พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 215 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม ตอนที่ 6)
หมายความว่าอะไรกัน
ปริบๆ เมื่อไม่เข้าใจว่าอาซพูดอะไร บลิสจึงได้แต่กะพริบตาปริบๆ
‘ระ หรือจะเป็นเพราะพลังวิเศษของเรา’
แหงล่ะ เล่นร้องไห้แล้วอยู่ๆ ก็หายแวบมาแบบนั้นก็ควรต้องโดนสงสัยล่ะนะ และมันก็เป็นเรื่องที่คุยต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ด้วยสิ
บลิสรู้สึกโล่งใจเมื่อคิดว่ามันต้องเป็นเพราะเรื่องนี้แน่นอน หนูน้อยจึงยื่นมือไปจับนิ้วอาซไว้แน่น
“…!”
ทั้งที่เพิ่งเจอกันแค่ครู่เดียวในห้องทำงานแต่เด็กน้อยคนนี้กลับไม่มีความระแวดระวังหรือความสงสัยในตัวเขาเลยสักนิด
อาซก้มลงมองบลิสที่จับนิ้วไม่กี่นิ้วของเขาไว้ด้วยมือน้อยๆ ซึ่งเล็กเสียยิ่งกว่ากำปั้น พลางเก็บงำความรู้สึกอันซับซ้อนเอาไว้ในใจแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องรับรองที่ว่างเปล่าด้วยกัน
และเมื่อได้นั่งเผชิญหน้ากันเจ้าหนูบลิสก็รีบพูดเจื้อยแจ้วสาธยายข้อแก้ตัวที่คิดไตร่ตรองมาตลอดทางออกมาทันที
“คือว่า หนูเป็นน้องสาวต่างแม่ของพระจักรพรรดินี— เอ้ย พระชายาอาเรีย เพราะแบบนั้นเลยใช้พลังวิเศษได้!”
อาซกวาดตามองบลิสที่กำลังคิดไปเองว่าคำแก้ตัวที่พูดไปนั้นฟังดูสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว
พอได้มานั่งมองหน้าดูดีๆ แล้ว เธอดูเหมือนอาเรียมากกว่าตอนได้มองผ่านๆ ครั้งก่อนเสียอีก
มีเพียงนัยน์ตาสีน้ำเงินโดดเด่นเท่านั้นที่เหมือนเขา
ความสงสัยกลายเป็นความแน่ใจในชั่ววินาที แววตาอาซเป็นประกายวาววับ
เขารู้สึกแปลกมากจริงๆ ทั้งยินดีแค่ก็เศร้าใจ สงสารแต่กลับตื้นตัน ถึงอย่างนั้นก็ยังกังวล
“พระชายาอาเรียยังอนุญาตให้หนูอยู่ที่นี่ได้ด้วยนะ! แหะๆ”
บลิสที่พูดน้ำไหลไฟดับอยู่เป็นนานสองนานจบคำพูดตัวเองลงด้วยสีหน้าภาคภูมิใจโดยไม่คิดจะแนะนำตัวเองสักนิด
ร่องรอยของอาเรียที่รู้สึกได้จากทั่วทั้งตัวของเด็กคนนี้ทำให้อาซเอ่ยถามออกไปแทนคำตอบรับ
“…ชื่ออะไร”
นั่นทำให้บลิสคิดว่าอาซหลงเชื่อคำแก้ต่างของตัวเอง จึงตอบออกไปพร้อมรอยยิ้มสดใส
“หนูหรือ บลิสค่ะ!”
บลิส จะแปลว่าการอำนวยพระหรือความยินดีปลื้มปีติเขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่ชื่อของบลิสมีตัวอักษรในชื่อของเขาและอาเรียอยู่ในนั้นด้วยอย่างน่าเหลือเชื่อ
“อายุล่ะ”
“ปีนี้ก็เจ็ดขวบแล้ว!”
คิดว่าน่าจะห้าหรือหกขวบเสียอีก เพราะเธอตัวเล็กเกินกว่าจะเป็นเด็กเจ็ดขวบ อาจเพราะเธอเหมือนอาเรียที่ตัวเล็กตอนยังเป็นเด็กแต่แล้วจู่ๆ ก็เติบโตขึ้นระหว่างนั้น
ในเมื่ออายุเจ็ดขวบก็คงพอจะเล่นลิ้นได้บ้างแล้ว
แต่ก็เพราะเจ็ดขวบถึงได้หลุดปล่อยไก่ออกมาตัวโต
บลิสแกว่งขาไปมากลางอากาศแล้วหันมองไปรอบๆ อย่างอารมณ์ดีเพราะเห็นว่าเขาเปลี่ยนเรื่อง
อาซมองหนูน้อยอย่างนั้นสักพักก่อนจะเอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“หรือเธอมาจากอนาคตอย่างนั้นหรือ”
คำถามที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้บลิสเบิกตาโพลง
“หะ หืม…!”
