พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 177
อาเรียเปลี่ยนจากชุดลำลองง่ายๆ มาใส่ชุดที่ดูเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย และก้าวเท้าออกจากห้องที่เอาแต่หมกตัวอยู่หลายวัน เจสซี่และแอนนี่เดินตามหลังเธอไป
หากไม่นับเวลารับประทานอาหารแล้วนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอออกมา นอกจากนั้นเวลารับประทานอาหารก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และเพราะข้ารับใช้ประจำคฤหาสน์ต้องไปพร้อมกับอาเรีย จึงต้องเว้นที่ว่างเพื่อให้เดินสอดคล้องกับเธอ
แต่ไม่ใช่ในตอนนี้
เมื่อเห็นอาเรียออกมาจากห้องอย่างกะทันหันโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เหล่าข้ารับใช้ก็รีบโค้งตัวแสดงความเคารพ
แขกผู้มีเกียรติคนสำคัญจากต่างแดน
ไม่สิ เธอคือหลานสาวของเจ้านายที่ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปพวกตนจะต้องให้การรับใช้เธอไปตลอดชีวิตหรือเปล่า
เธอเป็นถึงคนรักของเจ้าชายและยังเป็นถึงดวงดาวแห่งราชอาณาจักรที่มีอิทธิพลเหลือคณานับ
เพราะอย่างนั้นจะให้พวกข้ารับใช้กล้าสบตาอาเรียได้อย่างไร
แน่นอนว่าพวกข้ารับใช้เคยได้ยินข่าวลือที่ว่าอาเรียจิตใจดีและมีเมตตามาแล้ว แต่เพราะข่าวลือก็คือข่าวลือจึงควรระวังเอาไว้ถึงจะเหมาะสม เพราะอย่างนั้นพวกข้ารับจึงโค้งตัวให้เท่าที่จะทำได้เพื่อให้อาเรียไม่รู้สึกขุ่นเคือง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตั้งใจทำแบบนั้น
“เอ่อ รู้รึเปล่าว่ามาร์เชอเนสอยู่ที่ไหน”
อาเรียเดินผ่านทางเดินและถามขึ้นมาอย่างกะทันหันกับคนใช้ที่กำลังโค้งตัวอยู่ คนใช้สะดุ้งตกใจขึ้นมาแต่ก็สำรวมมารยาทไว้อย่างนอบน้อมอย่างที่เคยร่ำเรียนมาก่อนจะตอบออกไปว่า
“ท่านกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนค่ะ”
“สวนไหนเหรอ”
“หากเลดี้อาเรียเดินออกไปที่โถงชั้นหนึ่งก็จะเห็นสวนนั้นได้ในทันทีเลยค่ะ”
“อ๋อ เธอหมายถึงสวนขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้จากห้องฉันสินะ ขอบใจที่บอกนะ”
อาเรียยิ้มอย่างอ่อนหวานและพูดขอบใจออกไป ก่อนจะเดินหายไปอย่างสง่าผ่าเผย
“…แม่เจ้า”
หลังจากที่อาเรียหายไปจากระยะสายตา คนใช้ก็หายเกร็งและอุทานออกมา
หากเป็นเช่นปกติแล้วละก็ แม้เจ้านายจะไม่ได้มองอยู่ก็ตาม แต่ข้ารับใช้ก็จะไม่ทำพฤติกรรมที่สะเพร่าและทำให้ข้ารับใช้คนอื่นๆ ตำหนิได้ แต่วันนี้นั้นต่างออกไป
ตรงกันข้ามเหล่าข้ารับใช้ที่สงสัยว่าคุยเรื่องอะไรกับอาเรียต่างพากันเดินเข้ามาอย่างไม่ระวังและถามถึง
เหตุผลนั่น
“เลดี้อาเรียบอกว่ามีอะไรไม่พอใจหรือเปล่า”
“ต้องการอะไรหรือเปล่านะ”
“หรือว่าเลดี้อาเรียโมโหอะไรอย่างนั้นเหรอ!”
แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยเจอกันเลยก็ตาม แต่เธอก็เป็นถึงคนรักของเจ้าชายและหลานสาวของมาร์ควิสเปียสต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเคร่งครัดเป็นที่หนึ่ง คำถามเหล่านั้นจึงมาจากการคาดเดาที่ว่าเธอคงจะมีนิสัยเช่นนั้น
ยิ่งกว่านั้นหลังจากที่มาถึงคฤหาสน์ นอกจากเวลารับประทานอาหารแล้วอาเรียก็เอาแต่อยู่ในห้องไม่สุงสิงกับใคร จึงทำให้นั่นเป็นคำถามที่ฟังดูสมเหตุสมผล
จากนั้นข้ารับใช้ที่ได้คุยกับอาเรียก็ส่ายหน้าขึ้นมาช้าๆ และตอบออกมาพร้อมแววตามึนงง
“เปล่าเลย…เลดี้อาเรียถามว่ามาร์เชอเนสอยู่ที่ไหนน่ะ”
“เธอบอกว่าอาเรียกำลังตามหามาร์เชอเนสอย่างนั้นเหรอ…”
“จริงหรือนั่น”
ดูยังไงก็เห็นได้ชัดว่าอาเรียพยายามหลบหน้าเพราะรู้สึกอึดอัดแท้ๆ และเพราะเธอแสดงออกชัดเจนมากๆ จนทุกคนในคฤหาสน์ต่างก็รับรู้ถึงเรื่องนั้น
ดังนั้นแต่ละคนจึงไม่สามารถซ่อนความสงสัยเอาไว้ได้ จากนั้นข้ารับใช้ที่ยังพูดไม่จบก็เริ่มพูดต่อ
“…นอกจากนั้นแล้วพอฉันตอบคำถามไป อาเรียยังขอบใจฉันด้วยละ”
และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธออุทานออกมา อาเรียเริ่มพูดขอบใจเพื่อซื้อใจข้ารับใช้ในคฤหาสน์ของเคานต์โรสเซนต์ จนมันกลายเป็นนิสัยของเธอไปโดยไม่รู้ตัว
เพียงแค่บอกถึงเรื่องที่ควรจะบอกเท่านั้น แต่กลับได้รับการขอบใจตอบกลับมา นั่นเป็นคำพูดที่ไม่เคยได้ยินจากเจ้านายที่ตนรับใช้เลยตลอดชีวิตที่ผ่านมา
“ฉันคิดว่าข่าวลือก็เป็นเพียงข่าวลือวันยังค่ำเท่านั้นนะ แต่ดูเหมือนนิสัยของเลดี้อาเรียจะเป็นตามที่ข่าวลือว่ากันจริงๆ…”
ทุกคนต่างตกใจและถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่บริเวณทางเดินในอาคาร และใครคนหนึ่งในเหล่าข้ารับใช้ก็พูดออกมาเงียบๆ พร้อมกับแววตาเป็นประกาย
ทั้งมีเมตตาให้ความช่วยเหลือนางมารที่ตั้งใจทำร้ายตนไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ไหนจะยังให้การยอมรับความสามารถของสามัญชนและช่วยสนับสนุนอีกด้วย
“หากเป็นเลดี้อาเรียเป็นคนแบบนั้นจริงๆ ละก็…”
หากได้คนแบบนั้นมาเป็นเจ้านายก็คงจะดีไม่น้อย เพราะไม่มีอะไรน่ายินดีเท่ากับการได้ทำงานภายใต้เจ้านายผู้มีเมตตาอีกแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเลดี้อาเรียกำลังจะไปในสวนที่มาร์เชอเนสอยู่อย่างนั้นเหรอ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ…”
“…! ”
คำตอบนั้นทำเอาเหล่าข้ารับใช้มองตากันไปมาโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะรีบเดินไปทางหน้าต่างฝั่งที่ติดกับสวน เป็นหน้าต่างที่สามารถมองเห็นสวนซึ่งมาร์เชอเนสกำลังเดินเล่นได้อย่างชัดเจน
