได้ไหม”
โรฮันยื่นหน้าเข้ามาเหมือนกับอยากจะฟังพวกเขาคุยกัน แต่ก่อนที่อาเรียจะตอบอะไรกลับไป อาซก็สกัดกั้นเขาอย่างเด็ดขาดด้วยคำตอบที่ฟังดูรำคาญ
“ไม่ได้ สิ่งที่นายต้องทำเสร็จมาแล้ว เพราะอย่างนั้นรีบกลับจักรวรรดิของนายไปเลย”
“…ทำเกินไปแล้วนะ ฉันอุตส่าห์สะบัดการล่อลวงของพวกกบฏออกได้อย่างเหน็ดเหนื่อย แล้วมาเป็นพวกของนายเลยนะ”
“อย่างนั้นหรือ ดูเหมือนนายคงจะรู้สึกเสียใจ แต่ก็คงไม่แย่นักถ้าเราจะทำลายสัญญาของเรา แล้วเริ่มสงครามกัน”
“สงครามอะไรกัน ฉันแค่อยากให้เราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในอีกร้อยปีข้างหน้าต่างหาก ไม่สิ สองร้อยปีเลย ถ้าเป็นไปได้”
โรฮันตอบคำถามอันรุนแรงของอาซด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ถ้าอยากให้เป็นอย่างนั้น ก็รีบกลับไปได้แล้ว”
“เข้าใจแล้วๆ …เดี๋ยวค่อยเจอกับเลดี้อาเรียในอนาคตเมื่อไรก็ได้ละนะ”
สุดท้ายโรฮันก็ทิ้งคำพูดที่แฝงความหมายลึกซึ้งเอาไว้ ก่อนจะขึ้นรถม้าแล้วจากไป ส่วนอาเรียก็เคลื่อนตัวไปกับอาซ
ฟลาวเวอร์เมาน์เทนเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนั่งแลกเปลี่ยนบทสนทนาสำคัญพลางจิบชาไปด้วย อาเรียจึงเข้าไปนั่งในห้องส่วนตัวของสถานที่นั้น แล้วเอ่ยปากถามอาซหลังจากสั่งน้ำเสร็จ
“สัญญาอะไรกันคะ คุณสัญญาอะไรกับคุณโรฮันไว้คะ”
เธอต้องพูดถึงเรื่องที่เธอปกป้องมิเอลก่อน แต่พอเขาเห็นสีหน้าสงสัยจนทนไม่ไหวของอาเรีย อาซก็ตอบเธอพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“ครับ ผมจะบอกเลดี้ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องปิดบังจากเลดี้อยู่แล้ว ผมสัญญากับเขาว่าถ้าเขาช่วยเรื่องครั้งนี้ ผมสัญญาว่าจะรักษาสันติภาพกับราชอาณาจักรโครอาไปอีกห้าสิบปีครับ”
“…ห้าสิบปีหรือคะ แต่คุณก็ไม่ได้จะทำสงครามอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ”
เพราะเธอเห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดูเป็นไปด้วยดี
อาซตอบเธอด้วยรอยยิ้มแบบที่เธอไม่เข้าใจความหมายของมัน
“ไม่รู้สิ ผมคงจะยืนยันไม่ได้หรอกครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนไหน ตอนนี้เราเป็นพันธมิตรกันก็จริง แต่ในอดีตมีสงครามอันยาวนานระหว่างอาณาจักรของเราที่ผู้คนจำนวนมากนับไม่ถ้วนถูกสังหารและดินแดนก็ถูกแย่งชิงไปน่ะครับ”
“…อย่างนั้นเองสินะคะ”
เขาถึงได้หวาดกลัว แล้วบอกว่าจะช่วยลงโทษพรรคขุนนางแลกกับสันติภาพและความสงบสุขสินะ ไม่ว่าสถานการณ์ภายในจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่อาณาจักรที่มีดินแดนและกองกำลังมากที่สุดก็คืออาณาจักรของเรา
