พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 31
อาเรียมีเรียนกับซาร่าในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันเกิดของเธอ
อาเรียตั้งใจจะขอร้องให้ซาร่าช่วยตอนเจอกันในคาบวันนี้ เป็นคำขอที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอและหญิงสาว
เธอจดจ่ออยู่กับตำราระหว่างที่รอ ผ่านไปสักพักเธอได้ยินเสียงรถม้านอกหน้าต่าง รถม้าวิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงบริเวณใกล้ๆ ซึ่งดูเหมือนในนั้นจะเป็นแขกของคฤหาสน์เธอ
เธอเปิดหน้าต่างและชะโงกศีรษะออกไปดู มองดูซาร่าที่วันนี้ก็ยังคงดูจิตใจดีและมีเมตตาเหมือนเคย อาเรียโบกมือทักทายต้อนรับหญิงสาวอย่างเสียงดังและกระตือรือร้น
ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด ซาร่าจึงเงยหน้าขึ้นและหันมองไปทางห้องของอาเรียเหมือนทุกที ทั้งสองมอบรอยยิ้มอันสดใสให้กันแสดงความดีใจที่ได้พบกันอีก
“คุณซาร่า!”
“เลดี้อาเรีย”
ในทีแรกก็ตั้งใจจะแสร้งทำเป็นเด็กไร้เดียงสาให้ซาร่าเห็นอยู่หรอก แต่ช่วงนี้เธอมักจะวิ่งลงไปชั้น 1 ไปด้วยตัวตนที่แท้จริงครึ่งหนึ่งของเธอ
เพราะตอนนี้คนที่จะสามารถช่วยเหลือเธอได้มีเพียงแค่ซาร่าเท่านั้น อีกทั้งตอนอยู่กับเธอก็ยังรู้สึกสบายใจขึ้นมากอีกด้วย
เมื่อก่อนเธอมักโดนดุด้วยสายตาเป็นพันๆ รอบในเรื่องที่วิ่งเล่นในคฤหาสน์ แต่หลังจากที่เธอย้อนอดีตกลับมาก็ไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป มีเพียงแต่ปฏิกิริยากลับมาว่าเธอคงจะดีใจมากๆ ถึงได้ดูตื่นเต้นเสียขนาดนั้น
เพราะทุกคนรู้ดีว่าเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว ในเวลาปกติเธอทำตัวสง่างามราวกับผีเสื้อที่บินโลดแล่น แม้ตอนนี้จะทำพฤติกรรมเหมือนในอดีตก็ตาม แต่ปฏิกิริยาของทุกคนก็แตกต่างจากเดิมไปมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะอาเรียติดซาร่าเป็นพิเศษ
เพราะเธอไม่มีใครที่สามารถช่วยเหลือได้อีกแล้ว และซาร่าก็เป็นแค่เพียงครูสอนมารยาทของตระกูลที่ไม่มีนัยสำคัญอะไร จึงต้องรักษาไว้ให้ดี
ภายนอกของเธอดูราวกับเด็กไร้เดียงสา ไม่สงสัยใคร่รู้ และมองมนุษย์อย่างตื้นๆ ปราศจากอคติ โดยหารู้ไม่ว่าภายในนั้นเธอคำนวณแผนอันร้ายกาจไว้แค่ไหน
“อาจารย์!!”
เมื่ออาเรียลงมาถึงชั้น 1 เธอวิ่งเข้าไปกอดเอวของอาจารย์ไว้แน่น
“เดี๋ยวก็จะขึ้นไปอยู่แล้ว เลดี้รออยู่ที่ห้องก็ดีอยู่แล้วนะคะ”
แม้เธอจะพูดแกมดุ แต่แขนของเธอก็กอดตอบอาเรียไว้อย่างนุ่มนวล อาเรียสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจากมือที่ไขว้ไปอยู่ที่หลัง
“พอเห็นอาจารย์ ฉันก็ทำไปโดยไม่รู้ตัวเลยค่ะ…”
“บอกแล้วใช่ไหมคะ ว่าถ้าทักทายกันให้ทำอย่างไร ดูแล้วอาจจะต้องเริ่มเรียนกันใหม่เสียแล้วค่ะ”
ซาร่าตักเตือนอาเรียด้วยใบหน้าที่ไม่มีความน่ากลัวแม้สักน้อยนิด อาเรียคลายมือออกจากเอวของเธอ จับชายกระโปรง และย่อเข่าทักทายอย่างสง่างาม ซาร่าเห็นดังนั้นก็ทักทายกลับอย่างสุภาพ
“หนาวใช่ไหมคะ ขึ้นไปข้างบนกันเถอะค่ะ”
“ไปกันค่ะ”
ทั้งสองจับมือกันเดินขึ้นไปยังชั้น 3 ทั้งคู่คุยกันเล็กน้อยก่อนเริ่มเรียน พลางจิบชาโรสแมรี่อุ่นๆ เพื่อคลายความหนาวให้กับร่างกาย วันเกิดอาเรียที่จะถึงเร็วๆ นี้เป็นเรื่องหลักของบทสนทนา และนั่นก็เป็นหัวข้อที่อาเรียต้องการ