ณ ที่ตรงนั้น มาร์เชอเนสซึ่งยังไม่รู้ว่าถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตน กำลังเดินทอดน่องในสวนดอกไม้อย่างสบายใจ
เพราะเหตุใดอาเรียผู้เป็นเจ้านายใหม่ของพวกตนถึงได้ตามหามาร์เชอเนสกันแน่นะ ขอให้เป็นเรื่องที่ดีด้วยเถอะ
เหล่าข้ารับใช้คิดเช่นนั้นและแก้มแดงขึ้นมา พร้อมกับมองไปนอกหน้าต่างด้วยใจที่เต้นตึ้กตั้ก
“มาร์เชอเนสสเปียสต์คะ”
อาเรียเดินมาใกล้ไวโอเล็ตและเรียกชื่อเธอออกมาเบาๆ
ไวโอเล็ตสะดุ้งออกมาอย่างไม่สมกับเป็นเธอ และรีบหันหลังมา
“…เลดี้อาเรีย”
ดูเหมือนเธอจะคิดไม่ถึงเลยว่าอาเรียจะเป็นฝ่ายตามหาเธอก่อน แก้มของไวโอเล็ตร้อนผ่าวขึ้นมา เธอหน้าแดงและมีท่าทีตื่นเต้น
“ขอหนูเดินเล่นด้วยคนได้ไหมคะ”
จะไม่ได้ได้อย่างไรล่ะ! กลับกันนั่นเป็นเรื่องที่เธออยากทำมาตั้งนานแล้ว ไวโอเล็ตจึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วและทำมือให้อาเรียมายืนข้างๆ
“ได้สิจ๊ะ! นี่เป็นสวนที่สวยที่สุดในคฤหาสน์เลยนะ มาเดินเล่นด้วยกันสิ”
“ขอบคุณค่ะ อากาศเย็นจังเลยนะคะ”
“นั่นสิ ดูเหมือนใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วนะจ๊ะ อากาศแบบนี้ถ้าไม่ออกมาเดินเล่นในตอนกลางวันที่มีแสงแดดเอาไว้ก่อนละก็ จะทำให้ออกไปข้างนอกได้ลำบาก เลดี้เองก็ออกมาเดินเล่นตอนกลางวันบ่อยๆ สิจ๊ะ เรามีสวนอยู่เยอะมากไม่ใช่แค่ที่นี่หรอก เลดี้จะออกมาเดินเล่นเงียบๆ สบายๆ เมื่อไหร่ก็ได้นะจ๊ะ”
อาเรียทักทายออกไปสั้นๆ แต่คำตอบที่ได้มานั้นกลับยาวเหยียด ราวกับว่าไวโอเล็ตอยากจะยืดบทสนทนาออกไปให้มากเท่าที่จะทำได้
นอกจากนั้นเธอเองก็รู้สึกได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าอาเรียพยายามหลบหน้าตนอยู่ จึงได้พูดอ้อมๆ ออกมาว่าอาเรียสามารถออกมาเดินเล่นคนเดียวได้ทุกที่ทุกเวลาแทนที่จะชวนให้อาเรียเดินเล่นด้วยกันกับตัวเอง
“นั่นสินะคะ ขอบคุณที่บอกนะคะ ก่อนที่อากาศจะหนาวไปมากกว่านี้เห็นทีต้องออกมาชมดูบ้างแล้วค่ะ”
เพราะอาเรียเองก็เบื่อที่จะต้องหมกตัวอยู่แต่ในห้องพอดี เธอจึงพยักหน้าขึ้นมา และเพราะนี่เป็นสวนอันงดงามเหมาะที่จะเดินเล่นด้วย จึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธเลย
“นี่เป็นสวนที่มาร์ควิสสร้างให้ฉันจ้ะ เพราะว่าฉันออกไปข้างนอกไม่ได้ ฉะนั้นคฤหาสน์เลยงดงามแบบนี้ยังไงล่ะ”
เพราะมีเรื่องโชคร้ายเกิดขึ้นมากมายไวโอเล็ตจึงไม่สามารถออกไปข้างนอกได้
โคลอีเองก็เช่นกัน พวกเขาอยู่ในสภาพที่ออกไปข้างนอกให้คนอื่นเห็นหน้าตาไม่ได้ จึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์เป็นเวลานานแสนนาน
“อย่างนั้นเองเหรอคะ”