“ถ้าอย่างนั้นก็ถึงตาของผมแล้วนะครับ ทำไมเลดี้ถึงบอกให้เมตตาเลดี้มิเอลกันล่ะครับ”
อาซถามพลางเหลือบมองนาฬิกา เพราะเขาเสียเวลาอันมีค่าไปกับการนัดหมายอันไร้ประโยชน์กับโรฮัน เขาดูเร่งรีบเล็กน้อย อาเรียจึงรีบตอบคำถามของเขาทันที
“ก็เพราะถ้าฉันปล่อยเธอไปทั้งอย่างนั้น เธอก็จะถูกแขวนคอประหารอย่างแน่นอนน่ะสิคะ”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการหรือครับ”
เนื่องจากเขาได้ฟังเรื่องราวในอดีตจากอาเรียมาก่อนแล้ว อาซจึงถามเธอด้วยความสงสัย
“ถ้าพูดถึงตอนจบแล้วมันก็คงจะดีหรอกค่ะ แต่ว่าลองคิดดูดีๆ แล้ว ถ้าจะรีบปล่อยโอกาสที่ได้มาในครั้งนี้ไปง่ายๆ อย่างนั้น มันก็น่าเสียดายน่ะค่ะ”
“โอกาสหรือ…”
“ถ้าฉันพูดว่าการสลับหน้าที่กัน จะพอเข้าใจขึ้นมาบ้างไหมคะ”
สีหน้าของเธอที่ตอบออกมาเช่นนั้นดูชั่วร้ายขึ้นเป็นอย่างมาก เธอดูราวกับเด็กที่ได้ของเล่นที่อยากได้มาตลอดมาอยู่ในมือ สีหน้าของเธอดูเหมือนกำลังคิดอยู่ว่าจะเล่นกับของเล่นที่ชื่อมิเอลที่กำลังจะตกมาอยู่ในมือของเธออีกไม่นานอย่างไรดี
เธอจะรู้สึกอย่างไรกันนะ ถ้าถูกดูหมิ่นจากคนที่เธอเคยดูแคลนมาก่อนว่าเป็นคนชั้นต่ำ
“ฉะนั้นฉันก็เลยอยากให้คุณอาซมอบมิเอลให้ฉันน่ะค่ะ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น เธอก็มีความผิดเกินกว่าจะไม่ชดใช้บาปใดๆ ที่เธอก่อ ฉะนั้นก็ควรลงโทษเธออย่างเหมาะสมด้วยเช่นกันนะคะ”
ราวกับว่าคำพูดนั้นของอาเรียเหมือนเป็นการบอกให้เขาส่งมิเอลให้เธอหลังจากที่เขาทำให้มิเอลทรมานและเจ็บปวดอย่างสาสมแล้ว จากนั้นอาซก็หรี่ตาลงครู่หนึ่ง
มันไม่ใช่ความรู้สึกปฏิเสธต่ออาเรียที่เผยให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณของเธอ แต่มันเป็นความประทับใจต่อเธอที่พยายามแก้แค้นด้วยการกัดไม่ปล่อยจนถึงที่สุด
และอาเรียก็รู้สึกได้ว่าอาซสนใจตัวเธอที่เป็นแบบนั้น และรู้ว่าเขาชอบ เธอจึงสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอได้โดยไม่ต้องลังเล
“เข้าใจแล้วครับ ดูเหมือนว่านอกจากเธอจะต้องชดใช้ความผิดบาปในอดีตแล้ว เธอยังต้องชดใช้ความผิดบาปในปัจจุบันในท้ายที่สุดด้วย ฉะนั้นผมจะทำตามที่เลดี้บอกครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
อาเรียยิ้มอย่างสดใส ซึ่งเป็นยิ้มที่ไม่เข้ากับคนที่บอกว่าจะลงโทษและทรมานใครสักคน
หลังจากนั้นอาซก็กล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ
“พอเห็นเลดี้มีความสุขขนาดนี้แล้ว มันก็ทำให้ผมรู้สึกเสียดายที่ต้องกลับไปเลยนะครับ”
“ถ้าเช่นนั้นก็อยู่ต่ออีกสักหน่อย แล้วค่อยกลับสิคะ อยู่ทานมื้อกลางวันด้วยกันหน่อยไหมคะ”