“จริงด้วยสิ อีกไม่นานก็วันเกิดของเลดี้อาเรียแล้วสินะคะ”
“ใช่ค่ะ”
“มีของขวัญอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหมคะ”
ซาร่าน่าจะเตรียมของขวัญไว้ก่อนแล้ว เพราะเหลืออีกเพียงไม่กี่วัน แต่ดูเหมือนเธอก็พร้อมที่จะหาทุกอย่างที่อาเรียอยากได้มามอบให้เพิ่ม
จะให้ไม่เห็นชอบเธอได้อย่างไรในเมื่อขาของเธอเดินเข้ามาติดกับดักเช่นนี้
อาเรียพึมพำอย่างลังเล และไม่ยอมตอบออกไปง่ายๆ ซึ่งตรงข้ามกับภายในใจของเธอ ซาร่าเมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบเสียที จึงกล่าวว่าไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ หรือชุดเดรสแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น
“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูได้รับเสื้อผ้ากับเครื่องประดับเป็นของขวัญเยอะแล้ว ของพวกนั้นมากเกินพอแล้วค่ะ แต่เหนือสิ่งอื่นใด หนูอยากได้…”
อาเรียเขินและบิดตัวไปมา ราวกับว่าเธออายเกินกว่าที่จะพูดต่อ เธออยากได้อะไรกันแน่นะ
ไม่นานนัก อาเรียตอบกลับพลางยิ้มอย่างเขินอาย
“…หนูอยากได้ผ้าเช็ดหน้าที่ปักให้ค่ะ”
“โถ่เลดี้…”
ทำไมถึงไร้เดียงสาได้ถึงเพียงนี้ เธอสามารถหาผ้าเช็ดหน้ามาให้ได้ทุกเมื่อ ขอเพียงแค่เอ่ยปากบอก ถ้าตอนนี้พูดออกมาว่า ‘วันนี้เราเลิกเรียนแล้วปักผ้าเช็ดหน้ากัน’ ก็คงจะทำได้หลายผืนทีเดียว
แววตาของอาเรียส่องประกายราวกับมาจากใจจริง ทำเอาซาร่าใจอ่อนยวบ เผลอลูบศีรษะของอาเรียโดยไม่รู้ตัว
“แค่นั้นพอจริงๆ หรือคะ ถ้าแค่ผ้าเช็ดหน้า ดิฉันสามารถทำเป็นสิบเป็นร้อยผืนให้เลดี้เมื่อไรก็ได้เลยค่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ! แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นการขอมากเกินไปหรือเปล่า… ถ้าหนูอยากให้อาจารย์ทำแบบที่มีลายปักเยอะๆ ต่างจากที่เราเคยทำน่ะค่ะ แบบมีหลายๆ ลายเลย”
“มากเกินไปอะไรกันคะ ดิฉันจะตั้งใจปักผ้าเช็ดหน้าให้มีลายเยอะๆ รับรองได้เลยว่าเลดี้จะต้องพึงพอใจ ฉะนั้นตั้งตารอได้เลยค่ะ”
แววตาของซาร่าส่องประกายสว่างขึ้นตามอาเรีย เธอแน่วแน่ถึงขั้นกำหมัดขึ้นมาจนแน่น รู้สึกได้ถึงความน่าเชื่อถือ
เมื่อเวลาผ่านไป อีกประเดี๋ยวซาร่าก็จะเริ่มมีหน้ามีตาทางแวดวงสังคม เธอก็คงจะไม่ค่อยมีเวลา เพราะเธอก็จะได้พบกับมาร์ควิสวินเซนต์ในอีกไม่ช้า ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมที่สุดที่จะรับของขวัญที่จริงใจจากเธอ
แม้มันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่อาเรียก็เพิ่มคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้เธอดูดีขึ้นอีกในภายหลัง
“อาจารย์ก็ทำผ้าเช็ดหน้าแบบเดียวกับหนูด้วยดีไหมคะ ความสัมพันธ์ของเราก็จะดูแน่นแฟ้นขึ้น แล้วก็ดูสนิทกันมากขึ้น แล้วก็… อ๊ะ! ขอโทษด้วยนะคะ ที่หนูคิดไปอย่างนั้นอยู่เพียงคนเดียว หนูแค่ชอบอาจารย์มากๆ ก็เลยแอบหวังเล็กๆ ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงดีน่ะค่ะ”
เพราะผ้าเช็ดหน้าปักอันงดงามนั้น จะทำให้มาร์ควิสวินเซนต์เริ่มสนใจในตัวซาร่า จึงเป็นการดีหากเธอสามารถดึงดูดสายตามาร์ควิสวินเซนต์ได้ด้วยผ้าเช็ดหน้าที่เหมือนกับตน