“ฉันถามว่าเธอใช้พลังย้อนกลับมาจากอนาคตใช่ไหม บลิส”
แววตาของอาซที่เอ่ยถามซ้ำอีกครั้งช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
มันคือแววตาที่เขามักแสดงให้เห็นเวลาบลิสทำอะไรผิดหรือทำท่าทางแปลกๆ เพราะมีชนักติดหลังแล้วอาซมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ทั้งที่คิดว่าหลอกลวงได้ดีแล้วแท้ๆ แต่พอได้มาเจอสายตาแบบนั้นก็ทำเอาบลิสใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม
“คะ คือว่า…”
สีหน้ามั่นอกมั่นใจตอนนี้หายไปจนหมด บลิสกลอกแววตาสีน้ำเงินไปทางนั้นทีทางนี้ที เพื่อคิดหาคำโกหกใหม่
ทว่ามันสายไปเสียแล้ว เพราะตอนนี้อาซมั่นใจเรื่องบลิสที่ยังไม่อาจยอมรับปฏิเสธได้ไปเรียบร้อย
“คนที่ได้รับพลังจากน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ได้สืบสายเลือดจากราชวงศ์ไม่สามารถใช้พลังเหล่านั้นได้หลายครั้งต่อกันโดยไม่มีผลตอบแทนหรอกนะ”
อาเรียคือตัวอย่างของเรื่องนี้ ฉะนั้นอาซจึงพูดดักคำโกหกของบลิสในฉับเดียวเพื่อเป็นการบอกว่าคำกล่าวอ้างที่ว่าเธอคือน้องสาวต่างแม่ของอาเรียนั้นใช้กับเขาไม่ได้ผล
ไม่ว่าจะเด็กเพียงใด แต่เด็กฉลาดอย่างบลิสย่อมเข้าใจสิ่งที่อาซต้องการจะสื่อได้ทันทีอยู่แล้ว
บลิสหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
“เธอมาที่นี่ทำไมกันแน่ บลิส บอกมาตามจริงเถอะ”
ได้โปรดขอให้มันเป็นเพียงการเล่นสนุก ขอให้มันไม่มีอะไร
อาซสังหรณ์ใจว่ามันน่าจะเกี่ยวกับอาเรียแต่ยังคงหวังไม่ให้มันเป็นเช่นที่เขาคิด ขณะเดียวกันก็เอ่ยเร่งบลิส
น้ำตาหยดใส่เริ่มเอ่อคลอขึ้นมาเต็มดวงตากลมโตของบลิสราวกับรู้แล้วว่าไม่มีทางไหนให้หนีได้อีกต่อไป
“คะ คือ ความจริงแล้วท่านแม่ ฮึก ท่านแม่ต้องป่วยเพราะหนู…!”
คำตอบของบลิสที่ปนมากับเสียงสะอื้นดึงหัวใจของอาซลงสู่ขุมนรก
ดูเหมือนเรื่องเลวร้ายที่เขาเคยคิดไว้จะเกิดขึ้นจริงทั้งหมด
* * *
บลิสค่อยๆ เอ่ยเล่าเรื่องราวของตัวเองออกมาทั้งน้ำตา
ทั้งเรื่องที่อาเรียซึ่งมีร่างกายอ่อนแอมาแต่กำเนิดต้องคลอดเธอออกมาก่อนกำหนดเพราะเกือบตายจากพลังที่บลิสมี
จนถึงเรื่องที่อาเรียร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลที่ตามมาหลังจากคลอดเธอออกมาอย่างยากลำบาก
“เพราะแบบนั้น ที่ท่านแม่ป่วยบ่อยๆ ก็เพราะหนู…”
บลิสบอกเขาว่าเธอไปได้ยินมาจากบรรดานางกำนัลที่แอบคุยกันพลางยกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ
แม้หนูน้อยจะเอาแต่สูดหายใจจนไม่สามารถพูดต่อได้ แต่อาซก็พอจะเดาออกว่าเธอย้อนกลับมาอดีตเพราะอะไร
“…หนูจะมาบอกว่าอย่าให้หนูเกิดมาเลย เพราะท่านแม่จะต้องป่วยเพราะหนู”
คำพูดที่ตรงกันกับความคิดเขา ทำให้แววตาอาซสั่นไหวราวกับใบไม้ใบเล็กยามต้องลมพายุ
มันไม่ใช่คำพูดที่เด็กตัวเล็กๆ ซึ่งอยู่ในวัยที่สมควรจะเอาแต่ใจและจู้จี้จุกจิกน่าจะพูดออกมาได้เลย