เมื่ออาซจับได้ว่าเธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขาทำเช่นนั้นไม่ได้ ความเสียดายก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของอาซมากกว่าเดิม
“…น่าโมโหจริงๆ ที่ผมทำเช่นนั้นไม่ได้”
“ช่วยไม่ได้นี่คะ คุณมีแต่จะต้องรีบกลับไปทำงานให้เสร็จเท่านั้นนะคะ”
แม้สิ่งที่เธอพูดจะเป็นเรื่องจริง แต่ความเสียดายของเขาก็ยังไม่หายไป อาเรียจึงกุมมือเขาไว้อย่างอ่อนโยน แล้วพูดให้กำลังใจเขา
“ถ้างานเสร็จหมดแล้ว พวกเราไปเที่ยวกันดีไหมคะ ฉันอยากไปทะเลน่ะค่ะ ถึงจะไกลออกไปสักหน่อย กับคุณอาซแค่สองคน”
สีหน้าของอาซดูมีแรงขึ้นมาทันที ด้วยฐานะตำแหน่งแล้ว เขาจะมีเหล่าคนรับใช้และเหล่าอัศวินจะติดตามโดยอัตโนมัติ เขาจึงรู้ว่าเขาไม่สามารถไปเที่ยวกันเพียงลำพังได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่สามารถซ่อนความต้องการต่อคำชวนลับๆ ของอาเรียได้
“…ต้องรีบทำงานให้เสร็จไวๆ แล้วสินะครับ”
“ฉันจะรอนะคะ”
ในตอนที่เธอกำลังจะลุกขึ้นจากที่นั่ง ทิ้งชาที่ยังเหลืออยู่ปริมาณมากไว้ เพราะเธอเพิ่งดื่มไปเพียงนิดเดียวนั้นเอง
ทันใดนั้นอาซก็หยุดฝีเท้าที่ค่อยๆ ก้าวไปยังประตู
“…เลดี้อาเรีย”
เขาเรียกชื่ออาเรียด้วยเสียงที่เบาลงเล็กน้อย ในเสียงที่แปลกแต่ฟังดูคุ้นเคยนั้น อาเรียก็พอเดาได้ว่าอาซจะพูดอะไรต่อไป เธอจึงค่อยๆ หันไปสบตากับเขา
“คะ”
“…ผมขอประทับจูบไว้ได้ไหมครับ”
อาเรียมองไปที่อาซอย่างใจลอย โดยที่ไม่ตอบกลับคำพูดอันตรงไปตรงมาของเขาไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเขาพร้อมกับโค้งรูปตาของเธอเล็กน้อย
“ตอนที่คุณอยากทำ คุณก็ทำตามอำเภอใจ แต่คราวนี้จะมาขออนุญาตกันสินะคะ”
“…ก็ตอนนั้นหัวใจผมต้องการขึ้นมาโดยที่ผมก็ไม่รู้ตัว ผมก็เลยทำเช่นนั้น ผมก็เลยกังวลว่าเลดี้จะโกรธผมน่ะครับ”
เขาพูดอย่างระมัดระวังราวกับพูดออกมาจากใจจริง
จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร เธอตกใจนิดหน่อย แต่แทนที่เธอจะโกรธ เธอกลับใจเต้นรัวตลอดทั้งคืนขนาดที่เธอไม่สามารถควบคุมมันได้
“ไม่เลยค่ะ ฉันแค่ตกใจเท่านั้นเองค่ะ”
ทันทีที่อาเรียตอบเช่นนั้น ความกังวลของเขาก็คลายลง เขายกมือขึ้นมาวางลงบนแก้มอันนุ่มนวลของอาเรีย
“ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ผมจะทำตามใจผมแล้วนะครับ”
อาซประทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของเธอทันที โดยไม่ได้รอฟังคำตอบของเธอ ราวกับว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะทำเช่นนั้นอยู่ดี
…………………………………………..