“เพราะอย่างนั้นแล้วฉันอยากให้เลดี้เพลิดเพลินไปกับความงามของคฤหาสน์หลังนี้นานๆ น่ะจ้ะ”
“…”
ความหมายราวกับจะขอร้องไม่ให้เธอกลับไปหลังจากงานแต่งงานเสร็จสิ้นลง ทำให้อาเรียไม่ตอบอะไรกลับไป เพราะในหัวเธอนั้นคิดเพียงแต่อยากจะกลับไปราชอาณาจักรให้เร็วที่สุดแม้เพียงหนึ่งชั่วโมงก็ยังดี
“อึดอัดที่ฉันเป็นแบบนี้ใช่ไหมจ๊ะ”
คงเป็นเพราะบทสนทนาหยุดลง ไวโอเล็ตที่คงความเงียบไว้สักพักจึงยิ้มบางๆ และถามอาเรียออกไป ท่าทางเธอจะรู้สึกไม่สบายใจ เพราะอาเรียเอาแต่อยู่ในห้องเป็นเวลาหลายวัน
“นิดหน่อยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนให้ความสนใจต่อหนูมากมายขนาดนี้โดยที่ไม่หวังอะไรตอบแทนน่ะค่ะ”
เพราะไวโอเล็ตถามออกมาตรงๆ อาเรียจึงเผยความในใจออกไปตรงๆ
เธอรู้สึกเกรงใจและอึดอัดเอามากๆ
ถึงจะมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกลำบากใจเพราะพวกเขาให้ความสนใจกับเธอมากกว่าแม่แท้ๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเสียอีก
หากพวกเขาหวังสิ่งใดอยู่เธอก็คงจะมีท่าทีตอบกลับไปบ้าง แต่เพราะไวโอเล็ตไม่ได้หวังอะไรจากอาเรียเลย ยิ่งทำให้อาเรียรู้สึกแบบนั้นยิ่งขึ้น แม้แต่คารินที่เป็นแม่เธอยังเคยส่งสายตาคาดหวังบางอย่างจากเธอด้วยซ้ำ แต่ไวโอเล็ตไม่เคยทำแบบนั้นเลย
ไวโอเล็ตกะพริบตาราวกับตกใจเล็กน้อยโดยไม่ถามอะไรกลับไป ก่อนจะอธิบายถึงความรู้สึกตัวเองด้วยใบหน้านิ่งๆ อย่างรวดเร็ว
“อย่างนั้นสินะ สงสัยว่าคนเป็นย่าที่ไม่ได้เจอหลานสาวมาสิบเจ็ดปีคนนี้จะทำตัวไม่เหมาะสมเสียแล้วสิ ฉันไม่ได้หวังเลยด้วยซ้ำ ว่าโคลอีจะมีลูกสาว…แถมยังสวยและเหมือนกับโคลอีเปี๊ยบเลย”
ดูเหมือนไวโอเล็ตนั้นคิดว่าตนจะไม่ได้เห็นทายาทแล้วจริงๆ
ซึ่งมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อโคลอีผู้เป็นลูกชายเฝ้าคิดถึงแค่ผู้หญิงเพียงคนเดียวมานานแสนนาน ส่วนลูกสาวคนโตอย่างเฟรย์ที่ได้ยินเพียงข่าวคราวจากที่ไกลๆ นั้นก็ดูจะห่างไกลกับการแต่งงานเสียเหลือเกิน
นอกจากนั้นในอดีตเองไวโอเล็ตก็ไม่ได้มีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขมากขนาดนั้น เธอจึงไม่สามารถไปบังคับอะไรกับลูกๆ ได้
เพราะอย่างนั้นเธอจึงหวังให้พวกเขามีชีวิตอย่างมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าจะได้พบกับหลานสาวแบบนี้
“เพราะอย่างนั้นฉันจึงอยากจะทำทุกอย่างที่ไม่สามารถทำให้ได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา เลยชวนคุยด้วยอยู่บ่อยครั้งจนทำให้รำคาญสินะ ถึงขนาดทำให้เลดี้อึดอัดใจแบบนี้เลย ขอโทษนะ”