บางทีซาร่าอาจรู้สึกขอบคุณที่ทำให้มาร์ควิสตกหลุมรักเธอ และไม่แน่ว่าเธออาจตอบแทนตนในภายหลังก็ได้ พอเห็นว่ามาร์ควิสวินเซนต์สนใจในตัวเธอ เพราะผ้าเช็ดหน้าที่ตนชวนปักคู่กัน ไม่แน่เธออาจจะรู้สึกว่าตนเป็นผู้มีพระคุณไปตลอดชีวิต
แม้จะเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าใส่เครื่องปรุงรสชาติเข้าไปหน่อยก็คงไม่เลว
“อะไรกัน… ดิฉันก็ชอบเลดี้อาเรียมากเหมือนกันค่ะ และดิฉันอยากเป็นเพื่อนกับเลดี้ตลอดไปเลยค่ะ”
เสียงของซาร่าฟังดูอุดอู้ราวกับกับว่าเธอจะร้องไห้ออกมาหากพูดต่ออีกไม่กี่คำ และสีหน้าของเธอยังแสดงออกถึงความประทับใจอันบ่งบอกว่าเธอจะทำผ้าเช็ดหน้าที่ดีเลิศมาให้ภายในไม่กี่วันกี่คืน
แน่นอนว่าน้ำตาของซาร่าล้นเอ่อรอบดวงตา เธอดูอายุยังน้อยและมีอารมณ์อ่อนไหว
อ่อ เธอก็เป็นคนรักเด็กเหมือนกันสินะ ถึงอายุจะไม่ได้ห่างกันมาก แต่อาเรียดูเหมือนเด็กเพราะตัวที่เล็กกว่าอายุของเธอ ถึงแม้จะมีงูพิษตัวใหญ่ขดอยู่ภายในก็ตาม
“หนูเฝ้ารอวันที่อาจารย์จะได้เปิดตัวทางสังคมมากกว่าวันเกิดของตัวเองเสียอีกค่ะ เพราะมันจะเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตใช่ไหมล่ะคะ”
การเปิดตัวทางสังคมเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต
เป็นที่ที่เหล่าสตรีจะได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง โอ้อวด และประกาศจุดยืนของตน แวดวงทางสังคมเป็นสถานที่ที่ข่าวลือต่างๆ แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด ฉะนั้นผู้ที่มีอิทธิพลมากจึงเข้ามาครองอำนาจไปโดยปริยาย และแน่นอนว่าศูนย์กลางอำนาจนั้นก็คือความมั่งคั่งร่ำรวย
ดังนั้นไม่ว่าการเปิดตัวทางสังคมจะสำคัญขนาดไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับซาร่าในตอนนี้มากนัก
เพราะไม่ว่าหญิงผู้เป็นเพียงแค่บุตรสาวของตระกูลไวเคานต์ธรรมดาๆ จะลองพยายามดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากเท่าไร ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก
หากภายนอกเธอดูงามสง่าบ้างสักหน่อย ก็อาจจะพอดึงดูดความสนใจชั่วครู่หนึ่งได้บ้าง แต่เธอยังอยู่ห่างไกลจากนั้นมากนัก บางทีนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเธอถึงได้ยิ้มอย่างขมขื่นเล็กๆ
“ไม่รู้สิคะ ความจริงดิฉันก็ไม่ได้คาดหวังมากเท่าไรนัก”
“ทำไมล่ะคะ”
“ดิฉันไม่คิดว่าจะมีเรื่องพิเศษขนาดที่จะไปคาดหวังอะไรได้เกิดขึ้นน่ะสิคะ”
คำพูดของหญิงสาวฟังดูราวกับเธอยอมแพ้ บางทีอาจไม่ใช่แค่เธอ แต่ทั้งคนรู้จักของเธอ จวบจนกระทั่งครอบครัวของเธอเองก็คงจะไม่ได้คาดหวังอะไรมากแน่ๆ ยกเว้นอาเรียที่รู้อนาคตอันแน่นอนไว้คนหนึ่ง
อาเรียจึงกล่าวพลางจับมือของซาร่าไว้ทั้งสองข้าง
“ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ! หนูรู้สึกได้ว่ามีสิ่งดีๆ รออาจารย์อยู่อย่างแน่นอนค่ะ”
เรื่องดีที่จะเกิดขึ้นในท้ายที่สุดก็คือ ชีวิตของเธอจะดำเนินไปด้วยความราบรื่นหลังจากที่ได้พบเจอกับชายคนหนึ่ง เฉกเช่นเดียวกับเคาน์ติสท่านแม่ของตน แต่ไม่ว่าอย่างไรชีวิตของเธอก็จะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอนอยู่แล้ว
“ดีใจที่ได้ยินเลดี้พูดเช่นนั้นนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ”