บลิสขยับนิ้วถูกันไปมาก่อนจะพูดต่อ
“หนูตั้งใจจะมาบอกในวันราชาภิเษกแต่เพราะยังควบคุมพลังได้ไม่ดีเลยมาถึงก่อนเยอะเลย… หนูคิดว่ามันน่าจะเป็นโอกาสที่ดีจะได้เจอทั้งท่านแม่แล้วก็ท่านพ่อเลยแต่ว่า…”
โชคร้ายที่เรื่องต่างๆ ที่ตามมาหลังจากนั้นคือเรื่องที่ทำให้ทั้งพระราชวังต้องวุ่นวายกันไปหมดตั้งแต่เมื่อวานจนเช้ามืดวันนี้
บลิสน้อยที่ตกใจจากเรื่องทำน้ำหกใส่ชุดเทียวไปเทียวมาทั่วพระราชวังจนทิ้งร่องรอยน่าอเนจอนาถเอาไว้ให้ดูต่างหน้า
อาซพลันรู้สึกวิงเวียนจนต้องกุมขมับ
ลูกสาวที่มาจากอนาคตของเขาถึงกับเสียสละตัวเองมาเตือนให้พวกเขาทั้งสองเปลี่ยนอนาคต เขาย่อมไม่สบายใจแน่นอนอยู่แล้ว
อาซถอนหายใจออกมา
“เพราะอย่างนั้นหนูเลยมีเรื่องอยากขอเรื่องหนึ่ง”
สีหน้าของอาซดูไม่ค่อยดีนัก บลิสจึงพูดขึ้นอย่างระมัดระวังพลางลอบสังเกตปฏิกิริยาของเขาไปด้วย
“ยังไงหนูก็คิดจะบอกในวันราชาภิเษกอยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นช่วยเก็บเป็นความลับจนกว่าจะถึงตอนนั้น… ได้ไหม”
น้ำเสียงและสีหน้านั้นจริงจังเป็นอย่างมาก เธอประสานสองมือเข้าด้วยกันด้วยความแน่วแน่
อาซยอมเปิดปากพูดหลังจากนั่งเงียบมานานพร้อมกับความรู้สึกคล้ายมีก้อนหินเกาะกุมอยู่ข้างในใจ
“…เอาเป็นว่า เข้าใจแล้ว”
การมีอยู่ของบลิสนับเป็นเรื่องที่น่ากังวล ดังนั้นตอนนี้เขาจึงจำเป็นต้องนิ่งเงียบไว้ก่อน
แน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสามารถตัดสินใจได้เพียงลำพัง จึงคิดว่าควรเฝ้าดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วค่อยบอกอาเรียในเวลาที่เหมาะสมจะดีกว่า
“จริงหรือ! จะเก็บเป็นความลับจริงๆ ใช่ไหม!”
บลิสมีสีหน้าสดใสขึ้นทันตาราวกับไม่เคยร้องไห้สะอึกสะอื้นมาก่อน
นั่นทำให้อาซต้องพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“ใช่ เอาตามนั้นล่ะ”
“ขอบคุณนะคะท่านพ่อ!”
เมื่ออาซตอบตกลงบลิสก็ลุกขึ้นแล้วโผเข้ากอดเขาทันที
พ่ออย่างนั้นหรือ แม้จะไม่คุ้นเคยและยังมึนงงแต่อาซก็กอดบลิสไว้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เธอล้มลงไป
บลิสถูไถใบหน้าอยู่ในอ้อมกอดอาซทั้งที่รู้ว่าเขากำลังทำตัวไม่ถูกก่อนจะผละออกมาหัวเราะ
“ฮี่ฮี่”
อาซมองดูดวงตาบวมปูดของเด็กน้อยด้วยความสงสารอยู่สักพัก ก่อนจะพูดถึงเรื่องที่เจ้าตัวน้อยมองข้ามไป
“ตอนนี้ฉันปล่อยเธอไปก็จริง แต่ถ้ากลับไปในสภาพสมบูรณ์ครบถ้วนแบบนี้อีกไม่นานอาเรียต้องสงสัยแน่ เพราะเธอใช้พลังไปหลายครั้งแล้วแต่ไม่ง่วงไม่สลบเลย”
และนั่นก็มีส่วนทำให้อาซระบุตัวตนของบลิสได้เช่นกัน
บางทีตอนนี้อาเรียอาจจะสงสัยบ้างแล้วก็ได้
“งั้นจะอุ้มหนูไปหรือ”
บลิสถามพลางทำตาปริบๆ อาซจึงพยักหน้ารับเบาๆ
“แกล้งสลบเป็นไหม”
“อื้ม! หนูแกล้งป่วยเก่งมาก! มากเลยล่ะ! แกล้งสลบก็เก่งนะ! แกล้งหลับด้วย!”