ไวโอเล็ตเอ่ยคำขอโทษออกมาและสังเกตดูอาเรีย พร้อมหวังว่าอาเรียจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
ถึงจะมีสายเลือดเดียวกันก็ตาม แต่มาร์เชอเนสจากอาณาจักรหนึ่งอย่างเธอกลับขอโทษลูกสาวของโสเภณีคนหนึ่ง ทำไมถึงได้แสดงท่าทางถ่อมตัวขนาดนั้นกับหลานสาวที่อายุน้อยแบบนี้ด้วยนะ
เพราะไม่สามารถเข้าใจได้ อาเรียจึงถามไวโอเล็ตออกไป
“ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้น…มันสำคัญมากเลยเหรอคะ ถึงขนาดที่มาร์เชอเนสแสดงความรู้สึกให้กับผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกได้ถึงขนาดนี้เลยหรือคะ”
เพราะเป็นความสงสัยที่แสดงออกมาทางใบหน้าและแววตาของอาเรียมาตลอด ไวโอเล็ตจึงไม่ได้ตกใจ เธอตอบออกไปเงียบๆ
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ ฉันเองก็เพิ่งจะเคยมีหลานสาวเป็นครั้งแรก เลยไม่แน่ใจว่าคนอื่นเขารู้สึกกันยังไง แต่สำหรับฉันแล้ว ความสงสารและรู้สึกรักใคร่เอ็นดูมันมากล้นเหลือเกิน จนควบคุมตัวเองได้ยากเลยล่ะจ้ะ”
“โดยไม่หวังอะไรตอบแทนเลยหรือคะ”
“ใช่สิ ฉันจะกล้าหวังสิ่งตอบแทนอะไรจากหลานสาวได้กันล่ะ แค่ได้รู้ว่ามีหลานสาวอยู่ก็ทำให้รู้สึกมีความสุขมากๆ แล้วล่ะ บางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งตอบแทนก็ได้นะ ฉันหวังแค่ว่าเลดี้จะมีสุขภาพสมบูรณ์ดีเท่านั้นจ้ะ”
สีหน้าของไวโอเล็ตยามที่พูดนั้นดูจริงใจ
“…อย่างที่เขาพูดกันว่าผลลัพธ์ที่เกิดมาจากความรักอย่างนั้นหรือคะ”
อาเรียนึกถึงคำพูดของเจสซี่และถามออกมา ดูเหมือนนั่นจะเป็นคำถามที่คาดไม่ถึง ไวโอเล็ตจึงปิดปากตัวเองและไม่ตอบออกมา ก่อนจะยิ้มผุดผ่องขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเห็นด้วยกับที่อาเรียถาม
“เป็นประโยคที่ฟังดูโรแมนติกจังเลยนะจ๊ะ จะมองว่าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ผิดจ้ะ ในเมื่อโคลอีคือผลจากฉันกับคนที่ฉันรักเช่นกัน และเช่นเดียวกันโคลอีเองก็ได้พบกับคนที่คนรักและมีลูกด้วยกันนี่”
“อย่างนั้นเองหรือคะ…”
“และเด็กที่เกิดมาก็ถือเป็นตัวตนส่วนหนึ่งของฉันเหมือนกัน เลดี้อาจจะไม่คิดแบบนั้น แต่หูของเลดี้เหมือนกับของฉันเป๊ะเลยนะ”
“…หูของดิฉันเหรอคะ”
หูงั้นหรือ อาเรียตกใจและจับหูของตัวเองดู พร้อมกับมองไปที่หูของไวโอเล็ต แม้จะมีหูที่เล็กแต่ก็มีความโค้งมนดูนุ่มนวล
หูนั่นเหมือนกับหูของตัวเองอย่างนั้นหรือ อาเรียงงงวยเพราะไม่เคยสังเกตดูหูของตนอย่างละเอียดเลยสักครั้ง
“ใช่จ้ะ ถ้าสังเกตก็จะมองเห็นได้ ติ่งหูเล็กและมีจุดที่ดูน่ารักอยู่เหมือนกันเลย จุดแบบนั้นโคลอีเองก็มีเช่นกัน แต่ฉันคิดว่าคารินไม่น่าจะมีนะ”