ซาร่าคงจะคิดว่าเป็นคำพูดของเด็กที่ไม่รู้ตาสีตาสาอะไรสินะ อาเรียจึงคิดว่าควรหยุดเอาไว้เท่านี้จะดีกว่า เพราะถึงแม้ตอนนี้จะพูดเกินจริงมากไปก็คงไม่ช่วยอะไรขึ้นมา
อาเรียจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“จะว่าไป ถ้าคุณซาร่าโตขึ้นแล้ว อยากทำอะไรมากที่สุดเหรอคะ”
ซาร่ามองอาเรียและเผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ดิฉันอยากสอนเด็กๆ ค่ะ”
“คุณซาร่าอยากเป็นอาจารย์เหรอคะ เหมือนอย่างตอนนี้เหรอคะ”
“ถูกต้องแล้วค่ะ เป็นเพราะเลดี้อาเรียเลยนะคะ”
“เป็นเพราะหนูเหรอคะ”
อาเรียเอียงคอเนื่องจากไม่เข้าใจความหมายของคำตอบนั้น
“ใช่แล้วค่ะ ความฝันของดิฉันเกิดขึ้นตอนที่ได้สอนเลดี้ พอโตขึ้นดิฉันฝันอยากจะเป็นอาจารย์สอนเด็กๆ ที่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเลดี้อาเรียน่ะค่ะ”
ในขณะที่ซาร่าตอบใบหน้าของเธอแดงเล็กน้อย อาเรียประหลาดใจจนไม่สามารถปิดปากของตนให้สนิทเองได้
คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนซาร่าจะค่อนข้างจะชอบตน ไม่สิ ชอบตนมากต่างหาก มากกว่าที่คิดไว้เสียอีก พอลองมองไปถึงแผนการในอนาคตแล้ว ก็คิดได้แค่ว่า
‘แบบนี้จะไม่ให้หลอกใช้ซาร่าได้อย่างไรกัน!’
ทางให้หนีก็ไม่มี แล้วเธอยังคงมาวิงวอนแทบเท้าให้งูพิษอ้าปากกัด แน่นอนว่าฉันก็ต้องสนองให้อยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้น หนูก็อยากจะช่วยอยู่เหมือนกันนะคะ! ในอนาคตเราต้องมาสอนเด็กๆ ด้วยกันให้ได้นะคะ หนูจะตั้งใจเรียนและเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดให้ได้เลยค่ะ!”
“อุ่นใจจังเลยค่ะ”
แม้อากาศจะหนาวเหน็บไปถึงกระดูก แต่ทั้งสองที่ยังคงยึดบรรยากาศอันอบอุ่นไว้ คุยเรื่อยเปื่อยกันต่อเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มชั้นเรียน
เธอเพียงแค่ทบทวนสิ่งที่เคยเรียนไปแล้วเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา และอาบตัวเองไปด้วยคำชมจากซาร่า แต่ก็มีประโยชน์แล้วก็สนุกกว่าการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
“ที่จริงมันเป็นความลับนะคะ แต่… ดิฉันน่ะ รอคอยการเปิดตัวทางสังคมของเลดี้อาเรียต่างหาก ไม่ใช่ของดิฉันหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะเลดี้คือเลดี้อาเรียผู้น่ารักและสง่างาม หากเลดี้เปิดตัวทางสังคม ก็คงจะทำให้ผู้คนทุกคนหลงใหลได้ในชั่วพริบตาเดียว เหมือนดิฉันไงคะ”
อาเรียยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้กับคำพูดแสนจริงใจของซาร่า และจับมือเธอ
“ฉันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เหรอคะ”
“แน่นอนสิคะ ดิฉันรับประกันได้เลย”
“แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว อาจารย์จะคอยอยู่เคียงข้างหนูใช่ไหมคะ”
“แน่นอนสิคะ”
นอกจากตระกูลท่านดยุกผู้สืบทอดสายเลือดของราชวงศ์แล้ว หากมาร์เชอเนสผู้ได้ชื่อว่าเป็นจุดสูงสุดของอำนาจเข้ามาช่วยเรื่องการเปิดตัวทางสังคมล่ะก็ รับรองเลยว่าไม่มีใครกล้าเมินเธอเหมือนแต่ก่อนแน่นอน
อาเรียผู้ซุกซ่อนความร้ายกาจไว้ภายในใจ ยังคงเป็นเด็กสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับซาร่าอยู่เหมือนเคย
………………………………..