บลิสบอกว่าจะทำให้ดูแล้วก็ฟุบตัวลงบนโซฟาทันที
ทำบ่อยสินะ นอนเฉยๆ สีหน้าไร้ความรู้สึกแบบนั้นทำให้เธอดูเหมือนสลบไปจริงๆ
“เป็นไง เก่งใช่ไหมล่ะ”
บลิสยิ้มพลางถามอาซอีกครั้ง
อาซยิ้มตอบอย่างขมขื่นพลางคิดว่าบลิสน่าจะทำให้เขากับอาเรียในโลกอนาคตลำบากไม่ใช่น้อยทีเดียว
* * *
“อาซ ทำไมถึงมากับบลิสได้…”
อาเรียตกใจเมื่อเห็นอาซอุ้มบลิสเข้ามา
เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดเด็กน้อยที่ออกไปอาบน้ำพร้อมนางกำนัลถึงถูกอาซอุ้มมาได้
คงไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมนะ
อาเรียกวาดตามองสำรวจบลิสอย่างรวดเร็ว อาซที่คอยสังเกตสีหน้าเธออยู่จึงบอกว่าไม่ต้องกังวลพลางวางเด็กน้อยลงบนเตียง
“ผมเจอเธอที่ระเบียงทางเดินเลยเดินมาด้วยกันแต่แล้วเธอก็หมดสติไปน่ะครับ หรือจะเรียกว่าหลับไปน่าจะถูกกว่า เธอใช้พลังไปหลายครั้งทั้งยังฝืนมาตลอดเวลา ก็ควรจะหลับอยู่หรอกครับ”
ได้ยินแบบนั้นอาเรียจึงเพิ่งนึกได้ว่าบลิสใช้พลังเคลื่อนไหวผ่านอากาศไปแล้วหลายครั้ง
“ฉันลืมไปน่ะค่ะ คุณรู้เรื่องแล้วหรือคะ”
“ครับ เราอยู่ด้วยกันพักหนึ่งก่อนเธอจะหลับไป”
“…ค่ะ ฉันทิ้งเธอไปไม่ได้เพราะเหมือนเธอจะโดนแม่แท้ๆ ทำร้ายแล้วก็ละเลยมาน่ะค่ะ”
ความเวทนาฉายชัดอยู่บนใบหน้าของอาเรียจนอาซยกยิ้มขมขื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะแก้ความคิดเมื่อครู่ของตัวเองให้ถูกต้อง
บลิสไม่ได้ทำให้เขาและอาเรียในโลกอนาคตลำบาก แต่พยายามจะทำให้ทุกอย่างอยู่ในกำมือตัวเองต่างหาก
ขณะที่เขากำลังคิดเช่นนั้น เสียงหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังมาจากหน้าประตู
“ดูเหมือนนางกำนัลจะมาแล้วล่ะค่ะ พอดีฉันสั่งให้เธอไปเรียกหมอหลวงมาน่ะค่ะ”
สีหน้าอาซแข็งทื่อไปทันทีที่ได้ยินอาเรียบอกว่าควรให้หมอหลวงมาตรวจดูโดยรวมว่าบลิสมีอาการอะไรนอกจากนี้อีกหรือไม่
เพราะหากตรวจโดยละเอียดความคงแตกแน่ว่าบลิสไม่ได้หลับจริง
และหากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น นอกจากคำโกหกของบลิสจะถูกเปิดเผยแล้ว อาเรียซึ่งได้ฟังความจริงต้องรู้สึกสับสนแน่นอน
จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด อาซพยายามจะบอกเธอว่าควรให้หมอมาตรวจบลิสหลังจากตื่นนอนแล้วจะดีกว่าแต่—
“เข้ามาสิ”
อาเรียซึ่งเร็วกว่าเขาได้อนุญาตให้ผู้มาเยือนเข้ามาเสียแล้ว
………………..