สายตาของอาเรียหยุดมองอยู่ที่หูของไวโอเล็ต และเธอก็ได้เห็นว่ามีจุดเล็กๆ อยู่ที่หูของไวโอเล็ตจริงๆ จุดที่หูของอาเรียเองก็มีอยู่ด้วย
เหมือนกันจริงๆ สินะ ทั้งที่เธอคิดว่าไวโอเล็ตเป็นผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเชื่อมต่อกับเธอได้แท้ๆ
หลังจากที่เห็นมันเข้า อาเรียก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา เป็นความรู้สึกที่ต่างไปจากตอนที่ได้พบโคลอีครั้งแรก
เพราะเขาหน้าเหมือนเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน อาเรียจึงยอมรับว่าเขาเป็นพ่อโดยที่ไม่รู้สึกตงิดใจเลย แต่ไวโอเล็ตไม่ใช่แบบนั้นเลย
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากสำรวจดูใบหน้าของไวโอเล็ตช้าๆ ดูแล้ว ก็รู้สึกว่าเธอเหมือนกับโคลอีและตัวอาเรียด้วย
เมื่อเจอจุดที่เหมือนกันจุดหนึ่งแล้ว ก็เริ่มที่จะเห็นหลายๆ อย่างมากขึ้น
“ในเมื่อเหมือนกันขนาดนี้ จะไม่ให้ฉันคิดว่าเลดี้เป็นตัวตนของฉันอีกคนได้อย่างไรล่ะ ทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่าเป็นลูกของตัวเอง เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีใครหวังสิ่งตอบแทนหรืออยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาหรอกจ้ะ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไงนะ…แต่อย่างน้อยฉันก็คิดแบบนั้น”
“…อย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ เพราะอย่างนั้นแล้ว หวังว่าเลดี้จะไม่รู้สึกลำบากใจมากเกินไปกับความหวังดีที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนนะจ๊ะ เพราะครอบครัวก็เป็นกันอย่างนี้แหละ แต่ถ้ายังไม่สบายใจ…ฉันจะแก้ไขการกระทำของตัวเอง เพื่อไม่ให้เลดี้รู้สึกอึดอัดใจ”
ถ้าอาเรียตอบว่าให้ทำแบบนั้น แล้วจะรู้สึกสบายใจขึ้นจริงหรือ
เมื่อได้เห็นความจริงใจผ่านรอยยิ้มของไวโอเล็ตที่จับมือตนพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนแล้ว อาเรียก็ไม่สามารถพูดแบบนั้นออกมาได้
รอยยิ้มของไวโอเล็ตทำให้อาเรียเผลอคิดว่าตนเองกำลังมองซาร่าอยู่ ซาร่าที่ใจดีต่อตนโดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
อาเรียไม่รู้หรอกว่าซาร่าหวังอะไรจากเธออยู่หรือไม่ แต่อย่างน้อยซาร่าที่อาเรียได้รู้จักมาจนถึงตอนนี้นั้น ไม่ใช่ผู้หญิงที่หวังสิ่งตอบแทนจากเธอแน่นอน
“…ดิฉันจะลองอยู่ต่ออีกหน่อยค่ะ และหากว่ารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นดิฉันจะบอกให้ท่านทราบนะคะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว อย่างไรดิฉันก็ต้องอยู่ในคฤหาสน์นี้จนกว่าจะถึงตอนนั้นอยู่แล้วนี่คะ”
“ขอบคุณนะจ๊ะ เลดี้อาเรีย”
……………………